เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แอบอ่านไดอารี่.. 2009 เกาหลีเบื้องต้น101keep an ire on him
2009 เกาหลีเบื้องต้น101 - Day 5/1
  •      ในตอนที่ฉันแบกกระเป๋าลงมาจากบ้าน เพื่อนร่วมบ้านของฉันเพิ่งจะเข้านอนไปได้แค่สองสามชั่วโมงเท่านั้นเอง ฉันต้องลาจากเธอวันนี้แล้ว รอบตัวฉันมีแต่ความมืด เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจที่ฉันเจอทุกๆวัน แต่ตอนนี้กลับเงียบกริบ ก็อินซาดงเพิ่งจะได้หลับไปไม่กี่ชั่วโมงเองนี่นา มีแค่คุณลุงที่กำลังทำความสะอาดถนนกับคุณป้าที่ฉันไม่แน่ใจว่าท่านตื่นแล้วหรือยังไม่ได้นอนกันแน่ กวาดหน้าร้านอย่างขยันขันแข็ง คนประเทศนี้เค้าขยันกันจริงๆ

         ฉันลากกระเป๋าให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันกลัวปลุกคนทั้งอินซาดงตื่นน่ะสิ ฉันถึงกับสะดุ้งเมื่อคุณลุงพูดแหวกความมืดทักฉันเป็นภาษาเกาหลี ฉันจับใจความได้ประมาณว่า “จะกลับแล้วหรือ” ฉันตอบคุณลุงกลับไปว่า “ใช่ค่ะ ลาก่อนนะคะ”เมื่อฉันพูดออกไป

    ..ฉันรู้สึกใจหายแฮะ.. 

    แสงไฟจากหัวมุมถนนสว่างพอให้ฉันเห็นว่าคุณลุงกำลังยิ้ม ก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า “งั้นเหรอ เดินทางโดยสวัสดิภาพนะ ลาก่อน” ฉันโค้งให้คุณลุงพร้อมบอกท่านว่า “ขอบคุณค่ะ” หนูขอบคุณจริงๆ นะคะ

    ฉันมาจับจองที่นั่งที่ป้ายรถเมล์เป็นคนแรก โซลเริ่มตื่นแล้ว สังเกตจากปริมาณรถทั้งส่วนตัวและรถเมล์ที่เริ่มออกให้บริการ ฉันหยิบนมกล้วยออกมาดื่ม ทั้งที่ไม่ได้รู้สึกหิวเลยแม้แต่น้อย ไม่นานฉันก็เริ่มมีเพื่อนเดินทางรอโดยสารรถไปด้วยกัน ฉันว่าการเดินทางไปใช้เวลาน้อยกว่าขามา นี่ฉันคิดไปเองหรือเปล่า นี่ฉันบ้าไปแล้วหรือเปล่านะ ทำไมต้องอาลัยอาวรณ์กับเธอผู้ซึ่งฉันเองได้ทำความรู้จักได้แค่ไม่กี่วัน

         รถแล่นฝ่าหมอกหนา ภายในรถเปิดเครื่องทำความร้อนจนกระจกรถเป็นไอเกือบทั้งคัน รถแล่นบนสะพานซอกัง (Seogangbridge) สะพานที่ฉันชอบที่สุดในโซลฉันไม่มีเหตุผลให้เธอหรอกว่า ทำไมฉันถึงโปรดปรานสะพานแห่งนี้ฉันเป็นประเภทชอบใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลน่ะ

    ฉันยังหาเหตุผลให้ตัวฉันเองไม่ได้เลย ฉันไม่รู้ว่ามันไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ฉันยังจมอยู่กับความรู้สึกนั้นหาทางออกมาไม่ได้ด้วยซ้ำ เป็นเพราะฉันเดินทางคนเดียวหรือเปล่านะ ทำให้ฉันเปิดรับอะไรต่อมิอะไรได้ง่ายขึ้น ฉันเปิดรับ ฉันสัมผัส ฉันทำความเข้าใจเธอมากกว่าหลายๆที่ที่ฉันได้ไปเยี่ยมเยือน หรือมันอาจเป็นเพราะมิตรไมตรีที่เธอยื่นให้ฉันฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

         ฉันนึกถึงวันแรกที่ฉันเหยียบย่างลงบนแผ่นดินนี้มันเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง ฉันไม่รู้ว่าอะไรรอฉันอยู่ข้างหน้าบ้างฉันไม่รู้ว่าการเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวครั้งแรกของฉัน มันจะเป็นอย่างไรคำถามหลายๆข้อที่ฉันมีก่อนหน้านี้ ณ วันนี้ เวลานี้ฉันเองก็ยังหาคำตอบได้ไม่ทั้งหมด ยังคงมีคำถามที่ค้างให้ฉันต้องหาคำตอบอีกหลายข้อหากเพียงแต่ฉันมีเวลามากกว่านี้ ฉันไม่รู้หรอกว่า ฉันต้องการเวลาซักเท่าไหร่สองอาทิตย์ สี่เดือน หรือหนึ่งปี เท่าไหร่มันถึงจะพอ ฉันหวังว่าฉันจะได้กลับมาหาคำตอบนั้นกับเธออีกครั้ง ฉันยังไม่ถอดใจหรอกนะ ซักวันนึงฉันจะกลับมาแน่นอน

          ขอบคุณเธอมากที่ให้ฉันมีเวลาดีๆที่นี่ขอบคุณที่คอยส่งคนดีๆมาช่วยฉันอยู่เสมอ ขอบคุณคุณนายของฉัน ที่ให้โอกาสฉันมาเปิดโลกอีกด้านหนึ่ง ที่ฉันเฝ้าคิด จินตนาการมาโดยตลอดว่ามันจะเป็นอย่างไรขอบคุณเพื่อนฉันที่ทำให้ฉันได้ย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ขอบคุณเวลาที่เดินไปอย่างสม่ำเสมอ ฉันรู้ ฉันย้อนเวลากลับไปไม่ได้แต่ฉันก็ดีใจที่อย่างน้อย “เวลา” ก็ก้าวไปพร้อมๆกันกับฉัน

          แสงแดดกลับมาอีกครั้ง ข้อดีของแสงแดดก็คือมันทำให้ฉันตื่นได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคาเฟอีน สติของฉันสงบลงบ้างแล้วฉันนั่งหลับตาอยู่ที่ที่นั่งริมหน้าต่าง แสงแดดอ่อนๆ ทิ่มแทงฉันอยู่แต่เพราะกฎของการบินทำให้ฉันดึงม่านลงมาไม่ได้ ฉันมองออกไปด้านล่าง ฉันยิ้มให้ตัวเองอีกครั้ง ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะ ฉันไม่ลาเธอไปไหนหรอก..ฉันจะกลับมาพบเธอใหม่แน่ๆ

    ..แล้วเจอกันใหม่คราวหน้านะ ..โต้มันนาโย..

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in