เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#wirunfica week before valentine
The Curse (Seventeen)
  • Rating: General Audiences

    Archive Warning (s) : None

    Fandom (s) : SEVENTEEN

    Categories: General

    Relationship:

    • Wonwoo & Mingyu
    • Wonwoo & Jeonghan
    • Joshua & Jeonghan
    • Mingyu & Jeonghan


    Characters: Wonwoo, Jeonghan, Joshua, Mingyu

    Credit: ภาพปกโดย Shot by Cerqueira on Unsplash



    Work Title: The Curse



    Notes: platonic มาก ๆๆๆๆ ไม่มีอะไร romance เลย เอ่อ อาจจะมีนิดดดดดนึง แต่โดยรวมคืออ่านขำ ๆ ค่ะ ปล่อยใจสนุก ๆ เพราะคนเขียนก็ปล่อยใจ กาวล้วน



    Disclaimer: บทความนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงแต่อย่างใด และไม่มีเจตนาสร้างความเสื่อมเสียแก่บุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงที่ถูกกล่าวถึงใด ๆ ทั้งสิ้น







    ใจกลางกรุงโซลมีหลากหลายสิ่งเร้นกายอยู่อย่างเงียบเชียบปกปิดตัวเองไว้ใต้ความวุ่นวายของเมืองหลวง สี่แยกใหญ่กลางเมืองมักพลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่รอข้ามถนนทั้งสองฝั่ง เมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวอนุญาตให้สองเท้าเหยียบลงบนพื้นที่สีขาวดำของทางม้าลาย ในช่วงเวลาที่ใช่ ใต้เงื่อนไขที่กำหนดไว้ ปลายทางของทางม้าลายกลับไม่ใช่ฝั่งตรงข้ามของถนน แต่เป็นหน้าประตูรั้วเหล็กสีดำใหญ่ของบ้านหลังเดี่ยวทรงยุโรปโบราณบนถนนเวิ้งว้างว่างเปล่าราวกับโซลกลายเป็นเมืองร้างไปในชั่ววินาที แล้วบ้านหลังนี้ก็ปรากฏขึ้นเหมือนถูกดึงม่านที่บังตาอยู่ออกในคราเดียว

    จอนวอนอูถอนหายใจ เขานึกรำคาญกับเส้นทางสู่สถานที่แห่งนี้เสียเหลือเกิน ในบรรดาสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ทั้งหมดทั้งมวล ไม่มีที่ใดซ่อนอยู่ภายใต้ความเอิกเกริกได้เท่ากับที่นี่ ราวกับเจ้าของสถานที่มองเมินรสนิยมการแต่งกายอันแตกต่างจากคนทั่วไปในยุคสมัยนี้ของเหล่าจอมเวทไปเสียสิ้น จำได้ว่าเขาเคยสงสัยเรื่องนี้และได้คำตอบจากเพื่อนร่วมงานผู้สนิทชิดเชื้อกับเจ้าของที่นี่ว่า “เจ้าของร้านชอบเห็นคนทำตัวไม่ถูกเวลาต้องแต่งตัวแปลก ๆ อยู่ท่ามกลางคนเยอะ ๆ น่ะ” สันดาน--นิสัยเช่นนี้ยากจะหยั่งถึง แต่ในเมื่อเจ้าของบ้านผู้สนุกสนานกับการเห็นลูกค้าลำบากลำบนดั้นด้นมาถึงร้านที่ซ่อนกายอยู่ในอีกมิติเช่นนี้เป็นผู้เดียวที่มีสิ่งที่เขาต้องการอยู่ ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากบ่นในใจ

    วอนอูขยับแว่นโมโนเคิลของตนให้เข้าที่ ตอนอยู่ท่ามกลางฝูงชนเมื่อครู่เขาไม่ได้ใส่มัน ถึงคนรอบตัวจะบอกว่าเขาเหมาะกับเจ้าแว่นนี่จนเหมือนเป็นอวัยวะชิ้นที่สามสิบสามก็เถอะ แต่วอนอูก็อึดอัดใจกับสายตาของคนอื่น โดยเฉพาะคนธรรมดาเกินกว่าจะยอมทนวุ่นวายใจใส่แว่นอันนี้ตลอดเวลา ก็แค่แว่นขาเดียว มันแปลกยังไงกันนะ เขาไม่ค่อยเข้าใจมาตรฐานของคนทั่วไปนัก แต่ก็ขี้เกียจจะหาคำตอบ เลยยอมโอนอ่อนไปตามกระแสโลก ใส่ ๆ ถอด ๆ มันอยู่บ่อยครั้งจนน่ากลัวว่าสายตาข้างที่สั้นนี่คงไม่มีวันกลับมาเป็นปกติได้ในเร็ววันแน่

    แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อน

    ราวกับว่าประตูรั้วเหล็กนี่มีความนึกคิดเป็นของตัวเอง เพราะเพียงแค่เขาทำท่าจะกดกริ่งข้างรั้ว มันก็แง้มเปิดออกให้โดยอัตโนมัติ อาจจะเป็นคาถาของเจ้าของบ้านก็เป็นไปได้

    พ้นจากประตูรั้วที่แง้มเปิดเชื้อเชิญให้เขาเข้าไป คือทางเดินโรยกรวดเล็ก ๆ ประมาณสิบเมตร ประตูใหญ่ของตัวบ้านเป็นไม้แกะสลักเป็นลวดลายวงแหวนเวทที่ไม่สมบูรณ์ดี วอนอูคิดว่าเป็นเพราะถ้ามันสมบูรณ์ บ้านหลังนี้อาจจะหายไปตลอดกาลไม่มีใครหาเจออีกเลย เจ้าของเลยตั้งใจเว้นที่ไว้เขียนอักขระอีกเล็กน้อยพอให้ตัวเองมีทางเลือกมากกว่าลบตัวเองออกจากโลก

    เขาเอื้อมมือไปจะผลักประตูเข้าไป แต่มันกลับแง้มเปิดออกเองอีกครั้ง และคราวนี้ไม่ใช่เพราะเวทมนตร์คาถาอะไร

    แต่เป็นฝีมือของคนที่ยืนยิ้มอยู่ด้านในตัวบ้าน

    “…คุณจีซู?”

    ฮงจีซูที่แย้มยิ้มต้อนรับเขาจนตากลายเป็นเส้นโค้งพยักหน้ารับคำเรียกชื่อที่ดูเหมือนคำทักทายและคำถามไปในครั้งเดียวกัน จีซูผายมือเชิญเขาให้เข้าไปด้านใน วอนอูจึงก้าวเข้าไปด้วยความสับสน

    “ทำไมคุณจีซูถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ”

    เจ้าของชื่อยักไหล่ “ฉันก็มีธุระกับเจ้าของบ้านเหมือนกันน่ะสิ”

    วอนอูขมวดคิ้ว “ไม่ใช่ว่าของที่ผมอยากได้หมดแล้วนะครับ”

    “ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายอยากได้อะไร แต่คิดว่าไม่หรอก” จีซูเดินนำเขา “มาเถอะ จองฮันรอแย่แล้ว”

    แม้หน้าตาภายนอกจะเป็นบ้านทรงยุโรป แต่ด้านในอาคารหลังนี้คือร้านของยุนจองฮัน เป็นโถงกว้างที่สองข้างทางเป็นชั้นสูงเหนือศีรษะขึ้นไปจนต้องแหงนมองคอตั้งบ่าจึงจะเห็นเพดาน กลางโถงเป็นพื้นที่สำหรับรับแขกและที่ทำงานทั่วไปของเจ้าของร้าน ได้ยินมาจากเพื่อนร่วมงานว่า ยุนจองฮันมักจะนั่งจัดระเบียบเอกสาร (สต็อกสินค้า) อยู่ตรงนั้นเสมอ วันนี้ก็เช่นกัน

    เพราะได้ยินแต่เสียงลือเสียงเล่าอ้าง ไม่เคยเจอตัวจริงสักครั้ง ภาพลักษณ์ของยุนจองฮันในหัวของวอนอูจึงไม่ชัดเจนนัก แต่เมื่อได้สบตากับชายที่ละสายตาจากกองกระดาษมากมายมามองเขาลอดแว่นตากรอบกลมที่มีสายคล้องยาวจนราวกับเป็นเครื่องประดับมากกว่าอุปกรณ์ช่วยใช้ชีวิต วอนอูกลับรู้สึกว่า เขาคงไม่มีปัญญาจินตนาการถึงคนอย่างยุนจองฮันได้หรอก

    จอมเวทอัจฉริยะยุนจองฮัน เป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจ เป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะที่สักร้อยปีจะมีสักคนหนึ่ง เขาสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเวทมนตร์ขั้นสูงตั้งแต่อายุเพียงสิบเจ็ดปี หลังจากนั้นก็มีชื่อเสียงจากการคิดค้นคาถาและสิ่งประดิษฐ์มากมายที่เป็นประโยชน์กับโลกเวทมนตร์และโลกมนุษย์ แต่ด้วยอุปนิสัยชอบทำให้คนอื่นวุ่นวายเพื่อความบันเทิงของตัวเองแล้ว สิ่งของและคาถาที่ยุนจองฮันสร้างขึ้นจึงไม่ได้มีแค่ประโยชน์ แต่มีโทษอยู่ด้วย และโทษแต่ละอย่างก็ร้ายแรงเสียจนเขาถูกขับออกจากสมาคมจอมเวทแล้วต้องมาตั้งร้านอยู่อย่างสันโดษ แน่นอนว่าร้านนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้ค้าขายตามกฎหมายของโลกเวทมนตร์ แต่กลับเป็นที่พูดถึงกันปากต่อปากและมีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนของสมาคมฯ เอง ที่ยอมปิดตาข้างหนึ่งเพื่อประโยชน์ของตัวเองและส่วนรวม

    เพราะไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ในความวุ่นวายที่ยุนจองฮันเคยสร้างไว้ เขาก็มีประโยชน์เกินกว่าที่จะทำให้หายไป

    ยุนจองฮันจึงมีคนรู้จักนับคนได้ หนึ่งในนั้นคือฮงจีซู อดีตคู่หูของจองฮันตั้งแต่สมัยเรียนที่ปัจจุบันเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของสมาคมฯหัวหน้าของวอนอูเอง และอีกคนคือ คิมมินกยู เพื่อนร่วมงานของเขาที่แนะนำร้านนี้ให้เขารู้จัก

    มือที่กำลังพลิกหน้าเอกสารหยุดลงเมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนเข้ามาในบริเวณทำงานของตน ยุนจองฮันเงยหน้าขึ้นมองแขกของตนวันนี้ก่อนจะเลิกคิ้ว

    “จีซู ไปเก็บแมวที่ไหนมาเนี่ย”

    วอนอูยืนนิ่ง

    “เด็กที่ทำงานฉันเอง แต่ไม่รู้ว่ามาทำไมเหมือนกันนะ”

    จองฮันเลิกคิ้ว ลุกจากโต๊ะตรงมาหาเขา นัยน์ตาสีดำเหมือนลูกแก้วมองอย่างประเมินจนวอนอูรู้สึกอึดอัด

    “อย่าแกล้งสิ” จีซูว่า

    “เปล่าสักหน่อย” จองฮันยกมือสองข้างขึ้นเป็นเชิงบอกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรอย่างที่ว่า “ก็แค่ไม่เคยเจอนี่นา รุ่นไหนเนี่ย”

    “รุ่นเดียวกับซุนยอง”

    “เหรอ” จองฮันพยักหน้ารับรู้ “ดูเงียบ ๆ นะ”

    “เทียบกับซุนยองทุกคนก็เงียบหมดนั่นแหละ”

    “ก็จริง”

    บทสนทนาระหว่างยุนจองฮันและฮงจีซูเป็นไปอย่างลื่นไหล ไม่มีจังหวะให้วอนอูแทรกแม้แต่นิดเดียว เขาได้แต่มองจอมเวทชั้นสูงสองคนด้วยสายตาเรียบเฉย แม้ในใจจะรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาบ้างแล้วแต่กลับไม่แน่ใจว่าควรจะแสดงออกอย่างไรจึงจะไม่ดูเสียมารยาทและทำให้หนึ่งในสองคนนี้ (หรือทั้งคู่) ขุ่นเคืองจนอาจจะเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตได้

    ในใจของวอนอูเต็มไปด้วยเรื่องสงสัยมากมาย ได้แก่ 1) การปรากฏตัวของฮงจีซูทำให้เขาไม่สบายใจ (มาก) เพราะการมาหาจองฮันของเขาเป็นเรื่องนอกเหนืองานหลัก ดังนั้นเมื่อหัวหน้างานประจำมาเจอเขาทำธุระนอกเวลา มันทำให้เขาวางตัวไม่ถูก 2) เขาระแวงยุนจองฮัน

    “สิ่งเดียวที่พี่จะเชื่อยุนจองฮันได้คือคุณภาพสินค้าของเขา” คำพูดของมินกยูลอยเข้ามาในหัว “นอกจากนั้นอย่าได้เชื่อสนิทใจ โดยเฉพาะถ้าเขาให้พี่กินอะไร เลี่ยงได้ให้เลี่ยง”

    “ว่าแต่เราจะยืนคุยกันไปทำไม คุณแมวของจีซูนั่งลงสิ รับชาอะไรไหม”

    ยุนจองฮันที่ยืนพิงโต๊ะทำงานอยู่นานจู่ ๆ ก็เด้งตัวขึ้นมาทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีทำเอาวอนอูสะดุ้ง เขาขมวดคิ้วกับสรรพนามนั้นก่อนจะเอ่ย

    “ผมชื่อ จอนวอนอู ครับ แล้วก็ไม่รับชาก็ได้ครับ ผมไม่ได้คิดจะอยู่นาน”

    “เหรอ” เจ้าของร้านส่งเสียงรับรู้ แต่กลับเดินหายเข้าไปในซอกระหว่างชั้นวางของที่วอนอูเพิ่งเห็นว่ามันมีระยะห่างระหว่างชั้นเป็นซอยเล็กซอยน้อยยาวไปเหมือนเขาวงกตอันไม่รู้จบ ขณะที่เขากำลังสงสัยว่าคำตอบรับนั้นหมายถึงอะไร ฮงจีซูก็ผายมือให้เขานั่งลงตรงโซฟารับแขก

    “นั่งสิ เดี๋ยวจองฮันก็กลับมา”

    เขาค้อมศีรษะรับคำตามปกติ ก่อนจะนั่งลง

    ยุนจองฮันหายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมชุดถ้วยชาและถุงเยลลี่หนึ่งถุง นัยน์ตาพราวระยับอย่างคนเจ้าเล่ห์นั้นมองสบแขกผู้มาเยือนแล้วฉีกยิ้มพอใจ

    “เดาถูกสินะว่าคุณแมว--คุณวอนอูชอบขนมพวกนี้”

    วอนอูไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ

    “ว่าแต่ ทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะ ใครแนะนำมาหรือ”

    คนโดนถามหลบสายตา ก่อนจะตอบ “คิมมินกยูครับ”

    “อ๋อ เจ้าเด็กมินกยูนั่น” จองฮันหัวเราะในคอ ขณะขยับชุดชากระเบื้องเคลือบพื้นขาวลายทองให้เข้าที่ มือขาวยกกาน้ำชาขึ้นรินอย่างใจเย็น ให้กลิ่นชาอวลอยู่เหนือวงสนทนาพร้อมกับควันขาวที่ลอยตัวขึ้นอย่างเอื่อยเฉื่อย “แล้วอยากได้อะไร ถึงกับต้องมาหาฉันที่นี่ คงไม่ใช่ของหาง่ายสินะ”

    จอนวอนอูมองชาสีทองในแก้วพร้อมกับกลืนน้ำลายช้า ๆ วินาทีที่ได้กลิ่นหอมของใบชาเขาพลันรู้สึกกระหายขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นหรือเพราะอะไรกันแน่ แต่คำถามของจองฮันทำให้เขาได้โอกาสสลัดความรู้สึกนั้นไป

    “หินตาแมวครับ”

    ฮงจีซูที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หันมามองเขาอย่างประหลาดใจ พร้อมกับเสียง “หืม?” ในคอของเจ้าของร้าน

    หินตาแมว เป็นวัตถุดิบในการปรุงยาและทำอุปกรณ์เกี่ยวกับเวทมนตร์หลายอย่าง ไม่ใช่สิ่งที่หายากจนต้องดั้นด้นมาถึงร้านของยุนจองฮัน แต่หินตาแมวที่วอนอูอยากได้มันพิเศษกว่านั้น

    “หินตาแมวที่มีฤทธิ์คลายคำสาป มีแค่หินตาแมวสีม่วง และมันไม่มีในตลาดของเวทมนตร์ทั่วไป ที่อยากได้คือเจ้านี่ใช่ไหม”

    ยุนจองฮันเอ่ยความในใจของเขาออกมา

    จอนวอนอูพยักหน้ารับ

    “คำสาปหรือ” ฮงจีซูขมวดคิ้ว

    เจ้าของร้านหัวเราะ “นายไม่เห็นหรือไง”

    “…ก็ไม่น่ะสิ”

    “สายตาไม่ดีแล้วสินะ จีซู”

    “ใครมันจะมีตาทิพย์แบบนายล่ะ”

    คำพูดนั้นทำให้วอนอูตาโตด้วยความตกใจ

    ตาทิพย์ ในความหมายของจอมเวทคือความสามารถพิเศษในการมองเห็นคำสาปและเวทมนตร์เป็นรูปธรรม เพราะสิ่งเหล่านี้มักไม่มีรูปร่างแน่นอน หรือถูกอำพรางไว้ให้มองไม่เห็น คนที่มีทักษะเหล่านี้ไม่ใช่แค่พวกจอมเวท อาจจะมีคนทั่วไปที่สัมผัสสิ่งพิเศษเหล่านั้นได้เช่นกัน แต่มีน้อยยิ่งกว่าน้อย

    วอนอูเข้าใจแล้วว่า เบื้องหลังความสามารถของยุนจองฮันมีสิ่งนี้ช่วยเสริมด้วย

    “สายตาแบบนั้นกำลังคิดว่าฉันเป็นแบบทุกวันนี้ได้เพราะตาคู่นี้อยู่หรือเปล่า”

    จอมเวทอัจฉริยะมองเขาแล้วยิ้มเหนื่อยใจ

    “เอาเถอะ จริง ๆ ไปทำให้เจ้าปีศาจนั่นหงุดหงิดมันก็พูดให้คลายคำสาปกันได้อยู่หรอกนะ แต่ดูจากทักษะสื่อสารอันต่ำเตี้ยของคุณวอนอูแล้ว ใช้หินตาแมวช่วยก็น่าจะเร็วกว่า เดี๋ยวฉันไปเอามาให้”

    วอนอูอยากจะแย้งอะไรสักอย่าง แต่จองฮันเร็วกว่า อีกฝ่ายหายลับไปอีกครั้งหลังชั้นวางของเหล่านั้น เหลือเขากับจีซูที่มองเขาด้วยสายตาตำหนิ

    “ตาทิพย์ของจองฮันไม่ได้เป็นแต่กำเนิดหรอกนะ หมอนั่นฝึกจนมองเห็นได้ต่างหาก ฝึกหนักมากเลยล่ะ”

    คำพูดของจีซูทำให้เขาไม่อยากพูดอะไรอีกเลย และอยากออกจากร้านนี้ไปให้พ้น ๆ เสียมากกว่า ต่อหน้าจอมเวทยุนจองฮัน เขาคงเป็นไอ้โง่ไร้มารยาทที่ตัดสินคนแค่ภายนอกแถมยังพูดจามะนาวไม่มีน้ำจนอีกฝ่ายเหนื่อยหน่ายใจ แต่วอนอูทำไม่ได้ สิ่งที่เขาต้องการจากยุนจองฮันสำคัญมากพอที่จะทำให้เขายอมหน้าทนอยู่ตรงนี้แม้จะโดนอีกฝ่ายประณามอยู่ในใจก็ตาม

    “จองฮันมันโกรธไม่นานหรอก” จีซูถอนหายใจแล้วพึมพำขึ้นมา “รับน้ำใจของมันไว้เถอะ ทั้งขนมแล้วก็ชานี่” นิ้วเรียวยกแก้วชาขึ้นจิบเป็นตัวอย่างให้เขา “ของดีจากญี่ปุ่นเลยนะ ถ้าไม่ดื่มจะเสียใจ”

    วอนอูมองควันที่เริ่มจางลงบ้างแล้วเหนือปากแก้ว ก่อนยกขึ้นจิบ ความอุ่นร้อนของชากำซาบเข้าภายในช่องปากพร้อมกับกลิ่นหอมอวลชวนให้ใจสงบ ไอร้อนที่กระทบหน้าทำให้วอนอูต้องหลับตาลิ้มรสชาติละมุนลิ้นของชา มันดีสมกับที่จีซูพูดไว้ จนเขาผุดรอยยิ้มออกมาอย่างพออกพอใจ

    จีซูเหลือบมองคนข้าง ๆ รอยยิ้มผุดขึ้นมาไม่ต่างกัน



    หินตาแมวพื้นหินสีม่วงลายสีทองวางอยู่ในกล่องบุกำมะหยี่สีเลือดนก ยุนจองฮันละสายตาจากของวิเศษตรงหน้าไปมองลูกค้าที่แววตามีหวังเปล่งประกายอยู่หลังแว่นขาเดียว

    “คุณภาพสินค้าคงไม่ต้องพูดถึง ฉันไม่ขายของปลอม เอาหัวเป็นประกัน” เจ้าของร้านว่า “ส่วนราคา...”

    วอนอูกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาได้ยินมาว่า ยุนจองฮันไม่คิดราคาของเป็นเงิน แต่รับอย่างอื่นเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจเป็นสิ่งของหรือการกระทำบางอย่าง มันเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ร้านของจองฮันยังอยู่ได้แม้จะไม่มีการรับรองใด ๆ จากสมาคมจอมเวทเลยก็ตาม

    “ฉันอยากเห็นสีหน้าหวาดกลัวของคิมมินกยูน่ะ”

    เขาพูดพร้อมรอยยิ้มที่ไม่ปิดบังความชั่วร้ายแม้แต่นิดเดียว

    จอนวอนอูนิ่งค้าง กะพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ

    “สีหน้าหวาดกลัวของมินกยู?”

    “เอาเป็นว่า ตอนเจอกันคุณวอนอูก็จะรู้เอง” มือขาวปิดกล่องหินตาแมวลง เลื่อนมาตรงหน้าเขา ก่อนจะเลื่อนมือมาลูบเหนือศีรษะเขา “อย่าเพิ่งเอ็ดไปล่ะ”

    วอนอูขมวดคิ้ว เขาเห็นกับตาว่าจองฮันไม่ได้จับหัวเขา แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกถึงมือของจองฮัน เหมือนอีกฝ่ายเพิ่งแตะโดนอวัยวะในร่างกายเขากัน

    เขาหันไปมองฮงจีซู อีกฝ่ายเพียงแค่ยิ้มหวานให้เหมือนไม่มีอะไรน่ากลัว

    “เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง ประตูบานนี้ถ้าเปิดไปก็ถึงบ้านของคุณวอนอูเลย ไม่ต้องเดินทางยากแบบขามาแล้ว ปลอดภัยหายห่วง”

    ยุนจองฮันว่า ผายมือให้เขาไปทางประตู

    จีซูโบกมือให้ “ไม่ส่งนะ ไว้เจอกันที่ทำงาน”

    วอนอูพยักหน้ารับและถือเป็นคำกล่าวลา ก่อนจะเดินตามเจ้าของบ้านไปอย่างไม่เข้าใจนัก

    เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ไม่รู้ว่าคืออะไรกันแน่

    “แล้วก็เมื่อกี้ ฉันไม่ได้ติดใจอะไรหรอกนะ จีซูคงพูดเพิ่มไปแล้ว แต่ก็นั่นแหละ ชีวิตฉันไม่ได้ง่ายหรอก แค่ไม่ตัดสินกันฉันก็ขอบคุณแล้ว ไม่ต้องเข้าใจหรอก”

    วอนอูฟังคนพูดแล้วเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “ผมขอโทษจริง ๆ ครับที่พูดแบบนั้นออกไป” เขาพยายามมองตาอีกฝ่ายเพื่อสื่อสารว่าตัวเองพูดจากใจจริง แต่ตอนนั้นเองที่จองฮันชะงักฝีเท้า แล้วหันหน้าหนีไปทางอื่น

    ?

    “…โทษที” ยุนจองฮันยกมือลูบหน้าลูบตา “เอาเป็นว่า ขอบคุณมากที่วันนี้มานะคุณแมว--เอ้ย คุณวอนอู กลับดี ๆ นะครับ ไว้เจอกันคราวหน้า ค่าของผมจะรู้เองครับ ไม่ต้องห่วง”

    ยุนจองฮันหยุดตรงหน้าประตูพอดี

    เขาโค้งให้อีกฝ่ายอีกครั้งเป็นคำขอบคุณ ก่อนจะเปิดประตูและก้าวผ่านไป



    ฝั่งตรงข้ามของประตูคือห้องรับแขกของบ้านเขาอย่างที่จองฮันว่าจริง ๆ

    คิมมินกยู เพื่อนร่วมบ้านที่เขาแชร์อยู่ด้วยเป็นจอมเวทเหมือนกัน การอาศัยร่วมกับจอมเวทด้วยกันทำให้ไม่ต้องระมัดระวังกันมาก แถมมีอะไรก็ปรึกษากันได้ตลอด มินกยูช่วยเขาไว้มาก อย่างที่เห็นว่าช่วยแนะนำให้เขาได้เจอจองฮัน

    เพราะภารกิจก่อนหน้านี้ที่เขาต้องไปทำงานทำให้เจอกับปีศาจแมวตนหนึ่ง แม้อีกฝ่ายไม่ได้มีเวทมนตร์คาถาร้ายกาจ แต่เพราะเป็นปีศาจที่สั่งสมพลังมานานนับพันปีจึงมีคำสาปอานุภาพร้ายแรง แล้วเขาก็ไปทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจจึงโดนสาปเข้าให้ แม้จะไม่รู้ว่าผลของคำสาปคืออะไร แต่มินกยูแนะนำว่าให้ไปหาหินตาแมวสีม่วงมาไว้ก่อนที่คำสาปจะออกฤทธิ์ย่อมดีกว่า นั่นคือเหตุผลที่เขาต้องดั้นด้นไปหาจองฮันถึงที่นั่น

    แม้วอนอูจะเชี่ยวชาญศาสตร์รักษามากกว่าโจมตี แต่มินกยูได้เครดิตตรงที่เคยเป็นเด็กฝึกงานให้ยุนจองฮันช่วงหนึ่งจึงรอบรู้หลาย ๆ อย่างที่เขาไม่รู้ วอนอูก็เคารพข้อนี้จึงไม่เคยมีปัญหาอะไรกับอีกฝ่าย

    พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันตลอด กระทั่งตอนที่วอนอูกลับมาพร้อมกับหินตาแมว และคิมมินกยูที่อยู่ในชุดลำลองเดินออกมาจากครัวแล้วมองเขาตาค้าง

    ?

    “ได้ของมาจากคุณจองฮันแล้วนะ” เขาชูกล่องใส่หินให้ดู “เดี๋ยวจะใช้เลย...นายเป็นอะไร”

    คิมมินกยูถอยห่างเขาจนแทบสิงกำแพง ถอยไปถอยมาก็กลับเข้าไปในครัวอีกรอบ แล้วเยี่ยมหน้าออกมามองเขา ซ่อนทั้งตัวไว้หลังกำแพง

    “…คำสาปมันออกฤทธิ์แล้ว!”

    “หา?”

    จอนวอนอูขมวดคิ้ว เขาจะเดินเข้าไปหามินกยูก็เห็นสีหน้าหวาดหวั่นเหมือนเห็นสัตว์ประหลาดของอีกฝ่ายจนไม่กล้าก้าวเท้าต่อ จอมเวทหนุ่มจึงวางกล่องหินลงบนโต๊ะรับแขกที่เป็นกระจกใส จังหวะนั้นเองที่เขาเห็นเงาสะท้อนบนกระจก

    “เอ๊ะ?”

    สามเหลี่ยมสีดำ ๆ ที่อยู่บนหัวเขาคือ...?

    “พี่กลายเป็นแมวไปแล้ว!!”

    “…”

    เฉลยแล้วว่า ตอนที่จองฮันเลื่อนมือมาเหนือศีรษะเขาแล้วเขารู้สึกได้มันหมายถึงอะไร

    หูแมวกับหางแมวนี่คือผลจากคำสาปนั่นหรอกเหรอ!

    “…”

    “พี่รีบใช้หินเร็ว ๆ เข้า!”

    “แล้วมันใช้ยังไง!”

    “พี่ก็แค่เอาออกมาตั้ง อ๊าก อย่าเข้ามา ออกไป๊”

    “แล้วนายกลัวอะไรวะ มินกยู โอ๊ย มาช่วยกันหน่อยเซ่!”



    “แกล้งแรงจังน้า”

    ฮงจีซูเท้าคางกับพนักโซฟา มองเพื่อนที่เดินกลับมายังโต๊ะทำงานของตนด้วยท่าทางเริงร่า

    “น่ารักออก ไม่คิดงั้นหรือไง”

    “นายมันชอบสร้างความวุ่นวายจริง ๆ”

    จองฮันยักไหล่ “คิดภาพคนอย่างมินกยูที่กลัวแมวสุด ๆ เห็นเพื่อนร่วมบ้านตัวเองกลายเป็นแมวสิ สุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ”

    จีซูหัวเราะ “นั่นสินะ วอนอูก็ดันเหมาะกับหูแมวมากเสียด้วย”

    คำสาปของปีศาจแมวคลายลงตั้งแต่ตอนที่จองฮันเปิดกล่องออกแล้ว

    แต่ตอนที่รินชาแก้วนั้นให้วอนอู ยุนจองฮันแอบใส่คำสาปเล็ก ๆ ไว้ให้จอนวอนอูกลายเป็นคุณแมวไปจริง ๆ

    ฤทธิ์คำสาปไม่ได้มากมาย รวมกับฤทธิ์ของหินตาแมวก็คงหายไปทันทีที่เปิดกล่องออกมา ถ้าเจ้าพวกนั้นมีสติกันล่ะก็นะ

    “เอาเถอะ ได้เห็นสิ่งที่อยากเห็น ได้เจอของดีที่ไม่คิดว่าจะเจอ ก็ถือว่าวันนี้เป็นวันดีอีกวันล่ะน้า”

    ยุนจองฮันว่า พร้อมกับยกชาถ้วยใหม่ขึ้นจิบช้า ๆ


    END




    211031

    มันเกิดขึ้นจากรูปแค่สองรูป แล้วเหล่าสังสาผู้ชอบดันหลังก็ดันเก่งมาก จริง ๆ อยากเขียนถึงแค่ตอนจองฮันลดแว่นมอง ที่เหลือครึ่งหลังมาได้ไงไม่รู้ค่ะ ? และ 80% ของเรื่องคือการอวยยุนจองฮัน รู้เลยนะคะว่า /แค่ก #wirunfic

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in