เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
EVERY SINGLE PIECE OF YOU MAKES ME FALLa week before valentine
[JISUNG/TAEYONG] Happiness
  •  

    บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย, Y, BL
    หากไม่ชอบกรุณากดปิด

    บทความนี้เป็นเพียงเรื่องแต่งซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่จริงใด ๆ ทั้งสิ้น

    Rating: PG
    Category: M/M
    Fandom: NCT
    Relationships: Jisung/Taeyong
    Note: ไม่ได้อ่านชื่อคู่ผิด

     

    Happiness

    Wirunyupha / A Week Before Valentine

     


     

     

     

    fall for someone

    infml

    — phrasal verb with fall US ​ /fɔl/ verbpast tense fell /fel/ , past participle fallen/ˈfɔ·lən/

    (LOVE)

    to be attracted to someone and start tolove that person:

    Mike has fallen for Heather.





     

    ถ้าจีซองจำไม่ผิด เขาคิดว่ามันเริ่มในค่ำวันหนึ่งที่เขาอยู่ซ้อมจนดึกกับพี่แทยง

     

    ในบรรดารุ่นพี่ที่จีซองรู้จักและสนิทสนมด้วย มีหลายคนที่มีทักษะการเต้นโดดเด่น แต่คนที่คอยดูแลเขามาโดยตลอด แน่นอนว่าต้องเป็นพี่แทยง ผู้ที่เปรียบเสมือนเสาหลักและผู้นำของพวกเขา

     

    จีซองประทับใจหลายอย่างในตัวพี่แทยง นอกจากความใส่ใจ ความพยายามทุ่มเท และความสามารถแล้ว พี่แทยงเป็นพี่ที่ดี เป็นคนแบบที่จีซองอยากเติบโตไปเป็นแบบนั้น จะว่าเป็นไอดอลในใจของเขาก็ได้

     

    ทุกครั้งที่ได้อยู่ซ้อมด้วยกัน เลยรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย

     

    “เก็บตรงนี้อีกหน่อยดีกว่า”

     

    ในห้องซ้อมกว้างที่ผนังฝั่งหนึ่งเป็นกระจกเงา จีซองเห็นร่างของรุ่นพี่ที่ตนนับถือยืนอยู่เคียงข้าง พี่แทยงวันนี้สวมหมวกแก็ป เสื้อยืด กางเกงขายาว และรองเท้าผ้าใบ ไม่ต่างจากเขาเลย แต่ดูดีอย่างบอกไม่ถูก

     

    ออร่าความเป็นไอดอลกระแทกตามาก

     

    แล้วพี่แทยงก็เริ่มแนะนำท่าเต้นสุดท้ายที่พวกเขายังไม่ได้เก็บรายละเอียดจนเสร็จสิ้น จีซองขยับร่างกายไปมาจนจบจังหวะเพลง ได้ยินเสียงปรบมืออย่างพออกพอใจ เมื่อมองเงาสะท้อนในกระจกก็เห็นรอยยิ้มกว้างของคนอายุมากกว่าปรากฏชัดอยู่

     

    “เยี่ยมมากเลยจีซอง สมเป็นนายจริง ๆ สุดยอด”

     

    เขายิ้มกว้าง รู้สึกขัดเขินขึ้นมา และเพราะอย่างนั้น ตอนที่จะหันไปขอบคุณอีกฝ่ายจีซองเลยพลาดสะดุดขาตัวเองล้ม

     

    ถ้าเขาล้มลงไปเฉย ๆ ก็คงไม่มีปัญหา

     

    แต่เขาล้ม…โดยเผลอคว้าแขนพี่ข้าง ๆ ไปด้วย

     

    ด้วยสัญชาตญาณ จีซองพลิกให้ตัวเองลงไปนอนที่พื้นแทน แรงกระแทกเมื่อหลังกระทบพื้นห้องซ้อมพาให้จุกจนเขาแน่นิ่งไปพักหนึ่ง แต่ก็ยังมีสติรับรู้ชัดเจนว่าพี่แทยงล้มทับเขาลงมาอีกที

     

    จีซองเผลอกลั้นหายใจ

     

    มีหลายครั้งที่เขากับพี่แทยงอยู่ใกล้กัน หรือแตะตัวกันบ้าง พี่แทยงชอบดึงเขาไปนั่งตักเสียด้วยซ้ำ แต่นั่นมันก่อนที่เขาจะตัวสูงกว่าพี่แทยงแบบตอนนี้ แบบที่กอดแล้วพี่แทยงจมอก แบบที่เป็นเบาะให้พี่แทยงลงมานอนทับได้

     

    จีซองรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาเสียเฉย ๆ เขาอยากลุก แต่ลุกไม่ได้ เพราะอีกคนยังไม่ยอมลุกออกจากตัวเขา แทยงค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ละล่ำละลักถามเขาด้วยความตกใจ

     

    “เป็นอะไรไหม จีซอง”

     

    แทยงชะโงกหน้ามาดูเขา สีหน้าตื่นตกใจ จีซองมองนัยน์ตาสีดำกลมโตที่ฉายแววตระหนกแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองพลัดตกลงไปในหลุมอะไรสักอย่าง

     

    แพขนตายาวรอบดวงตาคม แผลเป็นที่หางตาซ้ายของคนเป็นพี่ชัดกว่าทุกครั้งเพราะไม่ได้แต่งหน้า สันจมูกโด่ง ใบหน้าที่มองรวม ๆ แล้วเกินมาตรฐานของคำว่าหน้าตาดีไปไกล อยู่ใกล้กับเขาเพียงแค่ยื่นมือไปหา

     

    แต่จีซองก็ไม่ได้ทำ

     

    เขาแค่มอง มองอย่างคนที่ทำอะไรไม่ได้ มองอย่างคนที่ตกลงไปในวังวนอะไรสักอย่าง มองจนอีกฝ่ายกะพริบตาปริบ ๆ

     

    “จีซอง?”

     

    “…ไม่เจ็บครับ พี่แทยงเป็นอะไรไหม”

     

    แทยงส่ายหน้า ลุกขึ้นคุกเข่าอยู่ข้างเขา สีหน้าฉายชัดเจนว่าไม่คิดว่าเขาไม่เป็นอะไร

     

    “ผมไม่เป็นไรจริง ๆ พี่แทยง แค่จุกนิดหน่อย ขอโทษที่ดึงพี่ล้มลงมาด้วยนะครับ”

     

    แทยงขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ว่าอะไรอีก รีบลุกขึ้นก่อนแล้วยื่นมาหาเขาให้เป็นหลักยึด

     

    “ไม่เจ็บจริง ๆ นะ?”

     

    จีซองไม่แน่ใจว่าปกติไฟในห้องซ้อมสว่างขนาดไหน แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าภาพตรงหน้าชวนให้ตาพร่าแปลก ๆ พี่แทยงที่ยื่นมือมาหาเขาเหมือนจะมีปีกงอกออกมาจากหลังยังไงก็ไม่รู้

     

    โอโห อาการหนักแล้ว

     

    “…จีซอง? เป็นอะไรหรือเปล่า”

     

    เขาคงนิ่งไปนาน แทยงเลยถามอีกรอบ

     

    จีซองรีบปฏิเสธ เขาคว้ามือที่ยื่นมาให้จับอย่างเต็มใจแล้วประคองตัวเองลุกขึ้น ไม่มีอาการบาดเจ็บอะไร แต่รู้สึกใจเต้นแปลก ๆ

     

    “กลับกันเถอะ ดึกแล้ว”

     

    “…ครับ”

     

    เขาได้แต่ตอบรับไปทั้งที่สมองประมวลอะไรไม่ค่อยทัน




    “จีซอง”

     

    “…”

     

    “จีซอง”

     

    “…”

     

    “…จีซอง!!!”

     

    เสียงเรียกมาพร้อมกับแรงสะกิดที่แทบจะตบไหล่เขาให้หลุด จีซองสะดุ้งเฮือก เป็นพี่แจมินที่มองเขาอย่างกังวล “เป็นอะไร เรียกหลายรอบแล้วไม่ตอบสักที เหม่ออะไรเนี่ย”

     

    แจมินมองตามสายตาเขาไป จะมีอะไรนอกจากกลุ่มรุ่นพี่ที่กำลังคุยและหัวเราะกันอยู่ในช่วงพัก

     

    “หืม”

     

    นาแจมินทำเสียงสนใจในลำคอ ทำเอาเขาต้องหันไปมอง

     

    “อะไรอะพี่”

     

    “…มองใครตรงนั้นเหรอ”

     

    “อะไรเล่า”

     

    “อะ ไม่บอกเหรอ ไม่เป็นไร” แจมินยิ้มหวาน ซึ่งจีซองไม่เคยรู้สึกเกลียดรอยยิ้มนี้มาก่อนเลย จนมาเจอกับตัวเอง “เดี๋ยวพี่หาเองก็ได้”

     

    “เฮ้ย”

     

    แล้วแจมินก็ตรงเข้าไปที่กลุ่มรุ่นพี่ พูดอะไรกันก็ไม่รู้ แล้วทุกคนก็ระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกัน

     

    เขาเห็นพี่แทยงหัวเราะจนตายิบหยี จนต้องงอตัวลงไปกุมท้องด้วยความขบขัน ภาพนั้นทำให้เขาหลุดยิ้มออกมา

     

    แต่มองอยู่ได้แป๊บเดียว พี่แจมินก็กลับมาพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก

     

    สังหรณ์ไม่ดีเลย

     

    “ฉันรู้ละ”

     

    “…”

     

    อีกฝ่ายยักไหล่ “ไม่บอกใครหรอกน่า”

     

    “ไม่เชื่อหรอกว่าพี่รู้ พี่จะรู้ได้ไง”

     

    แจมินพาดแขนบนไหล่เขา ก่อนกระซิบเบา ๆ “พี่แทยงใช่มะ”

     

    “…”

     

    รู้ได้ไงวะ

     

    “ทำไม พี่แทยงทำไม”

     

    เขาทำเฉไฉ ส่วนพี่แจมินหัวเราะเบา ๆ เหมือนเอ็นดู

     

    “โตแล้วน้า เจ้าโมจีซอง”

     

    อะไร!

     

    จีซองอยากซักฟอกอีกฝ่ายให้หมด แต่กลับโดนสกัดด้วยเสียงเรียกซ้อมอีกรอบของพี่แทยง

     

    และโดยไม่รู้ตัว เขาก็แทบจะเป็นคนแรก ๆ ที่ไปยืนข้างพี่แทยงเพื่อฟังคำสั่งต่อไป




    การซ้อมเสร็จสิ้นไปอีกหนึ่งวัน พวกเขาแยกย้ายกันกลับที่พัก จีซองกำลังเก็บข้าวของตอนที่ได้ยินเสียงพี่แทยงดังจากด้านหลัง

     

    “จีซอง ขอพี่หยิบของหน่อยนะ”

     

    แล้วอีกฝ่ายก็ชะโงกหน้ามาเกยคางกับไหล่เขา ยื่นมือไปหยิบขวดน้ำที่อยู่ใกล้ ๆ กับกระเป๋าของเขา แล้วก็ผละกลับไป

     

    จีซองแทบหัวใจวายลงตรงนั้น

     

    “โห อาการหนัก” นาแจมินเดินมาแซวอีกรอบ “ถ้าพี่ทำงี้จะเขินแบบนั้นไหมอะ จีซองอา” แล้วก็วางคางลงบนไหล่เขาเหมือนที่พี่แทยงทำเมื่อกี้

     

    จีซองกลอกตา รีบย่อตัวลงให้ไหล่ลดระดับลงไป ก่อนจะเบี่ยงตัวเดินไปอีกทางด้วยความรำคาญ

     

    ยิ่งได้ยินเสียงแจมินหัวเราะตามหลังมาเขายิ่งหงุดหงิด

     

    “หยุดหัวเราะเลยนะพี่!”

     

    แจมินไม่ฟัง เดินผ่านเขาไปหาพี่เจโน่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น




    “จีซอง ไม่มานั่งตักพี่แล้วเหรอ”

     

    ประโยคชวนหัวใจวายดังมาอีกรอบจากปากพี่คนเดิมที่ทำให้จีซองไม่เป็นตัวของตัวเองสุด ๆ

     

    เขายิ้มแห้งให้พี่แทยงที่ทำหน้าตาเว้าวอนอยากให้เขามานั่งตักจะตาย พี่แทยงอาจจะลืมไปแล้วว่าตอนนี้เขาสูงกว่าพี่แทยงเสียอีก และเขาก็ไม่อยากนั่งตักพี่แทยงสักหน่อย

     

    “พี่ ผมโตแล้วนะครับ”

     

    “จีซองอา…”

     

    แทยงทำตาละห้อย สองแขนอ้าออกเหมือนอยากให้เขาเข้าไปนั่งตักจะแย่

     

    เห็นแล้วจีซองได้แต่ถอนหายใจ เขาเดินเข้าไปหา แต่ไม่ได้เข้าไปนั่งตัก เด็กหนุ่มก้มลงไปอยู่ในอ้อมแขนนั้น แล้วกอดอีกฝ่ายกลับ

     

    …ทำไปจนได้

     

    แทยงนิ่งไปชั่วขณะ ส่วนเขาที่อยากจะกอดอีกฝ่ายแน่น ๆ ก็ทำได้แค่ตบไหล่คนเป็นพี่เบา ๆ เหมือนไม่ได้จริงจังกับกอดนี้นัก

     

    “ไม่นั่งตักแล้วครับ เดี๋ยวพี่เจ็บขานะ”

     

    แล้วเขาก็ผละออกจากอ้อมกอดนั้น เปลี่ยนมานั่งข้าง ๆ แทน

     

    ระหว่างนั้นไม่มีบทสนทนาอะไรอีก คนอื่นพากันเอร็ดอร่อยกับอาหารเย็นตรงหน้า จีซองคอยคีบนู่นนี่ให้คนเป็นพี่ สลับกับกินของตัวเองบ้าง ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าแทยงจ้องเขามาสักพักแล้ว

     

    “จีซองอา”

     

    พอได้ยินเสียงเรียกชื่อ เขาเลยหันไปมอง สีหน้าแทยงฉายแววกังวล

     

    “มีอะไรหรือเปล่า”

     

    “ครับ?”

     

    “ดูแปลก ๆ ไปนะ”

     

    ไหงพี่ตีความการกระทำของผมไปทางนั้นล่ะ…

     

    จีซองได้แต่ยิ้มจนตาปิด ไม่นึกอยากอธิบายอะไรอีก

     

    “ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่กินเถอะ นะ ตักมาให้ตั้งเยอะ”

     

    เขาคะยั้นคะยอจนแทยงเลิกมองหน้าเขา จีซองมองรุ่นพี่ที่กินอย่างเอร็ดอร่อยแล้วก็พอใจ

     

    แค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ





    “7 ปีนี่นานเหมือนกันนะ”

     

    ในห้องรับแขกของหอพักยูนิตดรีม จีซองพึมพำขึ้นมา ข้างเขาคือพี่แจมินที่ยังไม่เลิกเล่นเกม ส่วนเขานั่งกดมือถืออยู่ชิดพนักแขนอีกฝั่ง

     

    “อะไรอีกล่ะ”

     

    “7 ปีนี่เด็กคนนึงก็โตจนเข้าประถมกันแล้ว”

     

    แจมินเหลือบมองเขา

     

    “พยายามหาความสุขจากจุดที่ตัวเองอยู่ดีกว่า”

     

    “ไม่บอกให้ตัดใจล่ะ”

     

    “รักแรกมันก็เจ็บปวดแบบนี้ล่ะ”

     

    “…”

     

    “แต่ถึงจะไม่สมหวัง เสน่ห์ของมันก็คือการได้ทุ่มเทให้ใครสักคนล่ะนะ ทำให้เขามีความสุขน่ะ”

     

    จีซองฟังแล้วถอนหายใจ

     

    “พูดมากว่ะพี่แจมิน”

     

    แจมินยื่นขามาเตะเขาหนึ่งที

     

    จีซองกดเข้าไปที่แอปแชตสีเหลืองสดใส พิมพ์ข้อความส่งไปหารุ่นพี่ที่เขายังคงชื่นชมอยู่ทุกเสมอ แม้มีความรู้สึกอื่น ๆ เพิ่มมาด้วย

     

    พี่แทยง

    ไว้ไปซ้อมด้วยกันอีกนะครับ

     

    ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ได้รับคำตอบกลับมา

     

    แม้จะเป็นคำสั้น ๆ แต่ก็อบอุ่นอ่อนโยนแบบที่พี่แทยงเป็นมาเสมอ

     

    ได้เลย เจ้าโมจีซอง ไปซ้อมกัน!

     

    จุดนี้แหละที่จีซองมีความสุขที่สุด

     

    FIN


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in