เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
EVERY SINGLE PIECE OF YOU MAKES ME FALLa week before valentine
[JOHNNY/JAEHYUN] Good Devil
  • GOOD DEVIL

    Fandom: NCT
    Pairing: JOHNNY/JAEHYUN

    บทความนี้เป็นเพียงเรื่องแต่งซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่จริงใด ๆ ทั้งสิ้น

    NOTE:

    1. แฟนตาซีเวิลด์ โลกยุคไหนสักยุคที่เซ็ตติ้งแบบโชซอนหน่อย ๆ (?)
    2. แทยงบทเยอะกว่าแจฮยอนอีกแม่


    584 words (google doc นับให้ มันเชื่อถือได้มากแค่ไหนกันนะคะ...)

     

    __

     

    อันที่จริงแล้วจอห์นนี่ไม่ได้รังเกียจการนั่งเรือโดยสารเป็นเวลานานติดต่อกัน

    นานแสนนานมาแล้ว ในสมัยที่วิทยาการการเดินเรือสมุทรยังไม่เป็นที่แพร่หลาย การออกทะเลแต่ละครั้งอาจหมายถึงการเดินทางไปสู่หุบเหวแห่งความตาย เขาเคยผ่านมรสุมคลื่นยักษ์และฝนตกติดต่อกันหลายสิบคืน ผ่านการนั่งแพในแม่น้ำเชี่ยวกรากที่เสี่ยงให้แพแตกเป็นเสี่ยง ๆ ตลอดจนอีกสารพัดการเดินทางทางน้ำที่ขาดความรู้ความเข้าใจ แต่กระนั้นเขาก็ยังรอดชีวิตมาได้จนถึงทุกวันนี้ ไม่มีส่วนใดบุบสลาย ไม่มีอาการคลื่นไส้เวียนหัวแต่อย่างใด

    แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป เขารู้สึกอยากอาเจียนตลอดเวลา ไม่ใช่เพราะคลื่นลมที่ไม่ค่อยสงบตลอดการโดยสารสำเภาลำใหญ่ แต่เป็นเพราะ...

    “ยองโฮ ข้ากินอันนี้นะ”

    “ยองโฮ อันนี้น่าอร่อย ข้าซื้อนะ”

    “ยองโฮ เจ้านี่หอมมาก เจ้าลองชิมไหม...เป็นอะไรไปน่ะ ทำไมหน้าซีด ๆ”

    จอห์นนี่ ไม่สิ ยองโฮกลอกตามองชายหนุ่มที่เตี้ยกว่าเขาเล็กน้อยที่ในมือเต็มไปด้วยสารพัดไม้เสียบเนื้อแล้วโบกมือปัดไปมา

    “เจ้าจะกินก็กินไปเถอะ แทยง ข้าบอกกี่รอบแล้วว่า ข้า-เกลียด-เนื้อ-สัตว์”

    เอามาให้ดมอยู่ได้!

    แทยงเลิกคิ้ว พยักหน้ารับรู้ทั้งที่เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าแอบยิ้มเยาะมุมปาก หน็อย ไอ้เนรคุณ ที่กินอยู่นั่นก็เงินเขาทั้งนั้น

    ยองโฮเลิกสนใจสหายเพียงคนเดียวในการเดินทางของเขา พอดีกับที่เรือสำเภาจอดเทียบท่า และนี่คือครั้งแรกในรอบหลายเดือนนับตั้งแต่ออกจากยุโรปที่เขาได้เหยียบแผ่นดินอีกครั้ง

    เสียงป่าวประกาศและบทสนทนารอบด้านกลายเป็นภาษาที่ไม่ค่อยคุ้นหู ยองโฮใช้เวลากับมันครู่หนึ่งเพื่อปรับความคุ้นชิน ก่อนจะค่อย ๆ ทำความเข้าใจได้ ที่นี่เป็นดินแดนคาบสมุทรที่มีอาณาเขตติดกับจีนแผ่นดินใหญ่ มีนครยิบย่อยอยู่ใกล้ชิดกัน ทำให้มีสงครามกระทบกระทั่งกันบ้าง เขาไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเท่าไหร่ ชายหนุ่มมองสำรวจบริเวณท่าเรืออีกรอบพอดีกับที่มีคนสะกิดจากด้านหลัง

    แทยงเจ้าเดิม

    ใบหน้าหล่อเหลาผิดมนุษย์มนาของอีกฝ่ายฉาบสีหน้าเฉยชาใส่เขา

    “อะไรล่ะ”

    “คิดจะแต่งตัวแบบนี้เข้าไปจริง ๆ หรือไง”

    ยองโฮก้มมองชุดตัวเอง

    เขาสวมชุดนักบวชสีดำ ใช่สิ ก็เขาเป็นนักบวช ไม่ให้ใส่ชุดนี้จะให้สวมชุดอะไร นอกจากนั้นก็ยังมีเครื่องประดับพวกกางเขน และอุปกรณ์ที่จำเป็นอื่น ๆ ซุกซ่อนไว้ตามเสื้อผ้า

    “ประสาท ที่นี่ไม่ใช่ยุโรป ใส่ชุดนี้เดินเข้าไปเจ้าโดนมองตั้งแต่ทางเข้าหมู่บ้านแน่”

    ว่าแล้วก็โยนห่อผ้ามาให้เขาถือ

    “เปลี่ยนชุด ข้าเอาเงินเจ้าไปซื้อนั่นแหละ”

    เขาขอถอนคำพูดที่เคยบอกว่าแทยงเป็นคนเนรคุณแล้วกัน แทยงเป็นคนดี

     

    ––

     

    แทยงอธิบายว่าชุดที่เขาใส่เรียกว่า ฮันบก เป็นชุดพื้นเมืองแบบที่คนแถวนี้ใส่กัน เสื้อตัวใหญ่แขนยาว ปากแขนเสื้อกว้างประมาณหนึ่ง ต้องสวมทับกันแล้วผูกเชือกจึงจะเรียบร้อย แล้วยังมีหมวกให้สวมเป็นเครื่องบ่งบอกฐานะด้วย

    ตอนนี้เขากับแทยงเดินเตร็ดเตร่อยู่ใกล้ประตูทางเข้านครแห่งหนึ่ง เขาสวมฮันบกสีเทา มีพัดที่แทยงยัดเยียดมาให้ถือประกอบการทำตัวเสมือนบัณฑิต ส่วนแทยงสวมฮันบกสีแดงเข้ม แบบที่เจ้าตัวชอบนักหนา และพวกเขาทั้งคู่สวมหมวกโบราณทรงสูงปีกกว้าง ผูกเชือกไว้ที่ปลายคาง

    “ทำไมเจ้าดูรู้จักที่นี่ดีนัก” เขาอดถามไม่ได้

    แทยงปรายตามองเขา "คนเราก็ต้องรู้จักบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองน่ะสิ ไม่น่าถาม”

    ยองโฮเลิกคิ้ว “บ้านเกิด? ที่นี่น่ะหรือ...”

    เขาไม่มีเวลาให้ครุ่นคิดนาน เพราะขณะนั้นเองมีเสียงสนทนาดังขึ้นจากด้านหลัง

    “จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววจะดีขึ้นเลย”

    "อาการจะทรงแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ แบบนี้ต่างอะไรกับเจ้าชายนิทรา”

    “ถ้าท่านเป็นอะไรไป...”

    “ไหนจะเรื่องผีดูดเลือดนั่นอีก”

    ยองโฮกับแทยงสบตากัน แล้วหันหลังไปหาคนพูดทันที

    “ขออภัยที่ขัดจังหวะสนทนา ท่านทั้งหลาย" ยองโฮแย้มยิ้ม “ข้าขอทราบรายละเอียดเรื่องที่พวกท่านกำลังพูดคุยกันอยู่ได้หรือไม่”

    ชายทั้งสองที่สวมชุดทหารมองหน้ากันเหมือนไม่แน่ใจ จนแทยงต้องกล่าวเสริม

    "ไม่ต้องกังวลไปหรอกท่าน สหายของข้าผู้นี้เป็นหมอมีฝีมือ ได้ยินว่ามีคนป่วยก็อยากช่วยเหลือ บอกพวกเข้ามาเถิด”

    สุดท้ายทั้งสองก็พยักหน้ารับ

    “ถ้าอย่างนั้นเชิญพวกท่านไปกับพวกข้าก็ได้”

     

    ––

     

    นครเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่ใต้การปกครองของราชวงศ์จอง ราชวงศ์ที่อาจไม่ได้มีอำนาจยิ่งใหญ่อะไรหากเทียบกับนครใหญ่ ๆ อย่างชิลลาหรือ โครยอที่อยู่รอบข้าง แต่เป็นราชวงศ์ที่ประชาชนรักและเคารพเป็นอย่างมากเพราะความมีทศพิธราชธรรมของพระราชา และความเมตตาอันหาที่สุดมิได้

    ทหารทั้งสองเล่าว่าเป็นองครักษ์ทำหน้าที่ในวังหลวง ตั้งแต่ต้นฤดูหนาวที่แล้ว องค์รัชทายาทล้มป่วยและยังคงไม่หายจนถึงทุกวันนี้ หมอกี่คนถวายการรักษาก็ไม่ช่วยให้พระอาการดีขึ้น จนฝ่าบาทถอดพระทัย ล้มเลิกทุกการรักษาและได้แต่ประคองพระอาการให้ทรงตัวไปเรื่อย ๆ โดยให้หมอหลวงคอยถวายโอสถตามอาการ แต่สองสามวันมานี้พระอาการทรุดลง ทำให้สถานการณ์ไม่ค่อยดี

    “แล้วเรื่องผีดูดเลือด...?”

    แทยงเป็นคนถาม ขณะที่ทั้งสองนำทางพวกเขาไปสู่วังหลวง

    “ช่วงนี้มีผีดูดเลือดออกอาละวาด” นายทหารคนหนึ่งเล่า “มันคร่าชีวิตคนไปมาก โดยเฉพาะพวกผู้ใหญ่ โดนสูบเลือดจนหมดตัว เหี่ยวแห้งเหมือนผักใกล้ตาย สภาพน่าอเน็จอนาถเป็นที่สุด”

    ยองโฮสบตาแทยง แล้วพยักหน้าพร้อมกัน เป็นอันเข้าใจ

    แวมไพร์

    “ทั้งเรื่ององค์ชายยุนโอ ทั้งเรื่องผีดูดเลือด ตอนนี้ฝ่าบาทเลยทรงกังวลพระทัยมาก เกรงจะประชวรไปด้วยอีกพระองค์”

    นายทหารยังคงปรับทุกข์ให้พวกเขาฟังอย่างต่อเนื่อง

    ไม่นานพวกเขาก็มาถึงวังหลวง นายทหารให้พวกเขาเข้าเฝ้าองค์กษัตริย์ ผู้ซึ่งมีคำถามทันทีที่เห็นหน้าพวกเขาสองคน

    “หมอ?” ตรัสถามพร้อมขมวดคิ้ว "มั่นใจได้อย่างไรว่าพวกเจ้าประสงค์ดีกับบุตรของข้าจริง ๆ ไม่ได้จะมาวางแผนฆ่าเขา”

    ยองโฮยิ้ม “ไม่ต้องห่วงพะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่ฆ่าคนสุ่มสี่สุ่มห้าอยู่แล้ว มันผิดจรรยาบรรณ”

    ไม่มีนักบวชที่ไหนฆ่าคนหรอกเนอะ

    “ฝ่าบาท สหายของหม่อมฉันช่วยเหลือผู้คนมาแล้วทุกหัวระแหง ผ่านการเรียนวิชาต่าง ๆ มาจนแตกฉาก ทรงวางพระทัยได้เลยพะย่ะค่ะ”

    แทยงเสนอขายเขาอย่างต่อเนื่อง ยองโฮยิ้มรับไม่พูดอะไร ใช่ เขาช่วยเหลือผู้คนมามากมายด้วยสารพัดบทในพระคัมภีร์ ผ่านการเรียนวิชาทางศาสนามาจนแตกฉานหลับตาท่องบทสวดได้ ไม่มีอะไรที่แทยงโกหกเลยแม้แต่คำเดียว

    ยกเว้นเรื่องที่พวกเขาเป็นหมอนี่แหละ

    แม้พระราชาจะยังมีทีท่าไม่ไว้วางใจ แต่สุดท้ายก็พระราชทานพระราชานุญาตให้พวกเขาเข้าเฝ้าองค์ชายรัชทายาทได้ ยองโฮยิ้มกริ่มในใจ แผนกำลังจะสำเร็จ

    ตำหนักขององค์ชายอยู่ห่างไปไม่ไกล พวกเขาเดินเพียงครึ่งนาทีก็มาหยุดด้านหน้าตำหนักที่โอ่โถงไม่แพ้กัน ผ่านด่านทหารองครักษ์และนางกำนัลต่าง ๆ ไปได้ กว่าจะมาถึงห้องบรรทมขององค์ชายยังใช้เวลานานกว่าเดินมาอีก

    “องค์ชายประทับอยู่ด้านในเจ้าค่ะ”

    นางกำนัลว่า แง้มบานประตูให้พวกเขา

    ด้านในฟูกนอนขนาดใหญ่ปูไว้กลางห้อง มองไกล ๆ ก็รู้ว่าทั้งที่นอนและผ้าห่มเป็นของหรูหรา ยองโฮเห็นความเลื่อมระยับของดิ้นทองที่ปักแทรกอยู่ในผืนผ้าห่ม แต่ที่น่าสนใจกว่าคือคนที่นอนหอบหายใจอ่อนแรงอยู่

    ใบหน้าขาวซูบซีด ทว่ายังเห็นเค้าของความงดงามและเยาว์วัย เรือนผมสีดำเปียกชื้นแนบลู่ไปกับโครงหน้าเรียว คิ้วชัดเหนือเปลือกตาบางปิดสนิท แพขนตาทาบทับผิวแก้มไร้เลือดฝาด จมูกเป็นสัน ริมฝีปากแห้งผาก สภาพมองปราดเดียวก็รู้ว่าป่วยหนัก แต่ก็ยังคงงดงามและชวนให้รู้สึกว่าแตะต้องไม่ได้อยู่อย่างน่าประหลาด

    “ว้าว” แทยงกระซิบ “เนี่ยน่ะเหรอ”

    องค์ชายจองยุนโอ

    ยองโฮเคลื่อนตัวไปคุกเข่าข้างที่ประทับ คว้าแขนข้างหนึ่งขององค์ชายขึ้นมา ข้อมือเล็กบอบบางแทบจะหนังติดกระดูก เขาลองจับชีพจร มันแผ่วเบาเสียจนราวกับจะหายไปได้ทุกเมื่อ

    “เป็นยังไง”

    “แย่” เขาตอบสั้น ๆ “ถ้าไม่รีบรักษาล่ะก็ ไม่น่าเกินมะรืนนี้”

    นายทหารและนางกำนัลหน้าซีดเผือด

    “ขอร้องล่ะเจ้าค่ะ นายท่าน” หนึ่งในนั้นคำนับให้เขา “ช่วยองค์ชายที่เถิดเจ้าค่ะ องค์ชายของเรา...องค์ชายของพวกเราไม่ควรมาเจออะไรแบบนี้ องค์ชายของพวกเราน่ะ ทั้งเข้มแข็ง ร่าเริง อ่อนโยน อย่าให้โรคร้ายพรากเขาไปก่อนวัยอันควรเลยเจ้าค่ะ ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ”

    ยองโฮยังไม่ตอบ เขาเลิกแขนเสื้อนอนขององค์ชายยุนโอขึ้นอีกหน่อย เห็นเส้นเลือดที่ปูดโปนจนผิดปกติอยู่ตรงหน้าก็เหลือบมองแทยง อีกฝ่ายพยักหน้ารับ

    “ข้าจะให้ยาไว้ถวายก่อน” เขาว่า “พรุ่งนี้ข้าจะกลับมาอีกครั้ง”

    เขาพูดเพียงเท่านั้น แล้วมอบยาไว้ให้พวกนางกำนัล

     

    ––

     

    ยามค่ำคืนของนครแห่งนี้เงียบสงบ มีเพียงดวงจันทร์กลมโตลอยเด่นฉายแสงนวลไปทั่วผืนแผ่นดิน ยองโฮยืนนิ่งอยู่เหนือหลังคาตำหนักองค์ชายรัชทายาท ข้าง ๆ กันคือแทยงที่นั่งยอง ๆ สบายอารมณ์

    “เจ้าคิดว่าจะออกมาตอนไหน”

    แทยงถาม เขาไม่ตอบ ผ่านไปครู่หนึ่ง สรรพเสียงรอบข้างเหมือนเงียบลงชั่วขณะ เวลาราวกับถูกหยุดไว้

    “มาแล้ว”

    ยองโฮพูดแค่นั้นแล้วทิ้งตัวลงบนพื้นด้านล่างทันที แทยงตามเขามาติด ๆ

    ไร้เวรยาม ไร้ทหารองครักษ์ ไม่มีแม้แต่นางกำนัล ไร้แสงไฟตามจุดต่าง ๆ ตำหนักองค์รัชทายาทที่ห่างจากตำหนักหน้าไปเพียงไม่ถึงครึ่งนาทียามนี้กลับดูราวกับตำหนักร้าง

    เขตอาคมของปิศาจ ยองโฮคิดในใจ

    พวกเขาย่างเท้าเข้าไปใกล้ห้องบรรทมอย่างระมัดระวัง พยายามหลีกเลี่ยงเสียงไม้ลั่นให้ได้มากที่สุด แม้มันจะแทบไม่ช่วยอะไรเลยก็ตาม

    ยองโฮชะงักฝีเท้าเมื่อถึงหน้าห้องบรรทม เขาสบตาแทยงที่พุ่งมายืนตรงหน้าทันทีราวกับอ่านใจได้ แทยงค่อย ๆ แง้มประตูออก ทันใดนั้นร่างของแทยงก็ถูกกระชากเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว

    “แทย—!!”

    ยองโฮไม่ทันเปล่งเสียงเรียกชื่อเพื่อนครบพยางค์ เขาก็ถูกกระชากตามไปด้วยอีกคน ร่างของยองโฮกลิ้งหลุน ๆ ไปโดนผนังอีกฝั่งของห้องและกระเด็นมากองที่พื้น เขาจุกไปหมดทั้งร่าง ค่อย ๆ พยุงกายขึ้นมายืนอย่างยากลำบาก

    เมื่อเพ่งมองในความมืด เขาเห็นเงาร่างหนึ่งยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น อีกฝ่ายก้มหน้าคางแทบชิดอก ที่มือข้างหนึ่งมีร่างของแทยงเกี่ยวติดไว้อยู่เหมือนเป็นตุ๊กตาตัวหนึ่ง ยองโฮขมวดคิ้ว

    “หมอนี่...”

    เสียงทุ้มที่เขาไม่คุ้นหูดังกลางปล้องขึ้นมา

    “…ไม่ใช่มนุษย์นี่นา”

    เป็นเสียงของเงาร่างนั้นเอง

    อีกฝ่ายโยนแทยงทิ้งไปชนผนังอีกรอบ ยองโฮมองตามร่างเพื่อนที่ดูเหมือนหมดสติไปแล้วแล้วจิ๊ปากอย่างขัดใจ

    มันใช่เวลามาหมดสติเหรอวะ อีแทยง!

    เงาร่างนั้นค่อย ๆ เดินตรงมาหาเขาช้า ๆ ทีละก้าว

    “…แต่เจ้า...”

    ทีละก้าว

    “กลิ่นแบบนี้...”

    แสงจันทร์จากด้านนอกสาดแสงลงมาให้เห็นเสี้ยวหน้านั้นชัดเจน

    “มนุษย์...”

    องค์ชายยุนโอ

    อีกฝ่ายพุ่งตรงมาหาเขาด้วยความเร็วเหนือคนปกติจะทำได้ ยองโฮอาศัยสัญชาตญาณเบี่ยงตัวหลบไปทางซ้ายได้ทัน ร่างของยุนโอเลยชนกับฉากกั้นจนพังไปแถบหนึ่ง เขาวิ่งตรงไปหาแทยง พลิกร่างที่นอนคว่ำอยู่ให้หงายขึ้น แล้วตีหน้าอีกฝ่ายไปทีหนึ่ง

    “โอ๊ย…”

    “ตื่น!” ยองโฮสั่ง “ไม่ใช่เวลานอน เดี๋ยวก็ตายกันหมดหรอก!”

    “ชิ” แทยงกัดฟันกรอด ก่อนจะลุกขึ้นมาคุกเข่าข้าง ๆ เขา

    “เร็ว เดี๋ยวมันก็หันมากัดข้าทันหรอก”

    “อย่ามาสั่งน่า!”

    แทยงโวยวายกลับ ทันใดนั้นแสงสีแดงพุ่งวาบรอบกายเขา ร่างของแทยงหายไป ปรากฏดาบเล่มยาวในมือของยองโฮแทน

    กระบวนการนั้นไม่ได้ใช้เวลานานแต่อย่างใด แต่ก็คงนานพอจะดึงความสนใจจากผู้ที่ไม่เคยเห็นไปได้

    เขาเห็นยุนโอมองมันอย่างสนใจ แต่พอเห็นดาบในมือก็เริ่มส่งเสียงราวกับคำราม

    “เอาล่ะ” ยองโฮวาดดาบไปตรงหน้า “มาซัดกันสักตั้งแล้วกัน องค์รัชทายาทผีดูดเลือด”

     

    ––

     

    เขาไม่รู้ว่ามันเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนไหน บางทีอาจจะเป็นตอนนั้น เมื่อฤดูหนาวต้นปีก่อน ที่เขาเข้าไปในป่าต้องห้ามเพียงลำพัง

    เพราะเขาคือจองยุนโอ รัชทายาทผู้เก่งกาจที่สุดของนครแห่งนี้ ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้ เขาผู้เกิดมาพร้อมกับพรจากพระเจ้า ราวกับเป็นโอรสสวรรค์โดยแท้จริง เขาที่สร้างปาฏิหาริย์นับครั้งไม่ถ้วน และเป็นที่รักของผู้คนมากมายในอาณาจักร

    เขา...ที่พลาดท่าให้กับผีดูดเลือดตนนั้น

    มันกัดเขา ทิ้งรอยแผลเป็นรอยเขี้ยวไว้ที่ข้อพับแขน หลังจากวันนั้นเขาล้มป่วย ตกกลางคืนเขาออกล่าตามสัญชาตญาณ เขาห้ามตัวเองไม่ได้ และนับวันมันก็ยิ่งสาหัส ความเจ็บปวดทบทวี เขาคิดว่าตัวเองคงทนต่อไปไม่ได้แล้ว

    แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ

    เขากำลังจะตาย ตายทั้งที่ตัวเองเป็นฆาตกรฆ่าประชาชนที่เขารักไปมากมาย เขาทำอะไรไม่ได้ ไม่อาจฝืนต่อสู้สัญชาตญาณปิศาจของตัวเองที่ถูกฝังลงไปได้ เขากลายเป็นอมนุษย์ร้ายกาจ เป็นตัวอันตรายที่ต้องถูกกำจัด

    ไหนล่ะ รัชทายาทจองยุนโอผู้แข็งแกร่ง โอรสสวรรค์เพียงหนึ่งเดียวในรอบพันปี

    ตอนนี้เขากลายเป็นตัวอะไรไปแล้ว เป็นปิศาจไร้หัวใจ ที่พร้อมจะสังหารทุกคนเพื่อเติมเต็มความกระหายของตัวเอง

     

    ––

     

    ยองโฮเอี้ยวตัวหลบการโจมตีเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเขาไม่เคยนับ แต่สิ่งหนึ่งที่ตระหนักชัดคือ ฝีมือขององค์ชายไม่ธรรมดา

    ด้วยพลังกายที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีและความเร็วของแวมไพร์ ตอนนี้จองยุนโอแทบจะไร้เทียมทาน

    ถ้าพระอาทิตย์ไม่ขึ้นสักที บางทียองโฮอาจจะแพ้จริง ๆ ก็ได้

    เขาหอบหายใจ มองยุนโอที่ยังคงมีท่าทีเรียบเฉย อีกฝ่ายยืนตรง ปรายตามองเขา ดูสูงส่ง สง่างาม จนเขาเริ่มรู้สึกผิดที่จะต้องทำลายทิ้งจริง ๆ

    อยากตายเหรอ ซอยองโฮ

    เสียงแทยงดังขึ้นมาในหัว ยองโฮส่ายศีรษะไปมา ไล่ความคิดไร้สาระแล้วเตรียมเผชิญหน้าคู่ต่อสู้อีกครั้ง

    ยุนโอพอเห็นเขาตั้งตัวได้ก็พุ่งตรงเข้ามาอีกรอบ เขามีดาบหนึ่งเล่ม ยุนโอไม่มีอะไรเลย จะว่าเขาได้เปรียบก็ได้ ถ้าเขาไม่กลัวเจ็บกลัวตายเหมือนยุนโอล่ะก็นะ

    เจ้าไม่ใช้ดาบเลย ยองโฮ

    “จะให้ใช้ได้ยังไงเล่า” ยองโฮพึมพำ “เสียดายผิวสวย ๆ นั่นหมด”

    ซอยองโฮ!!!

    ถ้าตอนนี้แทยงอยู่ร่างมนุษย์ คงกระโดดถีบเขาไปแล้ว

    ยองโฮแค่นหัวเราะ เกลียดนิสัยพ่ายแพ้ของสวย ๆ งาม ๆ ของตัวเองเหลือเกิน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขาเตรียมตั้งรับอีกครั้ง ได้ยินเสียงพึมพำมาจากคู่ต่อสู้

    “ทำไมไม่โจมตีเลย...”

    “ทำไมเอาแต่ตั้งรับ...”

    เขาตอบตามที่คิด “ข้าก็แค่ชื่นชอบของสวย ๆ งาม ๆ ก็เท่านั้น”

    เขาได้ยินเสียงแค่นหัวเราะ พร้อมกับร่างของยุนโอที่พุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว และคราวนี้--เขารู้สึกได้--มันคือการจบเกม

    ร่างของเขาถูกดันชิดผนังตำหนัก ยุนโอใช้มือเดียวบีบคอเขาแน่น ใช้มืออีกข้างปลดแทยงออกจากมือเขา ยองพยายามแงะมือของอีกฝ่ายออก แต่เหมือนจะไม่สำเร็จง่าย ๆ

    “อย่าดูถูกข้า”

    ยุนโอพูด ก่อนจะอ้าปากกว้าง ยองโฮเห็นเขี้ยวขาว ๆ นั่นชัดเจนราวกับสวรรค์กลั่นแกล้งให้แสงจันทร์ตกกระทบตรงนั้นพอดี แล้วเขี้ยวของอีกฝ่ายก็พุ่งตรงมาที่ข้างลำคอของเขา

    “เจ็—”

    ยองโฮโวยวาย แต่ใครจะไปได้ยินในสถานการณ์แบบนี้ เขาสัมผัสได้ถึงริมฝีปากเย็นเฉียบของยุนโอที่สัมผัสอยู่ข้างคอ เรี่ยวแรงราวกับจะหายไปได้ทุกเมื่อ

    ยุนโอหัวเราะในคอ ดูสะใจที่จะได้ฆ่าเขาให้ตาย

    ถ้าเพียงแต่เขาเป็นมนุษย์ล่ะก็นะ

    คราวนี้ยองโฮเป็นฝ่ายหัวเราะบ้าง เขาหัวเราะจนยุนโอต้องถอนเขี้ยวออกมาด้วยความงุนงง ยองโฮยกมือขึ้นลูบปากแผลตัวเองนิดเดียวมันก็กลับมาเป็นปกติทันที

    “อร่อยไหมล่ะ องค์ชาย เลือดของปิศาจด้วยกันน่ะ”

    “…อะไรนะ”

    “ทีนี้ ขอข้าบ้างนะ”

    ยองโฮคว้าร่างของอีกฝ่ายมาโอบกอดไว้แนบแน่น แล้วฝังเขี้ยวลงไปที่ลำคอขาวนั่นทันที

     

    ––

     

    “ท่านแม่ เชื่อเรื่องภูติผีปิศาจไหมขอรับ”

    “เชื่อสิ ทำไมเหรอยุนโอ”

    “ปิศาจน่ะ ชั่วร้าย และไม่ดีใช่ไหมล่ะขอรับ”

    “ไม่เสมอไปหรอก ยุนโอ โลกนี้มีทั้งขาวและดำ มนุษย์กับปิศาจก็เหมือนกันนั่นแหละ ไม่มีใครดีหรือเลวไปทั้งหมด”

    “ท่านแม่เคยเจอปิศาจที่ดีไหมขอรับ”

    “…นั่นสินะ”

    “…”

    “…อาจจะได้เจอสักครั้งก็ได้นะ”

     

    ––

     

    จองยุนโอทรุดกายลงแต่โชคดีที่มีเขาประคองไว้ ยองโฮยังคงไม่ปล่อยแขนที่โอบกอดอีกคนไว้ เขาเลียริมฝีปากกวาดเก็บเลือดทั้งหมดอย่างระมัดระวัง อย่างที่คิด เลือดของคนคนนี้อร่อยจริง ๆ

    แทยงที่กลับมาเป็นมนุษย์เดินมาหาเขา “กัดเขาไปแล้วได้อะไร”

    “ได้กัดน่ะสิ”

    “ซอยองโฮ”

    “ก็เป็นวิธีห้ามแบบหนึ่ง” เขาลูบศีรษะคนที่หมดสติไปแล้วแผ่วเบา “เขตอาคมสลายไปแล้ว ข้าว่าเราต้องรีบไป”

    แทยงพยักหน้า ยองโฮอุ้มร่างไร้สติขององค์รัชทายาทไปไว้บนฟูกนอนที่ประทับกลางห้อง แล้วรีบหนีออกไปจากตำหนักอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าคืนนั้นเขาและแทยงไม่ได้ย่างกรายเข้าไปในตำหนักแม้แต่น้อย

     

    ––

     

    “สุดยอดไปเลยท่านหมอ ในที่สุดลูกของข้าก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง”

    วันแห่งข่าวดี การเฉลิมฉลอง และการสรรเสริญชื่อของบุคคลที่ควรสรรเสริญ

    ยองโฮมองงานเลี้ยงต้อนรับยิ่งใหญ่ที่พระราชาทรงจัดให้เขาเพื่อแสดงคำขอบคุณต่อการช่วยเหลือองค์รัชทายาทแล้วได้แต่ยิ้มแหย ส่วนแทยงไม่สนใจอะไรนอกจากเรื่องกิน เผลอ ๆ อาจจะกินคนเดียวหมดงานถ้าทำได้ (ซึ่งแทยงทำได้จริง ๆ) ปล่อยเขาประคองบทสนทนากับองค์กษัตริย์ไปอย่างพยายามรักษาท่าทีไม่ให้ดูประหม่าจนเกินไป

    ระหว่างนั้นก็ลอบสังเกตสีหน้าขององค์รัชทายาทด้วย ผิวขาวซีดนั่นกลับมาเป็นผิวขาวนวลมีชีวิตชีวาแล้ว นัยน์ตาสีดำเป็นประกายก็ดูดีกว่ายามที่ถูกปิดหรือถูกครอบงำด้วยสัญชาตญาณความชั่วร้าย ริมฝีปากอิ่มเป็นสีเลือดฝาด ผิวแก้มนั่นก็ด้วย

    ว้าว อาหารตา

    เขาสบตากับองค์รัชทายาท อีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหาพระราชา

    “ท่านพ่อ”

    “ว่าอย่างไรล่ะ ยุนโอ”

    “ข้าอยากออกเดินทางไปกับท่านหมอ”

    “อะไรนะ”

    เป็นเขากับแทยงนั่นเองที่ส่งเสียงนั้นออกมา

    พระราชาเลิกคิ้ว ก่อนจะหัวเราะชอบอกชอบใจ

    “เอาสิ ยังไงสักวันลูกก็ต้องออกไปเผชิญโลกกว้าง ไปเลย พ่อยินดี” แล้วก็หันมาหาเขา “ท่านหมอ ฝากดูแลลูกข้าด้วยนะ สั่งสอนเขาที”

    ยองโฮหันไปมองหน้าแทยง ต่างฝ่ายต่างเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของกันและกัน

     

    ––

     

    เดิมทีพวกเขามีแผนการจะแอบหนีไปตอนกลางคืน แต่ก็ล่มหมดเพราะจองยุนโอเฝ้าพวกเขาแจเยี่ยงเงาตามตัว และวันที่จะออกจากนครก็มีขบวนมาส่งอย่างยิ่งใหญ่ จนถ้าพวกเขาชิ่งไปตอนนี้ รับรองว่าโดนประหารเจ็ดชั่วโคตรแน่นอน

    กว่าจะเสร็จพิธีรีตรองและได้ออกจากนครก็จวนเที่ยง ยองโฮถอนหายใจเหนื่อยหน่าย แทยงเดินไม่พูดไม่จา มีเพียงองค์รัชทายาทที่มองนกมองไม้อย่างสนอกสนใจ

    “มีของสวย ๆ งาม ๆ มาเพิ่มก็ดีหรอกนะ แต่ว่า...” ยองโฮเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างคลางแคลงใจ “ท่านตามพวกข้ามาทำไมเนี่ย”

    ยุนโอเม้มริมฝีปาก ก่อนเอ่ยตอบ

    “ข้าอยากให้ท่านสอน”

    ยองโฮเลิกคิ้ว “สอนอะไร?”

    “จะเป็นปิศาจที่ดี ต้องทำยังไงบ้าง”

    ยองโฮกับแทยงมองหน้ากัน

    “…ข้าว่าข้าได้ยินอะไรแปลก ๆ”

    “ไม่ เจ้าได้ยินถูกแล้ว”

    “ปิศาจที่ดี--มันคืออะไร”

    “ข้าจะไปรู้เหรอ”

    ยุนโอมองการโต้เถียงของทั้งสองคนแล้วเริ่มรู้สึกคิดผิดที่ขอออกนอกเมืองติดตามสองคนนี้มา

    ท่านแม่ บางที...ชีวิตนี้ข้าอาจจะไม่มีวันเป็นปิศาจที่ดีได้เลยก็ได้ -- เพราะไอ้บ้าสองคนนี้นี่แหละ

     

    FIN

     

    ––

     

    [รีโพสต์จาก fictionlog]

    190426

    เนื่องจากอาการป่วยทำให้อยู่บ้านนาน เราหลับ ๆ ตื่น ๆ เลยนั่งดูการ์ตูนเก่า ๆ -- และ ใช่ เพราะการ์ตูน เลยงอกไอ้ข้างบนออกมา

    จริง ๆ มีซับพล็อตเยอะมาก แต่ขี้เกียจเล่า นี่ก็พิมพ์แบบกระชับมาก ตัดฉากฉับ ๆๆๆ ประหนึ่งอนิเมะ ไม่ได้สำเหนียกเท่าไหร่ว่านี่คือเรื่องสั้น (?) อ่านเป็นนิทานขำ ๆ กันก็ได้ค่ะ

    รู้สึกเหมือนไบแอสพี่แทยงเพราะบทเท่มาก เป็นแค่อาวุธแท้ ๆ...

    ไม่ได้เขียนแนวนี้มา........เป็นสิบปีได้แล้ว.....หรือเปล่านะ......... /เหม่อ

    ขอให้ทุกคนสนุกค่ะ ชอบก็คอมเมนต์ได้ ตรงนี้ไม่สะดวกก็ #wrficnct (จะพยายามไถให้หมดจ้ะแม่) หรือ dm / เมนชั่นมาก็ได้ แอคหลักเราก็ได้ หรือที่ @BeforeWeek ในทวิตเตอร์จ้ะ

    แร้วเจอกันเมื่ออยากเขียนอะไรอีก

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in