เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[Fic BTS] Unexplainable [yoonjin]Macbeth1995
Chapter 1 : เมื่อยและโซ่


    • [ Fanfic BTS ]
    • Genre : AU!Thai |College life |Drama | Soft 
    • Pairing :Yoonjin |Min Yoongi x Kim Seokjin| 
    • Rate: 13
    • Note: Don't forget listen 'Intro : Serendipity ' and 'DNA' while you reading;)



    ความสัมพันธ์ของมนุษย์มีหลายรูปแบบ


    ซับซ้อนไปตามเงื่อนไข


    แต่ทุกความสัมพันธ์ย่อมมีคำนิยามชื่อเรียก พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อน คนพิเศษ ฯลฯ

    นั่นเป็นสิ่งที่คนปกติกระทำกันเพราะต้องการความเข้าใจและความชัดเจนของความรู้สึก


    แต่อาจจะมีคนสองคนที่ถูกยกเว้นในกรณีข้างต้น

    ความสัมพันธ์แสนคลุมเครือยากที่จะเข้าใจ และไม่ต้องการความเข้าใจจากคนอื่น


    เพราะพวกเขามีแค่กันและกัน ในโลกของตัวเอง


    ความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถนิยามได้ด้วยโลกของคนปกติ




    ความสัมพันธ์ที่เรียกว่า ‘เมื่อยและโซ่’





    x


  • Chapter1 : เมื่อยและโซ่



              พยากรณ์อากาศของประเทศนี้เชื่อถือไม่ได้พอๆกับคำเลือกตั้งของผู้ว่าที่มักจะกล่าวสุรพจน์ว่าจะพัฒนาการจราจรของประเทศให้ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเวลาเที่ยงตรงของทุกวัน ควรจะเป็นเวลาที่รถยุโรปคันหรูสีดำขับมาถึงคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มุมที่จอดประจำคือด้านหน้าทางออกใหญ่ของอาคารเรียนรวม จากนั้นสามนาทีเจ้าของรถก็จะลงมาด้วยสีหน้ายุ่งๆคิ้วขมวด

    แพทเทิร์นเดิมๆที่เกิดขึ้นจนเหมือนถูกตั้งค่าไว้แบบนั้น  แต่ก็มีบ้างอย่างวันนี้ที่เจ้าของรถมาช้า เมื่อเจ้าของรถลงมาก็ดูเหมือนว่าพยากรณ์อากาศที่บอกว่าวันนี้พายุจะเข้านั้นถูกต้องขึ้นมากะทันหัน พายุอารมณ์ขนาด179เซนติเมตรกำลังมุ่งหน้าเข้าอาคารเรียน เป็นสัญญาณเตือนว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งกับพายุลูกนี้


    ทำไมน่ะเหรอ?


    “มองอะไร มีปัญหา?”


    เพราะเจ้าของรถคือ คุณชายโซ่ ไง?


    คุณชายโซ่ นักศึกษาปี3 อายุ21ปี คณะบริหารภาคอินเตอร์ ฉายาคุณชายโซ่ไม่ได้ถูกตั้งขึ้นเพราะมาดคุณชายผู้เหย่อหยิ่ง ปากร้ายเอาแต่ใจ ที่ถอดแบบมาจากละครหลังข่าวอย่างเดียว แต่เพราะเป็นลูกคนเล็กจากตระกูลดังเจ้าของCEOบริษัทซัม** และที่อย่างที่รู้ๆกันว่าคุณชายโซ่คนนี้ขึ้นชื่อเรื่องปากร้ายมากแค่ไหน ขอแค่เพียงคุณไม่อยู่ในสายตาของโซ่ อย่างเช่น


    “ไป’ถาปัตย์อีกแล้วเหรอวะโซ่”


              “เสือก


    สั้นๆง่ายๆแต่ได้ใจความ


    นั่นล่ะคุณชายโซ่ จงจินตร์ ศุภณัฐฏ์


    แต่จริงๆแล้วความปากร้ายของคุณชายโซ่ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลมากกว่า เพราะมีแค่คนๆเดียวเท่านั้นที่โซ่ดีด้วยอย่างไม่มีเงื่อนไขนั่นคือ


    “ไอเมื่อย! โซ่มาหา”


    โซ่ยิ้ม นัยน์ตาสีน้ำตาลเป็นประกายทันทีเมื่อเห็นคนเจ้าของชื่อเมื่อย


    เมื่อยคือคำตอบของของทุกอย่างของโซ่อย่างไม่ต้องสงสัย



    x


  •           เมื่อย มุจลินทร์ ยักษา อายุ 20 นักศึกษาปี3 คณะสถาปัตย์


              เมื่อยตัวเล็กกว่าโซ่ห้าเซนได้ ผมสีดำสนิท นัยน์ตาเรียวหยีตามแบบลูกคนจีน ผิวขาวจัด ผมสีดำสนิท ให้ความรู้สึกเหมือนแมวเซาตัวเล็กๆ ดูภายนอกไม่มีอะไร เนิบนาบ เรียบง่าย แต่ข้างในซับซ้อนยิ่งกว่าสูตรฟิสิกส์ แม้โซ่จะไม่เข้าใจเมื่อยทั้งหมด เพราะเมื่อยเข้าใจยาก ชอบพูดอะไรยากๆที่โซ่ไม่ค่อยจะเข้าใจ


              แต่เมื่อยก็ยังเป็นคนที่โซ่ต้องการยิ่งกว่าใครๆ


              เมื่อยที่เป็นทุกอย่างของโซ่


              ทั้งรูมเมท และ สถานะ               ของโซ่


             สถานะที่เพื่อนก็ไม่ใช่ แฟนก็ไม่เชิง มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน มากกว่ารูมเมท มากกว่าอะไรทั้งหมด แล้วมันคืออะไร มันไม่มีคำตอบถึงต้องเว้นช่องว่างไว้เพื่อรอคำตอบมาเติมเต็มมัน เพราะความสัมพันธ์ของเมื่อยและโซ่ซับซ้อนเกินกว่าที่คนนอกจะเข้าใจพวกเขา


              แต่ไม่เป็นไร


    ยังไงพวกเขาก็ไม่ได้อยากให้ใครมาเข้าใจและเข้ามายุ่ง


    เพราะโลกทั้งใบที่มีแค่พวกเขาเท่านั้นก็พอ



    x



              “เราซื้อข้าวกล่องมาให้ มีมาการองกับกาแฟด้วยนะ เมื่อยอยากกินไรอีกไหม?”


              โซ่ถามขณะที่นั่งตรงข้ามเมื่อย เหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วที่มาหาเมื่อยที่คณะแบบนี้ทุกวัน ถึงเมื่อยจะไม่อยากให้มา แต่โซ่ก็ดื้อจะมาจนได้ นัยน์ตากลมที่ไม่เหมือนของเมื่อยฉายแววใสซื่อทันทีที่หนุ่มสถาปัตย์เริ่มดุเบาๆที่โซ่มาหาที่คณะแบบนี้ เด็กดื้ออย่างโซ่มีเหรอจะทำตาม ถึงจะเป็นเด็กดีแค่ไหนแต่เรื่องห้ามไม่ให้มาหาเท่านั้นที่โซ่ทำให้ไม่ได้


             เหตุผลง่ายๆ


             หวงน่ะสิ


             ก็เมื่อยน่ะ…..น่ารักจะตาย

  •          ในมุมมองของโซ่ เมื่อยน่ะน่ารัก ใจดี ให้ความรู้สึกสบายเหมือนสายลมเย็นๆ ทั้งวิธีพูดจา น้ำเสียง สัมผัส โดยเฉพาะสายตาที่มองโซ่ มันทำให้โซ่รู้สึกปลอดภัยถ้าอยู่ในอ้อมกอดของสายลมนี้จนไม่อยากให้ปล่อย อยากเป็นเด็กน้อยตัวโตขี้อ้อนแบบนี้ตลอดไป

    โซ่พร่ำบอกหลายครั้งเรื่องเมื่อยน่ารัก น่ารักอย่างงั้น น่ารักแบบนี้ น่ารักจนไม่อยากให้ไปน่ารักกับใคร ไม่อยากให้ใครเห็นว่าเมื่อยน่ารัก ถ้าเมื่อยน่ารักก็ต้องน่ารักกับโซ่แค่คนเดียว แต่ดูเหมือนว่าเมื่อยจะไม่เข้าใจโซ่ เมื่อยเอาแต่ขำ ทำไมต้องขำในเรื่องที่เขาจริงจังด้วย เพราะแบบนั้นล่ะ เขาเลยต้องมาหาเมื่อยทุกวันแทน เพื่อปกป้องเมื่อยที่น่ารักของเขาจากแมลงร้ายที่คิดจะมาเกาะแกะ


    “เมื่อย เราขอกินบ้างสิ ”


    นั่นไง ปล่อยไปไม่ได้จริงๆด้วย


    คิ้วเข้มกระตุก นัยต์ตาสีเข้มฉายแววไม่พอใจ แต่ดูเหมือนว่าผู้หญิงตรงหน้าโซ่จะไม่ได้สนใจสายตาดุๆของโซ่ที่ส่งไป หล่อนยิ้มหวาน มือเรียววางลงบนไหล่กว้างของเมื่อยยิ่งทำให้สีหน้าของเด็กเอาแต่ใจงอง้ำ อาจเป็นโชคดีของหล่อนที่หวยไม่ได้ล็อคให้หล่อนโดนระเบิดที่เรียกว่าโซ่ แต่ดันเป็นเพื่อนของเมื่อยอีกคนที่เด๋อด๋าเข้ามากลางวงสนทนา


    “เชี่ยยยยย น่ากินว่ะ โซ่ครับ เราขอกินด้วยได้เปล่า?”


    จบประโยคคำถามแสนซื่อ บรรยากาศเงียบกริบทันทีทิ้งช่วงนานจนเหมือนถูกสาปไว้  

    โซ่ตวัดสายตาขึ้นมองนิ่ง 


    “ชื่อเมื่อยเหรอ?”


    “ก็ไม่ได้ชื่อเมื่อยหนิ?”


    อย่าเสือก


    เมื่อยฟังแล้วยิ้ม ในใจก็คิดว่า ทำไมโซ่ถึงน่ารักได้ขนาดนี้กัน


    ถึงแม้ว่าตรงหน้าเมื่อย โซ่กำลังสร้างความหวาดผวาให้เพื่อนร่วมคณะของเมื่อยก็ตามที



    x



    กว่าเมื่อยจะส่งงานเสร็จก็เกือบห้าโมงเย็น คุณชายผู้หยิ่งผยองตอนนี้กลายเป็นเด็กเอาแต่ใจกำลังทำหน้าบูด ใช่  โซ่กำลังไม่พอใจ นอกจากเรื่องเมื่อตอนกลางวันก็มีอีกเรื่องในตอนนี้คือ


              (โซ่หิว….)


    (ไม่ใช่สิ นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักสักหน่อย เขาไม่ได้เห็นแก่กินนะ!)


  •           ผู้หญิงคนนั้นต่างหาก


    ผู้หญิงที่เข้ามาขัดจังหวะของโซ่กับเมื่อยเมื่อตอนกลางวัน หล่อนเดินออกมาพร้อมเมื่อย หล่อนหัวเราะ สายตาหวานเยิ้มที่ส่งให้เมื่อย มองจากไกลๆก็รู้ว่าหล่อนคิดอะไรอยู่ อย่างเช่นจ้องจะงาบเมื่อยไง? ทำไมต้องเกาะแกะเมื่อยของเขานักหนา? คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? คิดว่าเหมาะสมกับเมื่อยรึไง คิดว่ายิ้มแบบนั้นน่ารักเหรอ


    เออ น่ารักแล้วไง น่ารักสู้เมื่อยของเขาไม่ได้สักนิด


    เพราะมัวแต่พูดในใจนั่นล่ะ รู้ตัวอีกทีคนเอาแต่ใจก็ไปกระชากแขนคนของตัวเองให้เดินตามเขามาขึ้นรถ



    x



              “วันนี้โซ่ดื้ออีกแล้วนะ”



    ครับ เพราะเมื่อยนั่นล่ะ



              “ไม่ให้มาหาแล้วนะ”



    !!!??



              “หืม?”


              “ไม่เอา ” คนดื้อหงอย ถ้ามีหูมีหางก็คงจะเห็นภาพลูกแมวถูกดุจนหูลู่หางตก โซ่ล่ะสายตาจากถนนมามองคนข้างตัว แสดงท่าทางออดอ้อนที่ไม่มีเคยมีใครได้เห็นนอกจากเมื่อย


    “วันนี้เมื่อยอยากกินอะไร เดี๋ยวเราทำให้กินทุกอย่างเลย ”


    “แซลมอน? ชาบู? ซิสเลอร์? หรืออยากได้อะไรไหม”


    “เดี๋ยวเราซื้อให้นะ”


    “นะครับ นะ?”


    ตอนอยู่มหาลัยก็ดูเป็นเสือดุ แต่ตอนนี้กลับอ้อนเมื่อยเป็นลูกแมวขอความรัก  โซ่ก็แบบนี้ ภายนอกดูเป็นคุณชายปากร้าย หยิ่งผยอง เอาแต่ใจแค่ไหน ต่อหน้าเมื่อยก็แค่ลูกแมว


  • คนถูกอ้อนแค่ยิ้ม รอยยิ้มที่เป็นปริศนาเหมือนรอยยิ้มของโมนาลิซา รอยยิ้มที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะสื่อถึงอะไร เมื่อยยิ้มด้วยความรู้สึกแบบไหน ตอนที่ยิ้มเมื่อยคิดอะไร โซ่ทำได้เพียงสงสัยต่อไปเหมือนทุกทีแม้จะไม่มีทางเข้าใจสาเหตุของรอยยิ้มนั้นได้เลย


    โซ่ไม่รู้หรอก เพราะเมื่อยน่ะเข้าใจยากจะตาย


    สิ่งเดียวที่รู้คือชอบรอยยิ้มของเมื่อยไม่ว่ายังไงโซ่ก็ชอบ


    จริงๆต้องบอกว่า อะไรที่เป็นเมื่อย โซ่ชอบทั้งหมดนั่นล่ะ



    x



             เมื่อยและโซ่หอบของที่พะรุงพะรังมาถึงห้องพวกเขาได้สำเร็จ หลังจากที่แวะไปที่ห้าง กินอาหารญี่ปุ่นที่ภัตตาคารหรู เมื่อกินเสร็จเมื่อยก็ถูกคุณชายเอาแต่ใจพาเดินเข้าออกร้านนั้นร้านนี้ ซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าและเครื่องประดับอีกนิดๆหน่อยๆให้เมื่อยจนกว่าโซ่จะพอใจ และคงเป็นอีกครั้งที่เมื่อยคงจะถูกซักถึงที่มาที่ไปของข้าวของราคาแพงพวกนี้ ไม่มีทางที่เมื่อยจะซื้อของพวกนี้เอง ‘ โซ่ซื้อให้ ’ คือคำตอบที่สร้างความฮือฮาต่อไปอีกสักระยะในคลาสของเมื่อย

    ไม่ว่าใครจะพูดว่ายังไง เมื่อยแค่ยิ้ม เมื่อยปล่อยให้โซ่ทำตามใจ เพราะรู้ดีว่าการปล่อยให้โซ่อ้อน เอาอกเอาใจเมื่อยมันทำให้โซ่สบายใจ เหมือนลูกแมวน้อยที่พยายามอ้อนแสดงความซื่อสัตย์ภักดีต่อเจ้านายของตัวเอง และเมื่อยก็เอ็นดูเด็กน้อยขี้อ้อนมากพอที่จะไม่ดุโซ่ต่อ


              ยิ่งโดยเฉพาะตอนอยู่ในห้องของพวกเขาตอนนี้


              ตอนที่อยู่ในโลกของพวกเขาอย่างสมบูรณ์


    แขนเรียวของโซ่วาดกอดเอวสอบของเมื่อยไว้หลวมๆ คางถูกวางลงบนไหล่กว้าง โซ่พูดเสียงแผ่วเหมือนกระซิบ


               “หวง”


               คำสั้นๆง่ายๆได้ใจความที่ทำให้คนถูกกอดขำกับความซื่อตรงนั่น เมื่อยยิ้มแล้วหันกลับไปกอดโซ่แขนเรียวของโซ่จึงยกสวมกอดคอของเมื่อยตอบกลับเช่นกัน เมื่อโซ่โน้มลงไปหาเพื่อให้หน้าผากมนได้แตะกันสายตาถึงสบกันอย่างพอดี นัยน์ตาสีน้ำตาลของโซ่ตอนนี้เป็นประกายยิ่งกว่าตอนไหนๆ สายที่เจือไปด้วยความรู้สึกที่เมื่อยรู้ดีแม้โซ่จะไม่รู้ มันเหมือนตอนที่พวกเขาสบตากันครั้งแรกในห้องเรียน ตั้งแต่วินาทีนั้นสายตาที่โซ่มองเมื่อยก็ไม่เคยเปลี่ยนไปอีกเลย


              สายตาที่เมื่อยจะไม่ยอมให้โซ่มองใครนอกจากตัวเอง


    สายตาที่มองเหมือนเมื่อยเป็นโลกทั้งใบของโซ่


  •           “เราก็หวงโซ่เหมือนกันนั่นล่ะครับ”


             “จริงเหรอ?”


    เมื่อยฟังแล้วหัวเราะ ขำที่เด็กน้อยของตัวเองไม่รู้อะไรเสียบ้างเลย แต่เพราะโซ่เป็นแบบนี้เมื่อยเลยทั้งหวงทั้งเอ็นดูยิ่งกว่าอะไร ไม่อยากให้ใครได้เห็นทุกอย่างของโซ่เหมือนที่เมื่อยเห็น ซึ่งโซ่เองก็คิดแบบนั้นไม่ต่างกัน

    เมื่อยและโซ่ที่มีกันและกันในโลกใบเดียวกัน โลกที่ยังคงเป็นปริศนาเหมือนความลับของจักรวาลว่าแท้จริงจักรวาลคืออะไร  มีเพียงเมื่อยและโซ่เท่านั้นที่เข้าใจความลับของจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้เพราะพวกเขาไขปริศนานั้นได้แล้ว



    x



              แสงสว่างในห้องนอนมืดลงไปเหลือเพียงแสงสลัวจากโคมไฟหัวเตียงเท่านั้น เสียงฝนพรำจาก นอกหน้าต่างเป็นเพลงกล่อมเด็กชั้นดี จังหวะหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของร่างสองร่างที่นอนหลับสนิทกอดก่ายแลกไออุ่นภายใต้ผ้านวมสีเข้ม จังหวะชีพจรที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน พวกเขาหลอมหลวมเป็นหนึ่งเดียวแม้กระทั่งในความฝัน


             ในคืนนั้นพวกเขาฝันถึงจักรวาลที่มืดสนิท ว่างเปล่า ลอยเคว้างคว้างอยู่นานจนกระทั่งพวกเขาได้พบกัน ในนาทีถัดมาก็มีแสงสว่างวาบ ดวงดาวมากมายถือกำเนิดขึ้น ท่ามกลางดวงดาวนับล้านและเนบิวล่าหลากสีที่กำลังเติมเต็มความว่างเปล่าของจักรวาล


             มือของพวกเขาสอดประสานกันแน่นไม่ยอมแยกออกไปไหนอีก








Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in