เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Victoria Blogvixtoriagwyneth
- THIS IS ME -





  • When the sharpest words wanna cut me down
    I'm gonna send a flood, gonna drown them out



                             บนโลกนี้จะมีมนุษย์บางประเภทที่ต่อต้านสิ่งผิดแผกแปลกแยก อะไรก็ตามที่ถูกสร้างมาไม่เหมือนพิมพ์เขียว เอกลักษณ์ไม่ได้ทำให้ถูกชื่นชม แต่กลับถูกมองอย่างเหยียดหยาม การกระทำหรือแนวคิดเหล่านั้นมักจะเกิดขึ้นจากการคุ้นชินกับอะไรที่เป็นสภาพแวดล้อมแบบเดิม พาลไปถึงหวาดกลัวต่อการเปลี่ยนแปลง และเป็นความหวาดกลัวที่ทำให้บางคนต้องเจ็บปวด

                             กี่ครั้งแล้วที่คำตัดสินต้องสร้างความเสียใจให้แก่คนฟัง กี่ครั้งกันที่เราต้องทนอยู่กับคำพูดเหล่านั้น  จิตใจอันคับแคบ ไม่มีที่ว่างให้สำหรับผู้อื่น เปรียบเทียบได้กับยาพิษดีๆนี่เอง

                             แล้วจุดประสงค์ของยาพิษจะเป็นอะไรอื่นได้หากไม่ใช่มุ่งหวังจะฆ่ากันให้ถึงตาย บ่อนทำลายให้ความพิเศษนั้นหายไป ขึ้นชื่อว่ายาพิษ จะมากหรือน้อยก็มีฤทธิ์ถึงชีวิตอยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการวางยาพิษลงไปในจิตใจ ความรวดเร็วในการแพร่เชื้ออาจช้าเร็วไม่เท่ากัน แล้วแต่บุุคคล บางครั้งเกิดขึ้นช้าจนแทบไม่รู้สึก กว่าจะรู้ตัวอีกทีจิตใจก็ถูกกัดกร่อนจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม บางครั้งก็รวดเร็วปานสายฟ้าฟาด ง่ายดายเสียยิ่งกว่าการพลิกฝ่ามือ 





                             การที่เราจะเสียใจหากโดนทำร้ายด้วยคำพูดรุนแรง คือปฏิกิริยาตอบสนองโดยธรรมชาติ หัวใจไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้คงทนต่อสถานการณ์เหล่านั้น มันไม่เป็นไรหากจะเจ็บปวดจนทนไม่ไหว เราไม่จำเป็นที่จะต้องอดทนจนถึงขีดจำกัดเพียงเพื่อให้ปรอทแตก หนทางระบายออกมาของแต่ละคนไม่เคยเหมือนกัน ตราบใดที่การระบายนั้นไม่สร้างรอยแผลให้ใคร มันก็โอเค 

                             การทำความเข้าใจเหตุการณ์สะเทือนใจใดใดอันไม่ได้เกิดกับตนเอง ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะสามารถทำได้ บางครั้งคนที่เราเลือกจะไประบายด้วยเพื่อลดทอนความเสียใจ เขาก็พูดไปอย่างนั้นว่า "เข้าใจ" แต่ถามจริงๆเถอะ จะมีสักกี่คนกันเชียวที่หมายความตามที่พูดจริงๆ

                             ฉันมองว่าการที่คนคนหนึ่งจะสามารถก้าวผ่านบาดแผลไปได้นั้น คือความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้นยาก แต่มันแค่ ยาก  ใช่ว่าจะ เป็นไปไม่ได้      






    และที่สำคัญ    

    ไม่ใช่ด้วยตัวคนเดียว






    I'm not a stranger to the dark
    "Hide away, " they say

    "'Cause we don't want your broken parts"

    I've learned to be ashamed of all my scars
    "Run away, " they say
    "No one will love you as you are"



                             หลายคนเลือกที่จะหลบซ่อนอยู่ในความมืดเมื่อโดนปฏิเสธในความแตกต่าง รอยแตกแยกที่เกิดขึ้นมากมายไม่ว่าจะบนร่างกายหรือในจิตใจคือเครื่องหมายย้ำเตือนอยู่เสมอว่าเราไม่เหมือนคนอื่นอย่างไรบ้าง  หากฉายแสงไฟไปยังมุมห้อง จะไม่ประหลาดใจเลยถ้าจะเห็นผู้คนมากมายเก็บซ่อนตัวตนในนั้น 

                             ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมสังคมจะต้องเปิดรับแต่บุคคลที่ไม่มีรอยแตกด้วย แบบนั้นมันช่างไม่ยุติธรรมสิ้นดี และสิ่งเลวร้ายที่สุดที่ตามมาอย่างบ่อยครั้ง ได้ยินจนชาชิน คือผู้คนมักจะหวาดกลัว และมีความเชื่ออย่างผิดๆว่าตนเองจะไม่เป็นที่ต้องการ ไม่คู่ควรกับความรักไม่ว่าจะจากใคร เพียงเพราะว่าในชิ้นส่วนของเราไม่สมบูรณ์ 



    ไร้สาระสิ้นดี




                             ความแตกต่าง ความสมบูรณ์แบบที่ถูกคลื่นซัด คือสิ่งที่ทำให้คนเราไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน มองให้ชีวิตเป็นเหมือนจิ๊กซอว์ ความขาดเกินจะนำเราไปสู่ใครอีกคนที่สามารถเข้ากันได้อย่างลงล็อค 

                             นั่นไม่ใช่เงื่อนไขของความรักหรอกหรือ? การตามหาชิ้นส่วนที่ขาดหาย เข้ากันได้ดีราวกับถูกสร้างมาให้คู่กัน แบบนั้นสิหัวใจถึงจะเกี่ยวดองกันได้กับใครอีกคนโดยไม่หลุดลอย




    ทุกคนคู่ควรที่จะรัก และถูกรัก 
    ไม่ว่ารอยแตกจะมีมากมายขนาดไหน
    ไม่ว่าจะเคยผ่านอะไรมา
     หัวใจคุณจะยังควรค่าแก่การถูกยอมรับเสมอ






                             หากคุณคือหนึ่งในคนที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่น มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ขอให้จำไว้อย่างขึ้นใจว่า "นั่นคือสิ่งพิเศษ"  

                             คิดดูสิว่าบนโลกนี้ที่มีประชากรอยู่ตั้งเท่าไหร่ จะมีสักกี่คนที่เปล่งประกายเจิดจรัศได้อย่างที่คุณเป็น ความพิเศษไม่ใช่สิ่งที่ทำเสมอไป บางครั้งมันก็หมายถึงสิ่งที่เป็น 

                             ดวงดาวบนท้องฟ้ามีมากมายนับไม่ถ้วน แต่ดวงดาวที่เปล่งแสงได้สว่างที่สุดมักจะเป็นที่สะดุดตาเมื่อแหงนหน้ามอง คุณมีสิทธิ์เลือกว่าจะเปล่งประกายให้สวยงามจนน่าใจหาย หรือจะยอมมอดแสงจนกระทั่งวันหนึ่งสูญเสียการมีตัวตน







    ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา 

    มีชีวิตอยู่ให้เป็นที่จดจำย่อมดีกว่าหายไปเพื่อถูกลืมไม่ใช่หรือ?





                             The Greatest Showman คือหนังที่มีเค้าโครงเรื่องมาจากชีวิตจริงของ P.T. Barnum ชายผู้เป็นเจ้าของการแสดงอันน่าตื่นตา ด้วยการรวมคนมากความสามารถเอาไว้ด้วยกัน จนทำให้ตัวเองมีชื่อเสียง เป็นที่จดจำมาจนถึงทุกวันนี้ โดยในภาพยนต์เราจะได้เห็นชีวิตของบาร์นัมตั้งแต่ยังไม่มีอะไร เริ่มต้นจากศูนย์ จนไปถึงจุดที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด



    "No one ever made a difference by being like anyone else."
    - P.T. Barnum





                             ถึงในตอนจบ บาร์นัมจะยอมรับเหล่าคนพิเศษอย่างหมดใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงเวลาหนึ่งแห่งความรุ่งโรจน์ บาร์นัมเคยอับอายในสมาชิกครอบครัว หนำซ้ำยังกีดกันไม่ให้พวกเขาได้ออกงานสังคม ทั้งๆที่หากไม่มีคนเหล่านี้ มีหรือที่บาร์นัมจะก้าวไปสู่สังคมแถวหน้าได้     ไม่ใช่บาร์นัมหรือไงที่เกณฑ์คนเหล่านี้มารวมกัน  ไม่ใช่บาร์นัมหรือไงที่นำพวกเขาสู่เวที  และไม่ใช่พวกเขาหรืออย่างไรที่สร้างเม็ดเงินเป็นกอบเป็นกำให้

                             แต่ก็เพราะความผิดพลาดนี้ของบาร์นัมอีกเช่นกัน ที่ทำให้ตัวละครดูสมจริงมากขึ้น มีความเป็นมนุษย์อย่างถ่องแท้ และในท้ายที่สุด บาร์นัมก็ได้เรียนรู้ที่จะรักในความแตกต่างโดยไม่มีข้อแม้



    No matter what you do in life, be original. Be real. 
    Stop trying to blend in and make a difference in the world by not being like everyone else. 
    Life feels so much more fulfilling when you can be your authentic self.

    ( cr.https://theweekendfox.com/8-quotes-greatest-showman/ )
       





    I am brave
    I am bruised



                             ภายใต้ผ้าม่านที่ถูกปิดซ่อน เบื้องพลังยังมีความน่าอัศจรรย์ใจซ่อนอยู่มากมาย พรสวรรค์เฉพาะตัวไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถพบได้ทั่วไป น่าเสียดายที่พวกเขาและเธอเหล่านั้นมีอันต้องถูกเก็บราวตุ๊กตาที่นำออกมาใส่ตู้โชว์ และถูกพับลงกล่องเมื่อหมดประโยชน์      ในเมื่อการแสดงอันน่าทึ่งเกิดขึ้นมาได้ากน้ำพักน้ำแรงตนเอง พวกเขาก็มีสิทธิ์อันถูกต้องที่จะได้ออกไปเฉิดฉายหน้าเวที เต้นรำ ร้องเพลง ดื่มด่ำในงานเลี้ยงที่ถูกจัดขึ้นมาหลังการแสดงจบลง


    การเป็นตัวของตัวเองไม่ควรถูกปกปิด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม



                             และถึงพวกเขาจะแตกต่างกันไปชนิดที่เรียกได้ว่าเดินคนละเส้นทาง อย่างหนึ่งที่นำทุกคนให้หลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียว คือ  "หัวใจที่กล้าหาญ "         โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคนเราประสบเหตุการณ์ใดใดที่คล้ายคลึง จะมีความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกันมากเป็นพิเศษ  นำมาซึ่งสายสัมพันธ์แห่งความสามัคคี ตามด้วยความแข็งแกร่งเมื่อรวมตัวกันต่อสู้เพื่อสิทธิอันที่บุคคลพึงมีในสังคม



                             รู้ไหมว่ามันต้องใช้พลังใจมากแค่ไหนกว่าที่คนคนหนึ่งจะสามารถกล้าหาญได้ หัวใจที่พร้อมจะมุ่งไปข้างหน้าโดยปราศจากความลังเลคือสิ่งที่น่าชื่นชม      ความกลัวมักจะเข้ามาเป็นอุปสรรคอยู่เสมอ ในการที่จะกล้าหาญ เราจำเป็นที่จะต้องเข้าใจในความกลัว เพื่อที่จะได้กำจัดมันออกไปได้อย่างถูกวิธี      ผู้คนที่ปราศจากความกลัว ไม่ใช่ว่าเขาไม่หวาดกลัว แต่เป็นเพราะเขารู้ต่างหากว่าก้าวพ้นความกลัวออกไป เบื้องหน้าคือทางเดินที่สดใส แสงแดดจะสาดส่องลงมาหลังท้องฟ้าที่ฝนตกเสมอ       


       
                             คำว่า "เซฟโซน"  หาใช่การหลบอยู่หลังกำแพงที่ขวางกั้นระหว่างสิ่งที่คุณอยากทำกับคำตัดสินจากคนที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียใดใดกับชีวิต แต่หมายถึงการโลดแล่นออกไปบนท้องถนนได้อย่างอิสระ และถึงแม้จะมีความกลัวขวางกั้น เราจะสามารถก้าวผ่านไปได้โดยไม่รู้สึกว่านั่นคืออุปสรรค แต่เป็นแค่เพียงอีกหนึ่งวิวระหว่างทางอันไม่น่าพิสมัยก็เท่านั้น




    I am who I'm meant to be
    THIS IS ME





                             ขอให้ทุกคนมีความเชื่อ ว่าทางเลือกยังเป็นของเราเสมอ ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งสังคมจะตัดสินความพิเศษอยู่ดี ไม่ใช่ทุกคนจะยอมรับได้ในความแตกต่าง นั่นอาจจะเป็นจุดด่างพร้อยที่เราไม่อาจแก้ไขได้ ขอให้ปล่อยวางและเลิกตั้งคำถามกับตัวเองว่า "ทำไม?"  

                             ทุกวินาทีในชีวิตล้วนมีค่าเกินกว่าจะปล่อยไปกับอะไรที่ไม่มีเหตุผล ยึดมั่นกับตัวตนข้างในเอาไว้ให้แน่น สายน้ำจะเชี่ยวกราดขนาดไหนก็อย่าได้ปล่อยมือจากตนเองเป็นอันเด็ดขาด การเชื่อมั่นในสิ่งที่เราเป็น คือความแข็งแกร่งอันไม่มีวันถูกทำลาย แม้บางครั้งอาจโดนสั่นคลอนไปบ้าง แต่จงหนักแน่นเข้าไว้ 

                             เมื่อไหร่ที่ท้อถอย ขอให้นึกถึงฉัน เพราะฉันจะเป็นความกล้าให้กับพวกคุณ เราจะเปล่งประกายบนท้องฟ้าไปด้วยกัน และไม่มีใคร หรืออะไร จะมาบดบังรัศมีอันเจิดจรัสไม่ให้ส่องแสง 

                             ยิ่งคุณสวมใส่ความมั่นใจมากเท่าไหร่ คุณจะยิ่งเป็นหญิงสาวที่สวยงามมากเท่านั้น ผู้คนจะพูดถึงความงามอันโดดเด่น คำตัดสินนินทาจะเป็นได้เพียงละอองฝุ่นข้างทาง ไม่มีค่าให้ชายตามอง ปลิวหายไปกับสายลมในที่สุด



                             เราเลือกได้ว่าจะชื่นชมในพรสวรรค์อันน่าทึ่งอันมีเพียงหนึ่งเดียว รักและชื่นชมตัวเอง ไม่กลัวที่จะแสดงความน่าทึ่งออกมา หรือจะเลือกหลบซ่อนด้วยความหวาดกลัวอยู่ในเงามืด      ถ้าคุณถามฉัน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีคำตอบก็ยังเป็นเหมือนเดิม



    I won't let them break me down to dust
    I know that there's a place for us
    For we are glorious




    บนท้องฟ้ายังมีที่ว่างเสมอสำหรับดวงดาวที่เปล่งประกาย




    I make no apologies
    THIS IS ME
     

    - ???????? ?. ??????? ❤

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in