เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทึกของหมีฝุ่ยFLUFFYKUMA
PAGE 0 : พบจิตแพทย์ครั้งแรก
  • สำหรับบทนี้จะเป็นการเขียนย้อนหลัง ซึ่งจริงๆ เราเขียนลงในเฟซบุ๊คไปแล้ว แต่เนื่องจากอยากให้มันมีความต่อเนื่องกัน เลยจะขอยกข้อความทั้งหมดจากเฟสบุ๊คมาใส่ลงไปนะ

    17 ธ.ค. 2561
    บันทึกการหาจิตแพทย์ครั้งแรก

    หมอมาเลท!!!
    แต่ให้อภัยได้ รพ. แม่งอยู่ตั้งแถวบางนา ไกลก็ไกล รถก็ติด แค่คิดว่าต้องไปอีกมากกว่า 1 ครั้งก็เหนื่อยแล้ว...

    เกริ่นนิดหน่อยดีกว่า คือเรารู้สึกว่าสภาวะอารมณ์เราไม่ปกติมาพักใหญ่ๆ แล้ว... ถ้านับตั้งแต่รอบแรกที่เป็นก็น่าจะช่วงเมษา-พฤษภาที่ผ่านมามั้ง หลังจากนั้นก็เป็นมาเรื่อยๆ เดือนละ 1-2 ครั้งที่จะต้องมีอาการร้องจะเป็นจะตาย คิดว่าทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ ชีวิตไม่เป็นอย่างใจเลย ทำไมมันยากจัง เหนื่อยแล้ว ท้อแล้ว ไม่ไหวแล้ว (จะว่าไปนี่กูเป็นติดต่อกันมา 6-7 เดือนแล้วเหรอ น่ากลัวฉิบเป้ง) แต่ละครั้งมันหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนตกหลุมที่ลึกและดำมืดขึ้นกว่าเดิม และไม่สามารถดึงตัวเองกลับขึ้นมาได้

    จริงๆ แล้วเราเคยไปหาหมอรอบนึง รอบนั้นหมอแย่มาก ตัดสินเรา ไม่ฟังที่เราพูดสักอย่าง และให้ยากล่อมประสาทไว้กินเวลานอนไม่หลับ 2 แผง (ตอนนี้ยังไม่หมด) เราเลยตัดสินใจว่า เออ ได้ กูรักษาตัวเองเอาเองก็ได้ 55555 จนกระทั่งล่าสุด จุดที่เรารู้สึกว่า "ไม่ได้แล้วว่ะ ต้องหาหมอดีๆ จริงๆ จังๆ แล้ว" ว่าสรุปตัวเองเป็นอะไรรึเปล่า คือวันที่เราเข้าใจเพื่อนที่อยากฆ่าตัวตาย

    ...อย่าเพิ่งตกใจถ้าอ่านมาถึงตรงนี้

    คำว่าเข้าใจมันเริ่มมาจากช่วงแย่ๆ ของเรานั่นแหละ 


    มันเกิดขึ้นเพราะเรารู้สึกว่า เราคิดทุกอย่าง ทุกทางที่เป็นไปได้ คิดไปให้สุดทางว่าแต่ละทางจะส่งผลอะไรยังไงกับเราและคนรอบตัว จนมันสุดที่ อีเหี้ย แม่งตันหมดทุกทางเลยว่ะ จะทางไหนถ้าพลาดก็ไม่เวิร์ค จบที่เป็นภาระคนอื่นไปหมด เราไม่อยากเป็นภาระใครเลย ถ้าไม่มีเราก็จะไม่มีใครต้องลำบาก


    เราคุยกับเพื่อนเราคนนั้นอีกครั้ง ว่าเฮ้ย กูเข้าใจมึงแล้วว่ะ ตอนนั้นมึงไม่ได้อยากตาย ...ใช่ เราไม่ได้อยากตาย ไม่มีใครอยากตาย ความตายมันน่ากลัว มันจะเจ็บไหม เราใจเสาะ เรากลัวเจ็บ เราไม่อยากทรมาณหรอก เราแค่อยากหายไปเหมือนโดนธานอสดีดน่ะ เป๊าะเดียว เป็นผงแบบไม่เจ็บ ซึ่งเออ นั่นแหละ เราไม่ได้คิดจะทำอะไร เรามีคนให้คิดถึงอยู่ มีอะไรที่อยากทำอยู่เยอะแยะไปหมด ชีวิตก็เลยต้องดิ้นๆ ต่อไป จากจุดนั้นเลยคิดว่า เค กูต้องหาหมอ กูต้องหาหมอแล้วว

    จนกระทั่งวันนี้แหละ วันหมอนัด ซึ่งเป็นการหาหมอที่ดีเลย์ไปหน่อยในความรู้สึก เพราะช่วงนี้ปกติดี มีนอนไม่หลับนิดหน่อย แต่ก็ดีกว่าร้องไห้ทุกวันจนทำให้คนรอบตัวประสาทเสียไปด้วย ทีนี่โอเคเลยนะ ชื่อโรงพยาบาลมนารมย์ เหมือนจะเป็นโรงพยาบาลสำหรับรักษาทางด้านนี้โดยเฉพาะด้วย บรรยากาศภายในก็ไม่ได้ให้ฟีลโรงพยาบาลจ๋าอะไร ไม่มีกลิ่นยาที่ดมทีไรก็ไม่ชอบ ไม่ใช่ผนังกำแพงขาวๆ ฟ้าๆ ดูแล้วหดหู่ ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนโซนเด็กในโรงพยาบาลน่ะ

    เริ่มแรกหมอก็ถามว่ามีอะไรให้หมอช่วยไหม (ซึ่งตอนนี้ไม่มี) เราก็เลยเล่าหลายๆ เรื่องให้หมอฟัง เล่าปัญหาที่เคยเกิดขึ้น เล่าอดีตที่ทำให้เราเป็นเราอย่างทุกวันนี้ เล่าปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจ หมอก็จดเป็นคำพูดของเราแทบจะคำต่อคำลงกระดาษ ถามบ้างเป็นระยะ จนกระทั่งสรุปบุคลิกของเราออกมาว่า โอเค เราเป็นคนไวต่อความรู้สึกมาก (จนเกินไป) และส่วนนี้แหละที่ทำให้เราอยู่ยากกว่าคนอื่นๆ ถามว่ามันผิดไหม หรือไม่ดีไหม เปล่าเลย ไม่ใช่ จริงๆ มันคือข้อดี แต่พอมากเกินไปบางครั้งมันก็ส่งผลร้ายต่อตัวเอง

    ซึ่งเอาจริงๆ เรารู้ตัวเองอยู่แล้ว เราเป็นคนรู้ทันตัวเองน่ะ รู้ทันอารมณ์ตัวเองว่าเป็นอะไร เกิดจากอะไร แต่ปัญหาของเราคือ เราควบคุมมันไม่ได้ เราเจอปัจจัยทุกอย่างหมดเลย แต่เราคุมมันไม่ได้ ถ้าเปรียบเทียบเป็นสวิตช์รับความรู้สึก เราคือคนที่เปิดสวิตช์ไว้ตลอดเวลาไม่เคยปิด และนั่นทำให้เราเหนื่อยมากถ้าเราไปรับความรู้สึกไม่ดีต่างๆ เข้ามาใส่ตัว ดังนั้นนัดคราวหน้าจึงเป็นหารไปคุยหาวิธีที่จะเรียนรู้การควบคุมเซนเซอร์ความรู้สึกของเราไม่ให้มันไวปรู๊ดปร๊าดเกินไปแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้

    สุดท้ายก็ได้ยามา 2 ตัว เบสิคเลย ยาต้านเศร้า กับ ยาปรับสมดุลเคมีในสมอง พร้อมฤทธิ์ในการนอนหลับแบบคูณสอง มึงอยากนอนนักใช่ไหม สลบช้างไปเลยงี้ 5555 จริงๆ หมอไม่ได้ระบุหรอกว่าเราเป็นโรคอะไรรึเปล่า แล้วเราก็ไม่แน่ใจว่า เอ ตอนนี้ก็ปกติดีจะกินทำไม เพราะนี่ไปหาหมอเพราะอยากวินิจฉัยให้มันชัดๆ ว่ากูไม่สบายหรือเป็นแค่ภาวะในช่วงๆ นึง แต่ก็ดันไม่ได้รับการระบุว่าเป็นไรซะงั้น แต่พอคิดถึงตัวเองเวลาด่าเพื่อนที่ไม่ยอมกินยาเพราะคิดว่าตัวเองปกติดีก็ กินดีกว่าเนาะ... ถ้าปกติจริงหมอคงไม่จ่ายยาให้หรอก อืม

    ท้ายอีกนิดละกัน

    เราอยากขอบคุณทุกคนที่ซัพพอร์ตจิตใจเรามาตลอด เราคิดว่าถ้าอ่านก็จะรู้ตัวโดยที่ไม่ต้องเอ่ยชื่อ ขอบคุณที่เข้าใจเรา ไม่ตัดสินเรา ให้กำลังใจเรา เชื่อในตัวเรา บอกเราว่ายังมีที่ของเราอยู่ แค่ต้องหามันอีกหน่อยเท่านั้น ขอบคุณที่พร้อมจะอยู่ข้างๆ หรือทำทุกทางที่จะให้เราอารมณ์ดีขึ้น ขอบคุณมากๆ ที่ไม่ทิ้งไปไหนในวันที่เราเหมือนผีเข้าที่พร้อมจะแผ่พลังลบใส่ตลอดเวลา

    คุณคือคนที่ทำให้เราตัดสินใจว่าเราจะพยายามสู้ต่อ คุณคือกำลังใจของเรา เรารักคุณนะ

    หมีฝุ่ย.

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in