เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ช่วงเวลา, ฉันkasalong
วันนั้นฉันสั่งมัคคิอาโต
  • ๑๕.๒๒ น.
    ฝนเทลงมาอีกครั้ง เหมือนมันจะกระหน่ำลงมาหนักกว่าเมื่อเช้า 
    ฉันชอบฟังเสียงฝน หยดฝนตกลงมากระทบกับหลังคา 
    เสียงของมันกลบเสียงกล่องดนตรีในร้านเเทบหมดสิ้น 

    ฉันอยู่ที่ร้านขายคาเฟอีนเเห่งหนึ่ง 
    ที่นี่มีขนมปังสองสามชนิด วัตถุดิบที่ใช้ทำขนมปังส่วนใหญ่เป็นออร์เเกนิก
    เเละ มีข้าวผัดธรรมดา อ่านถูกเเล้ว 
    มันเป็นอาหารคาวเพียงเมนูเดียวที่มีในร้าน
    Dham-ma-da  ธ ร ร ม ด า
    ร้านนี้ซ่อนตัวอยู่ในซอยเเคบ ๆ ในตัวเมืองหาดใหญ่, ประเทศไทย
    เป็นร้านกาเเฟขนาดเล็ก กะทัดรัด 
    เหมาะสำหรับคนกลัวที่กว้าง เฉกเช่นตัวฉันเอง

    "มัคคิอาโตครับ" บาริสต้าเอ่ย
    เขาคือผู้ที่ชงเเละเสริ์ฟกาเเฟให้เเก่เหล่าผู้เสพคาเฟอีนที่เข้ามาในร้าน
    "ขอบคุณค่ะ" ฉันเอ่ยตอบขณะที่เเก้วกาเเฟถูกวางลงบนโต๊ะตรงหน้าฉัน

    มัคคิอาโต เป็นภาษาอิตาเลียน เเปลว่า "การทำเครื่องหมาย"
    เป็นการประนีประนอมกันระหว่างเอสเพรสโซ่ผู้เข้มข้นเเละหนักเเน่นกับนมอุ่นผู้อ่อนไหว
    เเต่เเล้วเอสเพรสโซ่ที่ว่ากันว่าหนักเเน่นนั้นก็ถูกนมอุ่นกำราบซะอยู่หมัด

    อาจจะเป็นโรค, ภาวะอะไรสักอย่าง ฉันไม่อาจรู้ได้
    ก่อนฉันจะเสพมันโดยการจิบ สิ่งที่ฉันทำเป็นอย่างเเรกคือ สูดดม
    นานเเค่ไหนน่ะเหรอ, จนกว่าฉันจะพอใจ
    ฉันควรไปหาหมอจิตเวชมั้ยนะ 

    เมื่อหลายเดือนก่อน
    ฉันเคยมาที่นี่เเล้ว
    เเละขณะนี้เป็นครั้งที่สอง
    ฉันนั่งโต๊ะตัวในสุด ติดกับฝาผนัง ด้านหลังเก้าอี้เป็นเคาท์เตอร์ขนาดใหญ่ 
    ถ้วยกาเเฟ, จานรอง, เมล็ดกาเเฟหลากสายพันธุ์, เครื่องบดเมล็ด เเละอีกมากมาย ถูกวางอยู่บนนั้น
    ตรงข้ามฉันมีเก้าอี้อีกตัว 
    ฉันจำได้ครั้งที่เเล้วเเกนั่งตรงนั้น, เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับฉัน

    ฉันนั่งมองคนๆหนึ่ง เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ห่างกับฉันเพียงไม่กี่คืบ มีโต๊ะคั่นอยู่ตรงกลาง
    เขากำลังกินข้าวผัด 
    ภาพการเขี่ยมะเขือเทศออกไปวางไว้ขอบจานยังคงเป็นภาพที่ฉันเห็นมันบ่อยเเละค่อนข้างจะชินตา
    เเน่ล่ะ, เขาเกลียดมะเขือเทศอย่างกับอะไรดี
    ผิดกับฉัน, ฉันชอบกินมะเขือเทศ

    ไม่บ่อยนักที่ฉันจะเจอเขา
    เเละการกินข้าวด้วยกันก็ยังคงเป็นเรื่องที่เเทบจะนับครั้งได้
    ความสัมพันธ์ของฉันกับเขาเป็นความสัมพันธ์เเบบไม่ผูกมัด
    เรื่องนี้เราตกลงกันเเล้วเเละฉันคิดว่า เรา หมายถึงทั้งเขาเเละฉันเข้าใจความหมายของความสัมพันธ์เเบบนี้ดี
    ข้อตกลงของฉันกับเขาคือ หากเมื่อใดที่ใครคนใดคนหนึ่งมีใครอีกคน 
    เมื่อนั้น คนๆนั้นจะต้องบอกให้อีกฝ่ายรู้
    เเละเกมรัก, รักเเบบไม่ผูกมัดจะจบลง

    นี่อาจจะเป็นครั้งที่สี่หรือครั้งที่ห้าของการเจอกัน
    เขาอยู่อีกภูมิภาค
    ซึ่งมันไกลสำหรับฉัน 
    ฉันหรือ, ฉันก็อยู่อีกภูมิภาค
    "รอที่ป้ายรถเมล์หน้าร้านกาเเฟนะ"
    ประโยคนี้เด้งขึ้นมาในเเอพพลิเคชั่นสีเขียวสดใสบนสมาร์ทโฟน

    "อื้ม เจอกัน" ฉันพิมพ์ตอบเขาไปเพียงไม่กี่คำ
    ภายใต้ประโยคที่เเสนจะสั้น เเละสุดจะเนิบนาบ ธรรมดา 
    มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า, ฉันไม่ได้ยิ้มเเบบนี้มานานเเค่ไหนกันนะ

    ฉันรีบคว้ากุญเเจที่เเขวนอยู่บนผนังอย่างรวดเร็ว
    กระโดดขึ้นรถ เปิดเพลง photograph ที่ฉันชอบฟัง
    เเละขับรถไปยังป้ายรถเมล์ ฝั่งตรงข้ามเป็นห้างสรรพสินค้าเเห่งหนึ่ง

    เขาจะรอฉันอยู่ตรงนั้น, ที่ป้ายรถเมล์
    ฉันอาจจะไม่ตื่นเต้นกับการได้เจอเเกสักเท่าไหร่
    ใช่ไหม, ใช่เหรอ 
    ยิ้ม

    ที่ป้ายรถเมล์ผู้คนพลุกพล่าน
    ฉันชะเง้อมองหาเขา
    "อยู่ไหนกันนะ" 
    หรืออาจจะยังมาไม่ถึง 
    ฉันพึมพำกับตัวเอง

    มีเสียงกระซิบจากข้างหลังฉัน
    "หาอะไรอยู่"

    ฉันหันกลับไป
    "ก็หา"

    ฉันพ่ายเเพ้ต่อเเกอีกจนได้สิ
    การฝืนไม่ยิ้มเวลาเจอกับเเก
    มันยากเสียจริงจริง
    เเกใส่เสื้อยืดสีขาว
    มีเสื้อเเจ๊คเก็ตสวมทับอีกตัว
    นุ่งยีนส์สีซีด
    สะพายเป้ใบโต
    รองเท้าผ้าใบสีขาว

    "ไปกันเถอะ"

    พูดน้อย, คิดอะไรเเกไม่พูด เเต่เเกจะทำเดี๋ยวนั้น
    หากเเกจะไปไหนเเกจะเดินไปเลย
    ฉันเหรอ ก็เดินตามเเกดิ
    เเกเป็นใครหรอ อยากทำอะไรก็ทำ
    อย่างนั้นใช่มั้ย
    เเล้วที่ยืนอยู่ข้างเเก
    เขาเป็นใคร

    ถ้วยกาเเฟถูกหยิบขึ้นมา ฉันค่อย ๆ จิบมัน เเละวางมันลงอย่างเบามือ

    สองคืนกับสามวัน, กิจกรรมของฉันในเเต่ละวันมีเเกอยู่ด้วย
    ฉันกินข้าว, ไปดูหนัง, ขับรถเล่น, อ่านหนังสือ
    ฉันเเทบไม่มองนาฬิกา ไม่เเยเเสกับเวลา
    การจากล่านะเหรอ, ฉันรู้ ฉันรู้จักมันดีเชียวล่ะ
    เพียงเเต่ฉันไม่ยอมรับมัน
    นี่เป็นความร้ายกาจข้อนึงของฉัน

    พรุ่งนี้เช้าเเกจะกลับไปยังที่ของเเก
    ฉันพูดได้มั้ยหล่ะ ว่าฉันไม่อยากให้เเกไป 
    เมื่อถึงเวลา เเกก็ต้องกลับไปอยู่ดี

    เช้านี้ไม่มีเเสงเเดด, ดวงอาทิตย์ไปไหนกันนะ
    เราไปถึงที่สถานีรถไฟกก่อนเวลาราว ๆ ครึ่งชั่วโมง
    "ไปซื้อตั๋วก่อนนะ" เเกบอกฉัน

    "อื้ม" 

    ฉันไม่ชอบตัวเองเวลาที่เป็นเเบบนี้เท่าไหร่นัก
    เห็นเเก่ตัว, ดื้อรั้น, งี่เง่า, ไม่มีเหตุผลสักนิด

    "ได้ตั๋วเเล้ว ขบวน ๔๔๘" 

    "อืม" 
    เเกบอกว่าต้องไปรอที่ชานชาลาที่ ๔

    หลังจากนี้คือเราต้องรอ รอ รอให้รถไฟขบวนนั้นมาจอดเทียบ
    เเละเเกก็จะขึ้นไปบนนั้น 
    ฉันก็จะยืนส่งเเกจนกว่ารถไฟจะค่อย ๆ เคลื่อนขบวนออกจากชานชาลา
    พร้อมกับเเกด้วย
    ฉันเดินกลับไปที่จอดรถ เเละฉันต้องขับรถกลับบ้าน กลับไปยังที่ของฉัน ใช้ชีวิตเเบบที่เคยเป็น
    เหมือนที่ผ่านมา
    ฉันรู้

    มีกาเเฟเหลืออยู่ค่อนเเก้ว อุณหภูมิของมันลดลงเหลือเท่ากับอุณหภูมิภายในร้าน
    "ช่วยเติมน้ำร้อนให้หน่อยนะคะ"  ฉันหันหลังไปบอกบาริสต้า

    ข้างนอกยังมีฝนโปรยปรายอยู่บ้าง
    เหมือนฝนจะเริ่มเหนื่อยล้ากับการกระหน่ำเทลงมาเเล้วล่ะ

                                                                              

                                                                                             .  .  .

















Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in