เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ชายผู้ไม่เคยเห็นกระต่ายบนดวงจันทร์nuttyyttun
การเริ่มต้น
  •           ตลอดระยะเวลา 5 ปี ของการเดินทางบนเส้นทางชีวิตที่เขาเลือกเดิน ในเส้นทางที่เขาตัดสินใจที่จะเป็นคนกำหนดเอง ใช่ว่าจะมันจะสบายตลอดการเดินทาง อันที่จริงแล้วมันผกผันตั้งแต่เขาเริ่มตัดสินใจที่จะทำตามที่ตัวเองวาดไว้ แค่สองเดือนแรกก็วุ่นวายและยุ่งเหยิงจนถึงกับต้องเสียน้ำตา แต่นั่นมันก็แค่จุดเริ่มต้นของชีวิตเท่านั้น เขารู้ดีว่าเขาเริ่มต้นชีวิตของตัวเองช้ากว่าคนอื่นมากมายนัก อันที่จริงแล้วเขาไม่สามารถโทษคนอื่นที่มาบงการชีวิตเขาหรอก การที่เขาจำเป็นต้องเดินทางไปบนทางที่คนอื่นเลือก มันอาจจะเป็นเพราะตัวเขาเองนั่นแหละที่ไม่มีทางเดินเป็นของตัวเอง มันเหมือนว่าเป็นตัวเองไม่มากพอ ไม่สามารถบอกคนอื่นได้ว่าอะไรคือสิ่งที่เขาอยากทำมากที่สุดในชีวิต เขารู้สึกเหนื่อยแต่เขาก็ทั้งเข้าใจในสถานการณ์ของตัวเอง เขายอมรับว่าเขาเลือกที่จะให้มันเป็นไปแบบนั้น

              พอผ่านไปช่วงเริ่มต้นไปได้ เขาก็นับว่าโชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือมากมายจากเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาอย่างยาวนาน ถึงแม้ว่าจะเป็นอีกครั้งที่เขาไม่ได้เลือกว่านี่จะเป็นทางเดินในชีวิตของเขา แต่เขาก็ตัดสินใจเลือกว่านี่คงเป็นทางที่ดีที่สุดในขณะนั้น เขาไม่มีทางเลือกอื่นใดที่ดีไปกว่าทางนี้ และอีกครั้งที่เขาเองยอมรับมันและตัดสินใจลงมือทำ เขารู้และเข้าใจดีมากเกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกอะไรบางอย่างในชีวิต ถ้าเราเลือกบางสิ่ง เราก็ต้องยอมเสียบางสิ่งไปเช่นกัน เรื่องอะไรพวกนี้มันขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ตอนนั้นด้วยแหละ ถ้าเป็นสถานการณ์อื่นๆ ทางเลือกที่เลือกไปแล้วนั้นมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามเขาถือว่าประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิตมากในช่วง 2-3 ปี ในตอนนั้น เขาพบว่าเขามีความสุขกับสิ่งที่เขาทำอย่างมาก เขาได้พบเจอเพื่อนร่วมงานทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า ทั้งที่เคยรู้จักกันมาก่อนอยู่แล้ว หรือเพิ่งมาผูกสัมพันธ์กันในที่ทำงาน นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของเขาเลยก็ว่าได้

              แต่ทุกอย่างมันไม่ยั่งยืน เขาพบว่าวันหนึ่งเขากลับมาตั้งคำถามกับชีวิตในสิ่งที่เขาทำอยู่ทุกวัน ว่าเขาทำสิ่งนั้นไปเพื่ออะไร ไม่ใช่ในแง่ของการงาน แต่ในแง่ของชีวิตของเขาเอง เขาถามตัวเองอยู่เสมอว่า เขาจะยังมีความสุขกับสิ่งที่เขาทำไปได้นานขนาดไหน และสิ่งนี้คือสิ่งที่ตอบโจทย์ชีวิตเขาแล้วจริงๆใช่ไหม ถ้าไม่นับเรื่องของระบบทุนนิยมในสมัยปัจจุบัน ที่มันทำให้เราต้องพยายามขวนขวายทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำงานจนไม่เคยตั้งคำถามกับชีวิตว่าเราทำไปเพื่ออะไรกันแน่ ชีวิตที่ผ่านมาของเขามีแต่การทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่เราก็อาจจะตั้งคำถามแบบนี้ไปตลอดช่วงชีวิตของเราเลยก็ได้ เมื่อใดที่เขาตั้งคำถามกับการชีวิต เขามักจะหวนกลับไปคิดถึงการตัดสินใจทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตเขาว่า ทำไมเขาถึงตัดสินใจแบบนั้น ซึ่งเขาก็ไม่เคยได้รับคำตอบแบบชัดเจนสักเท่าไหร่

              ในช่วง 2 ปีต่อจากนั้น เขากลับพบว่าชีวิตในทางเดินที่เขาเลือกกลับไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ มันกลายเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในชีวิตของเขามากที่สุด เขาพบว่าชีวิตตัวเองเดินมาถึงทางตันไวกว่าที่เขาคาดคิด เขาพบว่าเขาไม่สามารถควบคุมงานให้เป็นไปตามที่ใจคาดหวังให้มันเป็น ซึ่งมันส่งผลโดยตนงต่อจิตใจของเขาอย่างที่สุด เขาไม่สามารถควบคุมจิตใจของเขาให้เป็นไปได้อย่างปกติ ถึงแม้เขาเชื่อว่าการออกกำลังกายอย่างหนักจะช่วยให้เขาผ่อนคลายจากความตึงเครียดที่สะสมอยู่ในทุกวัน แต่มันก็ไม่สามารถบรรเทาลงได้ดีนัก นอกจากงานที่เขาเผชิญเขายังต้องพบเจอกับเรื่องความรักที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนักในตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เขารู้สึกแล้วว่ามันจะต้องมีอะไรบางอย่างที่เขาตัดสินใจผิดในชีวิต เขาจึงหวนกลับไปรำลึกถึงช่วงชีวิตแห่งการเลือกทางเดินชีวิต เขาอาจจะเลือกอะไรบางสิ่งบางอย่างผิดไป แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะแก้ไขอะไรตรงไหน และไม่รู้ว่าเขาจะเจอทางออกไหมด้วย

              เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเจอกับอะไรเบื้องหน้า เขาจะพบเจอคำตอบที่เขาคาดหวังไหมก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้เขาพร้อมที่จะเดินออกค้นหาเส้นทางเดินใหม่อีกครั้ง ด้วยความหวังที่จะพบกับบางสิ่งที่จะทำให้เขาเข้าใจทุกอย่างอย่างถ่องแท้ ระยะทางอาจไกลมากเท่าเดินทางไปยังดวงจันทร์ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังที่เขาจะได้พบกับกระต่ายสักครั้ง

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in