เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First StoryMond Pamornnak
ชีวิต "Slow Life" ใน 5 วัน 4 คืน
  • หากพูดถึงคำว่า "Slow Life" ใครหลายๆคนก็คงนึกถึงชีวิตชิวๆ ท่ามกลางธรรมชาติ ท่ามกลางความสงบ ซึ่งในเรื่องที่เราจะพูดถึงนี้ก็มีทั้ง2อย่างที่ได้กล่าวไป แต่ถ้าให้นิยามคำว่าธรรมชาติกับสถานที่แห่งนี้คงต้องบอกเลยว่า ใครที่ชอบท่องเที่ยวสไตล์ "Backpack" คงจะต้องหลงรักเมื่อได้มาที่แห่งนี้แน่ๆ แต่เมื่อมีเรื่องดีก็ต้องมีเรื่องร้ายเป็นธรรมดาและเรื่องร้ายของที่แห่งนี้ก็คือ จะเห็นได้ว่าต้นไม้จะน้อยมากเพราะชาวบ้านแถวนั้นก็มักจะเข้ามาตัดไม้ไปก่อกองไฟกัน ที่นี่อากาศค่อนข้างหนาวถึงแม้ว่าจะไปในช่วงเมษาก็ตาม เราได้ไปในช่วงวันสงกรานต์พอดีต้องบอกเลยว่าใครที่ชอบความสงบที่แห่งนี้ตอบโจทย์สุดๆเพราะที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ครั้งแรกที่เราไปเรารู้สึกว่ามาอยู่ตั้ง5วันจะทำอะไรเนี้ย แม้แต่จะโทรไปเล่าอะไรให้เพื่อนฟังหรือถามไถ่เรื่องราวชีวิตในเมืองในวันสงกรานต์กับเพื่อนก็ยังไม่ได้ วันแรกเราก็ขอซึบซับบรรยากาศด้วยการนอนเพราะเราเดินทางช่วงเวลาประมาณตี3เลยขอหลับเอาแรงก่อน 
    มาวันที่สองเราเริ่มรู้สึกเบื่อเพราะวันแรกก็ไม่มีอะไรทำเอาแต่นอนๆๆ เราเลยลุกไปหยิบเสื้อชูชีพและโดดน้ำเล่นน้ำที่นี่ใสมากอาจเป็นเพราะว่าที่นี่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาสักเท่าไหร่ถ้าไม่นับคนที่มาด้วยกันก็คงมีแต่ชาวบ้านแถวๆนั้นกับหมา วัว ควาย คงเป็นเพราะว่าที่นี่ไม่มีอินเตอร์เน็ตเลยไม่ค่อยมีคนรู้จัก
    มาวันที่สามก็เริ่มจะเบื่อๆแล้วล่ะสิเล่นน้ำทั้งวันก็เริ่มจะเป็นหวัดเล็กน้อย เราเลยเดินเล่นถ่ายรูปดีกว่า ซึ่งต้องบอกเลยว่าทริปนี้มีรูปให้ลงไอจีไม่หมดสักทีจนตอนนี้ก็ยังไม่หมด (อันนี้ไม่ได้โกหกจริงๆนะ) เริ่มอยากรู้กันแล้วสิว่ารูปเยอะขนาดไหนวันนี้เลยคัดมาให้ดูพอประมาณ ถ้าเอามาทั้งหมดกลัวจะดูกันจนเบื่อ เอาล่ะ เรามาดูภาพกันดีกว่า 



































  • เอาเป็นว่าจบทริปเพียงแค่นี้..  ล้อเล่น รูปภาพก็จะประมาณนี้เน้นไปที่ น้ำกับท้องฟ้า แต่ถ้าสังเกตุดีๆจะเห็นได้ว่ามีวัดอยู่กลางน้ำ มันคือวันจริงๆนะทุกคนตอนแรกเราก็คิดว่าคงเป็นศาลาองค์พระกลางน้ำอะไรทำนองนี้ แต่เมื่อขากลับเราถามชาวบ้านแถวนั้นเขาบอกว่านี่คือวัด เพราะคนแถวนี้อยู่กันแบบเรียบง่ายเดินทางกันทางเรือซะมากกว่า แต่บนฝั่งเขาก็มีรถเก๋งขับกันแหละเพียงแค่เขาเอาไว้ใช้ขับออกไปซื้อน้ำในตัวเมืองกาญเพราะที่นี่ไม่มีน้ำไฟจะชาร์ทแบตโทรศัพท์ต้องใช้เครื่องปั่นไฟส่วนน้ำก็อาบกันในแม่น้ำนี่แหละ มาเข้าเรื่องกันต่อหลังจากวันที่สามเราเดินถ่ายรูปเล่นก็หมดวันไปกับการถ่ายรูปไปเรื่อย 
    เข้าวันที่สี่ คืนสุดท้ายแล้ว!! เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกนะเราอยากเล่นโซเชียลไม่ไหวแล้วแต่อีกใจก็อยากอยู่อย่างสงบแบบนี้อีกเรื่อยๆ แต่ชีวิตก็ต้องไปข้างหน้าเสมอเราเลยใช้ชีวิตเสมือนอยู่บ้านกินๆนอนๆ พอดีเราเอาเครื่องเล่นซีดีไปด้วยและหนังอีกเป็นสิบเรื่องกิจกรรมวันนี้เลยนอนดูหนังทั้งวันเลยตกเย็นก็ไปช่วยหั่นผักเพราะไม่รู้จะทำอะไรแล้วเครื่องเล่นซีดีก็แบตหมดแล้วค่ำๆถึงจะเปิดเครื่องปั่นไฟ เราลืมบอกไปเลยทริปนี้เราอยู่ในแพซึ่งแพที่เราอยู่เป็นแพสองชั้นเราเลยขึ้นไปชั้นสองไปนอนดูวานิลาสไกล์และมันทำให้เราพบว่าที่นี่ไม่มีวานิลาสไกล์ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกรึเปล่าเพราะปกติเวลาอยู่กรุงเทพเราจะเห็นวานิลาสไกล์ทุกวันแต่ที่นี่กลับไม่มีทำไมกันนะทั้งๆที่เรานอนรอตั้งแต่บ่ายสาม เราก็มานั่งนึกเลยได้ข้อสันนิฐานว่าที่นี่อากาศค่อนข้างหนาวตอนเช้ามีหมอกในขณะที่กรุงเทพกำลังเต้นสายย่อสาดน้ำกันอย่างสนุกสนาน แต่ที่นี่หนาวมากในช่วงเช้าและเย็นแต่กลางวันก็ร้อนพอสมควรแต่รับประกันว่าไม่ร้อนเท่ากรุงเทพแน่นอน เช้าวันที่ห้าเช้านี้วุ่นวายมาก? แม่เราบอกว่าเมื่อเช้าวุ่นวายมากซึ่งเราไม่รู้เรื่องหรอกเพราะเราหลับอยู่ทุกคนเริ่มเก็บข้าวเก็บของกันแล้วส่วนเรายังนอนอยู่เลยจนประมาณเที่ยงๆเราก็ตื่นมาอาบน้ำกินโอวัลตินขนมปังบ่ายๆได้เวลาอาหารเที่ยงพอดีเราก็กินข้าวต่อ (ทริปนี้พี่มาเพื่อกิน) แล้วหลังจากนั้นก็มีเรือมาลากแพกลับไปยังฝั่งหมู่บ้าน
  • ขอสรุปทริปนี้ว่าเราชอบความสงบไม่มีความวุนวายใดๆ การขาดการติดต่อเพียงชั่วคราวเหมือนเราได้ Restart ชีวิตอันเหนื่อยล้ามาตลอดแนะนำว่ามาช่วงวันหยุดยาวจะดีมากได้ซึมซับบรรยากาศแบบเต็มอิ่มจริงๆ ส่วนถ้าใครขี้เบื่อแบบเรามาทริปชิวๆสักสองวันสามคืนน่าจะกำลังดีนะได้พักผ่อน ได้เจอบรรยากาศใหม่ๆ ได้ความรู้ใหม่? ได้รู้ว่าที่นี่ไม่มีวานิลาสไกล์ หรือแถบเชียงใหม่เขาก็ไม่มีเราก็ไม่รู้สิ แต่ถ้าใครที่ชอบการเล่นโซเชียลเราว่าอาจจะลงแดงได้นะถ้าไม่ได้เล่นหลายๆวันติดต่อกันขนาดนี้ ส่วนอาหารการกินทำเองทั้งหมดเพราะที่นี่ไม่มีบริการหลังการขายใดๆมีแต่แพและห้องน้ำหนึ่งอัตตราเพียงเท่านั้น แต่พี่เจ้าของแพก็คอยมาเทคแคร์เป็นระยะๆ ก่อนจะจากกันขอบอกพิกัดที่นี่นิดนึงที่นี่คือ อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี จำชื่อเขื่อนไม่ได้ ขอจบทริปนี้ค่ะ ต้องบอกก่อนว่านี่เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรกอาจจะยังดำเนินเนื้อเรื่องไม่ค่อยดีนักและยังใส่รายละเอียดไม่มากต้องขออภัยด้วย


    ภาพจากกล้องฟิล์ม
    .
    .
    .



    ถ้าใครอยากเห็นภาพอื่นๆที่ไม่ได้เอามาให้ดูสามารถตามไปดูได้ที่ไอจีตามด้านล่างเลย
    @mondmonddd
    @mmondddd
    บ้ายบาย จบแล้ว จบจริงๆแล้วววว


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in