เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
popcorn with memonnierose
Amadeus พรแสวงทีอิจฉาพรสวรรค์


  • Amadeus หนังที่บอกเล่าเรื่องราวของ โมสาร์ท อัจฉริยะทางดนตรี โดยพรสวรรค์ของเขานั้นเป็นสิ่งที่พระเจ้ามอบให้อย่างไม่ต้องสงสัย ถึงแม้จะเป็นหนังที่เล่าชีวิตของโมสาร์ทแต่มุมมองของหนังนั้นกลับถ่ายในมุมมองของซาเลอรี่ชายที่อิจฉาความสามารถของโมสาร์ท


    โดยหนังเรืองนี้แสดงความอิจฉาได้ออกมาเรียลสุดๆ ไม่ได้เป็นศัตรูมากเกินไปและก็ไม่ได้เป็นมิตรมากเกินไป ตั้งแต่หนังเริ่มเรื่องจนจบนั้น ตัวซาเลอรี่ก็ยังถ่ายทอดความอิจฉาออกมาได้ไม่รู้จบ สุดท้ายแล้วความอิจฉาที่เขามาต่อโมสาร์ทนั้นก็ทำให้เขาเจ็บปวดด้วยเช่นกัน
    ฉากจีบสาวแบบผวนคำ 555555555
    ในหนังนั้นโมสาร์ทค่อนข้างเจ้าสำราญ ชอบดื่ม ตลกขบขัน ไม่ชอบอยู่ในกรอบ แถมยังไม่ต้องซ้อมอะไรมากมายก็สามารถเล่นบทเพลงได้อย่างราบรื่นและงดงามนี้คงเป็นจุดที่เซอลารี่อิจฉาโมสาร์ท

     ในชีวิตจริงของคนเรามันก็ต้องมีคนรอบตัวที่มีพรสวรรค์ ไม่ต้องทำอะไรมากมายก็สามารถทำสิ่งๆนั้นได้ดี ซึ่งจุดนั้นทำให้เซอลารี่ก็เคยนั่งคิดว่า ทำไมกันนะ พระเจ้าถึงรักคนพวกนี้มากกว่าเราที่ต้องพยายามฝึกฝนทุกวัน เราเข้าใจความเจ็บปวดนี้ของเซอลารี่ดี แต่ในมุมมองของเราเซอลารี่นั้นออกจะโทษพระเจ้ามากไปนิด ถึงขนาดที่เผาไม้กางเขน

    นอกจากนั้นการดูหนังเรื่องนี้ก็ให้ความรู้เกี่ยวกับสภาพสังคมในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี การสร้างสรรค์งานที่มีกรอบที่ถูกวางไว้แต่โมสาร์ทก็ออกนอกกรอบตลอด ไหนจะระบบอุปถัมภ์ที่นักดนตรีอยากจะอยู่รอดก็ต้องมีผู้อุปถัมภ์ การแต่งกายของผู้หญิงสมัยนั้นและการแสดงโอเปร่าที่ได้รับความนิยมมากๆ หนังเรื่องนี้ก็ได้ถ่ายทอดถึงส่วนนั้นด้วยถึงจะไม่มากแต่ก็พอทราบสภาพสังคมในยุคนั้น


    ทั้งคอสตูมและฉากทำเอาเรากรีดร้องเลยชอบใจสุดๆ

    ในตัวหนังเราชอบภาพ สถานที่ ความตลกของเสียงหัวเราะของโมสาร์ท ซึ่งทำเอาหลอนหูไปนานเลยทีเดียว ในส่วนของรางวัลนั้นหนังเรื่องนี้ได้รางวัลออสก้าไปทั้งหมด 8 สาขาเลยทีเดียว


    เราเคยอยู่ในจุดที่เป็นเซอลารี่และบางเวลาก็ยังคงอิจฉาแต่ก็น้อยลงทีเดียวเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน
    เราเรียนรู้ที่จะเป็นเพื่อนกับคนที่เราอิจฉาหรือสนใจความสามารถเขา พอเราได้ตัดสินใจที่จะไม่อิจฉาแล้วชีวิตก็มีความสุขขึ้นมากๆ แถมยังได้สิ่งดีๆจากคนที่เราอิจฉาอีก

    เราประทับใจฉากที่โมสาร์ทป่วยแล้วเซอลารีอาสาช่วยเขียนเพลงด้วย ถ้าเซอลารี่ไม่สกัดกั้นเส้นทางดนตรีของโมสาร์ทและจับมือร่วมกันประพันธ์งานดนตรีสนับสนุนซึ่งกันและกันตั้งแต่แรกเขาคงไม่ต้องมีไฟแห่งความริษยาที่มอดไหม้ยาวนานขนาดนี้


    ถึงแม้ตัวหนังจะพูดถึงความริษยาของพรแสวงที่โดนพรสวรรค์บดบัง
    แต่ในท้ายที่สุดนั้นเราก็ยังเห็นคำว่า 'มิตรภาพ' ของตัวละครทั้งสอง
    ด้านเซอลารี่ถึงแม้จะริษยาแค่ไหนแต่ก็ยังตามไปดูงานของโมสาร์ททุกงาน
    จนถึงช่วงเวลาสุดท้ายของโมสาร์ทเขาก็อยู่ตรงนั้น

    เราประทับใจกับหนังเรื่องนี้มากฉากอลังการ นักแสดงนั้นแสดงได้ยอดเยี่ยมถ้าคะแนนเต็มร้อยเราก็ให้ร้อยคะแนน หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบคงต้องไปหาผลงานโมสาร์ทมาฟังไปสักพัก

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Winai Chaichana (@winaichaichana)
ชอบประโยคที่ว่า
"เราเรียนรู้ที่จะเป็นเพื่อนกับคนที่เราอิจฉาหรือสนใจความสามารถเขา พอเราได้ตัดสินใจที่จะไม่อิจฉาแล้วชีวิตก็มีความสุขขึ้นมากๆ แถมยังได้สิ่งดีๆจากคนที่เราอิจฉาอีก"

ความรู้สึกไม่ดี ย่อมทำให้เรารู้สึกไม่ดี ความรู้สึกดี ๆ ย่อมทำให้เรารู้สึกดี
นั่นคือความจริงเลยครับ เปลี่ยนจาก "อิจฉา" เป็น "ชื่ีนชม" แล้วรู้สึกได้เลยว่ารู้สึกดี
หนังน่าดูครับ ล่าสุดที่ดูแนวนี้คือเรื่อง "The Phantom of The Opera" เป็นแนวดนตรีคลาสสิกเหมือนกัน
monnierose (@qmericanov)
@winaichaichana ขอบคุณมากค่ะ ที่ชอบ
การเปลี่ยนความคิดของตัวเองสำหรับเราง่ายกว่าเปลี่ยนคนอื่นเยอะเลย 55555
ว่างๆเราจะไปหาหนัง ที่คุณแนะนำมาดูค่ะ ขอบคุณมากๆที่อ่านจนจบนะคะ
Winai Chaichana (@winaichaichana)
@qmericanov ด้วยความยินดีครับ :)
Phantom of The Opera ก็ดีและดังมาก ๆ เพลงก็เพราะมากครับ มีฉบับหนังสือแปลเป็นภาษาไทยด้วยครับชื่อว่า "ปีศาจแห่งโรงอุปรากร" ลองหาดูหาอ่านนะครับ