เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
central europe 2019themoonograph
DAY3 : เชสกี้ ครุมลอฟ เมืองมรดกโลกที่เหมือนหลุดออกมาจากในเทพนิยาย
  • รองลงมาจากปราก นี่คงเป็นอีกเมืองที่นักท่องเที่ยวต่างก็นึกถึงเมื่อพูดถึงประเทศเช็ก เชสกี้ ครุมลอฟได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ในปี 1992 และได้รับฉายาจากผู้คนที่มาว่าเป็น "ไข่มุกแห่งโบฮีเมีย"

    รูปนี้เป็นรูปที่เราชอบมากที่สุดจากวันที่สาม ถ่ายระหว่างทางเดินที่จะไปปราสาทเชสกี้ ครุมลอฟ



    วันที่สามตื่นเช้ามาก็ทานอาหารที่ที่พักและขอให้เขาช่วยโทรเรียกแท็กซี่เพื่อเดินทางเข้าไปยังจัตุรัสกลางเมืองและฝากกระเป๋าที่ Info Center ตกใบละ 2 ยูโรหรือ 50 คราวน์ เสร็จแล้วเราก็เดินมาเรื่อย ๆจนถึงปราสาทและซื้อตั๋วเข้าชมเป็น Route ที่ 1 เท่าที่เห็นจะมี 2 Route นะคะ แต่ส่วนตัวเราเลือกแค่อันแรกอันเดียวเพราะมีเวลาจำกัด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงพร้อมไกด์ทัวร์ที่น่ารักมาก ๆ 

    การเข้าชมปราสาทจะมีแค่ Guided Tour ไม่มีให้เลือกใช้ Audio Guide แล้วเดินไปทีละห้อง ๆ แบบที่อื่น การทัวร์ Route 1 ของเราจะโฟกัสที่สามตระกูลขุนนางใหญ่ ๆ ที่ได้เข้ามาเป็นเจ้าของปราสาทแห่งนี้ ได้แก่ Rosenberg, Eggenberg, Schwarzenberg แต่จะเน้นหนักมาก ๆ ที่ Rosenberg ค่ะ ถ้าอยากฟังเพิ่มเกี่ยวกับสองตระกูลหลังต้องไปต่อที่ Route 2

    ไกด์เล่าทุกอย่างตามความเป็นจริงหมดเลยค่ะ อีกทั้งยังนำเสนอข้อมูลที่เป็นกลางมากพอสมควร อะไรที่จริงก็บอกจริง อะไรที่ไม่จริงหรือผิดจากความเชื่อและตำนานของชาวบ้าน ก็บอกกันตามตรงค่ะ เราประทับใจมาก ๆ เลยที่ได้รับข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ แถมถ้าสงสัยอะไรเพิ่มเติมก็สามารถแทรกถามได้ตลอด ไกด์พร้อมให้คำตอบเสมอ ถึงแม้ตัวปราสาทจะไม่ได้ทำให้รู้สึกหวือหวาเหมือนกับที่อื่น ๆ ที่เคยเป็นที่อยู่ของราชวงศ์หรือกษัตริย์ แต่ด้วยประวัติอันน่าสนใจและความเรียบง่ายนี้เองที่ทำให้เราตกหลุมรักกับที่นี่ 

    เห็นนักท่องเที่ยวแวะถ่ายกันตรงนี้เยอะมาก ๆ ตอนจะเดินขึ้นตัวปราสาทไปเข้าชมจะมีช่องเล็ก ๆ 
    ทางฝั่งซ้ายมือนะคะ เป็นคล้าย ๆ กับระเบียงยื่นออกไปนิดนึง จะได้รูปที่ออกมาสวยมากเลยค่ะ

    จริง ๆ มีหอคอยที่สามารถขึ้นไปถ่ายรูปและชมวิวได้เหมือนกันนะคะ แต่หลังจากทัวร์ของเราจบ เราก็เหลือเวลาไม่มากพอแล้ว เพราะต้องรีบเดินทางไปที่สถานีและนั่งรถเข้าปรากต่อ เสียดายมากพอสมควร ถ้าใครจะมาที่นี่ก็อย่าลืมเผื่อเวลาเอาไว้เยอะ ๆ เลยนะคะ เพราะเวลาไปถึงสถานที่จริง ๆ แล้ว จากที่คิดว่าเดินแปปเดียวก็พอ กลับไม่เคยพอเลยค่ะ พอเสร็จแล้วก็แวะซื้อของฝากกันสักนิดหน่อย แล้วรีบเดินกลับลงมาเอากระเป๋า ขอให้ Info Center ช่วยเรียกแท็กซี่ (ที่บังเอิญได้คันเดิมเพราะเมืองเล็กมาก ๆ เลยมีคนขับน้อย) แล้วนั่งไปยังสถานีที่จะขึ้นรถ Student Agency Bus เข้าปรากกัน ในตั๋วที่ได้มาเขาบอกว่าของเราต้องขึ้นที่ชานชาลา 9 แต่ไปที่หน้าบอร์ดบอกชานชาลาแล้ว สุดท้ายรถเราเข้าที่ชานชาลา 7 เอาเป็นว่าถ้าใครเลือกวิธีการเดินทางแบบเดียวกับเราก็อย่าลืมตรวจสอบให้ดี ๆ ก่อนนะคะ

    ระหว่างอยู่บนรถเราก็คุยอีเมลกับเจ้าของโรงแรมในปรากให้เขาช่วยเรียกแท็กซี่อีกครั้ง เนื่องจากวิธีการเดินทางไปที่พักจากสถานีที่ลงถ้าใช้ขนส่งสาธารณะจริง ๆ จะต้องนั่งเป็น Tram ซึ่งกระเป๋าเราใบใหญ่มาก ถ้าจะให้ยกขึ้นลง Tram ที่รีบจอดรีบออกคงจะไม่สะดวกเท่าไรแถมอาจจะทำให้คนอื่นช้าไปอีกด้วย เลยตัดสินใจนั่งแท็กซี่แทนค่ะ พอลงถึงสถานี Na Knizeci ยังไม่ทันได้ยกกระเป๋าลง คนขับแท็กซี่ก็เดินมาทักเลยว่าใช้คุณชื่อนี้ ๆ มั้ย แล้วก็มาช่วยขนกระเป๋าด้วย น่ารักมาก ๆ ใช้เวลาจากสถานีขับไปถึงที่พักก็ประมาณเกือบ ๆ 20 นาที แล้วเราก็เข้าเช็คอินกันตามปกติ

    มาถึงเรื่องน่าปวดหัวอีกอย่างที่พบเจอในประเทศเช็ก (ภาคต่อจากตอนที่แล้ว 5555555)

    พอเอาของออกจากกระเป๋าอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็ออกจากที่พัก ไปกดซื้อตั๋วเดินทางเพื่อที่จะนั่งเข้าไปในใจกลางเมืองและหาร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อของกลับมาทำอาหารทานกันมื้อเย็นค่ะ ที่พักเราตั้งอยู่ใกล้ ๆ สถานี Marjanka แถวนั้นมีตู้กดตั๋วเล็ก ๆ อยู่ตู้นึง (ตู้กดตั๋วเดินทางในปรากจะเป็นตู้สีเหลืองค่ะ) ตอนแรกเราจะซื้อเป็นตั๋ว 24 ชั่วโมง ไว้ใช้เผื่อพรุ่งนี้เลย แต่ราคาทั้งหมด 330 คราวน์ เรายังไม่ได้แลกเงินคราวน์กันมาเลย มีแต่เงินยูโร อีกทั้งพอจะจ่ายเป็นบัตรเครดิต (ที่ตู้บอกว่าจ่ายได้) มันก็ขึ้นแอเร่อไม่ยอมให้จ่ายค่ะ โชคดีตอนนั้นมีวัยรุ่นชาวเช็กอยู่แถวนั้นที่พูดภาษาอังกฤษคล่องมาก ๆ มาช่วยดูให้ เขาก็บอกตู้นี้เหมือนจะมีปัญหากับการรับบัตรเครดิต คงต้องใช้เป็นเหรียญแทน แต่เราก็บอกเรายังไม่ได้แลกเงินมา เขาก็แนะนำให้ไปกดเงินจากบัตรได้ที่ตู้ถัดออกไปไม่ไกล หลังจากนั้นเราก็ขอบคุณแล้วแยกทางกับวัยรุ่นกลุ่มนั้นที่น่ารักมาก ๆ ค่ะ

    พอไปกดเงินที่ตู้ ปรากฏว่ามันให้มาแต่แบงก์ค่ะ แต่ที่จะต้องใช้ซื้อตั๋วเขารับแค่เหรียญเท่านั้น จะให้เดินกลับไปที่ที่พัก Reception เขาก็ปิดไปแล้ว เลยต้องไปหาร้านขายไอศกรีมแถวนั้นเพื่อซื้อของแล้วหาแลกเหรียญแทน แต่ก็ยังไม่พอจะซื้อตั๋วอีก 5555555 เลยต้องไปร้านขายของชำเล็ก ๆ แถวนั้นที่มีเหรียญเยอะอยู่พอสมควร สุดท้ายเราเลยสามารถกดซื้อตั๋ว 90 นาทีเพื่อเดินทางเข้าไปในตัวเมืองได้ค่ะ (ตัดใจจากตั๋ว 24 ชั่วโมงแล้วเพราะเหรียญมีแต่ไม่มากพอจะซื้อ)

    เราแวะกันที่ Albert และซื้อของมาพอสมควร แต่พอจ่ายเงินก็ได้เหรียญกลับมาน้อยอีกแล้วค่ะ ปัญหาใหญ่มาก แต่ก็เข้าใจเนื่องจากวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ธนาคารปิด ไม่มีใครแลกเงินได้เลย แล้วเราก็นั่งกลับมาแถวโรงแรม แวะเข้าไปซื้ออาหารร้านอาหารเวียดนาม แล้วโชคดีมาก ๆ ที่ร้านนี้มีเหรียญเต็มไปหมดเลยค่ะ มากพอที่จะซื้อตั๋ว 24 ชม. เราเลยรีบไปกดตั๋วมาเก็บไว้สำหรับใช้เดินทางในวันพรุ่งนี้ พูดได้เลยว่าร้านอาหารเวียดนามช่วยชีวิตจริง ๆ ค่ะ (อาหารเขาอร่อยมากด้วย!)

    ร้านนี้เลยค่ะ ถ้าใครพักแถว ๆ Marjanka เหมือนกันก็แวะไปได้นะคะ อร่อยมากเลย เจ้าของร้านน่ารักมากด้วย

    แล้วก็จบไปอีกหนึ่งวัน ขอสรุปข้อคิดที่ได้เผื่อใครจะไปเที่ยวแถบนี้เหมือนกันนะคะ

    1) ถ้าจะไปเชสกี้ครุมลอฟ แนะนำให้เผื่อเวลาเดินในเมืองเยอะหน่อยนะคะ เมืองสวยมากและมีหลายอย่างให้ทำเลย ทั้งเดินปราสาท เดินเล่นรอบเมืองเฉย ๆ ไปนั่งพายเรือ ขึ้นไปดูวิวบนหอคอย ดูน้องหมีเชสกี้กับครุมลอฟ ซื้อของฝาก เป็นต้น 
    2) อย่าลืมหาแลกเงินคราวน์นะคะ ตอนแรกเราว่าจะแลกแล้วแต่ก็ลืม เลยวุ่นวายกันมากเลย
    3) และถ้าแลกเงินมา ก็อย่าลืมขอเหรียญมาเยอะ ๆ นะคะ เผื่อเจอตู้กดตั๋วที่ใช้บัตรแล้วเดี้ยงเหมือนตู้ที่เราเจอ อันนี้ชวนปวดหัวมากเลย
    4) ถ้าใครวางแพลนแล้วเที่ยวชนวันอาทิตย์ ถ้ามีโอกาสแลกเงินก่อนให้รีบแลกก่อนเลยนะคะ วันอาทิตย์แบงก์ปิดหาแลกยากมาก ร้านบางอย่างก็ไม่เปิดวันนี้
    5) และถ้ามีปัญหาจริง ๆ ให้ลองขอความช่วยเหลือจากคนในพื้นที่นะคะ เขาสามารถให้คำแนะนำดี ๆ ได้

    ขอจบวันที่สามเพียงเท่านี้

    และขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันนะคะ

     themoonograph

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in