เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
central europe 2019themoonograph
DAY2 : พระราชวังเชินบรุนน์ และการเดินทางเข้าเช็กอันแสนวุ่นวาย
  • ในตอนแรก เราเกือบไม่ได้แวะมาที่พระราชวังเชินบรุนน์ด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวจะตกรถไฟที่ต้องนั่งข้ามไปยังสาธารณรัฐเช็ก แต่ในที่สุดก็สามารถเปลี่ยนตารางให้พอมีเวลาแวะมาที่นี่ได้ ก่อนที่จะมา เราได้ยินผู้คนมากมายต่างก็พูดเชินบรุนน์เป็นสถานที่ที่พลาดไม่ได้ในเวียนนา เราเคยคิดว่าคนเหล่านั้นแค่มองว่าที่นี่สวยเฉย ๆ หรือเปล่า เลยมองว่าต้องเข้าชมให้ได้ แต่หลังจากที่ได้มาแล้ว อยากจะยืนยันเองเลยว่า เชินบรุนน์เป็นมากกว่าพระราชวังทั่วไป และเป็นสถานที่แห่งแรกตั้งแต่เราเที่ยวมาที่เกือบทำเราร้องไห้

    รูปนี้เป็นรูปที่เราชอบที่สุดของวันที่สอง เป็นรูปของตัวพระราชวังเชินบรุนน์ที่ถ่ายตอนนักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยมีเท่าไร



    วันที่สองเรารีบตื่นเช้าเพื่อไปเข้าชมพระราชวัง Schönbrunn หรือเชินบรุนน์ ที่ห่างออกไปจากที่พักของเราเพียงนิดเดียว นั่งรถไฟใต้ดินสาย U6 สองสถานีไปเปลี่ยนที่สถานี Längenfeldgasse แล้วนั่งสาย U4 ต่อเพื่อไปลงยังสถานี Schönbrunn หลังจากนั้นก็เดินต่อไปอีกไม่ไกลก็ถึงตัวพระราชวัง

    สถานี Schönbrunn

    วิธีการซื้อตั๋ว ต้องซื้อตั๋วตรงอาคารฝั่งซ้ายของประตูทางเข้าก่อนที่จะเดินเข้ามาด้านในค่ะ เพราะถ้าเข้ามาด้านในจะไม่มีห้องขายตั๋วแล้ว และถ้าจำไม่ผิด เราคุ้น ๆ ว่าสามารถซื้อตั๋วออนไลน์ได้เหมือนกัน แล้วแต่จะสะดวกเลย โดยการทัวร์พระราชวังจะมีรอบแรกสุดตอน 8 โมงเช้า แนะนำให้มาถึงประมาณ 7 โมงกว่า ๆ คือตัวพระราชวังจะเปิดตั้งแต่เช้าแล้วประมาณ 6 โมง แต่ส่วนที่ให้เข้าชมจะเปิด 8 โมงเป็นต้นไป ดังนั้นถ้ามาก่อนเวลาได้ก็ยิ่งดีค่ะ จะเป็นช่วงเวลาที่คนน้อยที่สุด ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว พระราชวังจะเงียบมาก และสามารถถ่ายรูปออกมาได้สวยมากเลย

    เราเลือกชมเป็น Grand Tour ตั๋วจะมีสองแบบคือ Imperial Tour กับ Grand Tour ถ้าเป็นแบบหลังจะได้เข้าชมเยอะกว่าอีกประมาณ 10 กว่าห้อง ใช้เวลารวมเกือบหนึ่งชั่วโมง ถ้าเลือกเป็นอันแรก แค่ประมาณ 30 นาทีก็เสร็จ แล้วก็จะเหมือนที่อื่น ๆ คือมี Audio Guide ให้ฟัง จะต่างตรงที่ที่นี่ถ่ายรูปและอัดวิดีโอไม่ได้เลยค่ะ ห้ามทั้งหมด ดูตาเปล่าอย่างเดียวเลย (ซึ่งจริง ๆ ข้างในสวยมากและข้อมูลใน Audio Guide ก็แน่นมาก คุ้มค่ากับการเข้าชม ถ้าแวะมาเวียนนาควรเข้าชมจริง ๆ)

    ก่อนจะมาที่นี่ หรือจริง ๆ แล้วก่อนที่จะมาเวียนนา อยากให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกับ Sisi ก่อน ซึ่งเราได้เล่าประวัติจากที่เคยได้หาข้อมูลมารวมกับข้อมูลที่ได้เพิ่มเติมจากการเข้าชมที่ลิงก์นี้ค่ะ
    https://minimore.com/b/TYQje/4

    พอทัวร์จบลงเราก็แวะซื้อของฝากกันสักนิดแล้วเดินเข้าชมสวนด้านหลังพระราชวัง มีดอกไม้สวยงามมากมายเลย เหมาะสำหรับการถ่ายรูปมาก ๆ ถ้ายังพอมีเวลาเหลือก็อย่าลืมเดินไปดูนะคะ เท่าที่เห็น จะมีสวนอยู่สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเข้าฟรี คือเป็นสวนดอกไม้ทั่วไป กับอีกฝั่งหนึ่งที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม คือเป็นเหมือนกับสวนส้มเล็ก ๆ 

    เสร็จแล้วเราก็เดินกลับที่พัก เช็คเอ้าท์แล้วลากกระเป๋าไปสถานี Franz-Joseph Bahnhof เพื่อนั่งรถเข้าประเทศเช็กต่อไป เท่าที่เราหาข้อมูลมา สถานี Franz-Joseph Bahnhof นี้จะเป็นสถานีหลักสำหรับรถไฟเข้าประเทศเช็ก คือในเวียนนาเองจะมีสถานีใหญ่ ๆ อีกหลายสถานี เช่น West Bahnhof, Wien Mitte, Wien Hbf, etc. แต่พวกนี้จะเป็นเหมือนสถานีเปลี่ยนสายรถภายในเมืองไม่ก็ไปต่อที่อื่นมากกว่า ส่วนมากถ้าจะไปเช็ก ยังไงก็ต้องมาสถานีนี้ค่ะ 

    อันนี้เผื่อใครจะไปเที่ยวเหมือนกันนะคะ 

    เราซื้อเป็นตั๋วของ ÖBB เวลาทุกคนจองตั๋วให้สังเกตป้ายที่ไปลงดี ๆ ด้วยนะคะ ตอนเราจองบนเว็บเราก็กดหาเที่ยวรถไฟที่ออกจากเวียนนาแล้วไปลงที่เมืองเชสกี้คลุมลอฟ ตั๋วก็บอกมาให้ชัดเจนค่ะว่าต้องไปขึ้นอะไรบ้าง แต่ที่เป็นของทาง ÖBB เอง สามารถไปสุดได้แค่ที่เมือง Ceske Budejovice เท่านั้น โดยเราต้องซื้อตั๋วนั่งจาก Ceske Budejovice ไป Cesky Krumlov เพิ่ม คือในเว็บเขาก็จะมีแนะนำค่ะว่าให้ขึ้นรถไฟสายนี้ ๆ ที่เป็นสาย Local แต่ส่วนตัวเราเลือกนั่งเป็น Student Agency Bus แทน อันนี้ก็กดบนเว็บเขาแยกเลย เพื่อนั่งจาก Ceske Budejovice ไปลง Cesky Krumlov ค่ะ ให้ดูตัวอย่างจากตั๋วเราด้านล่าง

    จะสังเกตได้ว่าเส้นสีแดง ๆ จะไปจบแค่ที่ Ceske Budejovice เท่านั้น แปลว่าหลังจากนั้นเราต้องเดินทางต่อเอง เลือกได้ว่าจะไปซื้อตั๋วแล้วขึ้นตามที่บอกด้านบน (นั่ง Local Train 8111, Bahnsteig) หรือจะนั่งไปเชสกี้ครุมลอฟด้วยวิธีอื่นแบบเรา เช่น นั่ง Student Agency Bus ไป ส่วนตัวแอบเชียร์ให้ขึ้น Student Agency Bus มากกว่า เพราะมันเป็นรถบัสและสถานีรถบัสจะอยู่ใกล้ใจกลางเมืองมาก ๆ จะสะดวกกว่าเยอะเลย แถมใช้เวลาน้อยกว่า นั่งค่อนข้างสบาย และราคาก็ไม่ได้แพงมากด้วย

    เพิ่มเติมนะคะ ใครจะนั่ง Student Agency Bus แนะนำให้ซื้อตั๋วออนไลน์ไปเลยค่ะ ถ้าซื้อตั๋วไปก่อน จะจองที่ได้ และเวลาขึ้นรถก็สามารถขึ้นได้ก่อน สะดวกกว่าไปยืนรอซื้อทีหลังกับพนักงานตรงนั้นมาก ๆ (ซื้อได้ที่เว็บนี้เลย https://www.regiojet.com/)

    กลับมาที่ประสบการณ์นั่งรถไฟเข้าเช็กบ้าง ถ้าดูจากตารางข้างบนจะเห็นว่าเราต้องไปเปลี่ยนรถรอบแรกที่ Ceske Velenice ใช่ไหมคะ เราก็หาข้อมูลไปก่อน พบว่าเป็นสถานีที่อยู่ติดเขตแดนระหว่างออสเตรีย-เช็กเลยค่ะ ก็คิดว่าคงมีคนเยอะพอสมควร แต่พอลงถึงสถานีจริง ๆ กลับกลายเป็นสถานีที่เงียบมาก แทบไม่มีคนเลยด้วยซ้ำ แล้วเราต้องรีบเปลี่ยนคันรถภายในไม่กี่สิบนาที แต่ชานชาลาก็ไม่ขึ้นสักทีว่าเราต้องขึ้นที่ไหน รถไฟก็ยังไม่เห็น ตอนนั้นลนมาก แถมยังต้องยกกระเป๋าขึ้นลงบันไดอีก โชคดีที่ตอนนั้นมีคนเช็กที่ต้องเปลี่ยนรถไปคันเดียวกับเราแล้วหาชานชาลาไม่เจอเหมือนกัน เลยวิ่งเข้าไปถามในตัวสถานีหลักตรง Infomation Center ด้วยกัน (ที่ตอนแรกเรียกเท่าไรก็ไม่หัน เหมือนเขานั่งตะไบเล็บอยู่ ตะโกนก็แล้วอะไรก็แล้ว 555555555) พอเข้าไปถามเขาก็ค่อยประกาศชานชาลาให้ค่ะ นับว่าเป็นอะไรที่ฉุกละหุกและชวนปวดหัวมาก 555555555

    แต่เราก็ขึ้นรถไฟมาได้อย่างเรียบร้อย และในที่สุดก็มาถึง Ceske Budejovice เป็นสถานีรถไฟ แต่ถ้าใครจะต้องต่อ Student Agency Bus เหมือนเรา ต้องเดินข้ามถนนไปสถานีรถบัส Ceske Budejovice, AN ใกล้ ๆ กัน ขึ้นไปชั้น 3 แล้วเดินออกไปรอรถบัสด้านนอกตามชานชาลาที่บอกเอาไว้ได้เลย

    นั่งไม่กี่นาทีก็มาถึงเมืองเชสกี้ครุมลอฟค่ะ อันนี้ข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ เท่าที่เรารู้มา สถานีรถบัสใกล้ ๆ เชสกี้ครุมลอฟมีหลายที่ค่ะ มี Cesky Krumlov, Cesky Krumlov AN, Spicak ไม่แนะนำให้ลงสถานีแรกนะคะ เพราะอยู่ไกลออกไปมาก สองตัวหลังจะอยู่ใกล้ตัวเมืองมากกว่า ถ้าใครพักโรงแรมใกล้ใจกลางเมืองหรือมาเที่ยว Day Trip แล้วต้องการเดินเล่นในเมืองก็แนะนำให้ลง Cesky Krumlov AN แต่ถ้าใครพักโรงแรมที่ไม่ได้อยู่ตรงจัตุรัสใจกลางเมือง (แบบเรา) ก็ควรลงสถานี Spicak มากกว่าค่ะ ต้องลงก่อน Cesky Krumlov AN แปปนึง รอฟังประกาศในรถดี ๆ นะคะ

    พอลงรถเสร็จ เราก็เดินไปโรงแรมที่จองไว้ค่ะ ซึ่งอยู่ไกลออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร ตอนจองคิดว่าไม่ไกลมาก เดินไหวค่ะ ชิวชิ๊ว ออกกำลังกายลดน้ำหนักขำ ๆ แต่พอเอาเข้าจริงคือไม่ไหวเลย เดินนานมากกกกกกก 5555555 แนะนำเลยนะคะ ถ้าใครจะพักที่เมืองนี้ ให้พักใกล้จัตุรัสใจกลางเมืองเถอะค่ะ ยกเว้นแต่ว่าใครอยากเดินออกกำลังกายทดสอบกำลังแขนและกำลังขาก็ลองจองโรงแรมไกล ๆ แบบเราก็ได้

    เรื่องน่าปวดหัวอย่างที่สองคือพอถึงที่พัก โฮสกลับบอกเราว่าไม่มีห้องเหลือแล้ว คิดว่าอาจจะเป็นความผิดพลาดของระบบเว็บจอง (แต่ที่อื่นจองเว็บเดียวกันก็ไม่มีปัญหานะคะ อันนี้เราก็ไม่รู้ทำไม 555555) ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าจะเดินทางเราก็ส่งอีเมลยืนยันกับเขาแล้ว คุยกันรู้เรื่องหมดแล้วด้วย แต่โฮสก็ไม่คิดค่าใช้จ่ายและให้เข้าพักบ้านแถว ๆ นั้นฟรี ซึ่งก็ถือว่าโอเคนะคะ ตอนแรกเกือบจะต้องไปหาที่พักอื่นแล้ว แต่คือห้องที่ได้พักมันก็ไม่ได้ดีเท่าห้องที่จองไว้อะค่ะ พื้นเย็นจนตอนเดินทีคือต้องกระโดดดึ๋ง ๆ น้ำอุ่นไม่มีต้องเดินไปเรียกโฮสให้มาช่วยดูให้ ฝักบัวแตกเปิดน้ำทีก็พุ่งไปทุกทิศเลย (เอ๋า แล้วไหนบอกโอเค) แต่เอาเป็นว่ายังรับได้ค่ะ 5555555555

    และนี่ก็จบวันที่สองของทริปนี้ เป็นวันที่วุ่นวายมากพอสมควร เวลาถ่ายรูปแทบจะไม่มีเลยทำให้รูปของวันนี้น้อยมาก ๆ แต่ก็ถือว่าได้ประสบการณ์แปลก ๆ กลับมาเยอะดีค่ะหากมองโลกในแง่ดี 555555 

    ยังไงก็ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันนะคะ ขอให้เป็นวันที่ดีค่ะ

    — themoonograph
    sunday. 11:52.
    august 18, 2019.

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in