Poisonous
พิษ
บ่ายคล้อยวันหนึ่งของประเทศที่อากาศแปรปรวนชนิดที่เรียกว่า อากาศตามใจท่านเทพเบื้องบน ทะเลาะกันก็เสกฟ้าผ่าที พองอนเสียใจร้องไห้ก็ฝนตกที วันไหนอารมณ์ดีหัวเราะคิกคักท้องฟ้าพลันปลอดโปร่งกระจ่างใสยิ่งกว่าก้นเด็กเลยทีเดียว หรือกระนั้นถ้าวันไหนโมโหแพ้สกาท่านยมบาล วันนั้นอากาจะร้อนดุจคุณได้ไปท่องเมืองนรกโดยไม่ต้องรอหมดลมหายใจแต่อย่างใด เรียกว่าซ้อมตายกันตั้งแต่ตอนนี้เลย
บรรยากาศของ "กรุงเทพ" อันมีสโลแกนว่า "ชีวิตดี ๆ ที่ลงตัว" ยังคงทำหน้าที่ได้ไม่สมสโลแกนมันสักนิด มีอย่างที่ไหน รอรถเมล์มาจะสองชั่วโมงแล้ว พี่แกเล่นหายตัวไปราวกับว่าในสารระบบไม่เคยมีรถเมล์สายนี้อยู่
ถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่ร้อย รอบที่พัน หรือต่อให้รอบที่ล้าน ยังไงรถในกรุงเทพเมืองฟ้าอมรคงไม่หายติดไปกว่านี้หรอก สุดท้ายจึงยอมตัดใจเดินลงรถไฟใต้ดินแทนด้วยความเซ็ง
ภายในสถานีรถไฟเนื่องจากไม่ใช่เวลาชั่วโมงเร่งด่วน ผู้คนจึงค่อนข้างบางตา ส่วนมากไม่เป็นนักท่องเที่ยว ก็มักเป็นนักศึกษาที่มีเรียนเพียงครึ่งวัน หรือคนทำงานที่ต้องออกนอกสถานที่เท่านั้นจึงจะมาใช้บริการ
พาสังขารตัวเองไปยืนรอรถไฟ เปิดโทรศัพท์มือถือไถหน้าฟีดอยู่ในโลกโซเชียล ถึงแม้จะเป็นช่วงกลางวันของวันธรรมดาเวลาราชการ กระนั้นยังคงมีคนแสดงความคิดเห็นกันอย่างไม่เสื่อมคลาย ราวกับชีวิตนี้ว่างเสียเหลือเกิน งานการไม่ต้องทำ
ปัดเลื่อนดูไปได้ไม่เท่าไหร่ เขาเริ่มออกอาการเบื่อ สุดท้ายถึงได้เปลี่ยนแอพพลิเคชั่นไปฟังเพลงแทน ทำนองดนตรีคลาสิคกรอกโสตประสาทช่วยให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นมาหน่อย สำหรับวันอากาศน่าเบื่อหน่าย
เพราะอย่างน้อยดนตรีก็ไม่พ้น "พิษ" หรือสร้างมลภาวะทางสังคมมากเท่าคำพูดของคนเรา
เพลิดเพลินเขย่าหัวเล็กน้อยไปตามจังหวะเสียงดนตรี
เขาว่ากันนะ พิษที่น่ากลัวที่สุดน่ะ ไม่ใช่พิษจากยาพิษหรอก
แต่เป็นพิษจาก "คำพูด" และ "ความคิด" ของมนุษย์เราต่างหาก
เพราะมันสามารถพลิกผิดให้กลายเป็นถูก หรือพลิกถูกให้กลายเป็นผิดได้เพียงชั่วขณะ
หรือกระทั่ง
บดขยี้ "ใจ" ของคนให้มันแหลกสลายตายทั้งเป็นได้ในเสี้ยววินาทีด้วยซ้ำไป...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in