เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
The Murderous Hand (DToL Omegaverse AU)piyarak_s
Chapter 9 : Nightmare, repeated
  • ผมลืมตาตื่นขึ้นมาในเวลาเช้ามืด ตัวเลขบอกเวลาบนนาฬิกาดิจิตอลบนโต๊ะข้างเตียงบอกว่า อีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่ผมควรเข้าไปสะสางงานเอกสารที่ออฟฟิศท้องฟ้า ในฤดูหนาวยังคงมืดมิด แสงสว่างจากไฟถนนนอกรั้วบ้านซึ่งส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาเป็นแสงสว่างอย่างเดียวภายในห้องที่ทำให้ผมมองเห็นใบหน้าของคนข้างตัวได้ถนัดขึ้น



    โทเบียส ฟอล์กเนอร์เป็นคนเยือกเย็นและแข็งแกร่ง แต่ในเวลานี้ ร่างสูงเพรียวที่ขดตัวแนบชิดอยู่กับตัวของผมเหมือนแมวบาดเจ็บดูเปราะบางและเหนื่อยล้ามากเหลือเกิน ทั้งที่เขากำลังหลับสนิทและควรจะผ่อนคลายมากที่สุด แต่ผมรู้ดีว่าสาเหตุที่ทำให้เขาเป็นเช่นนั้น คือ ฝันร้ายที่ทำให้เขาผวาตื่นขึ้นมากลางดึก



    อาการดิ้นรนสุดชีวิตของเขาปลุกผมให้ตื่นขึ้น ก่อนที่เขาจะสะดุ้งเฮือก ลืมตาอยู่ในความมืด แต่สติของเขายังหลุดลอยไม่อยู่กับตัว มือทั้งสองกำผ้าห่มเอาไว้แน่น สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาทำให้ผมตัดสินใจดึงตัวของเขาให้ลุกขึ้นนั่ง กอดเขาเอาไว้ ก่อนที่เขาจะทันตอบโต้หรือผลักไสผมออกไปเพราะคิดว่าผมเป็นอัลฟ่าที่เป็นฝันร้ายในยามตื่นของเขา พร้อมพึมพำปลอบใจด้วยคำพูดที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไปบ้าง กระทั่งอาการหวาดผวาและตื่นตระหนกนั้นบรรเทาลง เขาจึงรับรู้ว่า ผมยังอยู่กับเขา และจะพยายามปกป้องเขาให้ดีที่สุดเช่นเดียวกับตอนที่ผมไม่ยอมให้เซอร์เอ็ดเวิร์ด สแตนตัน พยานปากหนึ่งในคดีและเป็นคนที่เคยทำร้ายเขามาก่อนในอดีตเข้าใกล้เขามากเกินกว่าที่เขาต้องการ



    เช่นเดียวกับตอนที่ผมตัดสินใจตัดบทและขอนัดพบชายผู้นั้นในวันรุ่งขึ้น สายตาของเขา เมื่อรู้สึกตัวว่า ผมรักษาคำพูดของตัวเองว่าจะไม่ไปไหน มองมายังผมด้วยความขอบคุณ ก่อนที่จะยอมให้ผมนอนกอดเขาเอาไว้อย่างว่าง่ายและซุกใบหน้าเข้ากับไหล่ของผมเหมือนลูกแมวที่แสวงหาความอบอุ่นจากที่ที่มันวางใจว่าปลอดภัย สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาทำให้ผมเสียใจครามครันที่นำเขาออกไปเผชิญกับฝันร้ายที่เคยทำร้ายเขาจนเจ็บหนักและฝากรอยแผลติดตัวเขาจนทุกวันนี้ และสิ่งเหล่านั้นก็ได้ย้อนกลับคืนมาเป็นบททดสอบครั้งสำคัญของเขาในยามตื่น แต่ในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกว่า ตัวเองคิดไม่ผิด ที่เอ่ยปากถามเขาว่า คืนนี้เขาต้องการให้ผมอยู่เป็นเพื่อนเขาหรือไม่



                    ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ระยะเวลาไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่ได้พบกันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาและผมมากมายขนาดนี้



    ผมไม่โทษอัลเฟรด คอร์ตนีย์ ถ้าหากเขาจะมองผมด้วยสายตาไม่วางใจระคนสงสัย เพราะผมเป็นอัลฟ่าแปลกหน้าที่มารับเพื่อนสนิทของเขาไปจากบ้านในสภาพหนึ่ง และนำกลับมาส่งที่บ้านในสภาพที่ ‘ไม่เหมือนเดิม’ หรือ ‘ย้อนกลับไปสู่จุดเดิมที่เคยข้ามพ้นมาได้แล้ว’ อย่างที่เป็นอยู่ และเขาก็มีสิทธิที่จะเป็นห่วงฝ่ายหลังอย่างเต็มที่ในฐานะเพื่อนที่คอยประคับประคองจิตใจของอีกฝ่ายมานานนับสิบปี แต่ทว่าเขาเลือกที่จะเคารพสิ่งที่เพื่อนของเขาตัดสินใจและเผื่อแผ่ความเคารพนั้นมาถึงผมด้วยอีกคนหนึ่ง แม้จะมีความกังวลอยู่ในทีก็ตาม



    ระยะเวลาที่เราใช้ในการทำความรู้จักโทเบียส ฟอล์กเนอร์ต่างกัน แต่เรารับรู้ตรงกันว่า เราต่างเป็นห่วงเขา และความห่วงใยนั้นไม่น้อยไปกว่ากันเลย



    ผมพยายามขยับตัวให้น้อยที่สุด ระวังไม่ให้ตัวเองรบกวนการนอนของคนข้างตัว แต่อดไม่ได้ที่จะลูบผมของเขาเบา ๆ  เมื่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาข้อห่วงใยจากเพื่อนสนิทของเขาที่บอกผม และคำพูดของ ดร. เบนจามิน เวสต์ที่เอ่ยกับผมว่าเขาควรได้รับความรักที่ดีบ้าง



    สัมผัสของผมทำให้เขาขยับตัวเล็กน้อย แต่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น แม้ว่าจะทำเสียงบางอย่างในลำคอทว่าเสียงนั้นก็ไม่ได้บ่งบอกถึงความรำคาญ ตรงกันข้ามเป็นเสียงที่แสดงถึงความพอใจและผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเดิม ท่าทางของเขาทำให้ผมค่อยยิ้มออกและโล่งใจขึ้นมาได้บ้าง



    นี่เป็นครั้งแรกในระยะเวลาไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงนับจากเราพบหน้ากันที่ผมมีโอกาสได้เฝ้ามองเขาอย่างเต็มตา

     


    สวยงามและละมุนละไมเหมือนสตรีเข้มแข็งและเปี่ยมพลังเหมือนบุรุษ ทั้งยังหาได้ยากยิ่งบนโลกใบนี้...


     

    คำบรรยายถึงเฮอร์มาโฟรดิตุสบุตรแห่งอะโฟรไดท์ เทวีแห่งความรัก กับเฮอร์เมสเทพแห่งการสื่อสารคงเป็นคำที่ใช้อธิบายถึงตัวเขาได้เหมาะสมและลงตัวที่สุด เพราะความขัดแย้งที่ดำรงอยู่อย่างสอดคล้องและไม่ขัดเขินในร่างเดียวอย่างที่น้อยคนจะรักษาสมดุลเหล่านี้เอาไว้ได้ เขาจึงเป็นเหมือนรูปสลักหินอ่อนของเฮอร์มาโฟรไดต์ที่เศรษฐีชาวกรีกสั่งประติมากรให้สลักไว้ประดับสวน เพื่อแสดงถึงรสนิยมทางศิลปะ และเพื่อให้ตนได้ครอบครองในสิ่งที่ยากจะได้มาครอบครองในความเป็นจริง แต่คนที่อยู่ตรงหน้าของผมในเวลานี้ เป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ มีความเป็นอิสระ และไม่มีวันที่ใครจะครอบครองได้ หากเขาไม่ยินยอม



    ผมเกลี่ยนิ้วที่เหนือแก้มของเขาอย่างระมัดระวัง ความอ่อนนุ่มและอบอุ่นที่ได้สัมผัสจากใบหน้าและร่างกายเป็นสิ่งยืนยันว่าผมไม่ได้ฝันไป กลิ่นดอกเฮเธอร์จากตัวของเขาชัดเจนและไม่ได้จางหายไปไหนเหมือนกลิ่นประจำตัวของเขาที่ฝากไว้บนหนังสือเล่มนั้น ยืนยันว่าคู่แท้ของผมมีตัวตนอยู่จริง ผมไม่ได้ฝันไป และต่อให้เป็นความฝัน นี่ก็เป็นความฝันที่ดีงาม ไม่ใช่ฝันร้ายสำหรับผมเลยแม้แต่น้อย 



    มีอะไรหลายอย่างในตัวเขาที่ทำให้ผมนึกถึงแมรี่ และระลึกได้ว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมต้องลุกขึ้นมาปลอบใครคนหนึ่งกลางดึก และเฝ้ามองอีกฝ่ายจนแน่ใจได้ว่า หลับสนิท  



    แมรี่กับผมเคยมีช่วงเวลาที่ยากลำบากด้วยกัน แต่ความทุกข์จากการสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของเธอนั้นเป็นความทุกข์ที่ผมไม่อาจเข้าถึงหรือบอกเธอได้ว่า ผมเข้าใจเธออย่างลึกซึ้ง หรือสิ่งที่ ดร. ฟอล์กเนอร์เผชิญอยู่ในเวลานี้ ก็เป็นสิ่งที่อัลฟ่าอย่างผมไม่มีทางรู้ซึ้งถึงความกดดันที่โอเมก้าอย่างเขาต้องแบกรับเอาไว้เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ผมสามารถทำได้ในทั้งสองสถานการณ์ที่ทั้งเหมือนและแตกต่าง คือ ผมจะไม่ทิ้งพวกเขาในเวลาที่พวกเขาต้องการใครสักคน แม้ว่าจะไม่สามารถแบ่งเบาความรู้สึกที่อธิบายกับใครไม่ได้มาไว้กับผมก็ตาม



    เรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดวันที่ผ่านมาทำให้ผมเริ่มทบทวนความรู้สึกของตัวเองว่า อะไรคือสิ่งที่ดึงดูด ดร.ฟอล์กเนอร์กับผมเข้าหากัน และในที่สุด ผมก็คิดได้



    ไม่ใช่เพราะเขามีบางอย่างที่เหมือนกันแมรี่และมีคุณสมบัติอย่างเดียวกับคุณสมบัติที่ทำให้ผมหลงรักเธอตั้งแต่ได้พูดคุยกันครั้งแรก และไม่ใช่เพราะเขาเป็นคู่แท้ที่ธรรมชาติกำหนดมาให้ต้องคู่กัน แต่เป็นตัวตนของเขาที่ไม่เหมือนใคร ไม่สามารถใช้เขาแทนที่ใคร และไม่มีใครที่สามารถมาทดแทนเขาได้



    ต่อให้เขาไม่ใช่โอเมก้า แต่เป็นเบต้า หรือแม้กระทั่งอัลฟ่าเช่นเดียวกันกับผม และไม่ใช่ทรูเมทของผม ผมก็ยังจะทำในสิ่งที่ผมทำอยู่อย่างนี้เช่นเดิม ผมจะเป็นมิตรที่ดีของเขาเสมอไป ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสถานะใดหรือวางผมไว้ในสถานะใดก็ตาม



    ผมไม่รู้ว่า มองคนที่หลับอยู่ข้างตัวอยู่นานเท่าใด คงนานพอดู แต่ผมก็ยังไม่อยากละสายตาไป 



    ร่วมสิบปีแล้วที่แมรี่จากไป และผมไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้น เพื่อพบว่า มีใครอีกคนหนึ่งนอนอยู่ข้าง ๆบนเตียงเดียวกัน อยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่าการปลดปล่อยความต้องการชั่วครั้งชั่วคราวแล้วจากกันโดยไม่คิดจะสานต่อและแค่รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ใกล้ ๆ ระยะที่มือเอื้อมถึง ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้นก็เพียงพอแล้ว



    ความรู้สึกของการมีใครสักคนอยู่เคียงข้าง เป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและเพื่อนคู่คิดที่รู้เท่าทันของผมไปในเวลาเดียวกัน ทั้งที่เริ่มคุ้นชินกับการอยู่ตัวคนเดียวและมีชีวิตอยู่เพื่องานของตัวเองเท่านั้น ทำให้ในอกของผมเต็มตื้นอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นความรู้สึกเดียวกับครั้งที่ผมยืนมองเขาปิดประตูหน้าบ้านเพื่อที่จะออกไปทำงานด้วยกัน แต่คราวนี้ ความรู้สึกนั้นชัดเจนและหนักแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า



    “สารวัตรครับ”



    เสียงกระซิบเรียกของเขาปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์ และปลายนิ้วของเขาที่แตะอยู่บริเวณสันจมูกและใต้ดวงตาทำให้ผมรู้ตัวว่าน้ำตาของตัวเองไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่สำหรับผมแล้วมันไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยแม้แต่น้อย



    “ผมทำให้ตื่นหรือเปล่า” ผมเอ่ยถาม ปล่อยให้เขาสัมผัสใบหน้าของผม ก่อนจะกุมมือข้างนั้นของเขา แล้วดึงให้เลื่อนมาแนบกับริมฝีปากจูบเขาที่กลางฝ่ามือ แทนคำขอบคุณที่เป็นห่วง



    ดร. ฟอล์กเนอร์ส่ายหน้า และยิ้มให้แทนคำตอบ “เมื่อคืนนี้ผมเป็นคนทำให้สารวัตรตื่นมากกว่านะครับ แต่สำหรับผมแล้ว ผมว่า ผมหลับสนิทที่สุดเท่าที่เคยเป็นมาโดยที่ไม่ต้องกินเมลาโทนิน หรือพึ่งยานอนหลับ”



    “งั้นเหรอ”



    เป็นคำถามติดปากแต่ไม่ได้ตั้งใจจะแสดงนัยว่าไม่เชื่อ แต่ดูเขาจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ทันที และสบตากับผมด้วยแววตาที่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากดวงตาสีเขียวคู่นั้นมัวหม่นเพราะความเจ็บปวดจากอดีตมาตั้งแต่บ่ายวันวาน



    “จริงสิครับ” เขาตอบ ริมฝีปากยังคงมีรอยยิ้มปรากฏอยู่ และดูจะคลี่กว้างยิ่งขึ้นด้วยซ้ำไป “ขอบคุณนะครับ สารวัตร”



    น้ำเสียงเป็นมิตรและความรู้สึกที่เขาแสดงออกผ่านสีหน้าทำให้ผมอดยิ้มตามเขาไปไม่ได้ ไม่ใช่เพราะผมคู่ควรกับคำขอบคุณ แต่เป็นเพราะเขาไม่ได้อยู่ในสภาพที่น่าเป็นห่วงอย่างวานนี้อีกต่อไปแล้วอาจเป็นเพราะเขาได้เผชิญหน้ากับคนในอดีต และผ่านการทดสอบที่ลำบากยากเย็นนั้นมาได้ก็เป็นได้ แม้จะเป็นก้าวแรก ทว่าเป็นก้าวสำคัญที่จะนำเขาออกจากกรงที่ขังเขาเอาไว้มานานนับสิบปี แต่ยังต้องใช้เวลาอีกมาก กว่าที่ทุกอย่างจะกลับเป็นปกติ



    “วันนี้ คุณหมอจะไปที่ภาควิชาหรือเปล่า ให้ผมไปส่งไหม” ผมยันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง ดึงชายเสื้อยืดแขนยาวสำหรับใส่นอนที่เลิกขึ้นลงมาจนถึงเอว ในขณะที่เขาขยี้ตา หยิบแว่นสายตาขึ้นมาสวม และลุกขึ้นนั่งเสยผมที่ยุ่งเหยิงให้เป็นทรง 



     “ไม่เป็นไรครับ ผมขับไปเองดีกว่า เพราะผมต้องไปเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญที่ศาลไม่แน่ใจว่าจะเสร็จเมื่อไหร่” ดร. ฟอล์กเนอร์บอก “ถ้าเลิกเร็ว ผมจะไปเคลียร์รายงานการชันสูตรที่ค้างไว้ที่ภาควิชา กับค้นข้อมูลเกี่ยวกับภาพเดอะแฮนด์ออฟกลอรี่ปลอม ๆ ของเจมส์ พ็อตต์สักหน่อย น่าจะได้อะไรที่ชัดเจนขึ้น”


      

    คำพูดนั้นของเขาทำให้ผมที่กำลังจะลุกขึ้นหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงเหมือนเดิม พร้อมหันไปทางเขา


      

    “คุณหมอคิดอะไรออกแล้วงั้นหรือครับ”



    โทเบียสฟอล์กเนอร์พยักหน้า แต่ท่าทางยังดูครุ่นคิด เมื่อเขาบอกผมว่า อย่าเพิ่งคาดหวังมากนัก



    “มีอะไรที่ติดใจอยู่นิดหน่อยน่ะครับ ถ้าได้คำตอบแล้วจะรีบส่งอีเมล์ให้... สารวัตรเองเถอะ วันนี้ต้องไปพบเซอร์เอ็ดเวิร์ด ก็ระวังตัวด้วย”



    “ขอบคุณครับ แต่แน่ใจนะ คุณหมอว่า โอเคจริง ๆ กับการไปศาล” ผมถามย้ำอีกครั้งหนึ่ง เพราะการพิจารณาคดีในศาลโดยเฉพาะในคดีอาญา ผู้เกี่ยวข้องส่วนใหญ่ล้วนมีแต่อัลฟ่า ซึ่งผมไม่แน่ใจนักว่า การปล่อยให้เขาอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้จิตใจที่เข้มแข็งของเขาสั่นไหวจะทำให้เขารับมือกับมันได้มากเท่าที่เคยทำได้ทุกครั้งหรือไม่ แม้ว่าผมจะเชื่อความสามารถในการควบคุมตัวเองของเขาก็ตาม



    ดร. ฟอล์กเนอร์มองผมครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าและยิ้มให้ผมแทนคำตอบ แต่ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่าในรอยยิ้มของเขาคราวนี้ มีนัยบางอย่างแฝงอยู่ด้วย



    “ถ้าเป็นห่วงมาก จะทำ scentmark ไว้ก็ไม่ว่านะครับ...”





    To be continued..... 

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
salmonrism (@salmonrism)
ร้ายกาจจริงๆค่ะ!
chavimint (@chavimint)
ชอบตอนนี้มากเลยค่ะ คอยเป็นที่พึ่งพิงให้กันและกัน ยิ่งประโยคสุดท้ายของคุณหมอนี่มัน >< จัดการโลดเลยค่ะ สารวัต คุณหมออกปากขนาดนี้ ><
belibalii (@belibalii)
แมวเริ่มปล่อยฟีโรโมนพิเศษใส่ทาสแล้วค่าาาาาา

สนุกมาก จริงๆมีหลายประเด้นที่อยากพูดถึง (จริงๆคืออยากกรี๊ดกร๊าด หาคนเม้าท์ด้วย)
แต่ก็อยากรีบๆอ่าน อยากรู้ตอนต่อไปเร็วๆ
janeiiz (@janeiiz)
ฮือออ รู้สึกผิดมากเลยค่ะที่อ่านมาจนถึงตอนนี้แล้วเพิ่งมาเม้น ชอบเรื่องนี้มากจนอ่านรวดเดียวมาถึงตอนนีีเลย แบบทุกอย่างมันมีเสน่ห์​ไปหมด มากกว่าทุกเรื่องแนว omegaverse ที่เราอ่านมา ไม่ได้อวยเว่อนะ แต่เห็นด้วย 100% กับเม้นก่อนหน้าเลย 5555 ถ้าทำเป็นรวมเล่มขายเราก็จะซื้ิอค่ะ แบบดีใจมากที่นานๆทีจะเจอนิยายที่ถูกจริต ขอตัวไปอ่านต่อก่อนนะคะ เป็นกำลัง​ใจให้และขอบคุณ​มากๆเลยที่แต่งเรื่องนี้ให้อ่านกัน ????
piyarak_s (@piyarak_s)
@janeiiz ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ดีใจที่ชอบด้วย เพราะเรื่องนี้อาจจะมีมุมที่ฉีกไปจาก Omegaverse ปกตินิดนึง ><
paparkro9er (@papark_baka)
เราอ่านมาตั้งแต่ตอนที่ 1 แต่เพิ่งมาคอมเม้นท์ตอนนี้ คงไม่เป็นไรนะ?
จริงๆ เราว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญมากที่เรามาเจอเรื่องนี้ของคุณ
แล้วเราก็ลองอ่าน อ่านไปอ่านมา เฮ้ย เราชอบว่ะ
ทั้งสำนวนการเขียน ทั้งเนื้อเรื่อง เราว่ามันดึงดูดไปหมด

ส่วนใหญ่ omegaverse ที่เราพบเจอจะไม่ค่อยเน้นเรื่องอื่นๆ
นอกจากความสัมพันธ์ของตัวละครและเรื่องทางเพศ
แต่เรื่องนี้ปูเนื้อเรื่องและค่อยๆ ก่อความสัมพันธ์ไปทีละระดับ
โอเค มันก็มีเสน่ห์ของความเป็น omegaverse แต่นอกจากนี้
มันก็ยังมีเสน่ห์ในทุกๆ คำที่คุณพิมพ์ออกมาอีกด้วย

เราอยากรู้ว่าจะมีการบรรยายจากมุมมองคุณหมอบ้างไหม
อยากรู้ว่าคุณหมอจะมองสารวัตรของเรายังไง
แล้วก็อดีตของคุณหมอที่คาดว่ากำลังจะเปิดเผยนี้
มันคงเป็นเรื่องที่ทำให้สารวัตรอยากปกป้องคุณหมอมากขึ้นไปอีกแน่ๆ

เรายินดีที่ทั้งคู่ให้โอกาสแก่กันและกัน
เราอยากจะเห็นอนาคตของทั้งคู่และเรื่องราวต่อจากนี้ไวๆ จัง
จะรอติดตามนะ

ปล. น้องแมวมีการแอบยั่วเย้าเล็กๆ ฮ่าๆ
piyarak_s (@piyarak_s)
@papark_baka
ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ที่มาคุยกัน ดีใจที่ชอบ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ตอบช้ามากๆ ><

ความจริง โอเมก้าเวิร์สมีอะไรให้เขียนได้เยอะมากเลยนะคะ นอกจากเรื่องเพศ
ที่ไม่ได้เน้นเรื่องความสัมพันธ์ที่เน้นไปในเรื่องเพศก็เพราะว่าเขินด้วยค่ะ ฮา
ความเป็นดิสโทเปียโดยธรรมชาติของโอเมก้าเวิร์สมีเสน่ห์ในตัวอยู่แล้ว เลยลองดู

ในส่วนของคุณหมอ มีอยู่ค่ะ วางแผนไว้ว่าจะโพสต์หลังจากเรื่องนี้จบแล้ว
อาจจะเป็นตอนสั้นๆ แต่ขยายความเรื่องที่สารวัตรไม่ได้พูด แต่มีในเรื่องนี้ด้วย
ส่วนอดีตบางส่วนของคุณหมอ ตอน 10 มีพูดถึงบ้างแล้วละค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ เห็นคอมเม้นต์ไว้ในหลายตอนสั้นๆ เลย

ป.ล. แมวเริ่มทำความคุ้นเคยกับทาสแล้วค่ะ ฮา