เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เดือนหนาวกับการฝึกงานในฤดูฝนเดือนหนาว
ฝนกระหน่ำ
  • ยอมเปียกปอน
    เพื่อเรียนรู้อะไรบางอย่าง


         เดือนหนาวนั่งอยู่ที่มหาวิทยาลัย
         ใช่ เธออยู่ที่มหาวิทยาลัย แม้ความจริงเธออยู่ที่ออฟฟิศก็ตาม
         ทำไมน่ะหรือ เพราะเมื่อวานก่อนเธอเข้าไปดูผลการเรียนเทอมที่ผ่านมาทางออนไลน์ แล้วเธอพบว่าผลการเรียนของเธอขึ้นว่า AU หลังจากลองโทรสอบถามกองอำนวยการนิสิตของมหาวิทยาลัยแล้วทำให้เธอรู้ว่าหากเธอต้องการเรียนเพื่อเอาเกรด เธอต้องรีบมาดำเนินเรื่องขอแก้ไขผลการเรียนที่มหาวิทยาลัยให้เร็วที่สุด พี่ต้นจึงให้เธอหยุดงานครึ่งวันเพื่อมาทำธุระให้เรียบร้อย
         แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่น เพราะผู้รับเรื่องแก้ผลการเรียนไปประชุม จะกลับมาอีกครั้งก็หลังเที่ยง เดือนหนาวจึงจำเป็นต้องอยู่มหาวิทยาลัยต่ออย่างเลี่ยงไม่ได้ 

         เธอส่งข้อความไปหาพี่ต้นว่า
         'พี่ต้นคะ หนาวไปติดต่อสำนักงานคณะบดีมาแล้ว เขาแจ้งว่าตอนนี้คนจัดเรื่องเรื่องที่หนูมาติดต่อกำลังประชุม เขาอาจจะกลับมาบ่ายๆ ให้รอก่อน หนูคงเข้าออฟฟิศสายกว่าที่แจ้งไว้นะคะ' เดือนหนาวอ่านข้อความซ้ำแล้วซ้ำอีก ก่อนจะกลั้นใจกดส่ง เธอกลัวเหลือเกินว่าเธออาจจะทำให้พี่ต้นไม่พอใจ เพราะเธอเพิ่งมาฝึกงานได้ไม่กี่วันก็มีเหตุจำเป็นทำให้ต้องขาดงานเสียแล้ว
         รอครู่หนึ่งพี่ต้นก็ตอบกลับมาว่า
         'ค่ะ'
         'บอกพี่เมเม่เลย'
         เดือนหนาวจึงส่งข้อความไปหาพี่เมม่อีกรอบหนึ่ง 'อา ให้ตายสิ ทำไมรู้สึกว่าพี่เมเม่น่ากลัวว่าพี่ต้นอีกนะ' ก่อนกดส่งข้อความเดือนหนาวพนมมือขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง เธอรู้สึกราวกับกำลังคุกเข่ารอคำตัดสินประหารชีวิตอยู่ที่ศาลไคฟง
         ยังไม่ทันที่เดือนหนาวจะสวดมนต์จบบท โทรศัพท์เจอก็สั่นเบาๆ ครั้งหนึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่ามีข้อความเข้า ไม่ต้องเสียเวลาเดา คนที่ส่งข้อความมาคือพี่เมเม่นั่นเอง เดือนหนาวใช้มืิอข้างหนึ่งปิดหน้าจอโทรศัพท์ ใจหนึ่งก็อยากอ่านข้อความ ต่ออีกใจหนึ่งก็กลัว
         "เอาล่ะ เป็นไงเป็นกัน" เด็กสาวพูดกับตัวเองเบาๆ พลางเลื่อนมือออกจากจอโทรศัพท์
         'Work@home ก็ได้จ้ะ' นั่นคือข้อความที่พี่เม่ส่งมา

          เดือนหนาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะตอบกลับข้อความนั้น แล้วรีบไปทำธุระของเธอต่อความจริงเดือนหนาวรู้ดีอยู่แก่ใจว่าพี่เมเม่ไม่ใช่คนใจร้าย ออกจะน่ารักและใจดีด้วยซ้ำ แต่เธอหยุดความหวาดระแวงและความกังวลของเธอได้ ถ้าเด็กสาวกำจัดนิสัยแย่ๆ สองข้อนั้นออกไปได้ เธอคงใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นและมีความกล้ามากขึ้น

         เดือนหนาววิ่งเข้าตึกนั้น ออกตึกนี้อยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดเธอก็จัดการกับการส่งเอกสารขอแก้เกรดสำเร็จ       "เฮ้อ" เสียงถอนหายใจดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน ช่วงปิดเทอมแบบนี้ มหาวิทยาลัยไม่ค่อยมีคนเข้าออกมานัก บนทางเดินจากคณะมนุษยศาสตร์ไปหน้ามหาวิทยาลัยจึงมีเพียงเดือนหนาวคนเดียว
         แม้ห้องพักของเด็กสาวจะอยู่ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัย แต่หลังจากปิดเทอมเธอก็ไม่ค่อยไม่เข้ามาในมหาวิทยาลัยบ่อยนัก
          ที่พูดว่า 'ไม่ค่อยได้เข้ามาในมหาวิทยาลัย' นี้ี ไม่รวมการที่เธอ 'วิ่งหน้าตั้ง' เข้ามาส่งงานที่สาขา ที่จริงเธอจะใช้เวลาช่วงนั้นเดินเล่นในมหาวิทยาลัยก็ได้ แต่เธอเลือกที่จะรีบส่งงานและกลับห้องไปนอนให้สาสมกับที่อดนอนมานาน
         พอได้กลับมาที่มหาวิทยาลัยแบบนี้ก็อดคิดถึงชีวิตตอนนั้นไม่ได้ แม้เวลาจะไม่ได้ผ่านมานาน แต่พอลองเปรียบเทียบระหว่างชีวิตนิสิต กับ ชีวิตทำงาน เธอพบว่ามันต่างกันลิบลับ การได้กลับมาเดินบนถนนที่คุ้นเคย ได้เจอ ได้พูดคุยกับคุณครูนิดๆ หน่อยๆ มันทำให้เธอรู้สึกสบายใจได้ เหมือนได้บรรเทาความรู้สึกหนักอึ้งในใจ
         เดือนหนาวเดินไปยิ้มไป ถ้ามีคนผ่านมาเห็นอาจคิดว่าเธอสติไม่สมประกอบ แต่โชคดีที่ไม่มีคนผ่านไปมา

         "ครืด" จู่ๆ โทรศัพท์เธอก็สั่นทีหนึ่ง เดือนหนาวจึงหยิบออกมาดูตามความเคยชิน
         'เด็กๆ จ๊ะ' พี่เมเม่ส่งข้อความมาในกลุ่มฝึกงาน
          เดือนหนาวขนลุกเกรียวอย่างไม่ทราบสาเหตุ เธอบอกกับตัวเองให้ 'ใจเย็น' ไว้ แล้วค่อยๆ พิมพ์ข้อความตอบกลับไป
          'จ๋า' วินาทีที่เธอกดส่งข้อความนั้น จู่ๆ ก็มีลมพัดแรง แล้วหยาดฝนก็เริ่มตกลงมาจากท้องฟ้า จากหนึ่งเม็ด เป็นสองเม็ด และเร่ิ่มโปรยปรายลงมาเรื่อยๆ
         เดือนหนาวใช้มือป้องศีรษะแล้วรีบวิ่งหาที่กำบัง
         ระหว่างที่เธอวิ่ง โทรศัพท์ในมือก็สั่นครั้งแล้วครั้งเล่า คาดว่าคงเป็นพี่เมเม่ที่ส่งข้อความมา แต่ส่งเข้ามาถี่แบบนี้... อาจจะไม่ใช่เรื่องดี เดือนหนาวแอบเหลือบสายตามองโทรศัพท์ปราดหนึ่งจึงเห็นว่า  ข้อความที่พี่เมเม่ส่งมาคือความคิดเห็นเกี่ยวกับการ edit งานของเธอและปริ่ม

         เด็กสาววิ่งมาจนถึงตึกหน้ามหาวิทยาลัย เธอหาที่นั่งเหมาะๆ แล้วจัดแจงเปิดโน้ตบุ้คเครื่องใหม่ที่ซื้อมาเพื่อการฝึกงานโดยเฉพาะ เธอเปิดงานที่เธอเพิ่ง edit ไปขึ้นมาดู ขณะเดียวกันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความจากพี่เมเม่ไปด้วย
         'พี่บอกว่าให้เช็คว่าตรงท้ายบรรทัดมีเว้นวรรคว่างไว้ใช่ไหม'
         'ถ้ามีให้ลบ'
         'ของใครยังไม่ลบบ้าง'
         'เช็คคำบ้างนะ'
         'บางคำที่คุ้นตาอาจไม่ใช่คำที่ถูก'
         'หาข้อมูล'
         '555'
         'พี่บอกว่าเครื่องหมายที่ติดเว้นวรรคมาด้วยให้ลบแก้เป็นภาษาอังกฤษที่ไม่ติดเว้นวรรคใช่ไหม อย่าลืมแก้นะ'
         'ก่อนส่งเช็คย่อหน้าด้วยนะจ๊ะ มีย่อหน้าผิดหลายที่ บางที่ไม่ย่อ บางที่กลายเป็นย่อทั้งหน้า'
         'คำว่า "สามารถ" นอกจากความสามารถแล้ว ในภาษาไทยไม่มีคำอื่น'
         'เขาสามารถว่ายน้ำได้ > เขาว่ายน้ำได้ เท่านี้ก็รู้เรื่องแล้วถูกไหม'
         'เขาจะสามารถหักห้ามใจได้อย่างไร > เขาจะหักห้ามใจได้อย่างไร'
         'เวลาเจอที่อื่นก็ลองแก้ดู'
         'อย่าลืมเคาะเว้นวรรคนะจ๊ะ'
         'คำที่เน้นย้ำหรือถูกกล่าวอีกครั้งให้ใช้ 'แบบนี้' นะคะ สัญลักษณ์คำพูดขีดเดียวอะ'
         'แล้วก็พวกคำถามที่เป็นคำถามอยู่แล้ว หรือ ใช่ไหม ไม่ต้องใส่ ?'
         'แต่คำถามแบบไม่มีคำถามอย่าง "เธอกล้า?" "ที่พูดมาคือเรื่องจริง?" อันนี้ใส่ได้เพื่อให้รู้ว่าเป็นคำถาม'
         'ถ้าดุไปบอกได้นะ'
         คงเพราะเห็นเดือนหนาวกับปริ่มเงียบไป พี่เมเม่จึงส่งข้อความมาแบบนั้น และหลังข้อความยังมีรูปคนร้องไห้แนบมาด้วย 
         เดือนหนาวที่กำลังเคร่งเครียดกับการแก้งานหลุดขำออกมาแล้วจึงส่งข้อความตอบกลับไปว่า
         'ดุหนูเยอะๆ เลยค่ะ หนูอยากให้พี่ดุ'
         'หนูกำลังเช็คตามที่พี่บอกอยู่'
         หลังจากนั้นพี่เม่จึงส่งข้อความต่อ
         'อย่าลืมเช็คเว้นวรรคของแต่ละประโยคด้วย'
         'เดี๋ยวเราแก้เสร็จแล้วจะส่งกลับให้ไปลองทบทวนดูอีกที'
         'คำเกิน: เป็นอย่าง, ที่จะ, ผู้ ที่ ซึ่ง อัน'
         'ลดได้ลดนะคะ'
         'ก็ อีกคำ'
         'ของเขา ของเธอ ของฉัน'

         เดือนหนาวลองแก้งานตามที่พี่เม่บอก แล้วเธอก็พบว่ายังมีหลายอย่างที่เธอพลาดไป 
         ขณะนั้นเธอนึกถึงคำพูดคำหนึ่งของคุณครูที่สาขา 'หนูไม่ต้องกลัวการโดน comment งาน เพราะหนูก็เคยโดนจากพวกครูไปแล้ว' นั่นก็คงจริง เดือนหนาวที่คนที่ความรู้สึกอ่อนไหวง่ายมาก เป็นแบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไร แต่พอเวลาผ่านไป เธอก็เรียนรู้ว่า comment เหล่านั้นล้วนเป็นผลดีต่องานของเธอ
         ทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจ แต่บางทีก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้ ยิ่งตอนทำสัมมนาแล้วเจอการ comment งานทางข้อความ ตอนนั้นเธอแอบร้องไห้อยู่หลายครั้ง แต่ในที่สุดมันก็ผ่านมันมาด้วยดี และประสบการณ์ครั้งนั้นก็กลายเป็นภูมิคุ้นกันให้เธอไปโดยปริยาย ครั้งนี้เดือนหนาวจึงรับมือกับความรู้สึกได้ดีกว่าครั้งไหนๆ
         ระหว่างที่กำลังแก้ ฝนก็ตกแรงขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงลมที่พัดแรงกว่าเดิม พัดพาเม็ดฝนภายนอกมากระทบตัวเด็กสาวที่นั่งอยู่ใต้อาคาร จริงๆ เธอควรหาหลบฝนพวกนั้น แต่น่าเสียดายที่ไม่มีที่ให้เธอหลบได้อีกแล้ว ใต้ถุนอาคารเปิดโล่ง ต่อให้ย้ายไปที่อื่น ฝนก็ยังกระเซ็นโดนเธออยู่ดี
        เดือนหนาวหยุดมือที่กำลังเคาะแป้นพิมพ์ เธอตัดสินใจเก็บโน้ตบุ้คเข้ากระเป๋า กอดมันไว้ และนั่งมองสายฝนด้านนอก

         สายฝนโปรยปรายเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
         ตอนนี้กลายเป็นฝนกระหน่ำจนไม่อาจต้านทานได้



    เรื่องโดย เดือนหนาว
    ภาพโดย DO ME O

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in