เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Rainbowgwynz
Dustin Lance Black #จงภูมิใจที่เป็นเกย์ EP.02


  • Dustin Lance Black นักเขียนบทภาพยนตร์ชาวอเมริกัน, filmmaker และนักกิจกรรมเพื่อสังคม Lance เป็นที่รู้จักในวงการนักต่อสู้เพื่อสิทธิและเสรีภาพของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ(LGBTQ) จากการได้เป็นผู้ชนะรางวัล Oscars ในปี 2009 สาขา Best Original Screenplay จากภาพยนตร์เรื่อง Milk และเป็นผู้เขียนบทละครเวทีเรื่อง "8" ละครเวทีที่เป็นจุดเริ่มต้นของการนำไปสู่การล้มล้างกฎหมายการตัดสิทธิ์การแต่งงานของคู่รักเพศเดียวกันในรัฐ California (ถ้ามีเวลาผมจะเขียนเกี่ยวกับเรื่อง "8" เพราะมันน่าสนใจจริงๆ)

    ใน EP.01 ที่ผ่านมา ผมเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการที่ผมรู้จัก Lance เล่าถึงจุดเริ่มต้นของงานที่นับว่าเป็นหนึ่งในผลงาน masterpiece ของเขาอย่างภาพยนตร์เรื่อง Milk ที่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เคยจุดประกายความหวังที่ยิ่งใหญ่ให้กับ Lance มาแล้วในวัย 13 ปี จนนำไปสู่งานด้านสิทธิมนุษยชนที่ Lance สร้างขึ้นมากมาย

    สำหรับ EP.02 นี้ มันจะยาวอยู่หน่อยๆ นะครับ แต่ผมรับรองว่าพีคกว่าEP.แรกแน่นอน  ผมขอเริ่มต้นด้วยเรื่องราวที่ค่อนข้างซีเรียส แต่แอบปนไปด้วยความขบขันน่ารักๆ เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ผมขอตั้งชื่อเรื่องย่อยนี้ว่า Yes, I am GAY  

    ผมไปเจอเรื่องนี้ใน Youtube ระหว่างการค้นหาข้อมูลมาเขียนบทความพอดี แล้วมันก็เป็นเรื่องที่ตรงกับสิ่งที่ผมอยากรู้อยู่พอดีด้วย มันคือการให้สัมภาษณ์ของ Lance กับเว็บไซต์ I'm From Driftwood ถึงเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของเขา และถือว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สุดอันนึงของเกย์ทุกคนบนโลกนี้เลยก็ว่าได้ นั่นคือการรวบรวมความกล้าแล้วประกาศตัวว่า ฉันเป็นเกย์ 

    ผมฟังตอนแรกก็เข้าใจแหละ แต่อยากจะแปลให้ละเอียด เลยไปค้นหาตัวบทสัมภาษณ์นี้ เอามาแปลและขัดเกลาข้อความด้วยตัวเอง โดยผมได้รับความช่วยเหลือด้านการแปลจากเพื่อนที่แสนดีอีกตามเคย ขอบคุณคุณเพื่อนทั้งหลายด้วยนะคร้าบ ถ้าแปลผิดยังไงก็ขออภัยไว้ด้วยเน่อ -/- 
    *ขออนุญาตทับศัพท์บางคำนะครับ เพราะตัวศัพท์บางคำมันเป็นที่เข้าใจในตัวมันเองอยู่แล้ว ไม่รู้จะแปลเป็นไทยได้ยังไง แล้วผมขอคงประโยคคำพูดเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะครับ คือมันได้อรรถรสมากกว่าจริงๆนะ 55
    **ผมแปะวิดีโอไว้ตรงนี้สำหรับคนที่อยากฟังการสัมภาษณ์จริงๆ ซึ่งถ้าคนที่เข้าใจภาษาอังกฤษดีแนะนำให้ฟังนะครับ เพราะมันได้อรรถรสมากกว่าจริงๆ ครับ

    "ผมชื่อ Dustin Lance Black ผมเติบโตใน San Antonio, Texas คุณรู้มั้ย 'ความแตกต่าง'  ไม่ใช่สิ่งที่น่ายินดีนักในเมือง San Antonio, Texas - ในช่วงยุค 80's ในสังคมทหาร หรือในโบสถ์ลัทธิ Mormon 'ความแตกต่าง'  ไม่ใช่สิ่งที่ดีเลยในตอนนั้น แต่สำหรับตอนนี้ผมคิดว่า 'ความแตกต่าง'  นี่แหละคือสิ่งที่วิเศษและมหัศจรรย์ที่สุด และผมก็แสวงหามัน แต่ในเวลานั้นคุณคงจะไม่อยากติดอยู่กับความรู้สึกแบบนั้นหรอก เพราะยังไงก็ตามคุณจะรู้สึกว่าคุณกำลังนำอันตรายมาสู่ตัวคุณเอง หรือเป็นตัวนำพาความอับอายมาสู่ครอบครัวของคุณ"

    "ผมเดาว่าน่าจะเป็นช่วงปลายยุค 80's ต้นปี 90's - เป็นครั้งแรกที่ผมได้รับข้อความประมาณว่า 'เฮ้! มีผู้คนที่เป็นเกย์ออกมาต่อสู้เพื่อสิทธิที่ชอบธรรมของคุณที่จะได้เป็นเกย์ บางทีนี่อาจถึงเวลาแล้วที่เรื่องนี้จะจบอย่างแฮ้ปปี้ซักที' แต่หลังจากนั้นก็อีกหลายปีเลยก่อนที่ผมจะ came out ผมยังคงอาศัยอยู่ที่ Salinas, California - ผมจะไป San Francisco แต่ผมยังคงอยู่ที่ Salinas ยังคงอยู่กับบ้านที่เคร่งศาสนา รายล้อมไปด้วยสังคมทหาร และผมก็ยังมีความกล้าไม่มากพอ ผมไม่รู้เลยว่ามันจะโอเค" 

    "และในที่สุดก็ถึงเวลาที่ผมจะได้เข้ามหาวิทยาลัย เรียนมหาวิทยาลัยกับเพื่อนที่สนิทที่สุดจาก High School ผมรักเพื่อนคนนี้มาก เขาชื่อว่า Ryan เขาอายุมากกว่าผม และเขาทำงานที่ Toys R Us เขาจ้างเด็กคนอื่นๆ มาทำงานที่นั่น แล้วคือทั้งหมดล้วนเป็นหนุ่มหล่อที่น่ารักที่สุดในโรงเรียน! ทุกคนทำงานที่ Toys R Us หมดเลย - ไม่น่าแปลกใจที่เขาจ้างเด็กพวกนั้น และทั้งหมดก็เป็นเพื่อนของเขา ดังนั้นผมเลยถือโอกาสเข้าหาเขาเพราะผมคิดว่าผมเจอคนคอเดียวกันแล้วล่ะ อารมณ์แบบว่า 'ฉันคิดว่าฉันกับนายคงเป็นพวกเดียวกันแล้วล่ะนะ' แต่ผมไม่ได้พูดออกมาหรอกนะ มันไม่ได้แย่หรอก แต่...เขาก็รายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อๆ อ่ะนะ ไม่ว่าจะหนุ่มๆ ที่มาจากทีมฟุตบอลเอย นักกีฬาว่ายน้ำเอย หรืออะไรทำนองนั้นแหละ และหลังจากนั้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องไปเรียนมหาวิทยาลัย - ผมถาม Ryan ว่า 

    ' Hey do you want to move out to L.A.? I’m going to L.A., do you want to move to L.A.? ' 

    ขอบคุณพระเจ้า เขาตอบว่า 

    ' Yes. '

    "และในที่สุดเราสองคนก็ย้ายไปยัง Pasadena และเรียนที่นั่นประมาณ 2 ปี พักอยู่อพาร์ทเม้นท์ เราทั้งสองยังคงปิดบังตัวเองอยู่ คือเราทั้งคู่ยังไม่มีใครกล้าบอกกับอีกฝ่ายว่าตัวเองเป็นเกย์ เวลา 2 ปีกับเพื่อนที่ดีที่สุดในโลก จากนั้นก็ย้ายไปเรียนที่ UCLA และในตอนนั้นเอง ที่ไหนซักแห่งตอนฤดูร้อน ในที่สุดผมก็ลากเขาออกมาจากการปิดบังตัวเองจนได้ ผมไล่ต้อนเขาจนกระทั้งเขาพูดออกมาว่า 'Yes, I’m gay.' และหลังจากนั้นผมจำได้เลยว่าตอนนั่งคุยกันผมพูดว่าอะไร ผมบอกเขาว่า 'Well, that’s okay with me, I still accept you.'  

    ใช่ผมรู้ ผมรู้ว่าตัวเองก็เป็นเกย์ แต่ตอนนั้นผมแค่ยังไม่กล้าพูดอะไรเท่านั้นเอง 

    แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคืออะไรรู้มั้ยครับ ตอนเราย้ายมาเรียนที่ UCLA - อพาร์ทเม้นท์ใหม่ใน Westwood - Ryan เริ่มพาบรรดาหนุ่มๆ เกย์เข้ามา คือผมแบบ ก็ใช่สิ!! แก came out แล้วนี่ คือเขาได้ใช้ชีวิตแบบเปิดเผยเรียบร้อยแล้ว และที่นั่นคือมีแต่เกย์น่ารักๆ ที่ใช้ชีวิตอย่างเปิดเผยเต็มไปหมด มีคนที่น่าสนใจมากมาย และความรู้สึกแรกของผมก็แบบว่า 

    WOW!, THESE ARE MY PEOPLE 

    คือผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีคนแบบเดียวกันกับผมในที่แห่งนี้มากมายขนาดนี้ แต่แล้วสุดท้ายก็ดันมีคนๆ หนึ่งในหมู่เกย์นั้นไปบอกกับ Ryan ว่า 'You know your roommate is like gay?' คือผมคิดว่า Ryan ไม่เคยคิดหรือสงสัยเกี่ยวกับผมมาก่อนเลยนะ แต่หลังจากนั้นเขาก็เริ่มสงสัยผม และเริ่มแหย่ผม จนกระทั่งผมเห็นข้อความหนึ่งบนกำแพง

    ' Boy this is coming to a head. ' "

    "ผมยังจำได้อยู่เลยว่าตอนนั้นผมกำลังเรียนอยู่ในคลาสกวีนิพนธ์ ที่ UCLA ผมตัดสินใจไม่ตั้งใจเรียนในคลาสนั้น แล้วหันมานั่งเขียนเกี่ยวกับรายละเอียดทุกๆ เหตุการณ์ที่ Ryan ควรจะรู้ว่าผมเป็นเกย์ตั้งนานแล้ว มีหลายครั้งที่เขาควรจะรู้ว่าผมเป็นเกย์ แล้วเขาก็ควรช่วยพาผมออกไปจากความอึดอัดนี่ซักที แบบว่า สงสัยกูซักนิดเถอะว่ะ  ผมจำได้เลยว่าวันต่อมาผมตื่นเช้ามาก และสิ่งที่ผมทำคือเข้าไปในห้องน้ำ หยิบสบู่ แล้วใช้มันเขียนบนกระจกในห้องน้ำว่า

    ' I am gay '

    หลังจากนั้นผมก็ไปเรียน แล้วผมก็ตัวสั่นตลอดทั้งวันจนกระทั้งกลับไปถึงห้องพัก และในที่สุดผมก็ came out เรียบร้อย และตอนนั้นรู้สึกเหมือน Ryan จะถามผมว่า 

    ' What are we going to do now? '

    ผมตอบกลับไปว่า

    ' Well, find someone to take me out to an 18 and over club. I want to meet the gays. I want to meet gay people. '

    แล้วในที่สุดผมก็ได้ชดใช้ช่วงเวลาที่หายไปอย่างรวดเร็วหลังจากนั้นเป็นต้นมา"

    ..........................................................................

    นี่แหละครับเรื่องราวที่ดูเหมือนจะซีเรียส แต่กลับกลายเป็นเรื่องขบขัน น่ารักๆ ของ Lance ไปได้ ใครจะไปคาดคิดว่าคนคนนี้จะร้ายกาจได้ขนาดที่บังคับเพื่อนตัวเองให้ยอมรับ แต่ตัวเองกลับไม่กล้าซะเอง แถมยังตีหน้าซื่อพูดปลอบใจเพื่อนอี๊ก แต่สุดท้ายก็เหมือนกรรมตามสนอง ตัวเองกลับต้องทนอยู่กับความอึดอัด แต่เพื่อนไปลั้ลลาสบายใจได้อย่างเปิดเผย ฮ่าๆ แอบสงสาร Lance เบาๆ

    ผมแนะนำว่าถ้าคุณฟังภาษาอังกฤษได้พอเข้าใจ ฟังวิดีโอที่ผมแปะไว้จะได้อรรถรสกว่าการอ่านตัวที่ผมแปลเยอะครับ ฮ่าๆ หรือสำหรับคนที่อยากจะอ่านบทสัมภาษณ์ตัวต้นฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษ ผมจะแนบลิงก์ไว้ที่ อ้างอิงข้อมูล (ลิงก์แรก)ด้านล่างของบทความนะครับ รับรองว่าอ่านแบบที่เป็นภาษาอังกฤษสนุกกว่ามาก

    Dustin Lance Black ยังมีมุมน่ารักๆ อีกมาก นั่นทำให้ผมหลงใหลคนคนนี้จริงๆ เอาตรงๆ เลยนะครับ ถ้าจะมีแฟนซักคน คืออยากได้แบบนี้จริงๆ 

    .


    สำหรับเรื่องที่ผมจะเล่าต่อไป เป็นเรื่องที่ผมดีดดิ้นกับมันมากที่สุดเลยหลังจากที่รู้จักคนคนนี้มา นั่นคือเรื่อง "ความรัก" ของ Dustin Lance Black กับ Tom Daley

    จุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมรู้จัก Lance ก็คือ Tom นี่แหละครับ จาก EP. ที่แล้วที่ผมแปะวิดีโออันหนึ่งไว้ เป็นวิดีโอเซอร์ไพร์ส Lance สำหรับเค้กแต่งงานของทั้งคู่ ที่ Tom เป็นคนริเริ่มความคิด ถ้าใครที่ดูวิดีโอตัวนั้นแล้ว แน่นอนครับ นั่นเป็นหลักฐานที่บอกชาวเราว่าทั้งคู่แต่งงานกันไปแล้วเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมานี่เอง แต่ผมจะขอเริ่มต้นเล่าถึงจุดเริ่มต้นของความรักครั้งนี้และเส้นทางความรักของทั้งคู่ที่ไม่ได้ราบลื่นนัก จนกระทั้งได้แต่งงานกันในที่สุด 

    ใครคือ Tom Daley ?
    Tom Daley เป็นนักกีฬากระโดดน้ำทีมชาติอังกฤษ เจ้าของเหรียญทองแดงจาก Olympic Games Rio 2016 
    เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2013 Tom ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอลงในช่อง Youtube ของตัวเอง ซึ่งเป็นวิดีโอการ Came out อย่างเป็นทางการเขา ซึ่งเขาไม่ได้ใช้วิธีการพูดตรงๆ หรอกนะว่าเขาเป็นเกย์ แต่เขาบอกว่า 

    "I've never really had a serious relationship to talk about and now I kinda feel ready to talk about my relationship. And you know come spring this year my life changed massively when I met someone and it made me feel so happy, so safe and everything just feels great and all that someone there's a GUY"

    แล้วก็ไม่ต้องสงสัยเลย a guy คนนั้น ก็คือ Dustin Lance Black นี่เองครับ ทั้งคู่ให้สัมภาษณ์กับ OUT Magazine ถึงจุดเริ่มต้นของการเจอกันครั้งแรกเอาไว้อย่างละเอียด ซึ่งมันน่ารักมากกกกกกกกก แต่ผมจะขอเล่าย่อๆ และยกเอาช่วงสำคัญๆ ของทั้งคู่มานะครับ ถ้าใครที่อยากอ่านบทสัมภาษณ์ตัวต้นฉบับ ผมแปะลิงก์ไว้ที่ อ้างอิงข้อมูล ด้านล่างบทความนะครับ (ลิงก์ที่2) ขอแนะนำให้ไปอ่านจริงๆ ทั้งโรแมนติกแล้วก็ขำมาก

    เริ่มต้นกันที่ Lance เขาบอกว่าตอนนั้นเขากำลังเขียนบทให้กับ J.J. Abrams อยู่ แล้วเพื่อนของเขาก็โทรมาชวนไป Dinner เขาตอบกลับไปว่าไปไม่ได้ เพราะมีงานต้องทำ แต่สุดท้ายเพื่อนเขาก็ตื๊อจนเขาเปลี่ยนใจ แล้วการทานข้าวครั้งนั้นก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของทั้งคู่

    "ผมพูดจากใจเลยนะ ตอนที่ Tom เดินเข้ามา คือผมแบบ Oh my God, he's so cute ผมรู้นะว่าเขาเป็นใคร - ผมได้ดู Olympics อยู่ แต่ Tom ที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนั้น เขาดูเป็นผู้ใหญ่และดูมีความมั่นใจมากกว่าที่ผมคิด....
    ....ผมมองไปทางขวามือ และผมก็จับได้ว่า Tom กำลังมองผมอยู่ - มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่แบบ เวลามีใครบางคนกำลังมองมาที่คุณ ก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่าเขาถูกจับได้ แล้วก็หันหน้าหนีไป และตอนนั้นผมก็คิดว่า มันแปลกๆ ละล่ะ"

    [ "First off, let me be honest: When Tom walked in I was, like, Oh my God, he’s so cute. I knew who he was — I’d watched the Olympics — but in person I found him more mature and confident than I had expected.....
    .....But occasionally I would look over to my right and I would catch Tom looking at me — that split second when someone is looking at you before they realize they’ve been caught and look away. And I thought, 
    That's not straight" ]

    -Lance

    Tom ตอบกลับไปว่าวันนั้นเขาเดินทางไป L.A. เพื่อไปรับรางวัล The Nickelodeon Kids’ Choice Awards แล้วก็มีเพื่อนคนนึงจัดการเรื่อง Dinner แล้วก็ไปสาย 45 นาที

    "ผมพูดจริงๆ นะ ตอนนั้นผมไม่รู้เลยซักนิดว่า Dustin Lance Black เป็นใคร หรือว่าเขาทำอะไรบ้าง ผมจำได้แค่อย่างเดียวคือความคิดตอนนั้นว่าแบบ Oh wow, who’s that? เขาสวมเสื้อยืดสีขาวกับฮู้ดสีแดง และสวมแจ็คเก็ตหนังสัตว์ไว้ข้างนอก และผมคิดว่าเขาน่าจะเป็นนักว่ายน้ำนะ เพราะว่าเขาไหล่กว้างมาก คือเอาจริงๆ การทานข้าวตอนนั้นแบบ ผมมองเขา แล้วเขาก็จ้องผม มันเป็นอะไรที่เคาะเขินอยู่นะครับในตอนนั้น เพราะผมจะหันหน้าหนีตลอดเลย"

    [ "I’m not going to lie: I had no clue who Dustin Lance Black was, or what he did. I just remember thinking, Oh wow, who’s that? He was wearing a white T-shirt with a thin red hoodie, and a leather jacket over it, and I thought he looked like a swimmer, because he has quite broad shoulders. As the dinner progressed, I kept on looking at him, and he kept catching me, which was awkward at times, because I would always look away." ]

    -Tom

    Lance ให้สัมภาษณ์ต่อไปว่าเพื่อนของเขาส่งข้อความข้ามโต๊ะมาให้เขาว่า Tom กำลัง search google เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับเขาอยู่ ซึ่งเมื่อ Lance อ่านข้อความนั้น ก็คิดในใจว่า Something’s up here, but that’s too good to be true. He can’t be into me. I’m dressed in a hoodie. 

    "Tom เพิ่งได้รับรางวัลบางอย่างจาก Nickelodeon TV show และพวกเขามีแผนจะไปฉลองกันต่อ แล้วผมก็บอกไปว่า "ผมต้องกลับบ้าน ผมต้องกลับไปเขียนบทต่อ" และจากนั้น Tom ก็ฉวยเอาโทรศัพท์ผมไป แล้วเขาก็พิมพ์เบอร์มือถือของตัวเองลงไปพร้อมกับติดอีโมจิรูป winky face คือ ณ จุดนั้นผมรู้สึกมั่นใจเลยว่าเขาเป็นเกย์อย่างแน่นอน เพราะในชีวิตผมผมไม่เคยได้ยินผู้ชายแท้ๆ คนไหนที่ให้เบอร์โทรศัพท์ตัวเองในโทรศัพท์ของผู้ชายคนอื่น แถมยังติดอีโมจิรูป winky face อีก"

    [ "Tom had just won an award at some Nickelodeon TV show, and they were planning to celebrate, and I said, “I’ve got to go home; I have a script to write.” And Tom took my phone, and he typed his number in with a winky face. At which point I felt I had confirmation that he was a gay. I’ve never in my life heard of a straight man putting his number in another man’s phone with a winky face." ]

    -Lance

    และนี่ก็เป็นตัวอย่างของเหตุการณ์น่ารักๆ ของทั้งคู่เมื่อตอนเจอกันครั้งแรก แล้วเย็นวันต่อมาทั้งสองคนก็นัดเจอกันที่บาร์ แล้วก็คุยกันถูกคอทีเดียว สุดท้ายคืนนั้นก็จบลงอย่างโรแมนติก ในแบบที่คุณก็น่าจะรู้นะว่ามันจบลงยังไง ฮ่าๆ 

    Lance กับ Tom เริ่มคบกันตั้งแต่ช่วง Summer ของปี 2013 แล้วหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ออกงานด้วยกันครั้งแรกที่งาน Battersea Power Station ในเดือนพฤษภาคม ปี 2014 ซึ่งถือเป็นการออกสื่อร่วมกันครั้งแรก

    ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้สวย เส้นทางความรักของทั้งคู่เหมือนกำลังโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น หลังจากคบกันได้ประมาณ 1ปี เกือบ 2ปี

    Tom กับ Lance ตัดสินใจพักความสัมพันธ์ของกันและกันลง

    คือจากที่ผมไปค้นหาข้อมูลจากหลายๆ แหล่งนะครับ เพราะกลัวจะผิดพลาด ทั้งคู่ตัดสินใจพักความสัมพันธ์กันลงเป็นระยะเวลาทั้งหมดประมาณ 7 เดือน!! ซึ่งตอนแรกที่ผมรู้เนี่ย มันช็อกมากจริงๆ แล้วคำถามมากมายก็เข้ามาในหัวผม ไม่ว่าจะเป็น เพราะอะไรถึงตัดสินใจแบบนั้น? แล้วกลับมาคบกันอีกครั้งได้ยังไง? เพราะระยะเวลา 7 เดือนเนี่ยมันยาวนานมากจริงๆ นะครับ คือระหว่างนั้นจะไม่เจอคนอื่นบ้างเลยหรอ......คำตอบที่ผมได้คือ ก็ไม่เชิง

    แต่ไอ้ ก็ไม่เชิง ที่ว่าเนี่ยแหละครับ ทำผมช็อกหนักเข้าไปอีก ช่วงที่ตัดสินใจพักความสัมพันธ์กัน ทั้งคู่ไม่ได้บอกสื่อ แต่ออกมาพูดกับสื่อในตอนที่กลับมาคบกันอีกครั้งแล้วว่าเคยพักช่วงความรักไปชั่วคราว และเหมือนว่าสาเหตุที่ทำให้ต้องพูดก็คือ ระยะเวลา 7 เดือนที่แยกกันไป มันมีข่าวว่า Tom ไปคุยกับผู้ชายคนอื่นแล้วทั้งคู่ก็ทำสิ่งที่เรียกว่า cybersex กัน คือคงไม่ต้องอธิบายหรอกนะครับว่าไอ้ cybersex นี่มันคืออะไร คือมันมีข่าวออกมาแบบนี้หลังจากที่ Tom กับ Lance กลับมาคุยกันได้ไม่นาน แล้วในที่สุด Tom ก็ออกมายอมรับกับสื่อด้วยตัวเองว่าเขาคุยกับคนอื่นจริงๆ ระหว่างที่พักความสัมพันธ์กับ Lance ซึ่ง Tom ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องที่เขาทำทั้งหมดเขาได้เล่าให้ Lance ฟังทุกอย่างแล้วก่อนที่ข่าวจะถูกปล่อยออกมา แล้ว Tom ก็ให้สัญญาว่ามันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกอย่างแน่นอน

    “I’m 22 years old, and if you talk to someone through social media it is what it is. It was nothing more than that. That’s the funny thing about it."

    “This will absolutely never happen again now that we’re getting married. The date is set, and we’re raring and ready to go for that wedding now.”                                                                       -Tom

    และ Lance ก็ออกมาให้สัมภาษณ์อีกว่าพวกเขาทั้งสองคนคุยกันทุกเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วไม่ว่า Tom จะทำอะไรในช่วงเวลาที่เราแยกกันมันก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะทำได้ 

    “Tom and I talked about anything and everything that went on. That’s the secret to how we are so close and can survive tough times.”
    “What Tom did in that time was his personal business.”
    -Lance

    ทั้งคู่บอกถึงเหตุผลที่ทำให้ต้องแยกกันไปถึง 7 เดือน คือ Tom ต้องเตรียมตัวอย่างหนักสำหรับการแข่ง Rio Olympics 2016 ในขณะที่ Lance ก็ยุ่งมากอยู่กับการทำมินิซีรีส์เรื่องใหม่อย่าง When we rise  ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลคือเรื่องตารางงานของทั้งคู่ที่ยุ่งมากๆ และการที่ต้องทำงานกันคนละประเทศ เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ต้องพัก

    “I mean, being very frank, I was out of the country for about seven months last year – I’d been back and forth before that too, and in that time Tom and I took a decision to take a bit of time off."
    “Adjustments had to be made to make sure that we are never separated for any reason including work ever again. Part of that process is also why we’ve actually now set a date for our wedding. We finally set a date and things are very good.”
    -Lance

    หลังจากกลับมาคบกันอีกครั้งไม่นาน ทั้งคู่ก็หมั้นกันในเดือนตุลาคม ปี 2015 ซึ่งเหตุการณ์การให้แหวนกันนั้นก็ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
    ทั้งคู่ให้สัมภาษณ์กับ OUT Magazine ว่าทั้งสองคนก็ต่างมีแพลนเตรียมจะขอแต่งงานกันคนละที่ ของ Tom คือที่ Golden Gate Bridge - San Francisco ส่วนของ Lance คือที่ Tower Bridge - London แต่ทั้งสองที่กลับล้มเหลว สุดท้ายการขอแต่งงานก็มาจบลงที่ "กางเกงใน"

    "ผมเก็บกล่องแหวนไว้ในกางเกงใน และเมื่อเขาออกมาจากห้องน้ำ ผมก็คุกเข่าและขอเขาแต่งงาน จากนั้นเขาก็วิ่งไปหยิบแหวนของเขาในห้องน้ำ และเขาเตรียมบทพูดไว้ด้วย เขาเป็นถึงนักเขียนนะ แต่กลับใช้คำฟุ่มเฟือยซะเอง แต่เมื่อมองกลับไปตอนนั้นผมจำได้ทุกอย่างเลยว่ามันตื้นตันจริงๆ แบบ Oh my God เราหมั้นกันแล้ว แล้วเราจะต้องบอกใครต่อ แล้วผมก็โทรหาแม่ ส่วนเขาโทรหาพ่อเลี้ยงของเขา"

    [ "I had the ring box in my underwear, and when he came out of the bathroom, I just went down on my knee and proposed. Then he ran off to the bathroom to get his rings, and he had this whole speech prepared, but he’s a writer so his was quite extravagant. But looking back, all I can remember is being completely overwhelmed, like, Oh my God, we’re now engaged. Who do we have to call? So I called my mom, and he called his stepdad" ]

    -Tom

    "จาก Golden Gate ถึง Tower Bridge ไม่มีที่ไหนสำเร็จเลย และสุดท้ายก็มาจบอยู่ในกางเกงในของพวกเราเอง"

    [ "From the Golden Gate Bridge to the Tower Bridge without success, and finally it happened in our underwear." ]
    -Lance


    และหลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวอะไรด้วยกันมามาก Lance และ Tom ก็ได้แต่งงานกันในที่สุด ถ้าคุณยังจำได้เมื่อ EP. ที่แล้วที่ผมแปล Speech ของ Lacne บทเวที Oscars  Lance บอกกับทุกคนว่าหลังจากที่เขาทำหนังเรื่อง Milk มันทำให้เขามีความหวังในชีวิต ความหวังว่าซักวันหนึ่งเขาจะตกหลุมรักใครซักคน แล้วจะได้แต่งงานกับคนคนนั้น แล้ววันที่ 6 พฤษภาคม ปี 2017 ที่ผ่านมาไม่นาน ความหวังอันนั้นของ Dustin Lance Black ก็ได้รับการเติมเต็มจนมันสมบูรณ์ไปเป็นที่เรียบร้อย 

    ทั้งคู่จัดงานแต่งงานกันที่ Bovey Castle ประเทศอังกฤษ มีครอบครัวและเพื่อนสนิทของทั้งสองคนมาร่วมเป็นสักขีพยาน


    ?❤️? Truly unforgettable ? ❤️?

    A post shared by Tom Daley (@tomdaley1994) on


    So... what did you do this weekend?

    A post shared by Dustin Lance Black (@dlanceblack) on



    ผมรู้สึกตื้นตันกับทั้งคู่มากจริงๆ ไม่เคยรู้สึกปลื้มปริ่มกับการแต่งงานของใครเท่านี้มาก่อนเลย ถ้าคุณติดตามทั้งสองคนคุณจะรู้ว่า ทั้ง Lance และ Tom ต่างก็มีเป้าหมายในชีวิตเป็นของตัวเอง Tom มีเป้าหมายในการจะคว้าเหรียญทองจาก Olympics ครั้งต่อไปที่โตเกียว ปี2020 ส่วน Lance ก็มีเป้าหมายในงานภาพยนตร์ และงานด้านการต่อสู้เพื่อความเสมอภาคของชาว LGBTQ มาตลอด แต่ทั้งคู่ก็ยังมีเป้าหมายอย่างหนึ่งร่วมกัน นั่นคือ "ความรัก" และการสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่ทั้งหมดทั้งมวลจะไม่อาจสำเร็จได้เลยถ้าทั้งคู่ไม่ได้มีครอบครัว เพื่อนฝูง และคนรอบกายที่คอยสนับสนุนทุกๆ อย่าง คนเหล่านั้นเปรียบเหมือนกำลังใจสำคัญที่ทำให้ทั้งคู่ประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน 

    จากที่ผมได้ติดตาม Lance และ Tom มาซักพักนะครับ มันทำให้ผมเห็นว่าแรงสนับสนุนจากคนรอบตัวนั้นสำคัญพอๆ กับความมุ่งมั่นของตัวเอง ผมได้ยินข้อความนึงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยบ่อยครั้งประมาณว่า พิสูจน์ตัวเองสิ ทำให้สำเร็จสิ ทำให้พ่อแม่เห็นว่าเราทำได้ แล้วท่านก็จะยอมรับเราเอง คำพูดนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าคนที่เป็นเกย์ หรือเลสเบียนจะไม่ได้รับการยอมรับเลยหรือถ้าพวกเราไม่ได้ประสบความสำเร็จ เกย์หรือเลสเบียนจะต้องเดินไปสู่ความสำเร็จของพวกเขาเพียงลำพังหรือ แล้วค่อยจะได้รับแรงสนับสนุนจากครอบครัว 

    มันเหมือนกับคนเหล่านั้นยืนรอเราอยู่ที่ประตูแห่งความสำเร็จ จะต้องเป็นเราที่เดินไปหาพวกเขาเอง 

    แต่สำหรับสิ่งที่ผมสัมผัสได้จากครอบครัวของ Lacne และ Tom ที่สุดปลายประตูความสำเร็จของเขาทั้งสองคนนั้นไม่มีใครยืนรอพวกเขาอยู่เลยซักคน เพราะอะไรน่ะเหรอครับ เพราะแทนที่คนเหล่านั้นจะยืนรออยู่เฉยๆ แล้วปล่อยให้ทั้งคู่เดินมาหาพวกเขาเอง พวกเขาไม่ทำแบบนั้นครับ พวกเขาตัดสินใจเดินทางไปกับทั้งคู่ตั้งแต่จุดเริ่มต้น คอยสนับสนุนระหว่างทาง ช่วยเหลือ คอยให้กำลังใจ คอยปลอบใจยามที่ล้มเหลว แล้วท้ายที่สุดพวกเขาก็จะก้าวไปสู่ความสำเร็จและร่วมยินดีกับทั้งคู่ไปพร้อมๆ กัน แล้วพอมองย้อนกลับไปยังเส้นทางเดิม พวกเขาก็รู้สึกว่าเส้นทางมันไม่ได้ยืดยาวเลย เขามาถึงจุดนี้ได้เร็วกว่าที่คิด และไม่ต้องสงสัยเลยว่าหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้มันเร็ว ก็คือการที่ไม่ได้เดินตามลำพัง

    Lance บอกว่าเรื่องราวของ Harvy Milk จุดประกายความหวังในการใช้ชีวิตของเขาขึ้นมา แต่ผมจะบอกว่าเรื่องราวของเขาเองนี่แหละ เรื่องราวของคนที่ชื่อว่า Dustin Lance Black ได้จุดประกายความหวังในชีวิตของผมเอง เขาทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเราต้องรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าในตัวเองซะก่อน ก่อนที่เราจะไปหวังให้คนอื่นเห็นคุณค่าในตัวเรา

    ขอบคุณทุกคนสำหรับการสละเวลามานั่งอ่านบทความชิ้นนี้ และผมหวังว่าเรื่องราวที่ผมนำเสนอทั้ง 2 ตอนนี้จะทำให้คุณรู้สึกมีความหวังในชีวิตขึ้นมาบ้างนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิต เรื่องงาน เรื่องการได้รับการยอมรับ หรือเรื่องของความรักก็ตาม

    #LOVEisLOVE


    อ้างอิงข้อมูล
    http://imfromdriftwood.com/dustin-lance-black-im-from-san-antonio-tx/
    http://www.out.com/love-issue/2016/1/05/dlb-td-forever
    https://www.youtube.com/watch?v=OJwJnoB9EKw&list=LLs2-wA5S920q5fhhxkqmCzA&index=11
    http://www.mirror.co.uk/3am/celebrity-news/tom-daleys-fianc-dustin-lance-9664329
    http://www.mirror.co.uk/3am/celebrity-news/tom-daley-reveals-cybersex-fan-9663590


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in