นี่ก็เป็นอีกครั้งที่เหล่าสมุนกวิ้นออกเดินทาง เพียงไม่นานหลังจากทริปสั้นๆ ที่สมุทรสาคร พวกเราก็ทนไม่ไหว พอเห็นตารางงานของพี่เอ๊ะในเดือนมิถุนายนก็จัดการจองที่พักเลยจ้า รวดเร็วยิ่งกว่าครั้งไหนๆ หลังจากเลิกงานในเย็นวันศุกร์พวกเราก็มารวมพลกันเพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง

ปลายทางในทริปนี้คือปราจีนบุรีและนครนายกนั่นเอง

อย่างที่รู้กันว่านี่คือการท่องเที่ยวเชิงติ่งเพราะฉะนั้นเราก็จะไม่ลืมคอนเซปต์ของเรา โดยการไปติ่งก่อนเลย ครั้งนี้พิเศษด้วยเพราะเป็นการรวมตัวกันระหว่างพี่เอ๊ะและ GHOST ซึ่งเป็นวงที่เท่มาก (มากแบบมากมาก) ดนตรีในค่ำคืนนี้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวทำให้เราสนุกจนสุดเหวี่ยง

เราเริ่มเช้าวันใหม่กันอย่างสดชื่น ไม่มีเค้าความเหนื่อยอ่อนกันเลย ด้วยอารมณ์ตื่นเต้นที่จะได้ออกไปเที่ยว พวกเรากินอาหารเช้าที่ทางที่พักจัดไว้ให้ อิ่มแปร้เลย

ขับรถกันมาไกลพอสมควรพวกเราก็มาถึงที่ อุทยานหลวงปู่สด วังพญานาคสี่ตระกูล ที่ตั้งอยู่ในอำเภอกบินทร์บุรี เราอึ้งตั้งแต่วิวทางเข้าที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ต่างประเทศเลย (ไม่นับแดดที่ร้อนจนแทบไหม้) พอเดินเข้ามาภายในอุทยานเราก็ต้องตะลึงกับประติมากรรมพญานาคทั้งสี่ตระกูลตามตำนาน สวยซะจนพูดไม่ออก

จากนั้นเราก็ไปต่อกันที่ เขื่อนขุนด่านปราการชล ถือได้ว่าเป็นไฮไลท์สำหรับวันนี้เลย พวกเราแวะกินอาหารกลางวันกันที่นี่ จะบอกว่าการได้นั่งกินอาหารริมน้ำกับเพื่อนที่รู้ใจเนี่ยเป็นอะไรที่ดีจนแทบจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ เราหัวเราะด้วยกันซะจนคนแถวนั้นยิ้มขำตามไปด้วย 

หลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้วก็พากันไปเดินเล่นชมเขื่อนกัน (จะบอกว่าจริงๆ สามารถนั่งเรือไปชมด้านในได้ สวยเวอร์) ด้วยเวลาที่มีจำกัดพวกเราจึงเลือกการขับรถกอล์ฟเที่ยวเขื่อนกัน รถเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ เราก็ดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์รอบด้าน ฟังเสียงน้ำไหลเพลินๆ ดีซะจนอยากกลับไปอีก

ต่อมาเราไปกันที่ เขาหล่นผจญภัย จริงๆ ที่นี่มีกิจกรรมมากมายให้เล่น ไม่ว่าจะปีนหน้าผาจำลองหรือระ ATV แต่ด้วยความที่เวลามีน้อย (อีกแล้ว) พวกเราเลยได้แต่ถ่ายรูปวิว

ปิดท้ายวันแรกของทริปนี้ที่ อ่างเก็บน้ำทรายทอง พวกเรามาดูพระอาทิตย์ตกกันที่นี่ เก็บเกี่ยวแสงสุดท้ายของวันและความรู้สึกดีๆ ทั้งหมดเอาไว้ และแน่นอน คืนนี้ทุกคนหลับฝันดี

วันที่สองพวกเราเริ่มต้นกันด้วยความร่าเริง เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางในวันนี้ ไม่รอช้า สถานที่แรกที่เราไปคือ วัดจุฬาภรณ์วนาราม ที่นี่มีซุ้มป่าไผ่ที่สวยงาม

พอถ่ายภาพกันจนพอใจพวกเราก็ไปต่อกันที่ ทุ่งนามุ้ย ในใจนี่คิดถึงแต่ภาพทุ่งนาเขียวขจีที่มีสะพานไม้ไผ่ทอดผ่าน สิ่งที่เราได้น่ะเหรอ

ไม่มีนาจ้า

เอาเถอะ แต่สิ่งที่ไปเห็นก็สวยไม่แพ้กันล่ะ ที่สำคัญอาหารอร่อย ที่นี่มีให้นั่งรถแทร็กเตอร์ชมทุ่งด้วยนะ

เวลาน้อยกลัวจะใช้ไม่คุ้ม พวกเราก็เลยเดินทางต่อไปยัง พุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์ และ น้ำตกสาริกา ต่อทันที รับลมเย็นๆ กับละอองน้ำดับร้อน แต่ไปน้ำตกต้องระวังนะเพราะหินลื่นทีเดียวล่ะ

เย็นฉ่ำน้ำตกจนสมใจแล้วเราก็เตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ 

แต่เดี๋ยวก่อน ระหว่างทางเราเจออะไรดีๆ กันด้วยล่ะ ฟ. ฟาร์ม เมล่อน และ เจดีย์ห้าร้อยยอดที่ วัดป่าสว่างบุญ

ในรถเต็มไปด้วยเสียงเพลงตลอดทางขากลับ เหนื่อยนะ แต่ก็สนุก เป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยเรื่องราวดีๆ ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ ได้เจออะไรใหม่ๆ ที่สำคัญ

การเดินทางบางทีก็ให้อะไรเรามากกว่าความทรงจำดีๆ

ป.ล. เพลงนี้มีความหมายถึงคนที่อยู่ห่างกันแต่ยังมีความรู้สึกดีๆ ให้กัน เหมือนกับพวกเราที่แม้อยู่กันคนละที่ แต่ก็ยังคิดถึงกันเสมอ