เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Before Bed short storyแ ว ว วั น.
Strawberries & Cigarettes
  • \\



    \\



    ???


    เวลา 3.47 pm ผมเดินจากป้ายบัสถึงรั้วบ้าน
    เปิดประตูรั้วเตี้ยๆ ของมันและเดินเข้าบริเวณบ้าน
    “ขอไฟหน่อยดิ”
    ผมหันไปหาเสียงนั้น
    เขาเท้าแขนสองข้างกับรั้ว
    มือหนึ่งคีบบุหรี่ไม่ยังไม่ได้จุด
    “ห๊ะ?” ผมหันไปหาเขาทั้งตัว

    “มีไฟแช็กป้ะ” เขาถามย้ำ เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
    เด็กไฮสคูลดีๆ ที่ไหนเค้าพกของแบบนั้นกัน
    “ผมไม่มีหรอก ของแบบนั้นน่ะ”
    “จิ๊! ชวนหัวเสียจริงๆ” เขาเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม หยิบซองลูกอมออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ต 
    ซองลูกอมกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่สีชมพูเข้ากับดวงหน้าของเขา
    แต่ขัดกันอย่างสิ้นเชิงกับท่าใช้มือกันลมตอนจุดบุหรี่จากไฟแช็กที่หยิบออกมาจากรองเท้าบูทส์


    อะไรของเค้าวะ
    “ซักหน่อยมะ”
    เขายื่นบุหรี่มาทางผม ผมส่ายหน้า
    —ส่ายหน้าเรียกสติ
    ทำไมผมต้องมายืนคุยกับเค้าด้วยวะ
    “ผมขอตัว”
    ตัวบ้านอยู่ห่างออกไปห้าก้าว 
    “อั๊ก!!” แต่ผมเดินออกไปได้เพียงหนึ่งก้าวก็โดนฮู้ดดี้เอาไว้
    “มาด้วยกันหน่อยดิ”
    เสื้อรั้งขึ้นมาที่คอ ผมจำเป็นต้องกระโดดข้ามรั้วบ้านตามแรงดึงของเขา
    ทุลักทุเลฉิบหาย
    จะว่าผมไม่รู้จักเขาก็ไม่ใช่
    เราเป็นนักเรียนในไฮสคูลเดียวกัน
    เขาคือหนึ่งในนักซอคเกอร์โรงเรียนที่มักถูกพูดถึง
    ผมชื่นชมเขา
    แต่เราก็ไม่สามารถเรียกได้ว่ารู้จักกันอยู่ดี




    เขายัดผมใส่รถแล้วขับออกมาจากย่านมิดทาวน์
    มุ่งหน้าสู่บีชโร้ดที่อยู่อีกฝากของเมือง
    บังคับให้ซื้อฟิชแอนด์ชิพส์ที่ข้างทาง
    —เพื่อพบว่าเขาลืมกุญแจกับไว้ในรถที่ถูกล็อคอย่างดี!
    “อะไรของคุณวะ จู่ๆ ก็ลากผมออกจากบ้านไม่ถามไถ่ซักคำ จุ้นจ้านให้ทำนู้นทำนี่ แล้วก็เป็นแบบนี้เนี่ยนะ!? บัดซบ!”
    เขาตะโกนใส่หน้าเขาอย่างเหลืออด
    แตะเข้าที่ยางของล้อหน้าระบายอารมณ์
    กระแทกตัวนั่งบนกระโปรงหน้ารถ
    “โทษที”
    เขาตามมานั่งข้างๆ หยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน จุดมัน และถือเอาไว้อย่างน้ัน
    “ฉันไม่มีอะไรจะแก้ตัวทั้งนั้น”
    เขาบอกเสียงแผ่ว นั่งชันเข่าข้างหนึ่ง หันมาทางผม แล้วยกบุหรี่ขึ้นสูบ 
    ความเงียบจึงเข้าปกคลุม
    ก้านบุหรี่ถูกเผาไปไม่ถึงครึ่ง เขาบี้มันกับกระโปรงรถ วางทิ้งไว้ใกล้ๆ
    “นี่เซฮุน”
    “อือ” ผมหันหน้าไปมองตอนเขาเรียก แม้จะประหลาดใจที่เขารู้จักชื่อผมอยู่นิดหน่อยแต่ผมก็เก็บซ่อนมันไว้
    เหมือนสีแสงสว่างวาบสาดเข้าตา
    ไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไหร่นับจากที่เขาเคลื่อนเข้ามาใกล้
    ลู่หานกดริมฝีปากลงมาหาผม ทาบทับไว้นิ่งๆ อยู่ไม่กี่วินาทีแล้วผละออก
    !!!

    เขามองตาผม นัยน์ตากลมโตของเขากำลังสั่นไหว แล้วเขาก็จูบลงมาอีกครั้ง
    มันเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจจนผมรู้สึกได้
    ลู่หานดูดดึงริมฝีปากล่างของผม พยายามให้ผมตอบโต้อะไรบ้าง
    ผมที่ได้สติจึงเปิดปากออก
    เปิดปากของเขา ลิ้นที่ผมส่งเข้าไปได้รับรสชาติหวานของลูกอมที่ยังคงทิ้งความหวานไว้ในโพรงปาก
    “อื้อ~”
    ผมกวาดต้อนเอารสสตรอว์เบอร์รี่ของลูกอมจากโพรงปาก และสูดดมกลิ่นควันบุหรี่จากลมหายใจ
    นั่นคือตัวตนของเขาทั้งหมด


    ห่างออกไปไม่ถึงครึ่งไมล์มันคือทะเลและชายหาด
    เราทิ้งตัวลงนอนที่นั่น
    ทิ้งรถของเขาไว้ที่เดิม
    “นี่ เชื่อเรื่องโชะตาป้ะ”
    ลู่หานถามขึ้น เขาเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงมาทางผม
    “คุณเชื่อเหรอ”
    “ไม่เชิง แต่เราอยากให้เซฮุนเชื่อนะ”
    “งั้นเชื่อก็ได้”
    “แหม ถึงจะพูดเหมือนตัดรำคาญก็เหอะ แต่ก็ดีใจนะเนี่ย”



    ความสุขที่เกิดขึ้นแบบงงๆ ในคืนนั้นยังคงติดค้างอยู่ในใจผมจนถึงเช้าวันที่สาม
    ผมนอนมองโทรศัพท์ที่ไม่มีซักสายเรียกเข้าหรือเมสเซจ
    แล้วหลุมดำก็ดูดเอาความสุขของผมไป
    ผมไม่เจอเขาที่โรงเรียน
    ปกติก็ไม่ค่อยได้เจออยู่แล้วนั่นแหละ
    ผมจึงตัดเรื่องที่ว่าเขาอาจจะป่วยออกไป
    ผมไม่รู้ว่าชมรมของเขามีซ้อมหรือเปล่า ไม่กล้าถามเพื่อนๆ ของเขาด้วย
    ผมจึงตัดตัวเลือกนี้ทิ้งไป
    ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
    ยังคงไม่ได้รับการติดต่อจากเขา
    ผมให้เบอร์เขาไปตอนที่เขาขอ
    แต่ผมขี้ขลาดเกินกว่าจะขอเขาบ้าง
    ดังนั้นเรื่องที่จะโทรฯ ไปหาเขาก่อนก็ลืมไปได้เลย
    สุดท้ายผมก็กลายเป็นไอ้ขี้แพ้
    วิ่งอยู่ในวังวนความคิดถึงเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์



    เวลา 7.43 pm ผมเดินจากป้ายบัสถึงรั้วบ้าน
    เปิดประตูรั้วเตี้ยๆ ของมันและเดินเข้าบริเวณบ้าน
    รสบัสไม่เคยสาย เป็นผมเองที่เถลไถล
    ประตูรั้วถูกปิดลง ไฟหน้ารถสาดลงบนตัวผม ผมถูกตรึงเอาไว้ตรงนั้น
    “ผมไม่มีไฟแช็กให้คุณหรอกนะ” ผมหันไปบอกเขา
    เจ้าของรถเดินมาที่รั้ว
    เขาเท้าแขนสองข้างกับรั้ว
    มือหนึ่งคีบบุหรี่ไม่ยังไม่ได้จุด
    “ขอโทษทีนะ แต่ครั้งนี้เราไม่ขี้ขลาดจนต้องอ้างเรื่องไฟแช็กอะไรนั่นแล้วล่ะ”
    “ห๊ะ?” ผมไม่เข้าใจที่เขาพูด 
    ไม่ว่าจะคำพูดหรือการกระทำ ลู่หานยังทำให้ผมแปลกใจได้เสมอ
    เขากระโดดข้ามรั้วเข้ามาในบริเวณบ้าน
    “แค่นายตอบว่า ‘yes’ ก็พอ”
    “อะไรของคุณ”
    “เป็นแฟนกัน”
    ผมไม่แน่ใจว่ามันคือคำถาม ลู่หานพูดออกมาแบบนั้นแล้วเขย่งตัวจูบผม
    “จูบแล้วห้ามคืนคำแล้วนะ”
    “…”
    “…”
    “yes”


    จะว่าผมไม่รู้จักเขาก็ไม่ใช่
    เราเป็นนักเรียนในไฮสคูลเดียวกัน
    เขาคือหนึ่งในนักซอคเกอร์โรงเรียนที่มักถูกพูดถึง
    ผมชอบเขา
    และคิดว่าเขาเองก็คงชอบผม
    แต่ถึงอย่างนั้นเราก็เป็นแฟนกันไปแล้ว


    จบ.




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in