เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
NOVELBER's Storiesccnaorot
Day 1: Forest #Novelber



  • Forest

    Paring: MonV

    Note:ได้แรงบันดาลใจมาจากทวิตจากแฟนไซน์ที่พี่ม่อนบอกว่าอยากเห็น วี เป็นTinkerbell ค่ะ

     

     


    ‘เขาว่ากันว่าถ้าหลงป่าจะเจอนางฟ้า’

     

     

     

                ‘เพ้อเจ้อหว่ะ’ เขาโพล่งขึ้นมาแทบจะทันทีที่ได้ยินน้องชายเอ่ยอะไรบางอย่างที่มันโคตรเพ้อเจ้อออกมา

     

                เห้ยนี่มันปี 2017 แล้ว นางฟ้าอะไรไร้สาระน่า

     

                ‘ถ้าพี่ไม่เชื่อพี่ก็ลองหลงป่าดูดิจะได้รู้ว่ามีนางฟ้าจริงไหม’ เสียงน้องชายตัวแสบที่คิมนัมจุนพึ่งบ่นใส่ไปเมื่อครู่ดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะเงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างท้าทาย

     

                อ่า..ให้มันได้อย่างนี้สิเจ้าเด็กนี่

     


     -----------------------------------------------

     


                ตอนนี้เขาก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าใครกันแน่ที่เพ้อเจ้อกว่ากันระหว่างเจ้าเด็กตัวโตที่นอนเล่นโทรศัพท์อย่างสบายใจเฉิบในเต้นท์ผ้าใบหลังหนา กับเจ้าตัวที่ในตอนนี้ที่กำลังเตรียมของเพื่อไปตะลุยในป่าตามลำพัง

     

                “โชคดีนะพี่” เสียงของ จอนจองกุกน้องชายตัวแสบดังขึ้นมาอีกครั้งทั้งๆที่เจ้าตัวยังคงเล่นเกมในโทรศัพท์อย่างเอาเป็นเอาตาย

     

                ให้มันได้อย่างนี้สิจอนจองกุกนี่ตั้งใจจะอวยพรพี่มันจริงหรอวะ

     

     

     

                เมื่อเป็นอย่างนั้นเขาก็เลือกที่จะเดินเข้าไปในป่าตามลำพัง

                แต่มันจะหลงได้ไงวะ ในเมื่อแผนที่ก็มีจีพีเอสก็มี วิทยุสื่อสารก็มี

                คิดซะว่าเข้าไปถ่ายรูปเล่นละกัน..คงไม่มีทางได้เจอนางฟ้าอย่างที่เจ้ากุกมันว่าหรอก

     

     

                คนตัวสูงเดินเข้าไปในป่าอย่างไม่รีบร้อนมากนักเมื่อเจอมุมไหนแสงดีๆก็ยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาเก็บภาพไว้ตามประสาช่างภาพอิสระ

     

                ก่อนที่เจ้าตัวจะถูกมนตร์สะกดของผืนป่าแห่งนี้ให้เดินเข้าไปลึกขึ้น...ลึกขึ้น

     

                บรรยากาศหม่นๆ กับความชื้นรอบตัวนั้นดูเหมือนจะเป็นปัญหาอยู่สักหน่อยเพราะในตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกคัดจมูกอย่างบอกไม่ถูกอีกทั้งเมื่อเดินเข้ามาลึกมากขึ้น อุณหภูมิรอบตัวก็ดูเหมือนจะลดลงทันตา แถมบริเวณนี้จะมีหมอกบางๆปกคลุมอยู่เสียด้วย

     

     

                กว่าจะรู้ตัวอีกที เขาก็พาตัวเองเดินมาจนสุดทางเดินเสียแล้ว

     

                บริเวณด้านหน้าในตอนนี้เป็นสะพานไม้เก่าๆที่ดูเหมือนว่าหากเดินข้ามไปคงไม่มีวันถึงอีกฝั่งเป็นแน่ คิมนัมจุนจึงเลือกที่จะนั่งลงบริเวณโคนต้นไม้ใกล้ๆก่อนที่จะหยิบแผนที่ที่ขอจากทางอุทยานออกมาดู

     

     

                “ว่าแต่ตรงนี้มันที่ไหนวะ” สายตาคมค่อยๆไล่มองไปยังจุดสังเกตตามแผนที่ที่ได้พบเจอเมื่อครู่แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีบอกว่าสะพานเก่าๆนี้มันตั้งอยู่ตรงไหน

     

                เมื่อเพ่งสายตาบนรูปเล็กๆนานเข้าก็ต้องยอมแพ้ ในที่สุดคิมนัมจุนก็เลือกที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พร้อมทั้งกดเข้าแอพลิเคชั่นแผนที่ในทันที

     

     

     

    No Internet Connection Found. PleaseCheck.

     

     

     

                เออหว่ะ...กลางป่าแบบนี้จะไม่มีสัญญาณก็ไม่แปลก

     

                เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็เลือกที่จะหยิบวิทยุที่เป็นที่พึ่งสุดท้ายของตัวเองออกมา

     

     

                ซ่า..ซ่า

                นิ้วเรียวหมุนหาคลื่นที่เจ้าหน้าที่กกำชับตลอดเส้นทางอย่างแม่นยำแต่ดูเหมือนว่าสัญญาณวิทยุที่บริเวณนี้ก็จะไม่มีเช่นกัน

     

     

               

    โอเค...ในตอนนี้คิมนัมจุนหลงป่าอย่างสมบูรณ์แบบแล้วหล่ะ

     

     

     

                เมื่อไม่รู้ว่าที่ตรงนี้อยู่บริเวณไหนและขืนเดินต่อไปก็คงหลงเสียเปล่าๆ เขาก็เลยตั้งใจว่าเดินกลับตั้งแต่ตอนนี้ก็ยังทันอย่างน้อยถ้าออกไปแถวชายป่าก็น่าจะมีสัญญาณอะไรบางอย่างมากกว่ากลางป่าแบบนี้

     

     

                ขายาวทั้งสองข้างเลือกที่จะก้าวกลับไปยังเส้นทางเดิมที่เมื่อครู่เดินผ่านมา

                แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อหางตาของตนเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่วิ่งผ่านไปหลังต้นไม้ด้านข้าง

     

     

     

                ฟึ่บ

                คนตัวสูงรีบหันไปยังทิศทางที่เห็นสิ่งเมื่อครู่แต่ดูเหมือนว่าจะไม่พบอะไรนอกไปจากต้นไม้ต้นใหญ่ที่ตั้งอยู่

     

     

                ‘โอเค...อาจจะตาฝาดก็ได้ เห็นสีเขียวๆนานไปหน่อยสินะ’มือเรียวยกขึ้นมานวดเข้าที่ขมับตัวเองเบาๆก่อนที่จะหันกลับมายังทิศทางเดิมแล้วตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อทันที

     

     

                ฟึ่บ..ฟึ่บ

                และก็เป็นอีกครั้งที่อะไรบางเคลื่อนที่ผ่านแนวต้นไม้ไปอย่างรวดเร็ว

     

     

                “เห้ย..นั่นใครอ่ะ” เสียงทุ้มโพล่งถามออกไปด้วยความหัวเสียมันไม่ตลกสักนิดถ้าต้องมาเจออะไรกวนประสาททั้งๆที่กำลังหลงทางอยู่อย่างนี้

     

     

                แต่ดูเหมือนว่าเสียงตะโกนเมื่อครู่จะไม่ได้ช่วยอะไรเพราะเจ้าสิ่งที่ว่านั้นก็ไม่ได้มีการตอบกลับใดๆ

     

               

                คิมนัมจุนจึงเลือกที่จะออกเดินต่อในเส้นทางเดิม

     

                ฟึ่บ..ฟึ่บ..ฟึ่บ

                “จะอะไรก็โผล่ออกมาเลยมา...มัวแต่หลบอยู่ได้จะเอายังไงวะ!” เสียงทุ้มตะโกนออกมาด้วยความเหลืออดก่อนที่เจ้าตัวจะหมุนตัวเองไปรอบๆเพื่อมองหาเจ้าสิ่งก่อกวนเมื่อครู่

     

     

                “อะ..เอ่อคือ” เสียงหวานที่ดังขึ้นทางด้านหลังนั้นทำให้เขารีบหันกลับไปแทบไม่ทัน ในหัวเตรียมถ้อยคำมากมายที่จะเอ่ยออกไปใส่ใครอีกคน

     

     

                แต่แล้วก็ต้องเก็บคำเหล่านั้นลงคอแทบไม่ทัน

     

     

                เมื่อเขาหันไปเจอเข้ากับเด็กน้อย..เผลอๆอาจจะเด็กกว่าเจ้ากุกน้องชายของเขาด้วยซ้ำ ในชุดสีขาวผ้าพริ้วๆ เรือนผมสีนน้ำตาที่เข้ากันได้ดีกับใบหน้าเรียวสวยดวงนั้นและบนศีรษะเล็กๆนั่นก็มีมงกุฎดอกไม้สวมอยู่

     

                ดวงตากลมโตคู่นั้นหลบสายตาลงด้วยความประหม่ามือเล็กๆทั้งสองข้างกุมกันไว้ราวกับไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดถูกหรือไม่ที่เผยตัวออกมา

     

                แล้วก็เป็นนัมจุนเองที่รู้สึกเหมือนว่าตัวเองตกลงไปในภวังค์ของความงดงามตรงหน้า

     

     

     

                กว่าที่เขาจะรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มือเรียวสวยคู่นั้นโบกไปมาตรงหน้า

                “ห..เห้ย” คนตัวโตที่พึ่งได้สติ รีบถอยห่างออกมาจากคนตรงหน้าด้วยความตกใจ

     

     

                “ฮะๆ..ไม่ต้องกลัวเราหรอก เราไม่ได้จะทำอะไรเจ้าสักหน่อย”เสียงหวานเอ่ยขึ้นมาด้วยความขบขันกับท่าทีของคนตรงหน้าที่แทบจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้าก็ว่าได้

     

                ตอนแรกก็ดูน่ากลัวอยู่หรอกที่มัวแต่โวยวายอะไรไม่รู้แต่ในตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าคนตรงหน้าก็ไม่ได้มีพิษภัยอะไร

     

     

                “จ..เจ้าเป็นใครหน่ะ ทำไมมาอยู่ที่นี่แถมแต่งตัวแบบนี้อีก” คนตัวโตที่พึ่งหาเสียงตัวเองเจอเอ่ยถามใครอีกคนอย่างรัวเร็ว

               

                มันคงไม่น่าเชื่อเท่าไหร่ถ้าจะมีคนแบบนี้..เอ่อแต่งตัวแบบนี้อยู่ในป่าหน่ะนะ

     

     

                “ไม่ต้องรู้หรอกน่า...เจ้าหลงทางใช่ไหม ตามมาสิเดี๋ยวเราจะพาไปส่ง”

     

                “ย..อย่าบอกนะว่าเจ้าเป็นนางฟ้าหน่ะ”

     

                อ่าให้ตายเถอะนี่เขามาเจอกับนางฟ้าจริงๆหรอวะ ต้องถ่ายรูปไว้ไหม เผื่อจะได้ไปให้เจ้าน้องตัวแสบมันดู

     

     

                “ฮ่าๆๆ เจ้าก็พูดเป็นเล่นก็เห็นอยู่ว่าข้าเป็นผู้ชายจะเป็นนางฟ้าได้ยังไงหล่ะ” เสียงหวานของคนตรงหน้านั้นหัวเราะขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีจนทำให้บรรยากาศของป่าดูสดใสขึ้นอีกเป็นกอง

     

     

                “ตะ..แต่ว่า”

     

     

                “มาเถอะ..รีบกลับดีกว่าอยู่แถวนี้นานๆไม่ดีเท่าไหร่หรอก” ว่าแล้วคนตัวเล็กก็จัดการดึงแขนคนตัวโตกว่าให้เดินตามกันมาก่อนที่เจ้าตัวจะพากลับมายังบริเวณสะพานไม้เก่าๆนั่นดังเดิม

     

     

                “เจ้าต้องข้ามไปฝั่งนู่นหน่ะ พอข้ามไปก็เจอทางออกแล้ว”

     

     

                “นี่อย่ามาอำกันหน่อยเลย...สะพานเก่าขนาดนี้จะให้ข้ามไปได้ยังไงเล่าเผลอๆตกลงไปก่อนจะถึงอีกฝั่งพอดี”

     

     

                “ฮะๆ ต้องข้ามได้สิ...เชื่อข้าเถอะว่าเจ้าไม่ใช่คนแรกที่ใช้มันหรอกหน่า”

     

     

                “แล้วเจ้าหล่ะ...ไม่ข้ามไปด้วยกันหรือไง”

     

     

                “สะพานนี้ข้ามได้ทีละคนหน่ะเจ้าข้ามไปก่อนเลย”

     

     

                “เหมือนข้าจะไม่ได้เจอเจ้าอีกยังไงไม่รู้แหะ..ข้าถามชื่อเจ้าได้ไหม”

     

     

                “วีเดลนัส ข้าชื่อวีเดลนัส เอาหล่ะ เจ้าต้องรีบไปแล้วก่อนจะไม่ทันเวลา” ทันทีที่เอ่ยจบมือเรียวคู่นั้นก็ผลักเข้าที่หัวไหล่คนตัวโตเต็มแรงก่อนที่จะตัวจะถูกแรงผลักออกไปจนถึงกลางสะพาน

     

     

                ก่อนที่คิมนัมจุนจะรีบเดินไปจนสุดทางแล้วหันกลับมาหาใครอีกคนเมื่อครู่ที่บอกว่าจะตามกันมา

                แต่แล้วเขาก็พบเพียงความว่าเปล่า...ราวกลับว่าที่ตรงนั้นไม่เคยมีใครยืนมาก่อน

     

     

                ขายาวจึงเลือกที่จะก้าวกลับไปเพื่อตามหาใครอีกคนแต่แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินนเสียงคุ้นเคยของใครบางคนที่ดังขึ้นมา

     

     

                “พี่” จอนจองกุกร้องเรียกพี่ชายตัวเองในขณะที่เจ้าตัวรีบวิ่งมาก่อนที่น้องชายตัวโตจะรีบโผเข้ามาก่อนเขาไว้จนแน่น

     

                “ผมนี่ตกใจแทบแย่ พี่เล่นหายเข้าป่าไปสามวันเลยนะทั้งผมทั้งเจ้าหน้าที่แทบจะพลิกป่าหาพี่ด้วยซ้ำอ่ะ”เสียงของเด็กในอ้อมกอดดังขึ้นจนคิมนัมจุนอดไม่ได้จะยีหัวเจ้าเด็กไม่รู้จักโตตรงหน้าไปหนึ่งทีก่อนที่เขาจะหันกลับไปยังทิศทางเดิม แต่ทว่าเขากลับไม่เจอสะพานที่ว่าเสียแล้ว

     

                “ขอโทษนะครับ..สะพานไม้...” คิมนัมจุนหันไปถามเจ้าหน้าที่อุทยานที่ยืนอยู่ข้างๆแต่ยังไม่ทันจบประโยคเจ้าหน้าที่ก็ตอบกลับมาราวกับมีคนถามเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ

     

     

     

                “อ่อ..คุณหมายถึงสะพานที่อยู่ชายป่าฝั่งตะวันออกหรือเปล่าครับสะพานนั่นถูกรื้อไปตั้งแต่สิบปีก่อนแล้วครับผม ก่อนที่ผมจะเข้ามาทำงานที่นี่ซะอีก”

     

     

                ทันทีที่เขาได้ยินคำตอบจากเจ้าหน้าที่อุทยานคิมนัมจุนก็เลือกที่จะไม่เอ่ยอะไรต่อก่อนที่เขาจะก้มหัวขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่น้องชายตนเองไปขนมาทั้งอุทยานเพื่อมาตามหาเขาแล้วจึงเดินกลับไปยังเต้นท์ที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

     

     

     

                จนเมื่อถึงเวลากลับก่อนที่เจ้าตัวจะเดินกลับไปที่รถของตนเขาก็หันกลับไปยังบริเวณชายป่าเมื่อครู่แล้วเอ่ยขอบคุณใครอีกคนขึ้นมา

     

     

     

    ‘ขอบคุณนะครับ...วีเดลนัส’

                           

     

    FIN


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in