เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Alive : ฆ่า(ข้า) ต้อง รอด !NO.W
ตอนที่ 32 : ความลับของหมู่บ้าน
  • ……….

     

    ตอนที่ 32 : ความลับของหมู่บ้าน

     

    “นาย !” อลิซแปลกใจเมื่อเห็นชายคนสุดท้ายปรากฏตัวเพราะเธอเคยพบมาแล้วก่อนหน้านี้

    “ตกใจที่เห็นผมหรอ? ว่าไงแคล”  อ๋องตอบอลิซก่อนหันไปทักแคลที่ยังดูมึนๆ อยู่

    “รู้จักฉันด้วยหรอ?” แคลถาม

    “9 เดือนคงจำกันไม่ได้แล้วสินะ  อ๋องกับริกที่พาเธอเข้านิวเคลโอไง” อ๋องเตือนความจำ

    “อ้า !” สีหน้าแคลดูดีใจเมื่อได้เห็นคนที่ตนอยากเจอหน้า“แล้วไหนริกล่ะ” แคลมองอีกสองคนที่เหลือ

    “ริกไม่ได้อยู่นี่หรอก เจ้าท้วมนี่ชื่อ เอิร์น ส่วนอีกคนก็ เปา เพื่อนในหน่วยผมน่ะ” อ๋องว่า แคลดูเสียดายเล็กน้อย แต่ก็กล่าวทักทายกับทั้งคู่

    “ว่าแต่พวกเธอหนีอะไรกันอยู่ ?” อ๋องถาม

    “ก็พวก เฮ้ย ! ลืมไปเลย วิ่งต่อเร็วเข้า” โจพูดขึ้นก่อนดันอลิซไปข้างหน้า

     

                แต่เสียงล้อบดถนนของรถฮัมวี่ก็ดังขึ้นและเบรกดังเอี๊ยดอยู่ข้างหลังพวกตนทันทีที่โจพูดจบก่อนเห็นพวกมันกำลังลงจากรถ

     

    “พวกเธอสามคนหนีไป ! เร็วเข้า” อ๋องตะโกนลั่นกระสุนไปทางรถเพื่อถ่วงเวลาให้ กลุ่มของแคลพากันวิ่งทันที  เอิร์นและเปาต่างรู้งานรีบยิงตอบโต้สกัดพวกมันไว้พลางหาที่กำบังเหมาะๆในการรับมือ

     

                ทั้งสามเลี้ยวตรงหัวมุมถนนอีกครั้งพลางวิ่งไปอีกหลายร้อยเมตรจนคิดว่าไกลจากจุดปะทะแล้วจึงชะลอฝีเท้าลงกลายเป็นเดิน

     

    “ฉันได้ที่อยู่ผู้รอดชีวิตแล้ว” โจพูดขณะหอบแฮ่ก เขายกแทบเลตขึ้นมาโจตั้งค่าค้นหาไว้ตั้งแต่แคลบอกแล้ว มันเพิ่งจะมารายงานเอาตอนนี้

    “ที่ไหน ไกลมั้ย ?” อลิซถามเอนหลังพิงกำแพงพักเหนื่อย

    “ขึ้นเหนือไปอีกหน่อย เข้าเขตที่อยู่อาศัยแล้วล่ะ ประมาณ 2-3 กิโล” โจว่า

    “งั้นก็รีบไปเถอะ เราต้องแข่งกับพวกเคลโออีกไม่งั้นมันจับผู้รอดชีวิตไปหมดแน่” แคลพูด

     

                ทั้งสามเดินออกจากย่านค้าขายของหมู่บ้านอาคารรอบตัวเริ่มน้อยลงกลายเป็นหมู่แมกไม้และทุ่งหญ้าโล่งๆ ที่นี่เป็นหมู่บ้านที่ร่มรื่นมากๆทุกที่ไม่มีต้นไม้หนาแน่นก็จะมีสวนย่อมๆ มันถูกจัดแต่งเป็นระเบียบอย่างดีถัดไปข้างหน้าก็จะพบกับบ้านสองชั้นที่สร้างเรียงรายกันไปแต่ละบ้านมีเนื้อที่ค่อนข้างกว้าง ทำให้ระยะห่างมีเยอะขึ้น

     

                แต่ทุกคนก็ยังระมัดระวังตัวใช่ว่าที่นี่จะปลอดภัยซะทีเดียวถึงแม้พวกเคลโอจะตามมาไม่เยอะก็ตาม  แคลและอลิซเดินตามโจที่เป็นคนนำทางทั้งสองไปหาผู้รอดชีวิต

     

    ……….

     

    “ไม่ไหวแล้วว่ะ ถอยเหอะ” เอิร์นตะโกนบอกเพื่อนทั้งสองเมื่อใช้กระสุนแม็กสุดท้ายหมดไปเรียบร้อย

    “กูเห็นด้วย” เปาเห็นด้วยอีกเสียงเมื่ออาวุธพวกตนยังไม่พร้อมจะสู้อีกทั้งพวกมันก็เอาแต่หลบอยู่กับรถ

    “กูบอกให้วิ่งแล้ววิ่งเลยนะ” อ๋องตะโกนบอกเพื่อน  “วิ่ง !”      

     

                สิ้นเสียงเอิร์นหันหลังออกตัววิ่งโดยมีเปายิงคุ้มกันให้จนไปถึงมุมถนนตามด้วยเปาที่หันหลังวิ่งกลับตามมาโดยมีอ๋องคุ้มกันให้อีกต่อ สลับกันไปเรื่อยๆจนทั้งสามออกมาอยู่ปากทางอีกถนนได้สำเร็จพวกเขาตัดสินใจวิ่งไปคนละทางเพื่อล่อพวกเคลโอให้ตามไป

     

    ..........

     

                ในท่อที่มืดและเงียบสงัดเสียงย่ำเท้าของไบรอันส่งเสียงก้องกังวานไปทั่วทำเอาไบรอันต้องระวังตัวและเงี่ยหูฟังตลอดเวลา เมื่อสิ่งเดียวที่ทำให้ตนมองเห็นได้คือไฟฉายจากปากกระบอกปืนของตน  อีกทั้งเมื่อครู่เขายังต้องผงะเมื่อพบศพสภาพปากแผลเหวอะหวะจนจำไม่ได้แล้วว่าใครเป็นใครอยู่สามสี่ร่างนอนทับสุมกันอยู่ มันส่งกลิ่นเหม็นเน่าเข้าไปอีกเมื่อรวมกับกลิ่นน้ำที่ตนเดินย่ำมาตลอดทาง

     

                และแล้วสิ่งที่ชายหนุ่มปรารถนาก็เป็นจริงนั่นคือแสงสว่าง ข้างหน้าเป็นทางออกไปจากท่อบ้าๆ นี่ที่ตนหลงเดินอยู่ร่วมชั่วโมงไบรอันปิดไฟฉายปลายปืน หรี่ตาเมื่อแสงจากข้างนอกทำเอาตนตาพร่าเมื่ออยู่ในที่มืดเป็นเวลานานเขาสะพายปืนไว้ข้างหลังก่อนชะโงกหน้าออกไปมองข้างนอกหลังจากปรับการมองเห็นได้แล้ว

     

                ไบรอันไม่รู้ว่าตอนนี้ตนอยู่ส่วนไหนของหมู่บ้านแต่ดูเหมือนจะมาโผล่ในแอ่งที่เจิ่งนองไปด้วยโคลนและรกชันไปด้วยหญ้าที่ขึ้นสูงไปหมดเหมือนตอนแรกที่ตนเข้ามา

     

                ชายหนุ่มพยายามเกาะดินและปีนไต่ขึ้นไปมองซ้ายขวาว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญหรือไม่ ก่อนไต่ขึ้นมาอยู่บนถนนอีกครั้ง  เดินลัดเลาะไปตามถนนที่ร้างผู้คนเยื้องไปข้างหน้ามีบ้านสีครีมสองชั้น มีสระน้ำสำหรับเด็กที่ต้องเป่าลมแฟบๆอยู่บนลานหญ้าหน้าบ้าน

     

                ชายหนุ่มเดินขึ้นชานบันไดหยุดอยู่หน้าประตู ลองหมุนลูกบิดพบว่ามันไม่ได้ล็อค เขาค่อยๆ เปิดออกช้าๆบานประตูส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเหมือนไม่ได้เปิดมานาน ในบ้านค่อนข้างมืดเมื่อผ้าม่านถูกปิดหมดบวกกับแสงแดดยามบ่ายแก่ๆที่ส่องเข้ามาเริ่มอ่อนกำลัง

     

                ชายหนุ่มไม่สนใจชั้นแรกเดินขึ้นบันไดไม้สู่ชั้นสองทันที ไบรอันตรวจตราทุกห้องข้างบน ไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่ยังไม่ทันจะออกจากห้องนอนที่ไม่รู้ว่าเป็นของใครหางตาพลันไปสบเข้ากับร่างชายวัยกลางคนที่เดินระแวดระวังอยู่บนถนนข้างล่างห่างจากบ้านหลังที่ตนอยู่ไปไม่ถึงสิบเมตร ไบรอันใช้กล้องติดปืนส่องดูให้แน่ใจว่าไม่ใช่ซอมบี้และพวกเคลโอก่อนรีบวิ่งลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว เพราะนั่นคือผู้รอดชีวิตแน่นอน

     

    “เฮ้ ! คุณครับ”  ทันทีที่ไบรอันกระแทกประตูเปิดก็ตะโกนออกไปทันที  ทำเอาชายคนนั้นสะดุ้งเฮือกทำท่าจะวิ่งหนี ไบรอันจึงรีบพูดต่อ

    “ผมมาจากนิวเคลโอ”  สิ้นประโยค ท่าทางของลุงคนนั้นก็เปลี่ยนไปสีหน้ากลายเป็นยินดีแทน

    “นึกแล้วว่าพวกคุณต้องมา”  ลุงว่า

    “ว่าแต่ลุงอยู่คนเดียวหรอครับ?” ไบรอันถาม

    “เปล่าหรอก เรามีกันตั้งครึ่งร้อย อยู่ทางเหนือสุดของเมืองติดกับชายป่าโน่นแต่พวกเราได้ยินเสียงระเบิดฉันเลยเป็นตัวแทนออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วก็มาเจอคุณเข้าเนี่ยแหละ”

    “งั้นช่วยพาผมไปพบกับทุกคนหน่อยครับ”

    “ได้อยู่แล้ว ว่าแต่พวกคุณไปไหนหมดล่ะ” ลุงถามเมื่อเห็นแค่ไบรอันคนเดียว

    “พวกเคลโอมันจู่โจมกระทันหันน่ะครับแต่เดี๋ยวพวกเราจะพาทุกคนออกไปจากที่นี่แน่นอนครับ” ไบรอันให้สัญญา

    “หวังว่าจะไม่เป็นอะไรมากหรอกนะ” ลุงว่า

    “เห็นอย่างนี้แต่พวกผมฝึกมาดีนะครับ” ไบรอันพูดอย่างมั่นใจ

    “นั่นสินะ ว่าแต่รีบเดินหน่อยเถอะเจ้าหนู เดี๋ยวจะค่ำซะก่อน”

    “อีกไกลหรอครับ”

    “เป็นชั่วโมงเลยล่ะ”

     

                ไบรอันเดินตามลุงไปตามถนนขณะพระอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลงเรื่อยๆในใจก็ยังเป็นห่วงสมาชิกทีมของตนเช่นกันว่าจะเป็นยังไงถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีแม้แต่เสียงปืนที่ดังกระหน่ำหรือเสียงระเบิดก็ตาม  แต่ทุกอย่างมันดูเงียบเกินไปมันน่าแปลกที่ว่าทำไมหมู่บ้านที่โล่งๆ แบบนี้ซอมบี้ก็ไม่สามารถเข้ามาได้กลับให้ทุกคนไปอยู่รวมกันซะงั้น ด้วยความสงสัยไบรอันจึงถาม

     

    “เอ่อ ลุงครับ ผมสงสัยว่าทำไมถึงให้ทุกคนไปอยู่รวมกันในที่ที่เดียวล่ะครับในเมื่อข้างนอกก็ปลอดภัยนี่ครับ”  สีหน้าของลุงเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำถาม ลุงหยุดเดิน

    “นั่นแหละที่ฉันกำลังกลัว พอตกกลางคืนจะมีพวกกลายพันธุ์นับร้อยไม่รู้ว่ามันอาศัยอยู่ที่ไหน แต่เราคาดว่ามันคงอยู่ใต้ดินคงเป็นระบบระบายน้ำเนี่ยแหละ”

    “พวกกลายพันธุ์...” ไบรอันได้ยินปุ๊บก็นึกถึงซากศพที่อยู่ในท่อระบายน้ำทันที

    “ไหงถึงมีพวกกลายพันธุ์ได้ล่ะ ทั้งๆ ที่ไม่มีซอมบี้” ไบรอันถาม

    “พวกซอมบี้พวกเราขังพวกมันไว้ในโรงนาทางใต้โน่น ที่นั่นจะมีคนคอยเฝ้าพวกมันไว้”

    “งานนี้แย่แน่” ไบรอันมองดูเวลาที่ข้อมือบอกเวลาห้าโมงยี่สิบพลางนึกถึงฝั่งแคล

     

    ……….

     

    “หัวหน้าดูสิครับว่าเราเจออะไร” ลูกน้องคนสนิทพูดด้วยความตื่นเต้นยืนอยู่หน้าโรงนาขนาดใหญ่ของหมู่บ้านแห่งนี้

    “อะไร”  หัวหน้าถามขึ้นก่อนเลิกสงสัยเมื่อลูกน้องของตนงัดประตูโรงนาออก  เผยให้เห็นเหล่าผู้ติดเชื้อจำนวนมาก คาดว่าเกินร้อยคนแออัดกันอยู่ข้างใน

    “พวกแกพลาดแล้วที่ทำแบบนี้ ! ไอ้ผีตายซากพวกนั้นมันจะฆ่าทุกคน!” ชายผู้คุมโรงนาตะโกนลั่น ทั้งๆ ถูกมัดมือมัดเท้าทิ้งไว้บนพื้น

    “ปล่อยพวกมันออกมาให้หมด ปาร์ตี้คนน้อยๆ มันจะไปสนุกอะไรล่ะ” ว่าเสร็จเจ้าหัวหน้าก็หัวเราะร่า ก่อนเรียกลูกน้องขึ้นรถปล่อยไอ้คนที่โดนมัดดิ้นไปมาอยู่บนพื้น

     

    “อ้ากกก !”

     

    เหล่าซอมบี้เมื่อเห็นเนื้อสดๆวางกองอยู่ตรงหน้าก็รีบตรงดิ่งมาทันที ฝูงซอมบี้นับร้อยแย่งกันตะครุบเหยื่อสุดฤทธิ์ ทั้งกัด ฉีกทึ้งเนื้อหนังกันราวกับเป็นสิ่งที่โหยหามานาน

     

    ..........

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in