เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Alive : ฆ่า(ข้า) ต้อง รอด !NO.W
ตอนที่ 30 : มุ่งสู่หมู่บ้านชายป่า
  • ……….

     

    ตอนที่ 30 : มุ่งสู่หมู่บ้านชายป่า

     

    ผมกระโดดลงมาซุ่มแอบอยู่ตรงตรอกข้างร้านอาหาร  เมื่อรถฮัมวี่ของพวกมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆผมรอจังหวะในการเปิดฉากจู่โจม แต่ก็ต้องคิดให้รอบคอบเพราะผมมีแค่มีดเท่านั้นถึงแม้ว่าตัวเองจะเคลื่อนไหวเร็วก็เถอะยังไงมันก็ต้องมีพลาดกันบ้าง และนั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเพราะตัวเองไม่เหลือยาแล้ว

     

                รถคันแรกแล่นเข้ามามันห่างจากผมไม่ถึงกิโล ผมเตรียมพร้อมที่จะพุ่งออกไปทันทีเมื่อมันเข้าใกล้

     

                ฮัมวี่คันแรกกำลังจะถึงหน้าร้าน  ผมรีบพุ่งออกจากตรอกพอดีกับที่มันกำลังแล่นมาตรงตรอกพอดีผมพุ่งเข้าไปพร้อมเตะเข้าข้างตัวรถ รถฮัมวี่คันแรกเซถลากระเด็นพลิกคว่ำขึ้นไปเกยอยู่บนทางเท้าฝั่งตรงข้ามรถคันอื่นต่างพากันเบรกดังเอี๊ยด เกิดควันสีขาวจากการเสียดสีลอยคลุ้งไปทั่วท้องถนน

     

                ผมดึงมีดสั้นออกจากฝักข้างหลังเคลื่อนตัวไปอยู่หน้ารถคันที่สอง ปามีดทะลุกระจกโดนคนขับตายคาที่ อีกคนร้องตกใจก่อนรีบออกจากรถ  แต่ผมยังไม่ทันจะพุ่งเข้าไปจัดการก็ต้องชะงักเมื่อพวกคันที่สามเริ่มระดมยิงมาที่ผมแล้วผมเตะด้านหน้ารถฮัมวี่ไปชนกับคันสุดท้ายที่พวกมันระดมยิงมา เสียงโครมดังสนั่น

     

                ผมฉากออก เข้าไปใช้มีดยาวที่เหลืออีกด้ามฟันเข้าที่ลำตัวเลือดสาดเป็นทางยาวถึงแม้มันจะใส่เกราะกันกระสุนอยู่ก็ตามผมวิ่งเข้าไปในร้านเพื่อหลบวิถีกระสุนแต่เมื่อกี้ก็ไม่ลืมที่จะหยิบปืนพกของเจ้านั่นมาด้วยผมยิงตอบโต้ออกไปทำเอาพวกมันชะงักลงไปบ้าง แต่ก็นิดเดียว

     

                ผมส่ายตามองหาสิ่งของในร้านที่ผมอยู่ก่อนโยนโต๊ะออกไปกระแทกพวกมันคนหนึ่งกระเด็นไปตามแรงคาดว่าหมอนั่นคงสลบไปสักพัก

     

    “ทำไมตัวโหดมันยังไม่มาหว่า”  ผมหมายถึงพวกพิเศษที่เปาให้ระวังไว้ ซึ่งมันควรจะเริ่มบุกได้แล้วอันที่จริงมันไม่ควรปล่อยให้ผมเปิดฉากเองด้วยซ้ำเพราะมันน่าจะรู้สึกได้  นอกซะจากว่าขบวนนี้ไม่มีพวกพิเศษอยู่และนั่นทำให้ผมคิดขึ้นมาว่า  ถ้าทีมสำรวจที่อ๋องบอกว่าหน้าคุ้นๆ เป็นพวกแคลขึ้นมาล่ะ 

    “ซวยแล้วไง !” ผมสบถ สิ่งที่ผมคิดมันอาจเป็นไปได้

     

                ผมออกประตูข้างร้านวิ่งลัดเลาะไปตามเส้นทางเล็กๆ ที่อยู่ตรงกลางระหว่างอาคาร หาช่องทางทะยานข้ามมาอีกฝั่งถนนอย่างรวดเร็วไม่ให้พวกมันเห็น ซึ่งตอนนี้พวกมันก็คงหากันให้วุ่นแล้วผมพยายามเดินให้เงียบเสียงที่สุด ก่อนลั่นกระสุนปลิดชีพเจ้าคนที่แตกกลุ่มล้มลงกับพื้นและเคลื่อนตัวหายไปในใจไม่อยากจะเอาเปรียบหรอกแต่ทำไงได้ผมต้องรีบไปแล้วแต่ก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นกับตาก่อนว่าแคปซูลไม่ได้อยู่ที่ขบวนนี้

    “แน่จริงก็ออกมาสิวะ ! ไม่ใช่โฉบไปโฉบมาแบบนี้  ไม่กล้านี่หว่า !” พวกมันคนหนึ่งตะโกนขึ้นซึ่งก็ถูกของมัน

     

                ผมเคลื่อนตัวมาอยู่หลังรถคันแรกที่คว่ำอยู่บนทางเท้า  ถีบมันพุ่งข้ามถนนชนพวกเคลโอกระเด็นเข้าไปในร้านอาหารคงรอดยาก พวกมันเหลืออีกไม่กี่คน ผมดูรถคันแรกแล้วไม่พบแคปซูลอาจจะอยู่อีกสองคันที่เหลือ

     

                พวกมันคนหนึ่งเจอผมก่อนวิ่งเข้าหาพร้อมกับมีดในมือซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งถ้าผมเป็นมันล่ะก็  ผมพุ่งเข้าไปคว้าข้อมือมันที่ถือมีด หักข้อมือจนมีดหล่นลงพื้นใช้มืออีกข้างชกเข้าที่ช่วงตัวเต็มแรง ตัวมันลอยกระเด็นไปแต่ผมใช้อีกมือจับไว้มันเลยไปไม่ได้ ผมซ้ำอีกครั้งมันทำได้แค่ร้อง อั่ก ! ก่อนใช้มันเป็นโล่บังกระสุนที่โถมเข้าใส่  ผมเหวี่ยงร่างที่โดนกระหน่ำยิงลงกับพื้น

     

    ก่อนพุ่งไปข้างหน้าตีลังกาข้ามตัวรถอีกคันที่พวกมันหลบอยู่ข้างหลัง เอี้ยวตัวหลบวิถีกระสุนที่อีกคนยิงมาได้หวุดหวิดผมรีบพุ่งเข้าไปบิดข้อมือปลดปืนมันออก ก่อนจับหัวมันทุ่มลงกับพื้นถนน  ปัง !  และแล้วสิ่งที่ผมกลัวก็เกิดขึ้นกระสุนหนึ่งนัดลั่นเข้าที่หลังผมเต็มๆ ระหว่างที่ผมกำลังลุก มันไม่เท่าไหร่สำหรับผมแต่ก็ไม่ใช่ไม่เจ็บซะทีเดียว

     

    ผมหยิบปืนพกขึ้นจากศพที่เศษซากสมองไหลเจิ่งพื้นไปทั่วม้วนตัวใช้รถกำบังก่อนยิงผ่านใต้ท้องรถเข้าที่ข้อเท้าเจ้าคนที่ยิงผม  มันทรุดลง ผมยิงซ้ำอีกนัดตรงเข่าที่มันทิ้งตัวลงมา แล้วก็ซ้ำอีกนัดที่ข้อมือตามด้วยยิงเข้าที่คอเมื่อมันทรุดลงมาทั้งตัวและไม่มีอะไรจะค้ำร่างอีก

     

                พวกมันที่เหลือเหมือนพากันไปหลบที่อื่นซึ่งผมก็ไม่สนใจหรอกถ้ามันยังไม่คิดจะยิงผมดูเหมือนมันจะคิดกันว่าถ้าใครเริ่มคนนั้นก็จะโดนผมเล่นงานเป็นคนต่อไปมันเลยยังไม่ลงมือราวกับกำลังดูท่าทีผมอยู่ ทำให้ผมสามารถตรวจรถคันที่สองซึ่งก็ยังไม่พบอะไรอยู่ดี ความอยากในการตามพวกอ๋องไปเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

    “แกต้องการอะไร !” พวกมันคนหนึ่งตะโกนถาม ไม่แม้แต่จะยืนในที่กำบังด้วยซ้ำ  มันยืนบนถนนโล่งๆ ห่างจากผมไปไม่กี่เมตรมันคงคิดว่าแอบไปก็ไม่รอดอยู่ดี

    “แคปซูลอยู่ที่ไหน” ผมถามกลับไป สังเกตท่าทีพวกมันเผื่อมันวางแผนอะไรไว้

    “มันจะมาอยู่กับลูกน้องอย่างพวกเราได้ไงล่ะ” มันตอบ

    “แล้วมันอยู่ไหน” ผมถามต่อ

    “หัวหน้าเอามันไปด้วย ตอนนี้คงถึงหมู่บ้านแล้วมั้ง” มันตอบ

    “หมู่บ้านนั่นไปทางไหน” ผมเริ่มกระวนกระวายอยากไปสมทบกลัวว่าอะไรมันจะสายไป

    “ถ้าฉันบอกแกจะปล่อยพวกเราไปมั้ย?” มันเสนอข้อตกลง

    “เออ ! บอกมาสักทีเถอะ” ผมรับปาก

    “มันเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ติดชายป่า แกน่าจะเคยเห็นเพราะฐานแกก็อยู่ในป่านั่น” มันว่าผมเริ่มนึกภาพหมู่บ้านได้คร่าวๆ แล้ว

    “แน่ใจนะ” ผมถามย้ำ กลัวมันตุกติก

    “ก็เออดิ  รีบไปเหอะ เดี๋ยวพวกแกจะตายหมดซะก่อน”มันบอก

     

                ผมเดินอ้อมไปดูรถคันที่สามเพื่อความแน่ใจอีกทีซึ่งก็ไม่พบอะไร ก่อนพุ่งเข้าไปยังร่างศพที่ผมยิงปลิดชีพไปสักครู่หยิบระเบิดขึ้นมาสามลูก โยนเข้าไปในร้านอาหารหนึ่ง  รถฮัมวี่คันที่สองอีกหนึ่งลูก  ปิดท้ายด้วยรถคันที่สามเสียงระเบิดดังกัมปนาทไปทั่วท้องถนน รถฮัมวี่กระเด็นด้วยแรงระเบิดลอยสูงขึ้นเหนือพื้นก่อนลงมากระแทกพื้นถนนดังโครมเป็นชนวนลากซอมบี้อย่างดีทีเดียว

    “โชคดีล่ะ !” ผมตะโกนบอกพวกมันที่ก้มหน้าก้มตาหาที่กำบังหลบลูกหลงจากแรงระเบิด  พลางมองเห็นกลุ่มร่างผู้ติดเชื้อที่กระหายในเนื้อหนังมังสาเริ่มเดินกันขวักไขว่มายังเสียงทีดังลั่นแห่งนี้

     

    ..........

    

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in