เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
POPROCK ON FILMPOPROCK
The Host | ต้องยึดโลก




  •  

    ส่วนหนึ่งที่ทำให้ The Host น่าสนใจมากกว่าเพลงประกอบที่โดนโคตรนั้นมาจากการที่ให้บทนางเอกเต็มๆตัวกับ Saoirse Ronan ตั้งแต่ฉายแววจากบทอิเด็กเวรตะไลใน Atonement ตาสีฟ้าและหน้าตาสวยๆเรียบๆของเธอก็ครองใจเรามาตลอดและแม้ในเรื่องต่อๆมาที่เธอก็ไม่เคยรับบทรองเลย แต่ก็ยังไม่เคยประกบกับพระเอกและรับบทนำ คนเดียวเช่นนี้มาก่อน..

    ในด้านการดำเนินเรื่องนั้น The Host ทำได้ค่อนข้างน่าเบื่อและไม่มีจุดพีคใดๆเลย ไม่รู้ว่าฉบับนิยายก็เป็นเหมือนกันหรือเปล่าแม้จะมีบางฉากให้พอมาได้ลุ้นแต่ก็กลายเป็นลุ้นแบบเดิมๆตลอดทั้งเรื่อง หรือลุ้นจนไม่ลุ้นนั่นแหละ

    ส่วนประเด็นด้านความรัก "ต่างสปีชี่ส์" ที่เมเยอร์เคยประสบความสำเร็จมาแล้วจาก Twilight Saga พอมาถึง The Host เธอก็เหมือนคนมือเติบจัดหนักกับเรื่องรักวัยรุ่นที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่านอย่างเต็มที่ แถมยังเพิ่มดีกรีความ"วุ่น" เข้าไปอีกด้วยการทำให้มันกลายเป็นรัก 4 เส้าเสียเลย แต่ใช่ว่ามันจะแย่เสียทีเดียว เพราะการใส่ประเด็นรัก 4เส้าดังกล่าว สร้างประโยชน์กับหนังมากกว่า รัก 3 เส้าของเบลล่า เจคอบ เอ็ดเวิร์ดมาก




    "เรารักสิ่งที่อยู่ข้างใน หรือเรารักสิ่งที่เราเห็นข้างนอกกันแน่"

     

    แม้จะโยนคำถามเรื่อง รูปกาย และตัวตนเข้ามาในหนังแล้ว แต่หนังก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันสักเท่าไรเพราะหนังก็กลับไปให้ประเด็นเรื่อง กอดจูบ ลูบไล้ ของ 3พระนางแบบเดิม ซึ่งถ้าลดฉากทำนองนี้ลง หนังอาจดูลื่นกว่านี้.. และ ไม่กลายเป็นโรแมนติดแหวว ขนาดนี้ (แต่คนเขียนเค้าอยากให้แหวววนี่นะ!)ทั้งที่หนังเริ่มต้นด้วยประเด็นที่ดีมากแท้ๆ (ซึ่งดันไปให้ค่ากับเรื่องรักโรแมนติคมากกว่า)

    แต่สิ่งที่สำคัญจริงๆของ The Host ที่ทำให้เกิดความประทับใจมากคือการเล่นล้อและตั้งคำถามกับประเด็น "มนุษย์สมควรได้ครองโลกจริงหรือ?"อีกครั้ง แบบที่หนัง World Invasion เรื่องอื่นๆเคยเล่นมาทุกยุคสมัยและมันยิ่งดูน่ายกย่อง เมื่อมันมาอยู่ในหนังรักวัยรุ่น


    ประโยคที่เด็ดที่สุดของหนังเรื่องนี้เห็นจะเป็นตอนที่พระเอกแบบจาเร็ด บอกว่า

     "ฆ่ามันได้สิ เพราะมันไม่ใช่มนุษย์"

     

    ประโยคนี้ทำให้เราคิดถึงบรรดาหนัง world invasion ทั้งหลายที่มนุษย์ต่างดาวเข้ามายึดครองโลกแล้วมนุษย์ก็ออกมาต่อสู้ปกป้องบ้านเมือง และรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียวพร้อมทั้งก่นด่าสาปแช่ง ไอ้พวกมนุษย์ต่างดาวใจร้าย ที่มาทำลายล้างโลกของพวกเรา

    "โลก เป็นของมนุษย์ ไม่ใช่ของพวกแก!"

    ใครบอกล่ะ?

     

    ตอนที่มนุษย์ดาวอังคารมาบุกโลกใน War Of The World มันไม่ได้มีการกล่าวเปิดพิธีว่าฉันมาบุกโลกแกล่ะนะ และฉันมาเพราะดาวฉันพลังงานหมด ฉันจะยึดครองโลกแกล่ะนะ ...แต่มันมาถึงก็ฆ่า และ ทำลายโลกเพียงอย่างเดียวโดยที่มนุษย์ไม่รู้สาเหตุของการมาของมันเลย...



    H.G. Well พ่อมดวรรณกรรมไซไฟ ผู้แต่งหนังสือ War Of The World ที่ฮอลลีวูดนำมามันมารีเมคใหม่เกือบทุกๆ 10 ปีได้เขียนใว้ในนิยายตัวเองอย่างน่าสนใจถึง ประเด็นการมาของมนุษย์ดาวอังคาร


    "ทำไมเราถึงจะฆ่าและทำลายล้างมนุษย์ไม่ได้ในเมื่อ บนโลกมนุษย์ก็มีการฆ่าล้างเผ่าพันธ์

    หรือการทำให้สัตว์บางประเภทสูญพันธ์ไป เพราะเห็นว่าพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำกว่าตน

    แล้วทำไม..มนุษย์ดาวอังคารผู้มีอารยธรรมก้าวหน้ากว่ามนุษย์ไม่รู้กี่ร้อยเท่าแบบเราถึงจะมองว่า

     มนุษย์ก็เป็นแค่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่ได้ครอบครองดาวอันล้ำค่า...ไม่ได้กันล่ะ... "

     

    หรือแม้แต่ในการ์ตูนที่เราดูตอนเด็กๆแบบโดเรม่อน ก็พูดถึงประเด็น การทำลายล้างโลกมนุษย์ไว้มากมายหลายตอน ตอนที่เราชอบที่สุดเห็นจะเป็นตอนที่โนบิตะกับโดเรม่อน ทำให้ต้นไม้มีชีวิตแล้วตั้งชื่อมันว่า คีโบ ก่อนวัน"ล้างโลก"ชาวต้นไม้ได้ลงมายังโลกมนุษย์เพื่อนำเอาเมล็ดพันต้นไม้และสัตว์ป่ากลับขึ้นไปอยู่ยังเกาะเมฆโดยชาวต้นไม้ได้ให้เหตุผลในการ ล้างโลก ว่า


    "เพราะมนุษย์ไม่เคยเห็นว่าสิ่งมีชีิวิตอื่นๆบนโลกมีค่า นอกจากพวกมนุษย์ด้วยกันเอง"

     


    และเพราะการที่มันเป็นการ์ตูนเด็กและแม้คนเขียนแบบ FF จะหัวสมัยใหม่ล้ำโลกขนาดไหน สุดท้ายการ์ตูนก็ยังคงจบแบบการ์ตูน เพราะ คีโบ ได้ออกมากล่าวแทนมนุษย์ว่าบนโลกใบนี้ ยังมีคนดีๆที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูล และ ดูแลรักษาป่าไม้และโลกอยู่อีกมาก

    (อยากอ่านงานไซไฟและเชิงจิตวิทยาโหดๆจากฝีมือฟูจิโกะ แนะนำให้อ่าน รวมเล่ม ฟูจิโกะ SF Collention ที่รวมงานวาดการ์ตูนตอนสั้นแบบไซไฟสุดติ่งและ จิตวิทยามนุษย์สุดโหดไว้มากมายคาดว่าอาจารย์เก็บกดเพราะไม่สามารถใส่ประเด็นเหล่านี้ลงไปในโดเรม่อนได้)

    นอกเหนือไปจากการโยนคำถามเด็ดๆ เรื่องสิทธิ์ในการครองโลกอันแสนงดงามใบนี้ว่าแท้จริงแล้วอยู่ในมือมนุษย์นั้นถูกต้องแน่แล้วหรือสิ่งที่ดูเหมือนหนังจะใส่ใจเป็นพิเศษคือ


    ความงดงามพิสุทธิ์ที่อยากปกป้องโลกอย่างแท้จริง บางครั้งก็ไม่ได้มาจากมนุษย์เสมอไป


    เหมือนคราวที่ คีโบ ออกมาปกป้องมนุษย์โลก เพราะ "ความรัก" และมิตรภาพที่พวกโนบิตะมอบให้ ขณะเดียวกัน "ความรัก"และมิตรภาพที่เกิดขึ้นในเรื่อง ก็ทำให้ สิ่งมีชีวิตนอกโลกแบบ Wonderer อยากปกป้องโลก เช่นเดียวกัน..

     

     

    คำถามสุดท้ายที่ยังคงหาคำตอบที่ถูกต้องชอบธรรมไม่ได้ในแง่ศีลธรรมคือ

     

    "มนุษย์สมควรได้ครอบครองโลกใบนี้จริงๆหรือ?"

     

    แล้วคุณคิดว่าไงล่ะ ?

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in