เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
วัยเรียนที่คิดถึงกับเรื่องเล่าในอดีตในสายตาของคนปัจจุบันSAILOM
ประถม 1 ในสายตาของคนปัจจุบัน
  • ช่วงวัยแห่งการเติบโต ทุกอย่างดูเหมือนจะน่าสนใจไปหมด มีความสุขนะกับการได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ได้ทำตามที่ตนเองชอบ นั่นก็คือวาดภาพและเต้นๆๆๆ ไม่ต้องอะไรมากมาย 

    สิ่งหนึ่งที่อยากจะกลับไปแก้ไขก็คือ การขัดขืนอารยธรรมทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราในช่วงประถม 1 โดยเฉพาะการกลับไปขัดขืนการต้องมานั่งเรียนพิเศษกับพ่อแม่ซาดิสม์ ที่ต้องการให้ลูกเรียนเก่งและถูกยกย่อง เพื่อแก้ไขปมบางอย่างของแกสมัยเด็กๆ เราโดนตีเยอะมากเพื่อให้อ่านหนังสือออก เขียนเป็น ไม่สิ แบบนั้นแหละเราถึงไม่ไว้วางใจใครทั้งนั้นจนถึงตอนนี้ และก็ไม่กล้าแหกกฏบางอย่างด้วย 
    อยากขัดขืน แสดงจุดยืนว่าเฮ้ย... ไม่จำเป็นต้องเก่งต้องนำหน้าใครต่อใครก็ได้ เราไม่ชอบหรอก แม้มันจะมีคนชื่นชมเยอะ แต่ถ้าใจเราบอกว่ามันไม่ใช่ยังไงมันก็ไม่ใช่อยู่ดี

    น่าเสียดายนะที่เวลามันเดินหน้าอย่างเดียวเท่านั้น มันไม่ย้อนกลับไปได้แล้ว คงกลายเป็นภาพจำที่น่าเกลียดน่ากลัวด้วยส่วนหนึ่ง ยังคงดีที่โลกใบเล็กของเรามันก่อตัวขึ้นและพัดพาเราไปในชีวิตที่รู้สึกว่า โลกนี้ยังคงมีสิ่งที่สวยงามอยู่บ้างนะ เราจะต้องอยู่ต่อเพื่อให้เจอสิ่งนั้นให้ได้นะ 
    ความทรงจำเกี่ยวกับเพื่อน ด้วยความที่เราไม่มีเพื่อนมากนัก คือเพื่อนก็มีแหละเพื่อนร่วมชั้นที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นนัั่นแหละ ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้สนใจกันมากนัก ถ้ามีมุมเล็กๆ กระดาษหนึ่งใบ กับดินสอก็จะวาดภาพไปเรื่อยๆ ถ้ามีหนังสือหนึ่งเล่มเราก็จะอ่านมันไปได้ เท่านี้โลกของเราก็คงพอแล้ว
    การได้เล่นในคาบว่างหรือใกล้ๆเลิกเรียนกับเพื่อนพวกไล่จับ โดดยาง หมาไล่ฟัด (เอารองเท้าใส่ยางแล้วก็แกว่งๆแล้วโดดหลบเชี่ย...มันชิบหาย) คงจะพอแล้ว ส่วนหลังจากนั้นก็กลับบ้านตามปกติ โอเคนะ

    ช่วงประถมหนึ่ง เราชอบวิชาวาดภาพ งานประดิษฐ์ เราจะชอบเป็นพิเศษ วิชาอื่นๆไปได้นะ ไปได้ดียกเว้นวิชาพละศึกษา เราไม่ชอบการเล่นกีฬา เรายังคงติดภาพเด็กไส้ไหลอยู่เลยในตอนนี้.... กลัวและขยาดมาก คือเราผ่านวิชานี้ไปเลย ได้เกรดยังไงก็ปล่อยๆไปเหอะ เต้นแอโรบิก ขยับนั่นนี่จะโอเค แต่วิ่งเตะบอล  แบบนั้นนี่ขอผ่านเลย 

    ได้ครูดี.... สอนดีชะมัดอยากเป็นครูเพราะครูคนนั้นทำตัวน่ารััก เข้าใจเด็ก นั่นเลยชอบและทำให้อยากเป็นครูจนถึงปัจจุบัน ซึ่งตอนนี้ความอยากเป็นครูเหลือแค่ 20 เต็มร้อยแล้วล่ะ บอกลาเลยการเป็นครูเนี่ย ไม่ใช่เราไม่อยากสอนเด็กนะ แต่สังคมผู้ใหญ่แถมในวงการนี่มันเหี้ย... ไม่แน่จริงคงอยู่ไม่ได้นักหรอก
    อยากเป็นฟรีแลนซ์หรือครูอาสาแบบ ว่างๆหาโอกาสไปเล่นกับเด็กๆพอ ไม่สอนจริงจังหรอกกับบ้านเมืองที่บ้า เกรดและชิงดีชิงเด่นเนี่ย
    ถ้าได้ครูเหมือนอีกห้องในตอนนั้น มันจะยิ่งตอบย้ำเลยว่าเราไม่อยากเป็นครูแน่ๆ โดยเฉพาะครูที่สอนไม่เป็นแบบนั้น ซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้แกเป็นยังไงเหมือนกันนะ เรายังจำชื่อแกไม่ได้เลยนะเอาตรงๆ แกไปตอนกลาง ชั้นป.สองมั๊ง ซึ่งเราเดาว่าแกได้ที่สอนที่ใหม่ในเมืองชัวร์ 
    ความประทับใจในห้องเรียน นอกจากวิชาวาดภาพที่ทำได้ดีก็พวกวิชาร้องเพลง เต้นแร้งเต้นกา ของถนัดมาก ร้องเพลงแหกปากหลงคีย์นั่นก็ด้วย ไม่มั่นใจว่าในสมัยนั้นครูแกจะยังไงเหมือนกันนะกับการจะต้องนั่งฟังเด็กร้องเพลงห่วยแตกทั้งชั้นแล้วต้องชมเด็กว่า "ดีจ่ะ" เนี่ยมันเป็นยังไง สรุปเต้นนี่แหละดีที่สุด

    ยังคงมีเรื่องมากมายในชั้นนี้ แต่มันคงเลือนหายไปตามกาลเวลาแน่นอน ไว้เจอกันในตอนชั้น ประถม 2 ชั้นเรียนที่จากการได้ครูดี กลับได้ครูเหี้ยมาสอนซึ่งมันรู้สึกว่า กรูได้เจอนรกจริงๆแล้วล่ะ ส่วนเด็กอีกห้องนี่ถือว่าเป็นเดชะบุญที่เค้าได้ครูคนใหม่ที่ใจดีและสอนเป็นกว่ายัยป้าหน้าดุนั่นเป็นไหนๆ แต่เดี๋ยวก่อนทำไมเราได้ครูคนนี้มาสอนห้องเราด้วยเนี่ย.....

    ตอนหน้าเจอกันกับการขึ้นชั้นประถม 2 นะครับ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in