เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
วัยเรียนที่คิดถึงกับเรื่องเล่าในอดีตในสายตาของคนปัจจุบันSAILOM
ประถม 6 จุดจบของการเดินทางและการเริ่มต้น
  • ในวัยประถม 6 ทุกคนก็ต่างมีความคาดหวังกันไปต่างๆนานา แต่ก็น้อยนักที่เด็กในวัยนี้จะเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองได้นัก  เพราะสุดท้ายยังไงโชคชะตาของเหล่าเด็กๆ ก็ล้วนตกอยู่ในเงื้อมมือของคนที่เป็นผู้ใหญ่ในครอบครัว  เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นในวัยนี้การเรียนถือว่าสำคัญและใครที่สอบได้และสอบติดโรงเรียนประจำจังหวัดหรืออำเภอได้ก็จะเป็นหน้าเป็นตาให้กับโรงเรียน และเหล่าวงศ์ตระกูล นั่นเป็นสิ่งที่เราจะต้องทำตอบแทน การเลี้ยงดูของคนในครอบครัว เป็นสิ่งเดียวที่เรามีหน้าที่ทำ
    ส่วนคนที่ไม่ได้มีคอสในการจ่ายมากนักก็จะเลือกโรงเรียนที่อยู่ในเครือข่าย ที่ไม่ต้องสอบเข้าแค่สอบแยกห้องก็พอแล้ว และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น  การเรียนของชั้นประถม 6 ของผมจึงไม่ได้สนใจกับการสอบเข้าโรงเรียนมัธยมมากนัก แต่เชื่อเหอะว่าช่วงเปลี่ยนผ่านนั้นมันก็แย่อยู่ทุกยุคทุกสมัยนั่นแหละ

    "มาตรฐานการศึกษาที่ดี สามารถวัดได้จากการติวข้อสอบและแข่งขันทำข้อสอบ ไม่ใช่ ความรู้หรือประสพการณ์ในการดำรงชีวิตประจำวัน" 

    ไม่รู้สิ เพราะยังไงแล้วการสอบก็ถือว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายของเด็กๆ ในโรงเรียนและทางโรงเรียนด้วยนั่นแหละ การสอบจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะอะไรนั้นเราเองก็ไม่ทราบอะไรมากนักเหมือนกัน  อาจจะเพราะกฏกระทรวงในสมัยนั้นหรือมันเป็นค่านิยมบางอย่างก็ว่าได้ การติวเพื่อสอบวัดระดับมาตรฐานการศึกษาจึงได้เริ่มขึ้น  แม้โรงเรียนที่เราเรียนอยู่จะไม่ได้เคร่งเรื่องนี้มากนัก แต่ก็ไม่ได้คิดจะวางเฉยกับการไม่เตรียมความพร้อม การติวทบทวนความรู้จึงเกิดขึ้นกับเด็กชั้น ป.หก  ทั้งเด็กเรียนและเด็กไม่เรียนก็ต้องเข้าเพื่ออย่างน้อยการสอบได้ค่าเฉลี่ยที่ดีย่อมส่งผลถึงโรงเรียนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งผมไม่ทราบได้ในตอนนั้น


    "ว้าเหว่จังเลยนะ ต้องจากกันแล้ว"

    เวลาในช่วงสุดท้ายของประถมศึกษา เป็นทั้งช่วงเวลาแห่งความสุขและความเศร้าในเวลาเดียวกัน แม้ว่าเราจะสามารถบินไปไหนต่อไหนหลังจากจบการศึกษาแล้ว โลกของเราจะกว้างขึ้นมานิดหน่อย แต่เราก็จะพบกับความไม่ศิวิไลซ์ของโลกมากขึ้นด้วยเช่นกัน การได้เรียนต่อในสถานที่ใกล้บ้าน และไม่ใช่โรงเรียนดังที่ต้องสอบถือว่าแย่แล้ว แต่ก็ยังมีคนที่แย่กว่านั้น เขาไม่สามารถเรียนในระบบโรงเรียนได้แล้ว ทั้งจากความรู้ที่ไม่พอ  หรือ เหตุผลที่ร้ายกว่านั้นคือ "เพื่อนบางคนต้องออกมาทำงานช่วยที่บ้านตั้งแต่จบชั้นป.หก" อืมน่าเศร้าเนอะ การเรียนในชั้นเรียนสุดท้ายของประถมศึกษาจึงกลายเป็นช่วงกอบโกยกำไรชีวิตให้มากที่สุด เพราะทุกคนจะต้อง "ทำดีต่อกันและสร้างความทรงจำที่ดีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้" เพราะการเกลียดกันมันอาจจะทำให้เรา เกลียดกันไปจนตายไปเลยก็ได้ คงไม่มีใครอยากจะโดนเกลียดแบบนั้นหรอกนะ ใช่ไหม?

    เราเองก็พบกับความทรงจำที่เหี้ยและดีนั่นแหละ และนั่นก็ทำให้เราเกลียดและรักคนบางคน เพราะช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตร่วมกันในชั้นป.หก นี้นี่แหละ


    "แต่งงาน ชีวิต ครอบครัว ความเชื่อที่เราเลือกเหี้ยไรไม่ได้เลย"

    ว่ากันว่า ครอบครัวเป็นอย่างไรก็อาจจะได้ผลผลิตแบบนั้นตกทอดกันไป เราไม่รู้ว่ามันจะจริงมาก หรือน้อยแค่ไหนก็ตาม แต่หนึ่งในนั้นเพื่อนคนนึงของผม ต้องแต่งงานและมีลูกให้ได้หลังจากเรียนจบ กับคนที่ทางบ้านเลือกไว้ให้ และเขาก็ถูกฝัง ชิบความคิดที่ว่า การมีครอบครัวแม่งเป็นสิ่งที่ดี ทั้งที่การมีลูกเร็วนี่มันเหี้ยไปนะ แต่ยังไงได้ล่ะ เพราะยังไงลูกที่เกิดมาก็ดูกันหมดครอบครัวนี่นา และดูเป็นครอบครัวสุขสันต์กันไป  ก็ยังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำทำไมต้องแต่งงานเร็วไรแบบนั้น 


    เพื่อนดีเป็นศรีแก่ตัว  เพื่อนไม่ดีนี่ก็สร้างราคีให้ไปตลอดกาล

    ไม่ร้ว่ามันจะมีความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหนเหมือนกัน การที่คนหนึ่งคนต้องแรดเพื่อเข้าสังคมในหมู่เพื่อนย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง  แรดที่ว่านี่ก็คือการที่ทำตัวเป็นเด็กหญิงไคร่กามาและผู้ชายนั่นแหละ  แม้ว่าในวัยของเราจะมีการจีบและบอกรักกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็มีความแอดวานซ์ยกระดับความสวยและเด่นด้วยการเป็น ผู้หญิงปากไวใจง่าย อ่อยผู้ชายไม่เลือกหน้าและแลดูเธอจะเงี่ยนตลอดเวลา พร้อมตอบสนองความต้องการด้วยร่างกายของเธอ  
    ผมเองก็มีเพื่อนคนนึง ที่ผมไม่ชอบเพราะเธอมีบุคลิกแบบนี้เหมือนกัน เราจึงกลายเป็นศัตรูกันไปจนชั้นมัธยมเลยทีเดียว 

    เร่งสอบเพื่ออนาคตที่ดี นั่นคือความเชื่ิอที่ทุกคนพึงมี
    การศึกษาในสถาบันที่ดีย่อมส่งผลต่อทุกๆด้านของคนคนนั้น และนั่นจึงทำให้ช่วงภาคเรียนทีี่สองทุกคนต้องรีบเรียนกวดวิชา ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามเพื่อการสอบเข้าโรงเรียนชั้นนำล้วนๆ  โชคดีหรือไม่ดีของผมก็ไม่ทราบได้ที่ผมไม่มีส่วนร่วมในจุดนั้น 

    จงเตรียมพร้อมกับการลาจากที่กำลังจะมาถึง
    แย่เหมือนกันนะ ที่เราจะต้องจากเพื่อนเพื่อไปมีชีวิตใหม่ของแต่ละคน และนั่นคือการพบกับความจริงที่โหดร้ายบนโลกอีกระดับ อย่างที่กผมเคยพูดไปแล้ว สำหรับเพื่อนๆหลายคนที่อยู่บ้านใกล้กันก็อาจจะติดต่อกันได้อย่างสบายๆ แต่สำหรับผมแล้ว นานๆทีจะได้พบกันกับเพื่อนๆ ถ้าจะเจอก็คงช่วงจ่ายตลาดที่นานๆจะเข้าไปทีนั่นแหละ  แต่ถึงยังไงมันก็คือการเติบโตที่อาจจะเลี่ยงไม่ได้นัก และไม่นานผมกับเพื่อนๆก็ต้องไปมีชีวิตตามแต่คนที่จะไปและจะเป็นอยู่ดี

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in