เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Movie ReviewKrit Pornpichitphai
(รีวิว) 1922 จากนิยายของสตีเฟ่น คิง - Netflix
  • (รีวิว) 1922 : เมื่อการฆาตกรรมเป็นทางออกสุดท้าย และจดหมายถึงใครสักคนที่อยากเปิดอ่าน


    หนังสยองขวัญเรื่องนี้ถูกสร้างมาจากหนึ่งในนิยายของ สตีเฟ่น คิง โดยมี “ซัก ฮิลดิตช” ผู้กำกับหน้าใหม่ชาวออสเตรเลียมาสร้างสรรค์เนื้อหาสุดสยองขวัญนี้ เนื้อหาหลัก ๆ กล่าวถึงปัญหา และความรุนแรงภายในครอบครัวครอบครัว โดยเนื้อเรื่องกล่าวถึง วิลเฟรด เจมส์ (รับบทโดย “โทมัส เจน” ที่สลัดคราบมาดเข้มจาก The Punisher ซะเกลี้ยง) ชายแก่ดูขี้ระแวงคนหนึ่ง กำลังเขียนจดหมายเพื่อเล่าความจริงแก่ใครบางคน หรืออาจจะเป็นความจริงที่ตัวเค้าเองไม่เคยบอกทุกคน ในความจริงที่ว่าเค้าคือผู้ที่ลงมือฆ่าภรรยาด้วยตัวเอง

    เค้าเล่าย้อนไปในปี 1922 เป็นปีที่ วิล ภรรยา (อาร์เล็ตต์ คริสติน่า วินเทอร์ เจมส์ รับบทโดย มอลลี่ พาร์กเกอร์) และลูกชาย (เฮนรี ฟรีแมน เจมส์ รับบทโดย ดีแลน ชมิด) ของเค้าอาศัยอยู่ในบ้านไร่ ด้านหน้าปลูกข้าวโพดกินเนื้อที่ประมาณ 180 เอเคอร์ บอกตรง ๆ ว่าถ้าเป็นคนกรุง คงอยากจะมีบ้านแบบนี้สักหลัง แต่ด้วยความที่ภรรยาของเค้ามีความฝัน อยากจะเป็นช่างตัดเสื้อในเมืองหลวงให้ได้ ซึ่งมันเป็นความคิดไปไกลกว่าการปลูกข้าวโพดไปวัน ๆ ของ วิล ที่เกลียดเมืองหลวงเข้าไส้ เค้าจึงวางแผนฆาตกรรม โดยบอกให้ลูกชายรู้เรื่องด้วย เพื่อที่จะได้ร่วมมือกัน และให้เหตุผลว่านี่คือทางออกสุดท้าย ในการแก้ปัญหาครอบครัวครั้งนี้

    การเล่าเรื่องของหนังมีการไต่ระดับความพีคของเหตุการณ์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีการสืบสวนเล็ก ๆ น้อย ๆ และการจับผิดจากคนรอบตัวอยู่เรื่อย ๆ ระหว่างเรื่อง ซึ่งทำเอา “พยานคนสำคัญ” ที่เห็นทุกอย่างในฐานะคนดูอย่างผม อดลุ้นตามไม่ได้จริง ๆ ส่วนตัววิลเองก็เขียนเล่าแบบละเอียดยิบ เป็นขั้นเป็นตอนทุก ๆ อย่าง ในขณะที่เล่ายังมีการหยุดเป็นบางช่วงด้วย ทำให้เห็นว่าจริง ๆ แล้ว วิล ไม่เคยหนีอะไรไปไหนได้พ้น อีกหนึ่งประเด็นที่รุนแรงกระทบจิตใจของ วิล เอามาก ๆ ก็คือความรุนแรงที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของลูกชายของเค้า ทำให้สภาพจิตใจของคนเป็นพ่อย่ำแย่ลงกว่าเดิม แม้ว่าพฤติกรรมความรุนแรงที่เค้าเป็นผู้ก่อเมล็ดพันธุ์ไว้ได้สร้างความยุ่งยากให้กับสองพ่อลูกโดยที่ทั้งคู่ก็รู้ตัว แต่ฝ่ายพ่อก็ได้แต่พูดว่าลูกฉันเป็นคนดีเพื่อปกปิดความผิดของทั้งคู่ต่อไป

    นอกจากนั้นยังมีการใช้ “หนู” เป็นพ่อสื่อในการตอกย้ำการกระทำของ วิล อยู่ตลอดทั้งเรื่องด้วย ก็ถือว่าเป็นวิธีการเตือนความผิดของตัวละครที่ฉลาดมาก ๆ วิธีหนึ่งเลยทีเดียว

    สรุปว่า 1992 เป็นหนังที่ต้องคิดตามค่อนข้างเยอะ เพราะเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้น ชวนให้ตั้งคำถามพอสมควร ทั้งการสืบสวน และสิ่งลี้ลับที่เกิดขึ้นหลังการฆาตกรรม เรียกได้ว่าเป็นเชิงจิตวิทยา แต่ถ้าพูดถึงความสยองขวัญ หนังเรื่องนี้ยังทำได้ไม่สุด 

    (จากความเห็นส่วนตัวที่เคยดูหนังสยองขวัญมาพอสมควร) จะผีก็ไม่ผี จะหลอนก็ไม่หลอน เรียกว่าออกไปทาง “จิตหลอน” อย่างนั้นซะมากกว่า

    .

    สำหรับเรื่องนี้ ผมขอให้ 3.5 เต็ม 5 คะแนน เพราะแอบผิดหวังกับความหลอน และความเรียบง่ายจนเกือบจะเดาได้ไปสักหน่อยของหนังเรื่องนี้ครับ




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in