เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Autumn has comeByeruk
Music / Dancing
  • ที่โต๊ะกลมริมระเบียงห้องตอนเย็น เขาชวนผมนั่งดื่มเบียร์ สายลมยามเย็นพัดผ่าน เสื้อผ้าและเส้นผมพริ้วไหว เสียงแก้วเบียร์ที่กระทบกันเป็นเสียง ‘เก๊ง’ ทำให้ผมนึกถึงกระดิ่งที่คล้องไว้หน้าประตูหน้าต่างห้องผม เงียบสงบและผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน “อากาศดีเนอะ” คนตรงข้ามว่าพลางยกเบียร์ขึ้นดื่ม ผมพยักหน้า นั่งฟังเออร์วินเล่าเรื่องของตัวเองเงียบๆ เขาจะพูดมากกว่าปกติเมื่ออยู่ในสถานที่ๆ เขารู้สึกผ่อนคลายหรือมีอารมณ์ร่วม เออร์วินในตอนนี้เหมือนเด็กที่ไปเจอการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่แล้วบอกเล่าให้ครอบครัวฟังว่าตัวเองคือเจ้าชายน้อย นัยน์ตาที่มีชีวิตชีวาแบบนั้นทำเอาผมรู้สึกอยากโอบกอดเขาไว้ จังหวะที่เขาหลุดยิ้มระหว่างพูดเผยให้เห็นจุมพิตของนางฟ้าที่แก้มทั้งสองข้าง แสงแดดอ่อนๆ จูบใบหน้า หมู่เมฆเคลื่อนไหว ท้องฟ้าสดใส เขาช่างสวยงาม งามจับใจจริงๆ ผมเท้าคางมองเออร์วิน ชื่นชมศิลปะตรงหน้าที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ 

    สายลมพัดหนังสือพิมพ์จากที่ไหนสักแห่งตกลงกลางหัวเขาอย่างจัง ผมเอื้อมมือไปหยิบออกให้ จังหวะที่เอาหนังสือพิมพ์ออกสายตาผมก็ดันสังเกตเห็นเส้นผมสีบลอนด์ยาวปรกกรอบหน้าเออร์วินจึงค่อยๆ เกลี่ยเส้นผมออกให้อย่างเบามือ สายตาพวกเราผสานกันเล็กน้อย ผมเบนสายตาออก รู้สึกจั๊กจี้ในอกขึ้นมา “ผมยาวแล้วนะ” ผมพูดแก้เขิน เขาเกาท้ายทอย “ตัดให้หน่อยสิ”

    พวกเราย้ายตัวมาอยู่ในห้องน้ำแทน ผมรับบทเป็นช่างตัดผมชั่วคราว ค่อยๆ เล็มผมออกทีละนิด บอกตามตรงการตัดผมให้เขาทำให้ผมรู้สึกประหม่ากว่าตัดผมให้ตัวเองครั้งแรกอีก ไม่ใช่ประหม่าเพราะกลัวตัดพลาด ประหม่าเพราะบางครั้งมือขยับไปโดนหลังคอเออร์วินแผ่วเบาอย่างไม่ได้ตั้งใจ สัมผัสพวกนั้นทำให้ผมทำตัวไม่ถูก เมื่อเสร็จสิ้นการเป็นช่างตัดผมชั่วคราวแล้วก็จัดการกวาดเส้นผมให้เรียบร้อย เขายืนสำรวจผมตัวเองหน้ากระจก “ใช้ได้นี่” เขาชม ผมเขย่งเท้า เอื้อมมือจัดทรงผมให้เข้าที่อีกนิดหน่อย เออร์วินชักจะสูงเกินหน้าเกินตาไปแล้ว

    ผมเก็บแก้วเบียร์ที่ยังหลงเหลือไว้ที่ระเบียง เขาเดินออกมาช่วยผม ระหว่างที่กำลังยุ่งย่ามกับการขัดโต๊ะให้สะอาดอยู่นั้นเออร์วินเรียกชื่อผม ชี้ให้ดูอะไรสักอย่างจากข้างล่าง มีคนบางกลุ่มกำลังเคลื่อนย้ายเครื่องดนตรีมายังใจกลางกำแพงโรเซ่ ใช้เวลาไม่นานบทเพลงก็เริ่มบรรเลงขึ้น พวกเรายืนพิงระเบียงห้อง ฟังท่วงทำนองจากที่ไกลๆ จู่ๆ คนข้างกายก็เขยิบเข้ามาใกล้จนไหล่ของพวกเราชนกัน  “เต้นรำกันหน่อยไหม?” ผมหันไปมองหน้าเขา “ตรงนี้เหรอ? ไม่เอาหรอก น่าอาย” เขาดึงผมเข้าไปในห้อง ปิดผ้าม่าน จุดไฟสลัวจากเทียนไข เขาชวนผมเต้นรำอีกครั้ง ผมจึงยอมตอบตกลง

    เสียงเพลงจากลานกว้างนั่นดังมาถึงในห้องที่พวกเราอยู่ ผมกับเขาเคลื่อนไหวไปตามท่วงทำนองของดนตรี เสียงของดับเบิ้ลเบส เปียโน ทรัมเป็ต แซกโซโฟนช่วยขับกล่อมให้ผมดื่มด่ำไปกับบรรยากาศในตอนนี้ พวกเราเต้นรำกันไปเรื่อยๆ คล้ายการนั่งรถม้าเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง นั่งไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึง หากแต่การเต้นรำนั้นเดินทางด้วยเสียงดนตรี เราสามารถกำหนดจุดหมายของมันได้ตามใจอยาก หรือเราจะร่วมทางไปกับมันจนกว่าปลายทางนั้นจะมาถึงเสียเองก็ยังได้ ผมคิดว่าพวกเราคงเป็นอย่างหลัง

    แสงไฟสลัวจากเทียนไขยิ่งทำให้เออร์วินดูน่าค้นหามากขึ้นกว่าเดิม เขามองลึกเข้ามาในตาผม คล้ายกับกำลังบอกว่าตอนนี้เขามีแค่ผมคนเดียว หัวใจของผมหลอมละลายผสานเป็นอหนึ่งอันเดียวกันกับเสียงเพลงที่แว่วมาจากไกลๆ ความมโนรมณ์จากดนตรีกับสัมผัสอบอุ่นจากเขาทำให้ผมแทบไม่อยากเชื่อว่าพวกเราสามารถรังสรรค์ความรู้สึกสวยงามแบบนี้ขึ้นมาได้ สองสายตาประสานกัน ภาวนาขออย่าให้มันจบลงเพียงเท่านี้ ดวงตาสีฟ้าของเขาสะท้อนภาพของผม เอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกเดียวกับที่ผมก็รู้สึก

    “ขอจูบได้ไหม?” ผมถาม 

    เขาค่อยๆ ก้มหน้ามาหาผมจนหน้าผากของเราชิดกัน ผมหลบตาเพราะไม่อาจสู้สายตาเขาในตอนนี้ได้ ดวงใจผมแทบระเบิดออกมาอยู่รอมร่อ เขาอนุญาต ผมจึงโอบรอบคอ เขย่งปลายเท้า จุมพิตเบาๆ ที่ลำคอ เขาหัวเราะน้อยๆ ผมซบหน้าเข้ากับไหล่ของเขาเพราะรู้สึกเก้อเขิน เออร์วินสวมกอดผมแน่น พวกเราโยกตัวเบาๆ ไปตามจังหวะเพลงโดยที่ยังคงกอดกันอยู่ ผมเงยหน้าขึ้นจากไหล่ แตะริมฝีปากที่รอยบุ๋มข้างแก้มทั้งสองข้าง ย้ายไปที่หน้าผาก และจบลงที่ปลายจมูก เขาลูบท้ายทอยผมไปมา “ทำไมวันนี้ดูอ้อนกว่าปกตินะ ทำแบบนี้ทุกวันเลยได้ไหม?” เขายิ้ม อุ้มตัวผมจนลอยหวือแล้วหมุนไปทั่ว เกิดเสียงหัวเราะดังลั่นห้อง สุดท้ายพวกเราก็จบลงที่นอนแผ่บนพื้น “ไหนจูบล่ะ?” เขาหันมาถาม ผมสบตากับเขา “ก็จูบไปแล้วนี่” เออร์วินนอนเท้าคาง นิ้วเกลี่ยที่ริมฝีปากของผม “ขาดตรงนี้นะฉันว่า” ผมโอบรอบคอเขาอีกครั้ง เขยิบใบหน้าจนจมูกแตะกัน “จูบฉันสิ” เขายิ้มแล้วจูบผม 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in