เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Lilith: Death's OrderAki_Kaze
บทที่ 9 เติมเต็ม
  • บทที่ 9

    เติมเต็ม

     

                ทุกเช้าเวลา 09:45 น. เธอจะมาซื้อลาเต้ร้อนไซส์ใหญ่ที่ร้านนี้ ไม่ว่าเธอจะแต่งตัวแบบไหน เธอก็จะหิ้วกระเป๋าสีเบจคู่ใจเสมอ และรองเท้าส้นสูงก็มักเข้ากับสีของเสื้อผ้าทุกครั้ง เธอมีผมสีบรูเน็ตยาวสลวยแซมด้วยไฮไลต์สีบลอนด์ถึงกลางผม วันนี้เธอถักเปียเดียว ดูสง่างามในชุดสูทสีกรม ถ้าไม่ได้ออกไปพบลูกค้า ก็คงมีประชุม


                ตอนเธอรับกาแฟจากพนักงาน เธอส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่าย ทำไมต้องส่งยิ้มให้คนอื่นด้วย เธอเอาแต่ส่งยิ้มให้คนอื่น แต่ไม่เคยยิ้มให้เขาสักครั้ง ทั้ง ๆ ที่เขายืนอยู่ใกล้แค่นี้ ใกล้ขนาดได้กลิ่นสตรอวเบอร์รี่จากร่างกายของเธอ


                เธอรับกาแฟแล้วเดินออกจากร้านไป เขารับกาแฟของเขาแล้วเดินตามออกไป ทว่าพวกเขาเดินแยกกันไปคนละทาง มันเป็นการพบปะกันช่วงสั้น ๆ ที่เริ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ทำให้หัวใจของเขาเต้นระส่ำได้ เพียงแค่เห็นหน้าเธอในตอนเช้า เขาก็รู้แล้วว่ามันจะต้องเป็นวันที่ดี ต่อให้ที่ทำงานจะโดนเจ้านายอารมณ์เสียใส่ก็ไม่เป็นไร


                ที่ทำงานของเขาช่างไร้สีสัน และทุกคนทำงานเหมือนเป็นหุ่นยนต์ พวกเขาอาจเป็นหุ่นยนต์ไปแล้วก็เป็นได้ ในเมื่อรอบข้างเต็มไปด้วยเครื่องจักร เขาได้ยินเรื่องเล่าแบบปากต่อปากว่านายจ้างต้องการลดจำนวนคนและมีคนโดนไล่ออกอยู่เป็นระยะ เพื่อนที่เคยทำงานด้วยกันในวันนี้อาจหายไปในวันต่อมาก็เป็นได้ วันดีคืนดีมันอาจเป็นตัวเขาเข้าสักวัน เขาจึงสงบปากสงบคำ ทำงานเก็บเงินไปเรื่อย ๆ ตามประสาคนธรรมดา ๆ ทั่วไป


                หลังเลิกงาน เขาขับรถมาที่สวนสาธารณะริมแม่น้ำทางฝั่งตะวันออกตอนล่างของแมนฮัตตัน ที่นี่สามารถมองเห็นสะพานวิลเลียมเบิร์กและอีสต์ รีเวอร์อันแสนสงบ เขาชอบนั่งบริเวณนี้แล้วมองออกไปยังแม่น้ำ สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความทรงจำที่ทั้งอยากลืมและน่าจดจำ เขาปล่อยใจให้หลุดลอยไปพร้อมกันสายลมเย็น ๆ ของฤดูหนาว นาน ๆ ทีจะเห็นคนวิ่งจ๊อกกิ้งผ่านไป บ้างก็มีคนหยุดชมวิวริมแม่น้ำ มีนักท่องเที่ยวยืนถ่ายรูป และมีผู้หญิงคนหนึ่งหยุดยืนที่ริมแม่น้ำ กำลังทอดสายตามองสะพานและท้องฟ้า...ผู้หญิงในร้านกาแฟคนนั้น


                หัวใจของเขาพองโตยามได้เห็นเธอ แต่เธอไม่ได้มองมาทางเขา เขาพิจารณาใบหน้าเปื้อนยิ้มของเธอ กับดวงตาที่จับจ้องไปยังวิวงดงามเบื้องหน้า เธอช่างสวย และมีเสน่ห์ เธอเป็นดั่งนางฟ้าสำหรับเขา


                แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป หัวใจของเขาเต้นรัว มือทั้งสองบนหน้าตักกำแน่น ยามที่เธอหันไปหาผู้ชายที่เพิ่งเดินเข้ามา เขามีรูปร่างสูงโปร่ง มีเรือนผมสีบลอนด์พลิ้วไหวไปกับสายลม ผู้ชายคนนั้นหอมแก้มเธอ และใบหน้าของเธอก็เป็นสีแดงระเรื่อ สุกสกาวยิ่งกว่าลูกสตรอวเบอร์รี่บนขวดครีมอาบน้ำที่เธอใช้ ริมฝีปากของเธอคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข เธอคล้องแขนเขา อิงแอบแนบศีรษะลงบนไหล่กว้างของเขา เขาเอียงศีรษะซบเธอ ถึงจะมองจากด้านหลังแต่เขาก็รู้ว่าทั้งคู่จูบกัน


                ทุเรศนัก ทุเรศสิ้นดีเธอเป็นของเขาแท้ ๆ แต่กลับพลอดรักกับชายอื่น เธอเจอผู้ชายคนนี้ตั้งแต่เมื่อไร มีความสัมพันธ์กันตอนไหน ทำไมเขาถึงไม่รู้ เขาช่างโง่นักที่ไม่เฝ้าเธอให้ดี ปล่อยให้เธอมีชายอื่น


                ภาพบาดตาบาดใจทำให้เขาลุกจากที่นั่ง เขากำลังเดินตรงไปหาเธอ แต่ทั้งคู่ก็เดินไปรวมตัวกับกลุ่มเพื่อนฝูงที่เพิ่งเดินทางมาถึงเสียก่อน เขากำหมัดแน่น หายใจเข้าออกอย่างรุนแรงขณะมองผู้หญิงคนนั้นเดินจากไป


                ทำไมผู้หญิงพวกนี้ถึงทำให้เขาโมโหเสมอ ไม่ว่าใครก็เหมือนกันหมด!


                เขาหันหลังกลับ เดินตรงดิ่งไปยังลานจอดรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน

       


                ในที่สุด เขากลับถึงบ้าน บ้านอันแสนสงบสุข บ้านที่มีสาวสวยรอคอยให้เขากลับไปหา เธอส่งยิ้มให้เขาทุกครั้งที่เจอหน้า เอ่ยทักทายด้วยเสียงหวานเพื่อต้อนรับ ให้ตายเถอะ ทำไมเขาถึงได้รู้สึกสะอิดสะเอียนถึงเพียงนี้ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงทนอยู่กับผู้หญิงคนนี้ได้เป็นเดือน ๆ อาจเป็นเพราะเธอไม่เคยทำให้เขาโมโหก็เป็นได้ ใช่ ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ เธอไม่จู้จี้จุกจิก ไม่ขี้สงสัย ไม่ถามในสิ่งที่ไม่ควรถาม เธอ...หากจะพูดให้มันน้ำเน่าหน่อย รักทุกอย่างที่เป็นตัวเขา ทว่าเธอไม่เคยเติมเต็มเขาได้ ทุกครั้งที่สัมผัสเธอ หัวใจของเขาสงบนิ่ง ไร้สีสัน ไร้ชีวิตชีวา เธอช่างน่าเบื่อ แต่เขาก็กลับมาหาเธอทุกครั้ง


                “มื้อเย็นใกล้เสร็จแล้ว ไปล้างหน้าล้างตาก่อนสิคะ”


                มืออันนุ่มนิ่มของเธอทำให้เขาอยากสำรอกทุกอย่างออกมา เขาอยากลบรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอเสียเหลือเกิน แต่เธอมีประโยชน์สำหรับเขา เธอเป็นสิ่งจำเป็น


                เขาพยักหน้า แล้วเดินไปทางห้องน้ำ แต่แทนที่จะเข้าไปในนั้น เขากลับเดินเลยไปยังห้องใต้ดิน มันเป็นห้องธรรมดา ๆ ที่มีตู้เย็นขนาดเล็ก มีโซฟา และโทรทัศน์เก่า ๆ หนึ่งเครื่องเพื่อความบันเทิงของเขา มีของใช้เก่า ๆ มากมายที่เสียดายเกินกว่าจะโยนทิ้ง เขาอนุญาตให้เธอลงมาทำความสะอาดได้สัปดาห์ละครั้ง เธอปฏิบัติตาม และเธอไม่สนใจอะไรในห้องนี้มากนัก หากเธอลองเลื่อนชั้นวางไปข้าง ๆ เธอคงได้เห็นประตูลับที่ซ่อนอยู่ ประตูที่นำเขาไปสู่สรวงสวรรค์


                เขาต้องมาที่ห้องนี้อย่างน้อยวันละครั้ง แค่ได้เห็นโต๊ะทำงาน เขาก็รู้สึกซาบซ่าไปทั้งตัว เขาหยิบแฟ้มสีดำที่ปะปนไปกับหนังสือและแฟ้มอื่น ๆ บนโต๊ะทำงาน ในนั้นเต็มไปด้วยภาพข่าวจากหนังสือพิมพ์ที่เขาสะสมมาเป็นปี


                มันช่างน้อยนัก เขาคิด แต่แค่อ่านเนื้อหา มันก็ทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ได้แล้ว อย่างข่าวแรกที่เขาสะสมได้รายงานการพบศพของหญิงเปลือยในอีสต์ รีเวอร์ มันทำให้เขาเห็นความสะเพร่าของตัวเอง เขาช่างไร้ความเป็นสุภาพบุรุษสิ้นดี ถึงปล่อยให้หญิงผู้เป็นที่รักแก้ผ้าอยู่แบบนั้น ครั้งต่อมาเขาเลยต้องห่อเธอให้ดีขึ้น


                นักแกะสลักกลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ?


                เขาล่ะชอบพาดหัวข่าวของสื่อฉบับนี้จริง ๆ ช่างเขียนอะไรได้ตรงใจนัก แต่ศพของลอยน้ำเร็วกว่าที่คิด ธรรมชาติเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไม่ได้จริง ๆ


                เขาเก็บแฟ้มกลับที่เดิมแล้วไขกุญแจเปิดลิ้นชักข้าง ๆ หยิบกล่องไม้รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าออกมา ข้างในมีซองพลาสติกขนาดเล็กสามซอง แต่ละซองบรรจุเครื่องประดับที่แตกต่างกัน ซองแรกเป็นต่างหูเพชรหนึ่งคู่ ซองถัดมาเป็นสร้อยคอพร้อมจี้รูปหัวใจสีทองหนึ่งเส้น และซองสุดท้ายเป็นสร้อยคอพร้อมล็อกเก็ตรูปวงรีหนึ่งเส้น


                เมื่อได้สัมผัส ช่วงเวลาแห่งความสุขสมก็หวนกลับมา หัวใจของเขาเต้นระส่ำอย่างมีชีวิตชีวา พวกเธอเป็นสมบัติล้ำค่าของเขา เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว


                แต่มันน้อยเกินไป ความคิดเช่นนี้หวนกลับมาในหัวสมองของเขาอีกครั้ง กล่องไม้นี้ควรเต็มไปด้วยเครื่องประดับแล้วความทรงจำดี ๆ ของเขาสิ ใช่แล้ว เขาต้องหาของมาเติมเต็ม และเขารู้แล้วว่าจะหาได้จากที่ไหน


                นังแพศยานั่น ต้องโดนลงโทษ!


    ---------------------------------------

    สวัสดีค่า พบกันอีกแล้วค่ะ


    ตอนนี้สั้นเชียว (ฮ่า ๆ) นี่เป็นตอนแรก (และอาจเป็นตอนเดียว) ที่เขียนผ่านมุมมองของฆาตกรค่ะที่มาของตอนนี้มาจากตอนคุยกับอาจารย์ช่วงทำโปรเจ็กต์นี่แหละค่ะ อ. แนะนำว่าน่าจะลองเขียนผ่านมุมมองฆาตกรทิ้งท้ายตอนไว้บ้าง ให้คนอ่านได้รู้อะไรบางอย่างที่ลิลิธไม่รู้ ตอนนั้นออยล์ก็ว่าเป็นความคิดที่ดีค่ะ แต่ไม่มีโอกาสได้แทรกเรื่องราวผ่านสายตาฆาตกรเลย กระทั่งตอนนี้ที่คิดว่าน่าจะเหมาะสมพอดี แต่แทนที่จะลงแบบหนึ่งย่อหน้าท้ายตอนตามที่อาจารย์แนะนำ ออยล์แยกออกมาเป็นตอนของเขาไปเลยดีกว่า ก็เลยสั้นไปหน่อย ขออภัยนะคะ


    ส่วนตอนหน้าได้กลับมาพบกับลิลิธต่ออย่างแน่นอนค่ะ  

    สำหรับใครที่สนใจอ่านเวอร์ชันภาษาอังกฤษ เชิญได้ที่ Minimore 


    สุดท้ายนี้ของคุณทุกท่านที่ติดตาม #การตายของลิลิธ ค่ะ ฝาก Facebook Page: @AuthorAkiKaze ไว้ด้วยนะคะ


    พบกันใหม่วันพฤหัสฯ นี้ค่า

    Aki_Kaze  

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in