เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรียนหมอชิลมากพอวอ*
ก่อนจะได้เรียนหมอ
  • ก่อนจะได้เรียนหมอ ก็ต้องสมัครก่อนสิ ..

    เดี๋ยว ๆ ๆ อย่าเพิ่งอยากตบกัน 555+

    อย่างที่เคยกล่าวไว้ ฉันชอบภาษาและการถ่ายรูป ดูจะเป็นมนุษย์สายศิลป์มากกว่าสายวิทย์ (อย่างที่เคยบอกว่าฉันได้เกรดเฉลี่ย 3.84 วิชาที่ได้เกรด 4 ตลอดคือไทยและสังคม ส่วนวิชาที่คอยฉุดคะแนนตลอดคือวิทย์และคณิต ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะมาเรียนสายวิทย์ทำไม)
    เพราะฉะนั้นเมื่อครั้งที่เพื่อน ๆ ตระเวนไปสอบตรงที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในคณะเกี่ยวกับกฎหมาย ฉันก็ไปกับเขาด้วย ไปแบบทื่อ ๆ ซื่อ ๆ ไม่ได้เตรียมตัวอะไรทั้งนั้น (ทั้งหมดทั้งปวงที่ทำก็คือการหาว่าจากโรงแรมที่พักอยู่จะไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าอย่างไร -- ตั้งใจมากพอวอ)
    และก็แน่นอน ด้วยความตั้งใจอย่างเปี่ยมล้น -- ก็ต้องสอบไม่ติดแน่นอนอยู่แล้ว (เพิ่งมารู้ทีหลังว่าชาวบ้านเค้าตั้งใจและเตรียมตัวในการสอบตรงมากเลยนะจ๊ะ มีหนังสือเฉพาะสำหรับการสอบตรงเข้าคณะที่ว่าด้วย ซึ่งฉันเองก็เพิ่งเคยเห็นหน้าค่าตามันหน้าห้องสอบในวันสอบนี่แหละจ้ะ เอเมน)

    หลังจากสายศิลป์ผ่านพ้นไป ก็ถึงคิวของสายวิทย์ เพื่อน ๆ คาบข่าวการรับตรงของคณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่มาให้ (ไม่รู้เลย เขียนแบบนี้ไม่รู้เลย 555) ครั้งนี้ก็ไปด้วยความตั้งอกตั้งใจมากค่ะ สมาชิกในบ้านเช่ารถตู้ เตรียมแผนเที่ยวเต็มที่ เดี๋ยวนะเดี๋ยว ๆ ๆ นี่ลูกจะมาสอบนะ สนใจลูกบ้างอะไรบ้าง

    การสอบประกอบด้วยสองส่วน การสอบความถนัด และการสอบข้อเขียนความรู้ทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ การสอบความถนัดในช่วงเช้าเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันกระหยิ่มใจที่สุด นี่ไม่ได้อวยตัวเองนะ แต่ฉันค่อนข้างจะมีความสามารถในการทำข้อสอบความถนัดประมาณหนึ่งเลยล่ะ เคล็ดลับก็คือตอนเด็ก ๆ พ่อแม่ชอบซื้อหนังสือมาให้ทำ บอกว่าเป็นการเล่นเกม มีรูปเรขาคณิตสามสี่รูป ตัวเลขสามสี่ตัว หรือคำสามสี่คำ ให้เลือกว่ารูป/เลข/คำต่อไปจะเป็นอะไร ฉันก็สนุกกับเกมของพ่อแม่มาก พ่อแม่ให้ทำวันละหน้า นี่ก็ปาไปทำวันละเล่ม จนพ่อแม่ต้องห้าม บอกว่าไม่รู้จะหาเกมที่ไหนมาให้เล่นแล้ว ให้เล่นวันละหน้าก็พอ จนโตขึ้นมานั่นแหละถึงรู้ว่ามันเป็นการฝึกความถนัด (โถ ๆ ๆ โดนหลอกตั้งแต่เด็ก)
    ถึงกระนั้น อัตราส่วนผู้สมัครสอบ 4000 คนต่อจำนวนที่รับประมาณ 70 คน (ถ้าจำไม่ผิดนะ เรื่องมันนานมาแล้ว เห็นใจป้าด้วย) ก็ทำให้ขนลุกอยู่ไม่น้อย -- แอร์เย็น -- บ้าเหรอ -- แต่สุดท้าย ฉันก็สอบผ่านรอบแรกมาได้
    ช่วงบ่ายเป็นการสอบข้อเขียนความรู้ทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ข้อสอบเป็นข้อสอบอัตนัย แสดงวิธีทำจำนวนหกข้อ ให้เขียนตอบ ฉันเปิดข้อสอบ อ่านโจทย์ ข้อไหนทำไม่ได้ก็ผ่านไป เปิดข้อใหม่ อ้าว เจอโต๊ะ สึสเด้ยยยยยยยยยยยยยย ฉันจบชีวิตการทำข้อสอบในช่วงบ่ายโดยการเขียนชื่อที่หัวกระดาษทุกแผ่น ... และส่ง อาจารย์คุมสอบถึงกับบอกว่า หนูใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทำก็ได้ ฉันปฏิเสธอย่างแน่วแน่ คืออ่านก็รู้แล้วว่าทำไม่ได้ จะเสียเวลาใช้หมองนั่ง’มาธิอีกสามชั่วโมงก็ไม่มีทางที่วิญญาณไอน์สไตน์จะมาเข้าสิงแล้วดลใจให้ฉันทำข้อสอบได้แน่ ๆ 
    หลังออกจากห้องสอบ ฉันก็โทรศัพท์หาพ่อกับแม่ พ่อแม่ก็ดุเลย ไม่ใช่เพราะทำข้อสอบไม่ได้นะ แต่ดุเพราะโทรมาช้าไปนิดเดียว นี่พ่อกับแม่เพิ่งขับขึ้นดอยสุเทพมา ไม่งั้นโทรมาก่อนหน้านี้ก็ได้มาเที่ยวด้วยกันแล้ว โถววววววววว



    ป.ล. สามตอนที่ผ่านมา อัปเร็วเพราะพิมพ์ไว้นานแล้วนะจ๊ะ หลังจากนี้อาจช้านิดนึงเพราะขี้เกียจต้องทำงานทำการ จะพยายามมาต่อเร็ว ๆ ยังไงถ้าไม่อยากพลาด กดสับตะไคร้ เอ๊ย Subscribe ไว้ก็ได้นะแจ๊ะ จุ๊บ ๆ #พื้นที่โฆษณา

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in