เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
whatfilmbehoramiji
Recap: "War for the Planet of the Apes" The Official Movie Prequel


  • นี่คือเรื่องราวของคนที่แวบเข้าคิโนะไปเพื่อซื้อนิยายออฟฟิเชียลของ Wonder Woman 
    แต่ดันใจง่ายหยิบเจ้า Official Prequel ของ War for the Planet of the Apes มาด้วย - -''

    อธิบายก่อน เดี๋ยวนี้หนังมักจะมีหนังสือนิยายหรือที่เรียกว่าเป็น Novelization ตามออกมา
    คือเขียนเป็นรูปแบบนิยายเลย ไม่ใช่บทภาพยนตร์ เหตุการณ์หลัก ๆ ก็เหมือนในหนัง
    แต่ใช้ภาษาแบบนิยาย มีการขยายความ เสริมฉากยิบย่อยตรงโน้นตรงนี้ที่ไม่มีในหนัง

    ส่วนเล่มนี้เป็นนิยาย Prequel นะ ง่าย ๆ ก็คือเป็นเหตุการณ์รอยต่อระหว่าง
    Dawn of the Planet of the Apes กับ War for the Planet of the Apes

    หนังก็ใกล้เข้าแล้ว เพื่อความอินเลยเอาวะ อ่านซะหน่อย 
    ชื่อเรื่องคือ "Revelations" เขียนโดย Greg Keyes 

    ใครสนใจแต่ขี้เกียจอ่านเอง ดีใจได้เลย เพราะจะแปลสรุปรวบรัดให้ฟังกันตรงนี้แหละ

    หลังจากซีซาร์และเหล่าวานรยึดซานฟรานซิสโก (ในภาค Dawn) พวกวานรจำต้องอาศัยอยู่ในเมืองแทน แล้ววันหนึ่งก็มีเรือลำใหญ่มาถึงชายหาด นั่นคือเรือที่นำโดย "พันเอกแมคคัลเลอ" (วูดดี้ ฮาร์เรลสัน - ซึ่งจะเป็นตัวร้ายหลักในภาค War นั่นเอง) ผู้พันได้ถามไถ่สถานการณ์จากชาวเมืองซานฟรานซิสโก ซึ่งยังหลงเหลืออาศัยอยู่ จนทราบว่าพวกวานรครองเมืองอยู่ในขณะนี้ และรู้สถานการณ์ว่าวานรพวกนี้ฉลาด รวมถึงสถานการณ์การเมืองระหว่างวานรด้วยกันเองว่าโคบาเป็นผู้นำวานรโจมตีอาณานิคมมนุษย์ในซานฟรานซิสโก แต่ตอนนี้ซีซาร์ยึดอำนาจคืนและเป็นจ่าฝูงแล้ว รวมทั้งยังได้ปลดอาวุธชาวอาณานิคมซานฟรานซิสโกและขับไล่พวกเขาออกไป นั่นทำให้ผู้พันต้องการจะยึดเมืองคืนกลับมาให้ฝั่งมนุษย์


    ทางด้านซีซาร์พอรู้ว่าเรือมาก็ปรึกษากับมัลคอล์ม (เจสัน คลาร์ก - พระเอกฝั่งมนุษย์ภาค Dawn) เพราะไม่อยากให้มีการต่อสู้และสูญเสียวานร มัลคอล์มแนะนำให้ยกธงขาว เพราะเรือเป็นเรือรบและคนบนนั้นย่อมเป็นทหาร แต่ปรากฏว่าฝั่งผู้พันดันเปิดฉากโจมตีก่อน แผนสมานฉันท์จึงเป็นอันถูกพับเก็บไป 

    สถานการณ์ที่ตึงเครียดระหว่างกองทัพของผู้พันแมคคัลเลอกับฝ่ายวานรส่อแววว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นแน่นอน ซีซาร์จึงตัดสินใจส่งมัลคอล์มกับลูกเมียออกไปจากซานฟรานซิสโกเพื่อความปลอดภัย โดยให้ "บลูอายส์" ลูกชายของตนนำคณะคุ้มกัน พร้อมกับ "ร็อคเก็ต" มือขวาของซีซาร์ และ "เรย์" อุรังอุตังวัยรุ่นเดียวกับบลูอายส์

    หน่วยลาดตระเวนของฝั่งมนุษย์ถูกพวกวานรโจมตี "ผู้หมวดจอห์น" ลูกชายของผู้พันแมคคัลเลอถูกฆ่าตาย แมคคัลเลอบอมบ์ตึกที่หลบภัยของเหล่าวานร ทำให้ซีซาร์ตัดสินใจส่งผู้หญิงและเด็กถอยร่นกลับไปยังป่าเพื่อความปลอดภัย โดยให้เหล่าการ์ดกอริลล่าไปคุ้มกัน รวมถึงเจ้า "วินเทอร์" กอริลล่าเผือก

    ทางด้านคณะเดินทางของบลูอายส์กับมัลคอล์มรู้สึกว่ามีคนสะกดรอยตามมาตั้งแต่เมือง หลังจากนั้นพวกบลูอายส์ได้ส่งครอบครัวมัลคอล์มและแยกทางไปเพื่อค้นหาสถานที่ที่ปราศจากภัยคุกคามอย่างมนุษย์ ระหว่างทางพวกเขาเจอฝูงควาย เรย์พลัดหลง และรู้สึกตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาในกรงของมนุษย์แปลกหน้า ไม่นานนัก "ฟ็อกซ์" (วานรฝ่ายสนับสนุนโคบา) ก็ถูกจับมาด้วย พอคุยกันเรย์จึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วพวกที่ตามสะกดรอยคณะเดินทางของพวกเขาคือพวกฟ็อกซ์นี่เอง เพื่อสังหารพวกเขา โดยเฉพาะบลูอายส์ที่เป็นทายาทของซีซาร์ และยึดอำนาจในฝูง ในระหว่างนี้บลูอายส์กับร็อคเก็ตก็พยายามหาทางช่วยเรย์

    ปราฏว่าจอห์น ลูกชายของผู้พันแมคคัลเลอยังไม่ตาย เพราะหัวหน้าทีมช่วยปกป้องไว้ หลังพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ พ่อลูกไปสำรวจตึกแห่งหนึ่ พบศิลปะกราฟิตี้บนกำแพงเป็นรูปเหล่าวานร และมนุษย์ พร้อมกับสัญลักษณ์ "อัลฟา" และ "โอเมกา" ตัวอักษรตัวแรกและตัวสุดท้ายในภาษากรีก ผู้พันแมคคัลเลอก็เอ่ยขึ้นมาว่า  

    'เราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นปฐมและเป็นอวสาน ผู้ทรงเป็นอยู่เดี๋ยวนี้ ผู้ได้ทรงเป็นอยู่ในกาลก่อน' 

    (ตรงนี้น่าสนใจเพราะว่าเป็นการโควตจากไบเบิล จากหนังสือวิวรณ์ หรือ Book of Revelations เรื่องราวเกี่ยวกับอวสานทั้งหมดของโลก ซึ่งน่าจะเป็นที่มาของชื่อ Prequel นี้ว่า Revelations นั่นเอง - ที่น่าสนใจเพราะนี่คือคอนเซปต์เรื่องราวของ Planet of the Apes พิภพวานรจะเป็นอวสานของเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือไม่) 

    จอห์นถามว่า "เรา" หมายถึงใคร ผู้ัพันตอบว่า แล้วแต่ หลักๆ คือน่าจะหมายถึงพระเจ้า แต่บางกลุ่มเชื่อว่าหมายถึงมวลมนุษยชาติ จอห์นถามว่า มนุษยชาติจะยังรอดอยู่ต่อไป อะไรงี้เหรอ ผู้พันตอบว่า เฉพาะผู้รอดชีวิตเท่านั้น มันถูกกำหนดไว้ใน DNA (มนุษย์ที่รอดจากโรคระบาดมาจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะมีภูมิคุ้มกัน)

    กลับมาทางด้านเรย์ที่ถูกมนุษย์จับขังไว้ ได้พบกับผู้การเมสเซนเจอร์และดร.ฮอร์น พอรู้ว่าเรย์เข้าใจภาษามนุษย์แต่ถนัดภาษามือมากกว่า ก็หาล่ามภาษามือชื่อ "อาร์มันด์" มาพูดคุยสอบถาม เรย์ก็พยายามตอบเลี่ยง ๆ ไม่ให้รู้เรื่องวานรครองซานฟรานซิสโกอยู่ (มนุษย์กลุ่มนี้ก็เป็นกองทัพมีกำลังทหารกับอาวุธยุทโธปกรณ์เหมือนกัน นำโดยนายพลเอ็ดเวิร์ดส์ ซึ่งผู้พันแมคคัลเลอได้วิทยุมาขอกำลังเสริมจากทางนี้ด้วย)

    เรย์กับฟ็อกซ์ถูกฝั่งนายพลเอ็ดเวิร์ดส์ซ้อมทรมานเพื่อเค้นข้อมูล กระทั่งตัดสินใจได้ว่าจะไปช่วยทางฝ่ายผู้พันแมคคัลเลอยึดเมือง สังหารวานรให้เรียบด้วยแก๊สพิษ อาร์มันต์ล่ามภาษามือรู้สึกผิดที่ช่วยให้ทหารได้ข้อมูลจากการซ้อมวานรพวกนี้ ไปเมาในบาร์ (โถพ่อ) เจอกับพวกบลูอายส์ เลยตัดสินใจว่าจะช่วย

    ที่ชอบมาก ๆ คือตรงนี้ โควตของอาร์มันด์ที่จะกล่าวต่อไปนี้ คือดีมาก ๆ 

    "...แต่ตอนที่ฉันพูดกับเรย์ เพื่อนของนาย เขาเอ่ยถึงพวกวานรเหมือนพวกนายเป็นสปีชีส์เดียวกัน แต่พวกนายไม่ใช่สักหน่อย ฉันอาจจะดูไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรแต่เมื่อก่อนฉันก็มีความรู้นะ ชิมแปนซี อุรังอุตัง ต่างกันมากทีเดียว พวกนายผสมข้ามสายพันธุ์กันไม่ได้ ถูกไหม มีลูกด้วยกันไม่ได้น่ะ ชิมแปนซีอย่างนายแตกต่างจากอุรังอุรังมากกว่าที่ฉันแตกต่างจากมนุษย์คนอื่นบนโลกเยอะ
       มนุษย์ทั้งหลายเป็นสปีชีส์เดียวกัน แต่เราก็ยังแบ่งแยกเป็นกลุ่มก้อนซึ่งเกลียดชังซึ่งกัน และปฏิบัติกีดกันกันด้วยสีผิว หรือผมหยิกผมตรง อาหารที่เรากินหรือไม่กิน เสื้อผ้าที่เราใส่ เราจับมนุษย์กันเองเป็นทาส และรบพุ่งก่อสงครามอันโหดร้ายเพียงเพราะเรื่องแค่นั้น เพราะสำหรับเรา แค่ข้อเท็จจริงที่ว่าเราเป็นสปีชีส์เดียวกันมันไม่พอจะทำให้เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ เพราะเราชอบคิดแบ่งแยกทุกสิ่งอย่างออกจากกันแทนที่จะรวมเข้าด้วยกัน ฉันเคยเชื่อนะว่าสักวันเราจะเปลี่ยนได้--เชื่อจริง ๆ
       "แต่พวกนาย พวกนายมีจุดเริ่มต้นที่ต่างออกไป พวกนายยังใหม่นัก ไม่สมควรจะเดินลงเหวเหมือนกับพวกเรา และจากที่เห็น พวกนายยังดี ๆ กันอยู่ในช่วงก่อนหน้า จนกระทั่งมาเจอกับมนุษย์อย่างเราอีกครั้ง พวกนายก็กลับไขว้เขว้ไป พวกนายเริ่มรู้จักการแก้แค้นและการจองเวร ซึ่งมันง่ายมากที่จะลุ่มหลงสิ่งเหล่านั้น มันเป็นธรรมชาติของพวกนาย อย่างที่มันเป็นธรรมชาติของพวกเรา เพราะพวกเราเป็นญาติกันไงล่ะ..."

    (เป็นโควตที่อ่านแล้วต้องกุมใจ คือแทงใจดำมาก ๆ เลยใช่ไหม แถมตอนอ่านเพิ่งจะฟังสัมภาษณ์แมตต์ รีฟส์ ผู้กำกับไตรภาค Apes นี่มาด้วย เขาพูดประมาณว่า 'เวลาเราดูพวกวานรในหนัง เราไม่ได้กำลังดูวานรอยู่ แต่เรากำลังย้อนมองดูมนุษย์เองต่างหาก' มันเป็นการเล่าเรื่องด้วยมุมมองที่ย้อนกลับมาสำรวจความเป็นมนุษย์ของเราเอง พอนึกดูแล้วมันเป็นหนังที่อัจริยะจริง ๆ ให้ตาย)

    เวิ่นยาวพอแล้ว เนื้อเรื่องต่อ 555

    เรย์พูดให้ฟ็อกซ์กลับมาฝั่งซีซาร์ได้ในที่สุด ตรงนี้ก็น่าสนใจ เพราะทั้งคู่ต่างโดนนายพลเอ็ดเวิร์ดส์สั่งทรมานเหมือนกับที่โคบาเคยโดนในแล็บตั้งแต่เกิดมา ฟ็อกซ์ได้สัมผัสการถูกมนุษย์ปฏิบัติเลว ๆ จับขัง ทำร้ายแบบนั้นด้วยตัวเองจริง ๆ ครั้งแรก (ก่อนหน้านี้ได้ยินแต่การเล่าจากพวกรุ่นแรกที่เคยโดน) แน่นอนว่ายิ่งต้องโกรธเกลียดมนุษย์ แต่เรย์ก็ชี้ให้เห็นว่า โคบาเป็นวานร แต่ก็จับมอรีซขัง จับวานรด้วยกันขังเหมือนกัน (ขังวานรฝ่ายซีซาร์ตอนบุกยึดซานฟรานซิสโกใน Dawn) เพราะฉะนั้นดี-เลวมันไม่เกี่ยวกับว่าเป็นมนุษย์หรือวานร ทั้งสองเผ่าพันธุ์ต่างก็มีคนดีคนชั่วเหมือนกันนั่นแหละ

    (อื้อหือ คำคมวานร -- ตรงนี้ย้ำให้เห็นว่า ฝ่ายโคบาที่มองว่า "เป็นมนุษย์ = เลวหมด" มันก็คือการยัดเยียด Stereotype ประเภทหนึ่งนั่นแหละ เหมือนกัน ในโลกของเราการเหยียดผิว เหยียดเพศ เหยียดสารพัดเหยียดทั้งหลายแหล่ก็มีต้นตอมาจากการมองอะไรเป็น Stereotype เหมารวมไปก่อนว่า เพราะผิวดำ ดูเหมือนโจร บลา ๆๆ ว่าไป อะไรแบบนี้)

    ในศึกสุดท้าย จอห์นถูกพ่อส่งไปเป็นแนวหน้าคุมการตรึงกำลังที่สะพานโกลเดนเกต (เป็นเหมือนที่มั่นในชัยภูมิซานฟรานซิสโกไปแล้ว) เพื่อตรึงทัพวานรของซีซาร์ไว้ตรงนั้นให้นานที่สุด จนกว่าเรือของนายพลเอ็ดเวิร์ดส์จะมาถึงและปล่อยแก๊สพิษทำลายล้าง 

    อาร์มันด์กับบลูอายส์บุกไปช่วยเรย์กับฟ็อกซ์บนเรือของฝ่ายนายพลเอ็ดเวิร์ดส์ได้สำเร็จ อาร์มันด์ตัดสินใจจะจัดการจมเรือของนายพลเพื่อไม่ให้ปล่อยแก๊สพิษไปทำลายวานรได้ เรย์ตัดสินใจอยู่ช่วยและบอกให้บลูอายส์หนีไปก่อน แต่ฟ็อกซ์กลับโยนเรย์ลงจากเรือเล็กแล้วเป็นฝ่ายขับเรือเล็กพุ่งชนเรือใหญ่ของนายพลฯ ซะเอง ทำให้แก๊สรั่วออกมาจากการระเบิด 

    ผู้พันแมคคัลเลอสั่งให้จอห์นถอนกำลัง ช่างหัววานร เอาตัวให้รอดก่อน วันหลังค่อยหาทางจัดการฆ่าล้างพวกมัน เมื่อพวกวานรพุ่งเข้ามาประจัน ทหารมนุษย์กลับถอยทัพกันไป ซีซาร์สังเกตเห็นการส่งสัญญาณบอกกันของเหล่าทหารจึงเห็นว่าเรือมีควันแก๊สพุ่งออกมา ดูมีอันตราย จึงสั่งพวกวานรหนีร่นกลับป่าไปเช่นกัน เพื่อสมทบกับพวกผู้หญิงและเด็ก ผู้พันก็ได้รับรายงานจากลูกชายว่าพวกวานรหนีเข้าป่าไปได้น่าจะทั้งหมด

    ตอนท้ายมีการพูดถึงตัวละครปริศนา บรรยายแค่ว่าเคย "เป็นผู้ฝักใฝ่ฝ่ายวานร" มาขอเข้าพบผู้พันด้วย ไม่แน่ใจว่าจะมาช่วยฝ่ายมนุษย์หรืออะไร หรือตัวละครนี้เป็นใครในหนัง แต่ปิดท้ายเรื่องด้วยการมาของตัวละครนี้ก็คงจะสำคัญ

    Revelations ก็จบลงประมาณนี้คร่าว ๆ 

    ผู้พันจะต้องได้เผชิญหน้ากับซีซาร์เป็นครั้งแรกในหนังอย่างแน่นวล

    ทนรอดู War for The Planet of the Apes ไม่ไหวแล้ว!


    __________

    edited 13/07/2017

    เนื่องจากได้ไปดู War For The Planet Of The Apes มาแล้วเรียบร้อย และพบว่าตัว "ผู้ฝักใฝ่ฝ่ายวานร" ที่แปรพักตร์ไปเข้ากับฝั่งผู้พัน เป็นเส้นเรื่องรองที่เราตัดทิ้งทั้งยวงไม่ได้เล่าถึงในการสรุปเรื่อง Revelations ตอนแรกด้วยความขี้เกียจ 

    แต่มันกลับกลายเป็นถึงตัวร้ายรองในหนังภาค War ซะนี่ เลยต้องกลับมาแก้ ให้เกียรติเขาหน่อยๆ มาดูที่มาที่ไปของเขากัน


    นี่คือ "เรด" 
    อะ ซูมมมม


    โดยใน Revelations นั้น ขณะที่ซีซาร์ยังตัดสินใจจะไม่เปิดศึกกับมนุษย์ที่มากับเรือ (นำโดยผู้พันแมคคัลเลอ) เรด ซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนความคิดของโคบาและยังคิดเช่นเดิมอยู่ ได้เป่าหู "เกรย์" (ซึ่งเคยเป็นฝ่ายโคบาเช่นกัน แต่ภายหลังได้ขอให้ซีซาร์อภัย และกลับมาจงรักกับซีซาร์แล้ว) ให้หักหลังซีซาร์ซะ

    เรดวางแผนล่อพวกทหารให้โจมตีตึกที่ซีซาร์ซ่อนพวกผู้หญิงกับเด็กๆ ไว้ เพื่อผลักดันให้ซีซาร์ต้องส่งผู้หญิงและเด็กอพยพเข้าป่าล่วงหน้าไปก่อน โดยมีเหล่าการ์ดกอริลล่าคอยคุ้มกัน รวมถึงเจ้ากอริลล่าเผือก "วินเทอร์"

    วินเทอร์ (จะมีบทในภาค War เช่นกัน)

    แผนขั้นต่อมา เรดกับเกรย์ได้แยกตัวจากฝั่งซีซาร์ที่ต่อสู้ป้องกันเมืองไว้ จนกว่าพวกผู้หญิงและเด็กจะหนีไปได้ไกลพอ และวางแผนจะฆ่า "คอร์นีเลีย" เมียของซีซาร์และถือเป็นราชินีของฝูง แต่คอร์นีเลียไหวตัวทันซะก่อนและหนีไปได้ ฝ่ายสนับสนุนโคบาก็ส่งกำลังออกตามล่าคอร์นีเลียที่หนีกลับเข้าเมือง

    ระหว่างนั้น เรดกับเกรย์หลอกทั้งฝูงว่าพวกซีซาร์ที่ต่อสู้กับมนุษย์ได้พ่ายแพ้หมดแล้ว ไม่มีใครเหลือรอด ตอนนี้เกรย์ย่อมเป็นหัวหน้าฝูงคนใหม่ และทำให้วินเทอร์ซึ่งเป็นการ์ดปกป้องพวกผู้หญิงและเด็กล่วงหน้ามาต้องเข้าร่วม ทั้งโดนหลอกว่าคอร์นีเลียทำร้ายการ์ดกอริลล่าก่อนหนีไป และอาจกลับมาทวงตำแหน่งราชินีคืน ให้วินเทอร์คอยระวังและจัดการซะถ้าเจอ

    ภายหลังคอร์นีเลียได้กลับมาที่ฝูงใหญ่ กล่อมวินเทอร์ที่เป็นการ์ดให้เชื่อได้สำเร็จว่าเธอไม่ใช่ศัตรูอย่างที่เรดกับเกรย์โกหก จากนั้น คอร์นีเลียต้องการให้ฝูงหยุดเคลื่อนตัว เพราะมีวานรใกล้คลอด ตามธรรมเนียมจะต้องให้แม่และทารกปลอดภัยพร้อมเดินทางก่อน เกรย์เห็นด้วย แต่เรดไม่สนใจธรรมนงธรรมเนียมห่าเหวไรทั้งสิ้นแล้ว

    สุดท้ายเกรย์ก็สำนึกได้ว่าหลงเชื่อคนผิดและกลับมาปกป้องคอร์นีเลีย จึงเกิดการต่อสู้กับเรด เรดคว้าปืนได้ก่อนและยิงเกรย์เข้าที่หน้าตายห่าไปเสีย พวกผู้หญิงก็เลยพากันจู่โจมขับไล่จนเรดต้องหนีหายเข้าป่าไปในที่สุด

    แล้วเรดก็โร่ไปหาผู้พันตอนท้ายเรื่อง

    นำมาซึ่งการเป็น "Donkey" ของพวกมนุษย์ใน War For The Planet Of The Apes นั่นเอง

     
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in