เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
กระเตงติด กลุ่มไม้ขีดไฟOey Bharada
วันหยุด ต้องบุกเขาใหญ่
  • ผจญภัยในดินแดนเขาใหญ่ แบบ Back Packer ไปคนเดียวฉายเดี่ยวไปเลยจ้าาา

    ตอนใหม่มาแว้ววว  ไปเที่ยวเขาใหญ่แบบคนเดียว จะเป็นอย่างไร  ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าตอนนี้จะเล่ายาวมากเพราะไปเองคนเดียวมันก็จะตื่นเต้น ๆ นะ 55555

    ในช่วงวันหยุดยาวเข้าพรรษาพี่กุ๋ยบอกว่าได้หยุดเหมือนกันทีนี้ฉันก็แพลนในหัวทันที่ว่าวันหยุดจะทำอะไรดี  คิดไปคิดมา  เคยตั้งใจว่าจะแว๊บไปเที่ยวเขาใหญ่สักหน่อยตั้งแต่เริ่มมาฝึกงานที่นี่แล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปเสียที  อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะจบฝึกงานแล้วเลยตัดสินใจถ้าไม่ไปตอนนี้คงหาเวลาไปยากแล้วแหละ  คิดได้ก็ลองชวนเพื่อนดูแต่แพลนมันกระชั้นชิดไปหน่อย  เพื่อนเลยเตรียมตัวไม่ทัน  สุดท้ายหาคนไปด้วยไม่ได้แต่ใจเราก็ไม่ยอมแพ้  ตั้งใจไว้แล้วยังไงก็ต้องไป  ไหน ๆ ก็เคยคิดอยากลองไปเที่ยวเองคนเดียวอยู่แล้ว  แต่ติดที่เรากลัวมาตลอด  ครั้งนี้จึงได้ฤกษ์งามยามดีสถานที่อยู่ไม่ไกล  ไปเองง่าย ๆ อยู่แต่ในอุทยานเนี่ยแหละปลอดภัย  ลองเก็บกระเป๋ายืมเต้นท์ยืมถุงนอนพี่กุ๋ยแบกเป้ลุยกันไปเล้ยย

    การเตรียมตัวไม่มากมายอะไร  เขาใหญ่อยู่ใกล้ ๆ นั่งรถประจำทางจากปากซอยที่ฝึกงานไปถึงหน้าด่านเลย  อะพอได้ขึ้นรถแล้วก็สบายใจเปราะหนึ่ง  นั่งไปสักพักก็มาถึงหน้าด่านเขาใหญ่  เขาจอดตรงหน้าด่านเลยแหละแต่เราจะแวะกินข้าวกันก่อน  วิ่งตุเรง ๆ ข้ามถนนมาหน่อยจะเป็นร้านอาหารหลายร้านเลย  แวะกินส้มตำไทยเสร็จเรียบร้อยพออิ่มแล้วก็ลุยกันต่อ  โบกรถสิฮะ  มาเขาใหญ่ไม่ต้องห่วงเลย  คนไม่มีรถนิยมโบกกันเป็นประจำพี่เจ้าหน้าที่บอกมา  พอซื้อตั๋วเข้าราคา 40 บาทแล้วก็ยืนรอแถว ๆ จุดซื้อตั๋ว  พี่เจ้าหน้าที่ขายตั๋วยังช่วยฝากฝังเราให้ติดรถกระบะไปด้วย  ใจดีมาก ๆ เมื่อสอบถามคนขับแล้วพี่เขาไปจุดกางเต้นท์ลำตะคองฉันก็ติดรถไปลงที่นั่นเลยทีเดียว(ตอนแรกคิดว่าจะไปที่ศูนย์สำนักงานส่วนกลางก่อนเพื่อดูข้อมูลวางแพลนสำหรับการมาเที่ยวครั้งนี้  แต่พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าไปถามที่จุดกางเต้นท์ก็ได้  เลยเข้าไปลานกางเต้นท์เลย)  

    ระหว่างทางจะเจอทั้งป่าเขาและทุ่งหญ้าแบบนี้ ฮู้ว ช่างเป็นวันที่ฟ้าแจ่มมาก

    พอมาถึงลานกางเต้นท์ฉันก็เดินหาทำเลเหมาะ ๆ กางเต้นท์ตั้งแต่บ่ายโมงกันเลย  ต้องรีบจับจองที่กันก่อนเพราะคนเริ่มทะยอยมากกันเรื่อย ๆ  ได้ที่ว่างหน้าลำธารพอดีตรงนี้คิดว่าน่าจะแจ๋ว  ตอนเช้าตื่นมาจะได้เห็นลำธารข้างหน้าชิว ๆ กว่าจะกางเสร็จเกือบบ่านสองเหงื่อแตกพลักเลย  มีหนุ่มใจดีจากไหนไม่รู้มาช่วยกางด้วยเห็นเรามาคนเดียว  เขามาช่วยนิดหน่อยแล้วกลับไปเพราะเรากางจนใกล้จะเสร็จแล้ว  เราก็ขอบคุณสร้างมิตรไมตรีไว้ซะเลย  เสร็จแล้วรีบไปที่จุดบริการนักท่องเที่ยวต่อ  ชำระค่ากางเต้นท์เพียงเต้นท์ละ 30 บาทเท่านั้นแล้วสอบถามข้อมูลโปรแกรมการท่องเที่ยวแต่พี่เจ้าหน้าที่ตรงจุดกางเต้นท์เขาจะไม่ค่อยรู้ข้อมูล  เราต้องโทรไปตามเบอร์ในแผ่นข้อมูลแผนที่ที่ได้มา  จะมีเส้นทางการเดินเทรล
    บอกไว้ด้วย  ฉันเลือกเส้นทางที่ 4 (เส้นทางดงติ้ว-มอสิงโต)  กะว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกดินตรงอ่างเก็บน้ำมอสิงโตฟิน ๆ ซะหน่อย  โทรไปสอบถามเจ้าหน้าที่พี่เขาบอกว่าต้องไปเจอที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวสำนักงานกลางเพื่อเริ่มเส้นทางก่อนบ่ายสาม  ฉันจึงรีบโบกรถออกไป  แต่ว่าการโบกขาออกนี่ดันยากกว่าขาเข้าซะอีก  ไม่มีรถจอดให้เลยแฮะ  รอนานมากจนเลยบ่ายสามแล้วก็ยังไม่ได้รถเลย  สุดท้ายวางแผนเดินไปสั่งข้าวไว้ก่อนเผื่อเย็นนี้กลับมาไม่ทันร้านข้าวปิดจะไม่มีข้าวกิน  กลับมาโบกต่อและเปลี่ยนเเผนไปเดินเส้นทางที่ 2 เเทน (เส้นทางผากล้วยไม้-น้ำตกเหวสุวัต) เส้นทางนี้สามารถเดินได้ด้วยตนเองไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่นำเดิน  ใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงในการเดินซึ่งจุดนี้อยู่ไม่ไกลมากนักจากลานกางเต้นท์  ณ ตอนนั้นเป็นเวลาบ่ายสามแล้ว เดินประมาณชั่วโมงครึ่งก็น่าจะทัน  สุดท้ายได้รถกระบะใจดีคนดีคนเดิม  เป็นพี่ที่รับเราตอนขาเข้ามาเฉยเลย  ซึ้งน้ำใจพี่เขามาก ๆ ที่จอดรับหนู  ฮือ  ตอนนั้นคือเซ็งแล้วว่าเราอดไปดูพระอาทิตย์ตกดินและคุมเวลาไม่ได้เลย  โชคดีที่พี่เขารับเราและกำลังจะพาลูก ๆ ไปเล่นน้ำตกเหวสุวัตพอดี  พี่เขามาจากนนทบุรี  เคยพาลูก ๆ และยายมาหลายครั้งแล้ว  ช่วงวันหยุดครั้งนี้ก็พามาอีกเพราะพี่ ๆ เขาชอบธรรมชาติมาก  พี่เขารับเราพาไปส่งถึงน้ำตกแล้วก็แยกย้ายกัน  พี่เขายังบอกด้วยว่าถ้ากลับมาทันให้เดินมาที่รถนะ  เผื่อกลับลานกางเต้นท์ด้วยกันได้  ฉันขอบคุณพี่เขามาก ๆ แต่ก็บอกเผื่อไว้ว่าถ้าพี่กลับรถแล้วไม่เจอหนู  พี่ไปได้เลยค่าา  เพราะยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเดินนานมากไหม  ก่อนไปเดินเทรลไหน ๆ ก็มาถึงจุดนี้แล้วเลยแอบแว๊บไปดูน้ำตกเหวสุวัตที่ขึ้นชื่อกันก่อน

    น้ำตกเหวสุวัตสวยตามคำล่ำลืออยู่พอตัว  แต่ที่ไม่ธรรมดากว่าคือ...  การเริ่มเดินเทรลจากปลายทาง  หรือพูดง่าย ๆ คือเดินสวนชาวบ้านเขานั่นเอง

    ปกติจุดเริ่มต้นส่วนใหญ่คนจะมาจากทางลานกางเต้นท์ผากล้วยไม้มาสิ้นสุดที่น้ำตกเหวสุวัตและเล่นน้ำกันต่อ  แต่ฉันติดรถมาลงได้ตรงนี้เลยต้องเดินย้อนกลับขึ้นไปแทนและระหว่างทางคือไม่มีเพื่อนเลย  เดินคนเดียวเปลี่ยวใจสุด ๆ ในใจก็กลั๊วกลัว  กลัวเจอเสืออะดิ  แต่หลังจากกลับมาแล้วรู้สึกว่าติ๊งต๊องมากเลย  5555 ตรงโซนบริเวณนั้นไม่มีเสือซะหน่อย  แล้วเรากลัวทำไมเนี่ยย  แต่ก็ไม่ได้กลัวเสืออย่างเดียวนะจ๊ะ  ยังมีจระเข้ให้เสียวขากันด้วย  มีป้ายเตือนอยู่ตลอดเส้นทางที่เดินเลยจ้า

    ตอนแรก ๆ ที่เริ่มเดินยังใจใหญ่ตื่นเต้นท้าทายอยู่  แต่พอเดินไปยิ่งใจเล็กลง ๆ นาน ๆ ทีกว่าจะเจอคนยิ่งกลัวมากขึ้นแต่ก็ต้องทำใจสู้  เดินฉับไวมากจนแทบจะวิ่งผ่านป่าเป็นทาร์ซานกันอยู่แล้ว  เรากลัวไปหมดเลยว่าจะเจอตัวอะไรในป่าโผล่มาใส่เรารึเปล่า  (อาจมีหมี..  ไม่รู้ว่ามีจริงป่าวแต่กลัวไว้ก่อน  55555555)  ด้วยความที่เรามาคนเดียว ณ ตอนนี้แหละในใจมันพุดความคิดขึ้นมาเลย "เออ ถ้าเรามากับเพื่อนก็คงจะดี  ไม่น่าห้าวเลย"  บางทีเวลาไปไหนมีเพื่อนมันก็ดีอย่างนี้นี่เอง  

    แต่...ก็ไม่แย่ซะทีเดียวหรอก  ระหว่างทางที่ฉันเดินไปด้วยใจหวั่น ๆ ก็ยังมีอะไรสวยงามปลอบใจอยู่บ้างละน้า

    เส้นทางที่เราเดิน จะเป็นทางเลียบลำน้ำไปตลอดทางเลย วิวก็จะประมาณนี้นาจา 
    #ผจญภัยไปกับเเบกิล
    ไปให้สุดจ้าา มาเดินป่าเขาใหญ่ เขามีอะไรให้เล่นกันหน่อย Them Adventure สุด ๆ

    เดินมาถึงตรงนี้ก็เหนื่อยพอควร ความที่เราเร่งสับเท้าเต็มที่ด้วยความกลัวเมื่อกี้ มาเจอน้ำตกผากล้วยไม้เลยแวะลูบหน้าลูบตากับน้ำตกเย็น ๆ  นั่งพักกันเสียหน่อย  จากจุดนี้ถือว่าใกล้ทางออกแล้วรู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นมาเลย  นั่งมองนู้นนูี่ไปเรื่อยก็เห็นพื้นหินมันสวยดีแฮะ  ได้อ่านข้อมูลมานิดหน่อยเขาบอกว่าเป็นหินธารลาวาจากตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์  ถ้าลองสังเกตุดูจะเห็นลักษณะของหินที่มีลายแปลกต่างจากจุดอื่น  เหมือนเป็นของเหลวไหลเป็นคลื้น ๆ เป็นชั้น ๆ ดูแล้วก็สวยแปลกดีเหมือนกันนะ

    ลักษณะลายหินธารลาวาบริเวณน้ำตกผากล้วยไม้ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

    และในที่สุด  สุด สุด ด   เราก็มาถึง ถึง ถึง ง  ทางออกกกกกก  ฮืออ  ดีใจมากแต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วยเพราะ เเบตโทรศัพท์หมดเกลี้ยง  ดับตั้งแต่ก่อนออกจากป่าไม่ถึงห้านาทีเลย  ออกมาจากป่าได้รู้สึกภูมิใจตัวเองมาก  ไม่รู้ภูมิใจทำไม  555555  เปิดแผนที่ดูจุดที่ยืนอยู่ไกลจากลานกางเต้นท์ฉันพอสมควร  แต่มองไปรอบ ๆ ดูแล้วหาจุดโบกรถยากเลยเดินไปตามทางถนนเรื่อย ๆ ละกัน  ถ้าไม่มีรถก็ลองเดินกลับดูเพราะพี่เจ้าหน้าที่บอกว่าเดินได้อยู่แต่ไกลหน่อย  ระหว่างทางเราคอยโบกไปด้วยแต่ไม่ค่อยมีคนแวะรับ  เราก็เดินต่อไปแล้วจู่ ๆ ก็มีรถเก๋งคันหนึ่งมาจอดข้าง ๆ ไขกระจกลงมาเป็นฝรั่งสองคนชายหญิง  เขาถามว่าเราจะไปด้วยกันป่าว  โอ้ย  ฉันดีใจแทบกระโดด  ตอนนั้นก็เดินมาเยอะจนเหนื่อยพอควรเลยขอติดรถเขาไปด้วย  สอบถามเส้นทางแล้วเขาผ่านลานกางเต้นท์ที่เราอยู่พอดี  ช่างโชคดีที่วันนี้ได้มีเธอ~~~  สบายเลย  สองคนนี้เขามาจากอิตาลี  มาทำงานที่กรุงเทพฯ หลายเดือนแล้ว  แล้วก็แวะมาเที่ยวเขาใหญ่กัน  ฉันก็แนะนำตัวแบบงู ๆ ปลา ๆ  ว่ากำลังเรียนอยู่  ตอนนี้ปิดเทอมมาทำงานแถวปากช่องและแวะมาเที่ยวด้วย  คุยกันได้นิดหน่อยก็ถึงที่ลานกางเต้นท์ฉันพอดี  เขาจอดให้ลงหน้าทางเข้าแล้วก็แยกย้ายกัน  ฉันขอบคุณเขาไปหลายทีเลย

    มาถึงแล้วก็เอาของไปเก็บเต้นท์  แล้วไปนั่งกินข้าวที่สั่งไว้เมื่อตอนบ่าย  โต๊ะข้าง ๆ ก็หันมาชวนเราคุยด้วย  เป็นผู้ชายสองคน  เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน  เขาเล่าว่าเคยมากางเต้นท์เขาใหญ่กันแล้วติดใจเลยมาอีก  เขาสนใจมากที่เรามาคนเดียวแบบโบกรถมาด้วย  คุยกันนิดหน่อยฉันก็กลับไปอ่าบน้ำให้สบายตัวแล้วมานั่งกินลมชมวิวที่สะพานแขวน  บรรยากาศดีมาก  อากาศประมาณ 26 ํ นั่งอยู่สักพักก็รู้สึกเหมือนมีคนวิ่งมาเบา ๆ หันไปเจอตัวอะไรก็ไม่รู้วิ่งอยู่บนเชือกสะพาน  ฉันตื่นเต้นมาก  เจ้าตัวนั้นมันก็หยุดสบตาก็ฉันปริบ ๆ  แต่ตอนนั้นมันมืด ๆ เลยไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไร  แล้วมันก็รีบวิ่งข้ามฝั่งเข้าป่าไป  

  • เกือบจะจบวันนึงแล้ว  แต่ความบันเทิงยังมีอีกเยอะเลย 

    ไม่นานนัก ประมาณสามทุ่มหน่อย ๆ ฝนเริ่มปลอยเม็ดลงมา..  หื้มม!!!  เดี๋ยว  ฝนตก!!!  ความบันเทิงที่แท้ทรูกำลังจะเริ่มขึ้น  ฉันรีบทักไปถามพี่เอแฟนพี่กุ๋ยทันทีว่าเต้นท์ที่ยืมมากันฝนรึเปล่า  และคำตอบก็คือ ไม่จ้าา  เป็นเต้นท์ที่แค่กันได้ระดับนึง  ถ้าฝนตกหนักก็น่าจะเอาไม่อยู่  ฉันออกจากเต้นท์มาหาที่หลบฝนทันที  แต่ทุกที่ก็ถูกจับจองไปหมดแล้ว ฮือออ  ทำเป็นครัวบ้างสำหรับบางครอบครัวที่มากกันเยอะ ๆ  บางที่ก็มีคนเอาเต้นท์เข้าไปกางแล้ว  คนเยอะมาก ๆ จะย้ายไปไหนก็ไม่มีที่แล้วเด้อ  เลยกลับเข้าไปอยู่ในเต้นท์  ฝนก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนตกหนักมาก  ฉันหาเสื้อตัวที่ใส่แล้วมาเช็ดน้ำที่ไหลพรากยิ่งกว่าน้ำหลากในฤดูหนาว  แง่  ลมก็พัดจนไฟล์ชีทจะหลุดฝนสาดเข้ามาเลยต้องฝ่าฝนออกไปปิดใหม่  เหอะ ๆ ๆ  ผลคือซิปมุ้งหลุดไปเลยจ้ะ  หลุดแบบใส่กลับไม่ได้เลย  มาคนเดียวแล้วเราต้องจัดการเองทุกอย่าง  คอยเอาผ้ารองหลังคามุ้งเพราะน้ำหยด  จะเขยิบไปนอนข้าง ๆ ก็มีน้ำไหลจากข้างเต้นท์มาเหมือนกัน  ลองเปิดเช็คสภาพอากาศดู..  "เขาใหญ่  มีเมฆเล็กน้อย  อากาศ 26 ํ"  ....พยากรณ์อากาศหลอกดาววว  ตอนนี้มันไม่ใช่แค่เมฆแล้วแม่  มันมากจนตกลงมาเต็ม ๆ เลยจ้า   กว่าจะได้นอน ปาเข้าไปตีอะไรไม่รู้ฝนซาจึงค่อยนอนหลับไป  เลยจบไปหนึ่งวันที่ระทึกเป็นประวัติศาสตร์ความทรงจำในชีวิตสุดๆ  5555555
    มันขึ้นว่าอย่างนี้ค่ะคุณผู้ช๊มมม

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in