เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Den of Antiquities: Spin offhaveasunnydae
006: NoSleep
  • (สมมุติว่าเบนจามินเขียนกระทู้ Reddit)

    (ตอนแรกเล่นแท็ก #เมื่อออริเราตั้งกระทู้พันทิป ในทวิตเตอร์ค่ะ เลยอยากลองเขียนกระทู้ของเบนจามินดูบ้าง)
    (Reddit คืออะไร -- มันคือเว็บบอร์ดของต่างประเทศ ที่คหสต. เราว่ามันก็คล้าย ๆ พันทิปน่ะค่ะ มีห้องแยกตามความสนใจ บางทีก็เป็นดิสคัสชั่นบ้างอะไรบ้าง ที่เราเคยเข้าไปอ่านจะเป็นห้อง NoSleep ที่จะรวมพวกเรื่องเฮอเรอร์ ๆ เอาไว้ บางเรื่องก็ตลกดี บางเรื่องก็หลอนมาก ใครสนใจก็ตามนี้เลยค่ะ)









    มันเกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีก่อน
    ผมเพิ่งย้ายเข้ามาในลอนดอนได้ไม่นานเพื่อหางานทำ ปีนั้นเศรษฐกิจไม่ค่อยดีนัก แต่ผมก็ยังพอมีโชค ได้ทั้งงานและที่พักราคาถูกใกล้สถานีรถใต้ดิน มันถูกจนผิดปกติ ทั้ง ๆ ที่ตอนไปดูห้องผมก็ไม่รู้สึกถึงอะไรแปลก ๆ เลยสักนิด ไม่ว่าจะความรู้สึกชวนขนลุก หรือตึง ๆ ผิวเหมือนมีคนจ้อง แต่เอาจริง ๆ ว่าต่อให้มีผีผมก็ไม่สน มีที่ซุกหัวนอนที่มีน้ำอุ่นโดยไม่ต้องแย่งกับใครก็พอใจแล้ว


    แล้วผมก็ได้คำตอบของที่พักราคาถูกในคืนแรกที่ย้ายเข้า
    ถ้ามันเป็นผีอำ หรือพวกสลีปพาราไลซ์ ผมยังพอเข้าใจได้ว่ามันเกิดจากความเหนื่อยระหว่างการย้ายเข้า แต่นี่ ผมเจอโพลเตอร์ไกส์ -- หลับไปได้นิดเดียวเท่านั้น ผมก็ตื่นและพบว่าตัวเองลอยขึ้นจากเตียงประมาณครึ่งเมตร ไม่มีอะไรน่ากลัวมากกว่านั้น ยังไม่มีการพังข้าวของ (ขอบคุณพระเจ้า) แค่ลอย 
    ผมหงุดหงิดมาก พรุ่งนี้ผมต้องเข้างานกะเช้า ไปเปิดที่ทำงาน รวมถึงจัดหนังสือพิมพ์ แล้วดูสิ่งที่อะไรก็ตามที่มาแชร์ห้องกับผมโดยไม่ได้รับอนุญาตทำสิ -- ผมลอยอยู่สิบนาทีเห็นจะได้ ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงอื้ออึงตามแบบฉบับหนังบ้านผีสิงว่าให้ออกไป ออกไป  บ้าน่ะสิ ผมจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าสามเดือนไปแล้วนะ จะให้ออกไปก็รบกวนหาที่อยู่ใหม่กับเอาเงินค่าเช่าที่ผมจะสูญไปมาคืนด้วยสิ
    แต่เอาจริง ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ยังไงแทบทุกตึกในลอนดอนก็มีผีอยู่แล้ว


    คืนต่อมา ผมก็โดนหลอกด้วยวิธีเดิมอีก คืนถัด ๆ มาก็ด้วย ผมสงสัยว่าวิญญาณพวกนี้ความคิดสร้างสรรค์หมดไปตามสมองที่เปื่อยยุ่ยในดินหรือเปล่า หลัง ๆ พอตื่นมาเจอว่าตัวเองลอยผมก็ถอนใจแล้วพยายามจะหลับต่อ ทะเลาะกับผีไม่คุ้มจะไปหลับในที่ทำงานให้โดนไล่ออกหรอก

    ผ่านไปได้หนึ่งสัปดาห์ ผมเดาว่าเขาเริ่มจะหมดอารมณ์กับปฏิกิริยาโต้ตอบของผมแล้ว จึงเปลี่ยนเป็นพยายามเคลื่อนย้ายของในห้องตามประสาโพลเตอร์ไกส์มาตรฐานแทน อันนี้ล่ะที่ทำให้ผมเริ่มหัวเสีย เช้าที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอของอยู่ผิดที่ผิดทางไม่มีอะไรสนุกเลยสักนิด
    จากนั้นก็เริ่มสร้างสรรค์ขึ้นเรื่อย ๆ วิทยุที่เปิดไว้ฟังข่าวมีเสียงผู้ชายโหยหวนแทรกขึ้นมา ก็อกน้ำกับไฟที่เปิด ๆ ปิด ๆ เอง (ให้ตายเถอะ นั่นมัน-สิ้น-เปลือง-มาก แถมจะทำหลอดไฟอายุใช้งานสั้นเกินควรอีก) หรือไม่อย่างนั้นก็น้ำที่ไขออกมามีสีเลือด (ผมโทรแจ้งผู้ดูแลอพาร์ตเมนท์อย่างน้อยสัปดาห์ละสองหน ให้เขาทำอะไรสักอย่าง เช่นเปลี่ยนท่อ -- ผมอ้างว่ามันคงเป็นคราบสนิม แต่แน่ล่ะ มีแต่ผมที่รู้ว่ามันเป็นฝีมือของผี) เขาคงพยายามหาทางเอาชนะผมให้ได้ แต่มันไม่ได้มีอะไรดีขึ้นไปกว่าทำให้ผมรำคาญ

    เขาควรฝึกให้มากกว่านี้นะถ้าจะหลอกผม คนที่โตมาในพลีมัธ และเห็นผีที่ตายเพราะระเบิดช่วงสงครามโลกเตร่ไปมาทั่วเมืองทุก ๆ ฮัลโลวีน



    ผ่านไปราว ๆ สองเดือน ผมถึงได้เห็นหน้าค่าตาเขา

    คืนนั้น มันเริ่มจากเสียงเก้าอี้ล้ม ดังตอนผมใกล้เคลิ้มหลับ ครั้งเดียวจบ ผิดวิสัยจากกว่าหลอกหลอนปกติของเขา -- ผมกลัวไปก่อนแล้วว่าจะเป็นพวกย่องเบามางัดห้อง ผมออกไปพร้อมกับไฟฉายแม็กไลท์ แล้วก็ได้เจอที่มาของเสียง
    เอาล่ะ หนนี้ผมต้องยอมรับว่าเขาทำให้ผมประทับใจได้ (อันที่จริง เขาทำผมร้องลั่น) เพราะที่แสงไฟฉายผมส่องไปเจอคือผู้ชายวัยกลางคนที่แขวนคอตายกับคานเพดานห้องครัว คอหักพับ (ผมเดาว่าคงคอหัก) ลิ้นจุกปาก พอจังหวะเชือกคลายตัวหมุนกลับมา ผมก็ได้เห็นว่าตาของเขาเหลือกถลนจนแทบหลุดจากเบ้า เสียงค่อก ๆ ในลำคอฟังไม่รู้เรื่อง ใต้เท้าเขามีเก้าอี้จากโต๊ะอาหารของผมที่ล้มคว่ำอยู่

    ผมช็อกอยู่นาน พอให้เชือกพาเขาหมุนไปหมุนมาเหมือนเพนดูลัมของนาฬิกาในครอบแก้วสักสองสามรอบ กว่าจะตั้งสติได้ว่าควรปิดประตูเสีย
    ผมถอยกลับเข้ามาในห้องนอนตัวเอง ดับไฟฉาย แล้วฝืนใจให้ตัวเองนอนต่อ แต่กว่าจะหลับได้ลงก็เกือบรุ่งสาง -- ผมไม่ได้กลัวเขาหรอก ไม่ได้กลัวแบบนั้น แค่ภาพติดตาของคนฆ่าตัวตายมันน่าเกลียดมากก็เท่านั้นเอง


    คืนต่อมา เขาเล่นผมหนักกว่าคืนก่อน
    เสียงเก้าอี้ล้มปลุกผมซ้ำอีกครั้ง ผมตื่น แต่ไม่ออกไป รู้แล้วว่าจะได้เจอกับอะไร แต่หนนี้เขาไม่ยอมอยู่เฉยแล้ว หลังจากที่ผมนอนนิ่ง ๆ อยู่นานก็ได้ยิ่งเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เหมือนคนเดินลากเท้าจากฝั่งตรงข้ามของห้อง ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนหยุดอยู่หน้าประตูห้องนอน  ผมคว้าไฟฉายแล้วลุกจากเตียง ทันเขาที่เปิดประตู
    ต้องยอมรับว่าหนนี้เขาเล่นผมเสียขวัญผวา เพราะจากคนธรรมดาเพิ่งตาย กลายเป็นว่าเขามาในสภาพศพบวมฉุ คอหักพับไปข้างหนึ่ง ตาถลน ลิ้นจุกปาก พูดยืดยาดเหมือนเทปคาสเซ็ตยาน ๆ ว่าให้ผมออกไปจากที่นี่

    (เขาน่ะสิต้องออกไป ผมเป็นคนจ่ายเงินค่าเช่านะ)

    ผมนึกอะไรไม่ออกนอกจากเอาด้ามแม็กไลท์หวดแล้วปิดประตู ลงกลอนซ้ำอีกครั้งแถมลากราวตากผ้าไม้มาขัดลูกบิด ไฟฉายผมมีเมือกเหนียว ๆ กลิ่นเหม็นติดมาด้วย ผมตะกายไปเปิดหน้าต่างแล้วอ้วกหมดท้อง หนนี้มากเกินรับไหว 
    ผมนอนไม่หลับ สยดสยองกับทุกอย่างที่เห็นเกิินกว่าจะบังคับตัวเองให้นอนไหว ผีหลอกผมโอเค โพลเตอร์ไกส์ผมรับได้ แต่มาเป็นศพสยองแบบนี้ บอกตามตรงว่ามันออกจะเกิดลิมิตไปสักหน่อย


    เย็นวันนั้น สิ่งแรกที่ผมทำคือไปซื้อไฟฉายแม็กไลท์ใหม่หลังจากยกอันที่ผมใช้ฟาดผีให้รปภ.กะดึกของห้องสมุดที่ผมทำงานอยู่ อย่างที่สองคือเกลือหนึ่งถุงใหญ่
    ผมโรยเกลือขวางระหว่างห้องครัวกับห้องนั่งเล่นเหมือนเวลาที่คุณจะขีดชอล์กไล่มดนั่นล่ะ อีกที่ก็หน้าประตูห้องนอน ให้มันรู้กันไปว่าเขาจะก้าวข้ามมาได้ (เอาจริง ๆ ถ้าข้ามมาได้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำยังไงแล้ว เรียกเอ็กโซซิสท์? นี่เป็นวิธีเดียวที่ผมรู้จัก) 

    คืนนั้นผมตื่นเพราะเสียงเก้าอี้ล้มอีกครั้ง ตามด้วยเสียงฝีเท้าหนัก ๆ อีกสองสามก้าว ผมนอนตัวแข็ง ภาวนาให้มันหยุดอยู่แค่นั้น -- และมันก็หยุดอยู่แค่นั้น เกลือที่โรยไว้ได้ผล


    ผมหวังว่ามันจะหยุดเขาได้ แต่ผมคงมองโลกในแง่ดีเกินไปหน่อย เพราะถึงมันหยุดไม่ให้เขาเข้าถึงผมได้เหมือนคืนที่สองก็จริง แต่มันก็ยังหยุดการหลอกหลอนของเขาไม่ได้ เสียงเก้าอี้ล้มยังปลุกผมให้ตื่นได้ทุกคืน เหมือนนาฬิกาปลุกที่ตั้งเวลาไว้ราวตีหนึ่งอย่างไม่สามารถกดปิดได้ เขาไม่ได้รบกวนอะไรไปมากกว่านั้น แต่ภาพชวนสยองที่ติดตาก็ทำให้ผมข่มตานอนต่อได้ยากในช่วงแรก รวมไปถึงทำให้ผมขวัญผวาเวลาได้ยินเสียงเก้าอี้ล้มจากที่อื่น คล้าย ๆ การเรียนรู้อย่างมีเงื่อนไขของพาฟลอฟที่ทำให้ผมตอบสนองต่อเสียง

    ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากทน มันเป็นความรู้สึกอยากเอาชนะ นอกเหนือไปจากว่าค่าเช่าห้องพักที่นี่ถูกจนน่าใจหายชนิดที่ผมมีชีวิตอย่างสบาย ๆ (ไม่นับผีหวงที่) ด้วยเงินเดือนของผู้ช่วยบรรณารักษ์เพียงอย่างเดียว






    ผมทนเสียงเก้าอี้ล้มอยู่ปีกว่า ก็มีเงินเก็บมากพอที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่น -- ผมได้งานใหม่ด้วย นั่นคือเหตุผลที่ผมมีเงินพอให้จ่ายค่าเช่าห้องที่เพิ่มขึ้นมาอีกเกือบสี่ร้อยปอนด์ ต่อให้ต้องเดินทางไกลกว่าเดิมก็ตามที


    แน่นอน สิ่งแรกที่ผมทำก่อนลงชื่อในสัญญาเช่าอาศัย คือเช็คข่าวให้มั่นใจ ว่าไม่มีใครเคยระเบิดสมองตัวเองในห้องน้ำใหม่ของผม



















    (เคยเขียนไปในแฟ็คว่าเบนจามินจิตอ่อน (จูนติดง่าย) มาก ๆ และใน DoA เคลย์ตันก็บอกว่าเบนจามินเป็นพวกประสาทแข็ง เราว่าเขาได้วัคซีนแรงจากเคสนี้นี่ล่ะ 555)


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in