เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องเล่าจากเด็กชายคนหนึ่ง...kntwenty
เรื่องรักๆฉบับเด็กชายคนนี้ 1/2
  •            พฤษภาเวียนวนมาถึง..ผ่านไปเกือบครึ่งทางแล้วยังไม่ได้ไปพักผ่อนไหนเลย อยู่บ้านแบบเปื่อยๆ

        สวัสดีครับทุกคนขอโทษที่ห่างหายไปนานช่วงนี้กำลังศึกษาการลงทุนอยู่เลยไม่ได้แวบเข้ามาเล่าเรื่องให้พวกคุณอ่านกันเลย วันนี้ผมเลยแวะเข้ามาทักทายแล้วจะนำพาพวกคุณไปสัมผัสสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารักกันถ้าพวกคุณพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลยดีกว่า....

                                                 " Life is the flower for which love is the honey " 


          หากชีวิตคือดอกไม้ความรักก็เปรียบเหมือนน้ำผึ้งที่หอมหวาน คำคมหวาน ๆ ชวนอมยิ้มเล็กน้อย ผมเชื่อว่าพวกคุณทุกคนล้วนแล้วแต่มีความรัก ทุกคนรู้จักคำนี้ และทุกคนมีคนที่ตัวเองรัก อยู่ที่ว่าคำว่ารักของคุณนั้นอยู่ในรูปแบบไหนนั่นคือความแตกต่าง สำหรับผมเองในวัยยี่สิบต้น ๆ ล้วนแล้วแต่พบเจอความรักมาหลากหลายรูปแบบทั้งความรักของตัวผมเองและความรักของคนรอบข้าง ผมเป็นคนที่ชอบฟังเรื่องราวของคนรอบข้างเวลาพวกเขามาเล่าเรื่องความรักให้ผมฟัง มันเป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจผมพองโตและบางครั้งก็ขื่นขมชวนให้ต้องหาเบียร์เย็น ๆ มานั่งดื่มซะเหลือเกิน ความรักสำหรับผมคือสิ่งที่เหมือนน้ำที่ช่วยชะโลมดินให้ชุ่มฉ่ำ และเปรียบเหมือนยาเม็ดที่ขมจนไม่อยากจะกลืนมันลงไป รักที่มั่นคงและยืนยาวก็คือรักจากคนในครอบครัว รักที่เฮไหนเฮนั่นเอ็งเศร้าข้าพาไปดื่มก็รักจากเพื่อนพ้อง รักที่เสน่ห์หาชวนให้รู้สึกเหมือนผีเสื้อบินในท้องนับร้อยรักที่ทำให้หัวใจพองโตก็คือการที่เราหลงใหลในตัวใครสักคน เพราะอย่างนี้ผมเลยเชื่อว่าทุกคนล้วนแล้วแต่มีความรักและต้องการมีมัน อย่างน้อย ๆ ไม่ต้องการแฟน ก็ต้องการเพื่อนหรือครอบครัว หรือแม้แต่ความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ ความรักที่มีต่อสัตว์โลก ความรักที่มีต่อต้นไม้ ใบหญ้า ความรักไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรือน่ากลัวอะไรเลยครับสิ่งที่น่ากลัวคือจิตใจของเราเองต่างหากล่ะ...

          ผมเองเคยมีแฟนมาแล้วหลายคน นี่ไม่ได้จะบอกว่าตัวเองหน้าตาดีนะเพียงแค่จะบอกว่าก็ผ่านความรักมาหลายแบบหลายแนวทั้งสมหวัง ผิดหวัง รักที่จบสวยและไม่สวย ที่ผมอยากจะเล่านี้เป็นความรักครั้งล่าสุดของผมเองที่ผมเลือกที่จะเล่าความรักครั้งนี้เพราะมันเป็นรักที่มีกับแฟนคนล่าสุดของผมหรือจะเอาให้ถูกเลยก็คืออดีตคนรักที่ทำให้ผมครองความโสดมาถึงทุกวันนี้ รักครั้งนี้ของผมเกิดขึ้นตอนผมอยู่มัธยมปลายครับ ผมรู้สึกชอบรุ่นน้องคนหนึ่ง น้องเขาเป็นเพื่อนของรุ่นน้องที่ผมสนิทด้วย น้องเขาเป็นเด็กเก่ง น่ารักในแบบเด็กมัธยมต้น ก็นั่นแหละครับพี่ม.ปลายแอบชอบน้องม.ต้นแหละ 555555 ... ผมเริ่มต้นเข้าหาน้องด้วยการถ่ายรูปน้องในวันกิจกรรมของโรงเรียนแล้วเอารูปที่ตัวเองถ่ายส่งไปให้น้อง หลังจากนั้นเราก็เริ่มคุยกันมาเรื่อย ๆ ผมไม่รู้หรอกนะว่าจะสมหวังหรือผิดหวังไม่รู้ด้วยว่าน้องเขามีแฟนหรือมีใครสักคนที่เขาชอบอยู่รึป่าว ผมรู้แค่ว่าเอ้อลองดูสักตั้งจีบเด็กมันจะยากขนาดไหนวะ ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่ขอน้องเป็นแฟนคือวันสิ้นปีและก็ถูกปฏิเสธกลับมาแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเห้ยไม่ยอมหรอกต้องตื้อให้ได้แหละ ผมเลยไม่ถอยผมรู้สึกว่าผมต้องมีโอกาสสักครั้งแหละเพราะน้องก็ไม่ได้ปฏิเสธผมจริงจังเพียงแค่ครั้งแรกนั้นมันยังเร็วไป ผมจีบน้องไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ หลังจากนั้นผมก็เลยคุยเลยตามจีบน้องอีก จนครั้งที่สองถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะช่วงเดือนสองเดือนหลังจากนั้นแต่ก็ถูกปฏิเสธมาอีกตามเคย ตอนนั้นคือแบบ เห้ยหรือเราจะแห้ววะ ก็มีท้อแหละแต่ยังไม่อยากถอยอะเราคุยกับคนนี้มาหลายเดือนแล้วนะ สู้อีกหน่อยจะเป็นไรไป ผมก็ตามจีบน้องเรื่อย ๆ แหละช่วงนั้น แอบโผล่ไปในทุกที่ที่น้องไป หาเรื่องมาคุยกับน้องหลาย ๆ เรื่อง ใช้เวลาพิสูจน์กับน้องไปพักนึงเลยแหละจนผมก็ลองเกริ่น ๆ กับน้องอีกครั้งแหละแต่ก็แบบครั้งนี้ยังไม่ขอคบจริงจังนะเพราะรู้ว่าน่าจะถูกปฏิเสธมาอีกทีผมเลยตัดสินใจว่าไหน ๆ เราก็รู้จักกันมาพักนึงแล้ว สนิทกันระดับนึงบวกกับช่วงนั้นผมกับครอบครัวแล้วก็กลุ่มเพื่อนสนิทตั้งใจจะไปทะเลกันผมเลยตัดสินว่าเอาวะลองชวนน้องไปเผื่อว่าถ้าได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันได้ใกล้ชิดกับเพื่อนสนิทกับครอบครัวน้องน่าจะสัมผัสถึงความจริงใจของผมได้บ้างแหละ ผมเลยชวนน้องไปด้วยแล้วกลับมาจากทะเลสักพักนึงน่าจะเกือบเดือนผมก็เลยตัดสินใจขอน้องคบอีกครั้งนึงคิดไว้ว่าถ้าครั้งนี้ถูกปฏิเสธก็คงพอ คงเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน และแน่นอนครับมันสำเร็จครับทุกคนสุดท้ายระยะเวลา4เดือนกว่า ๆ ของผมก็ถึงฝั่งสักทีน้องยอมคบกับผมแล้วครับตอนนั้นผมแบบดีใจมากไม่เคยต้องตื้อใครขนาดนี้เด็กคนนี้เล่นตัวเก่งจริง ๆ และนั่นแหละครับด้วยความที่เราใช้เวลาศึกษากันพักนึงจนเราตกลงคบกันมันเลยทำให้ผมมั่นใจว่าผมรักน้องผมรู้สึกใจพองโต รู้สึกอยากอยู่ใกล้ อยากทำให้เขายิ้มและอยากเก็บรอยยิ้มของเขาไว้กับผมคนเดียว ช่วงเวลาที่เราคบกันมันดีมาก ๆ สำหรับผม เราสองคนคบกันในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งครอบครัวผมและครอบครัวน้องต่างรับรู้ว่าเราคบกัน ทางครอบครัวผมเอ็นดูน้องมาก ๆ ส่วนครอบครัวน้องก็ไม่ได้กีดกันผมกับน้อง พ่อแม่น้องก็ไว้ใจผมในระดับนึง ผมรักลูกสาวเขาหนิครับอะไรที่จะทำให้ครอบครัวเขาเชื่อใจและไว้ใจให้ลูกสาวเขาคบกับผม ผมก็ต้องทำตัวให้มันดีหน่อย น้องทำให้เด็กเกเรอย่างผมกลับมาอยู่ในร่องในรอยอีกครั้ง จากเด็กที่ติดเพื่อน ติดเที่ยวกินเหล้าสูบบุหรี่ เป๋ออกนอกลู่นอกทางเริ่มกลับเข้าที่เข้าทางกลับมาสนใจเรียนมากขึ้น ทำตัวดีมากขึ้น แต่ก็นั่นแหละครับมีรักก็ต้องมีเลิกมีพบก็ต้องมีจาก ในวันนึงหลังจากผมจบมัธยมศึกษากำลังเป็นหนุ่มมหาลัยในวันที่อีกสองอาทิตย์จะครบรอบ2ปี มันก็ถึงวันที่เราต้องตัดสินใจจบเรื่องราวของเราไว้แค่นี้ ในเมื่อไปต่อไม่ได้ก็ต้องหยุดวันนั้นเหมือนผมป่วยแล้วต้องทนฝืนกินยาขมลงไป ทุก ๆ อย่างมันเลือนลางสำหรับผม รักที่สวยงามตลอดเวลาเกือบสองปีกำลังจะจบลงแต่จะทำไงได้ล่ะครับก็ต้องยอมรับแล้วเดินหน้าต่อ ผมยอมรับว่าผมเคว้งอยู่ช่วงนึงเลยแหละครับ สำหรับผมน้องคือเรื่องราวดี ๆ ในทุกวันของผมพอวันนึงจะไม่มีเขาแล้วมันก็เคว้ง ๆ หน่อยดีที่ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ต้องเข้ากิจกรรมมหาลัยมันเลยพอให้มีเวลาที่ไม่ต้องคิดเรื่องนี้พักนึง แต่ก็นั่นแหละครับคนเราต้องมูฟออน เดินหน้าต่อไปไม่ต้องลืมแค่นึกถึงให้น้อยลง มันก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้ก็เข้าปีที่4แล้วล่ะครับผมก็หายเฮิร์ทมาพักใหญ่แล้วที่ตัดสินใจเอามาเล่ามันก็ส่วนนึงอีกอย่างก็อยากให้ใครหลาย ๆ คนได้รู้ว่าความรักเป็นเรื่องที่ดีครับมันไม่ได้น่ากลัว มันอาจไม่ได้สวยงามเสมอไปแต่มันก็คือสิ่งดี ๆ ที่เราร่วมมีร่วมทำอะไรสักอย่างกับใครสักคน รักดี ๆ หาไม่ยากครับแค่เริ่มที่ตัวเรา...

         วันนี้ผมว่าพอแค่นี้ก่อนดีกว่ารู้สึกว่ามันจะยาวเกินไปแล้วเอาไว้ครั้งหน้ามาต่อพาร์ทสองกันผมจะเอาความรักของคนรอบข้างแล้วก็ทัศนคติของผมที่มีต่อคำ ๆ นี้ มาแบ่งปันกับพวกคุณอีกแล้วกันนะครับ อย่าพึ่งหนีผมไปไหนล่ะ ขอบคุณทุกคนที่แวะเวียนมาอ่านเรื่องราวของผมมันอาจจะยืดยาวยั้วเยี้ยไปหน่อยแต่ก็นั่นแหละครับมันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นและแน่นอนครับความจริงมันน่าติดตามน่าสนใจและลึกซึ้งกว่าละครเรื่องไหนๆซะอีก... ไว้เจอกันครั้งต่อไปนักอ่านทุกคน

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in