เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
01000010.zipTinglee
I only have eyes on you (lee juyeon x kevin moon)


  • SF ? ???? ???? ???? ?? ???

    ??? ?????? x ????? ????



    เขารู้จักกับจูยอนครั้งแรกตอนเข้ามัธยมปลาย เพราะเพื่อนของพวกเรารู้จักกัน จูยอนเป็นเพื่อนกับชางมินมาตั้งแต่เด็ก ส่วนเขาเจอชานฮีในวันปฐมนิเทศ ส่วนชางมินกับชานฮีเคยเรียนพิเศษที่เดียวกันมาก่อน พวกเขาเลยกลายมาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันในที่สุด

     

    ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันทั้งกลุ่ม เรื่องราวสนุกสนานถูกแลกเปลี่ยนพูดคุยกันไม่หยุด แต่พอชางมินกับชานฮีไม่อยู่ เสียงพูดคุยก็ค่อยๆ เงียบลง

     

    เหมือนอย่างตอนนี้ ชานฮีกับชางมินยังเรียนพิเศษไม่เสร็จ สำหรับเควินเองคือเขาไม่ได้เรียนพิเศษ ส่วนจูยอนที่วันนี้เลิกเรียนไวกว่าปกติ กลายเป็นว่าเพราะต้องรอเพื่อนอีก 2 คน ทำให้ตอนนี้เควินกับจูยอนเลยได้อยู่ด้วยกัน

     

    "เควินจะกินอะไร" เป็นจูยอนที่ถามขึ้นมา หลังตกลงกันว่าเราจะรอเพื่อนทั้งสองคนที่คาเฟ่

    "คาปูชิโน่แล้วกัน"

    "โอเค งั้นเดี๋ยวเราไปสั่งให้ เควินไปจองโต๊ะนะ" ทั้งคู่ตกลงกันหลังจากที่เดินเข้ามาในร้านแล้ว

    "ได้ๆ" เขาเดินไปจองโต๊ะ เลือกที่นั่งที่อยู่ด้านในเข้ามาหน่อยเพื่อหลบความพลุกพล่านของผู้คน

     

    หลังจากกาแฟและขนมมาเสิร์ฟ ก็กลายเป็นว่าทั้งเขาและจูยอนก็เริ่มเข้าสู่โลกของตัวเอง เขาหยิบไอแพดมาวาดรูปไปเรื่อยๆ ส่วนจูยอนหยิบชีทที่เรียนพิเศษออกมาทบทวน

     

    เควินได้แต่คิดในใจว่าปกติแล้วคนที่เป็นเพื่อนกันพออยู่ด้วยกันแล้วจะเงียบๆ ใส่กันแบบนี้ได้เหรอ แต่คิดไปคิดมาก็แปลกๆ เพราะชานฮีกับชางมินก็ดูเสียงดังกันตลอดนี่

     

    เควินลอบมองจูยอนเป็นพักๆ อ่า ตั้งใจทบทวนบทเรียนน่าดู คิ้วที่เริ่มขมวดเพราะกำลังใจตั้งใจ ปากที่ขยับเล็กน้อย เหมือนกำลังท่องจำให้ตนเองเข้าใจเนื้อหามากขึ้น

     

    น่ามองจังเลยนะ จูยอนเวลากำลังตั้งใจน่ะ

     

    "เควิน" จูยอนเอ่ยขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก

    "ว่าไง" เขาเงยหน้าขึ้นมาตอบรับเสสียงเรียกของจูยอน

    "นายช่วยดูข้อนี้หน่อยสิ"

    "มีอะไรเหรอ"

    "ฉันอ่านโจทย์แล้วไม่เข้าใจเลย"

    "ไหนเอามาดู" จูยอนเลื่อนสมุดที่เรียนพิเศษมาทางเขา เควินก้มลงมองโจทย์ เริ่มอ่านและคิดตาม เมื่อเข้าใจแล้วจึงเงยหน้าขึ้นบอกกับจูยอน

    "นี่ไงเขาให้หาตรงนี้"

    "โห เควินเก่งอะ รู้งี้เรียนพิเศษกับเควินเพิ่มดีไหม"

    "ไม่ดีมั้ง เราไม่ได้เก่งขนาดนั้นสักหน่อย" จูยอนจะมาเรียนพิเศษกับเควินได้ยังไง ก็จูยอนน่ะเรียนเก่งกว่าเขาเสียอีก โจทย์ข้อนี้ความจริงแล้วจูยอนก็น่าจะทำได้สบายๆ แต่คงจะสับสนเพราะโจทย์เกริ่นวกไปวนมามากกว่า

    "ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ เควินน่ะเรียนก็เก่ง เล่นดนตรีได้ แถมวาดรูปสวยอีก" 

    "อ่า จะชมกันเกินไปแล้ว" ไม่บ่อยเลยที่อยู่ๆ จะมีคนมาร่ายข้อดีของเขาออกมาแบบนี้ มันทำให้เควินเริ่มประหม่า

    "มีเรื่องให้ชมก็ต้องชมสิ"

    "ขอบใจนะ"

     

    เควินเห็นรอยยิ้มของจูยอน บวกกับสายตาที่เป็นประกายด้วยความชื่นชม เขายิ้มตามออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว

     

    เรื่องราวในหลายๆครั้งที่ผ่านมาระหว่างเขากับจูยอนมันก็ประมาณนี้ พูดคุยกันเล็กน้อย ผลัดกันชื่นชมในสิ่งที่อีกคนทำได้ดี และปิดท้ายด้วยการยิ้มให้กันเหมือนทุกครั้ง



    เมื่อไรก็ไม่รู้ที่เขาเสพติดรอยยิ้มที่สดใสของจูยอน

     

    รู้ตัวอีกที ก็ได้แต่มองตามรอยยิ้มนั่นทุกครั้งไป

     

    ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย

     

    ความรู้สึกที่ว่าอยากเป็นต้นเหตุที่ทำให้จูยอนยิ้ม และอยากเฝ้ามองรอยยิ้มนั้นในทุกๆ ครั้ง


    สงสัยเควินจะชอบจูยอนไปแล้วล่ะมั้ง



    โดยไม่ทันตั้งตัว เควินต้องทำงานคู่กับจูยอนเป็นรายงานวิชาสังคมและประวัติศาสตร์ ถ้าเขาหวังที่จะได้สนิทกับจูยอนเพิ่มขึ้นจากการที่ได้ทำงานด้วยกัน จะเป็นไปได้ไหมนะ

     

    วันนี้เควินกับจูยอนมาทำงานด้วยกันที่ห้องสมุดหลังเลิกเรียน ความจริงชานฮีกับชางมินก็มาด้วย แต่ไม่ได้ทำงานหรอก เห็นว่ากำลังเล่นเกมกันอยู่

     

    เขากับจูยอนเริ่มทำงานกันไปได้สักพักใหญ่ๆ เควินก็เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสืออ้างอิง เพราะเริ่มตาลายไปกับตัวหนังสือ

     

    และเขาเห็นภาพแบบนั้นอีกแล้ว

     

    ภาพที่จูยอนกำลังตั้งใจมากๆ อยู่ 

    จูยอนที่กำลังหาข้อมูลมาเขียนเป็นบทนำในรายงานของเรา

     

    หัวใจของเควินเริ่มเต้นแรงขึ้น

     

    ทำยังไงดี

     

    ความรู้สึกชอบที่มีมันค่อยๆ เยอะขึ้นจนเริ่มจะเก็บไว้คนเดียวไม่ได้แล้ว

     

    เควินอยากแสดงออกว่าชอบจูยอน

     

    แต่เขาจะทำแบบนั้นได้ยังไง

     

    "เควิน... เควิน"

    "ฮะ มีอะไรเหรอ" เขาหลุดออกจากความคิดเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากจูยอน

    "เหม่ออยู่เหรอ คือฉันจะถามว่าตรงนี้เอาไปเขียนด้วยจะดีไหม"

    "อืม น่าจะได้นะ"

    "โอเค แล้วนายสนใจตรงไหนหรือเปล่า"

    "ฉันสนใจหัวข้อนี้น่ะ" เขาจิ้มไปบนหนังสือที่เปิดค้างไว้ “แต่ยังอ่านไม่จบเลย”

    "ค่อยๆ ก็ได้ งั้นยืมหนังสือกลับไปอ่านที่บ้านกันไหม" จูยอนเอ่ยถาม

    "คงต้องแบบนั้น ห้องสมุดใกล้จะปิดแล้วด้วย" เขาตอบกลับไป เมื่อมองเวลาแล้วพบว่ามันเย็นมากแล้ว

    "โอเค งั้นเก็บของเลย เดี๋ยวฉันไปขอยืมหนังสือเอง" จูยอนรวบรวมหนังสือบนโต๊ะที่เราสองคนหยิบมาใช้ แล้วเดินออกไปยังจุดยืมคืนหนังสือของห้องสมุด

     

    "นี่ พวกนายสองคนน่ะ จะเริ่มทำงานกันเมื่อไร" เควินหันไปถามเพื่อนสองคนที่จนตอนนี้ก็ยังเล่นเกมอยู่

    "ว่าอะไรนะ" ชานฮีถามออกมา ทั้งๆ ที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์ด้วยซ้ำ

    "ถอดหูฟังออกก่อนสิ" เควินพูดขึ้น รอบนี้ชานฮีต้องได้ยินเสียงเขาสักทีแหละ "ฉันถามว่าจะเริ่มทำงานเมื่อไร"

    "คืนนี้ไง เดี๋ยวชางมินจะมาค้างบ้านฉัน"

    "โอเค ตั้งใจทำละ" เขาเก็บของเสร็จพอดีระหว่างที่คุยเรื่องงานกับชานฮีไปเรื่อยๆ

    "ตั้งใจอยู่แล้วหรอก" 

    "เอ้า จูยอนมาพอดี งั้นกลับกันได้แล้ว" เขาบอกกับชานฮีและชางมินที่เหมือนจะเล่นเกมจบพอดี ทั้งสองคนไม่มีของต้องเก็บอะไรนัก พอเขาบอกให้กลับได้ ทั้งคู่ก็ลุกขึ้นทันที



    ระหว่างกลับบ้านชางมินมองเควินด้วยสายตาแปลกๆ จนเขาต้องเอ่ยถาม

     

    "ชางมิน ทำไมมองแบบนั้นล่ะ"

    "นายน่ะ" แล้วชางมินก็ทำหน้าเลิ่กลั่ก นั่นน่าตลกชะมัด 

    "ทำไมล่ะ" เขาพูดขึ้น เมื่อชางมินไม่ยอมพูดออกมาสักที

     

    "ฉันเห็น นายแอบมองจูยอนใช่ไหม ในห้องสมุดน่ะ" 

     

    โชคดีที่เขากับชางมินเดินห่างจากชานฮีกับจูยอนที่เดินอยู่ข้างหน้า และชางมินก็ช่วยลดเสียงจนเบาเหมือนเสียงกระซิบ เพราะสิ่งที่ชางมินพูดออกมานั้น มีผลต่อเขาเหลือเกิน

     

    คำถามของชางมินทำให้เควินกลายเป็นคนที่เลิ่กลั่กเสียเอง

     

    "เควิน หน้านายตลก" ชางมินพูดพร้อมกับเริ่มหัวเราะออกมา

    "หยุดเลย อย่าขำนะ" 

    "ทำไมเล่า สรุปจริงไหมที่ฉันถามน่ะ"

    "ก็... อือ ฉันมอง แล้วมันยังไง?" ก็แค่บอกว่ามอง ไม่เห็นจะแปลกอะไรใช่ไหมนะ เพื่อนมองเพื่อนมันก็เรื่องปกตินี่

    "ก็ไม่ยังไงอะไรหรอก แล้วมีอะไรจะบอกฉันไหม"

    "ไม่มี" เขาจะไม่มีทางจะบอกอะไรนอกจากนี้อย่างเด็ดขาด ไม่บอกใครทั้งนั้น

    "อ้อ งั้นเหรอ" และชางมินคงไม่บังคับเขาหรอกถ้าเขาเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป

     

    แต่เพราะสีหน้าที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังมีความสุขมากๆ น่ะ ทำให้เควินไม่ไว้ใจเลย

     

    "แล้วมีอะไรจะบอกจูยอนไหม" นั่นไง สีหน้าแบบนั้นของชางมินไม่น่าไว้ใจจริงๆ นั่นแหละ 

    "หยุดเลย! ไม่มีอะไรจะบอกใครทั้งนั้นแหละ!!" เควินตอบกลับเสียงดัง

     

    "อะไรกัน สองคนนั้นทะเลาะกันเหรอ" เป็นชานฮีที่หันมาถาม เพราะเขาเสียงดังในประโยคสุดท้ายที่พูดกับชางมิน ส่วนจูยอนก็หันมามองด้วยใบหน้ายิ้มๆ เหมือนเดิม

    "ทำไมเควินหน้าแดง เป็นอะไรหรือเปล่า" จูยอนถามขึ้น

     

    จูยอนพูดประโยคนั่น ด้วยสายตากับรอยยิ้มแบบนั้น เหมือนเควินกำลังโดนล้อเลย

     

    "เปล่า ฉันไม่ได้เป็นอะไร" เควินตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้กลับมาเป็นปกติ

    "คืองี้นะจูยอน เควินน่ะเขา..." เป็นชางมินอีกนั่นแหละที่พูดขึ้นมา

    "นี่! บอกให้หยุดไง" เขาต้องรีบเอ่ยขัดออกมา ก่อนชางมินจะพูดอะไรแปลกๆ ออกไป

    "555555 ไม่พูดแล้วๆๆ" ยังจะขำอีกนะ เควินนึกในใจเมื่อชางมินยังไม่ยอมหยุดหัวเราะเสียที

    "เป็นอะไรกันน่ะ ทั้งสองคนเลย" ชานฮีทำหน้าสงสัยกับการกระทำแปลกๆ ของเขากับชางมิน แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก

     

    พอดีกับที่พวกเขาทั้งหมดเดินมาถึงจุดที่ต้องแยกย้ายกันกลับ วันนี้ชางมินจะไปนอนบ้านชานฮีที่อยู่ทางเดียวกับบ้านของเขา ทำให้จูยอนต้องกลับคนเดียวจากที่ปกติจะกลับกับชางมินเพราะบ้านอยู่ทางเดียวกัน

     

    "เควิน" จูยอนเรียกเขาก่อนที่เราจะแยกกันกลับบ้าน

    "ว่าไง"

    "คืนนี้เดี๋ยวโทรหานะ"

    "..."

    "จะคุยเรื่องรายงานน่ะ แต่เดี๋ยวจะทักไลน์ไปก่อน เผื่อนายไม่ว่าง"

    "อ่า โอเค" เขาพยักหน้าตอบรับ

    "แล้วเจอกันพรุ่งนี้ทุกคน" จูยอนบอกลาเพื่อนๆ ก่อนจะกลับบ้านเหมือนทุกวันที่ผ่านมา

    "บาย จูยอน" และพวกเขาสามคนก็บอกลาจูยอนพร้อมๆ กัน

    "บายชานฮี ชางมิน เควิน" จูยอนพูดกับพวกเราแต่ละคน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านกันจริงๆ ในที่สุด

     

    เควินหันมาเห็นว่าชางมินกำลังยิ้มแบบนั้นอีกแล้ว เริ่มไม่ชอบใจนิดๆ แล้วนะ

     

    "นี่ หน้านายตลกอีกแล้วเควิน"

    "นายก็เลิกยิ้มแบบนั้นสักทีสิ"

    "โธ่ ฉันก็ลืมไป นายคงชอบยิ้มของคนอื่นอยู่นี่นะ"

    "นี่ ชางมิน ฉันจะโกรธจริงๆ แล้วนะ"

    "โอเคๆ วันนี้พอแค่นี้ก็ได้ เดี๋ยวเควินโกรธ"

    "ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกันนะ แต่อย่าทะเลาะกันได้ไหม" เป็นชานฮีที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับมองหน้าเขากับชางมินสลับกันไปมา

     

    เควินกลับมาถึงบ้านได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว เขาจัดการตัวเองทั้งกินข้าวและอาบน้ำจนเรียบร้อย แล้วจึงมานั่งอ่านหนังสือเล่มเดิมที่ยังอ่านค้างอยู่เพื่อทำรายงาน

     

    ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงข้อความเข้า เป็นจูยอนที่ส่งมาถามเขาว่าว่างคุยไหมตอนนี้ เขาพิมพ์ตอบกลับไปว่าว่าง ไม่กี่วิหลังจากนั้นจูยอนก็โทรมา

     

    "ฮัลโหล เควิน" เขาสังเกตได้ว่าเสียงจูยอนในโทรศัพท์เปลี่ยนไปจากความเป็นจริงนิดหน่อย

    "อืม เริ่มจากตรงไหนดี"

    "อ่านหนังสือจบหรือยัง"

    "เพิ่งจบเมื่อกี้เลย นายล่ะ"

    "จบแล้วเหมือนกัน งั้น..."

     

    หลังจากนั้นเขาทั้งสองคนได้แลกเปลี่ยนความคิดเรื่องรายงานว่าอยากให้ออกมาเป็นแบบไหน มีเนื้อหาตรงไหนประกอบบ้าง พร้อมทั้งเริ่มช่วยกันพิมพ์บทนำบางส่วน

     

    ความคิดของเควินไหลลื่น และเข้ากันกับจูยอนอย่างน่าประหลาดใจ และอีกฝ่ายคงสงสัยตรงนี้เหมือนกันกับเขา จึงได้เอ่ยถามขึ้นมา

     

    "นี่ ความคิดเราสองคนเข้ากันดีเลยนะ"

    "นั่นมันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ แบบนี้งานน่าจะเสร็จเร็วนะ" เขาตอบกลับในขณะที่พิมพ์งานไปด้วย

    "ไม่ใช่แบบนั้นสิ คือรู้สึกว่าเราไม่เคยคุยกันเยอะขนาดนี้มาก่อนเลย"

    "อ่า งั้นเหรอ"

    "นายอึดอัดหรือเปล่า ที่ได้ทำงานกับฉัน" ถามแบบนี้แล้วใครจะไปตอบว่าตัวเองอึดอัดได้กัน

    "ไม่นี่ ก็ปกตินะ"

    "เหรอ" จูยอนเงียบไปสักพัก "ฉันว่าฉันจะคุยกับนายให้มากขึ้นดีไหม"

    "ปกติก็คุยกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ" เควินถามกลับไป

    "งั้นก็จะคุยให้มากขึ้น นายว่าไง"

    "ฉันไม่ว่าไงหรอก คุยก็คุยไง"

    "นายอยากคุยกับฉันหรือเปล่า"

    "ก็อยากสิ ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันนี่"

    "...อ่า เพื่อนเหรอ"

    "นายว่ายังไงนะ เมื่อกี้ฉันไม่ค่อยได้ยินเลย" เสียงจูยอนในประโยคก่อนหน้าเบามาก จนเขาได้ยินไม่ชัดว่าอีกคนพูดว่าอะไร

    "เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก"

    "นี่ฉันพิมพ์ย่อหน้าที่สี่ไปแบบนี้มันโอเคไหม"

    "โห ดีเลย ฉันก็คิดประมาณนี้แหละ"

    "โอเคตรงประเด็นนี้เอาแค่นี้พอนะ"

    "ได้ครับ"

     

    จูยอนพูด ครับ กับเขาเหรอ

     

    ไม่บ่อยเลยที่จูยอนจะพูดครับกับเขา ซึ่งตามจริงคนทั่วไปเวลาพูดกับเพื่อนก็ไม่ค่อยได้พูดสุภาพใส่กันเท่าไหร่อยู่แล้วนี่นะ แต่ประเด็นคือทำไมเควินต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย

     

    "งั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อนนะ เควินจะนอนเลยหรือเปล่า"

    "ฉันเหรอ" เขาเหลือบมองนาฬิกาเมื่อพบว่ายังไม่ถึงเวลานอนปกติของตัวเอง เลยเอ่ยตอบจูยอนไป "น่าจะยัง คงจะวาดรูปก่อน"

    "ถ้าฉันบอกว่าอย่าเพิ่งวางสายจะได้ไหม"

    "หือ ทำไมล่ะ"

    "ก็เริ่มตอนนี้เลยเป็นไง ที่จะคุยกับนายให้มากขึ้นน่ะ"

    "ตอนนี้เลยเหรอ"

    "ใช่สิ"

    "..." อ่า จะดีไหมนะ แต่เขาก็ไม่อยากปฏิเสธเลย

    "จะรบกวนตอนนายวาดรูปไหม"

    "ไม่ๆ ไม่รบกวนหรอก" ปลายสายหัวเราะน้อยๆ หลังจากที่เขารีบตอบกลับไปจนดูเหมือนคนล่ก

     

    "จะวาดอะไรเหรอ"

    "ยังไม่รู้เลย นายมีอะไรเสนอไหม"

    "วาดฉันเป็นไง"

    "แล้วถ้าออกมาไม่สวยล่ะ"

    "ไม่สิ นายวาดอะไรก็สวยทั้งนั้นแหละ"

    "อ่า ก็ได้"

     

    เควินเริ่มร่างภาพคร่าวๆ ของจูยอนในบริบทที่เขาชอบที่สุด

     

    ใช่แล้ว

     

    จูยอนตอนตั้งใจอ่านหนังสือ

     

    ระหว่างนั้นจูยอนก็ชวนเขาคุยไปเรื่อยๆ เหมือนกับที่บอกว่าจะคุยกับเขาให้มาขึ้น เรื่องที่คุยก็เป็นหัวข้อธรรมดาทั่วไป อย่างทำไมเควินถึงชอบวาดรูป เรื่องที่จูยอนอยากไปเล่นบาสแทนที่จะไปเรียนพิเศษในบางวัน เพลงที่เควินฟัง ซีรีส์ที่จูยอนดู เรื่องราวทั้งของเขาและจูยอนถูกแลกเปลี่ยนกันมากขึ้น แบบนี้จะเรียกว่าได้คุยกันเยอะขึ้นเหมือนที่จูยอนบอกหรือเปล่า

     

    จนเวลาเริ่มล่วงเลยไป รูปจูยอนที่เควินวาดเริ่มเป็นรูปเป็นร่างที่แน่นอน เหลือแค่ลงสีเท่านั้น เควินบิดขี้เกียจและเผลอหาวออกมา จนมานึกขึ้นได้ว่าจูยอนยังถือสายอยู่ก็ตอนที่เขาได้ยินเสียงหัวเราะของอีกคน

     

    "ง่วงแล้วเหรอ"

    "อืม ง่วงแล้ว"

    "งั้นนอนกันเถอะ พรุ่งนี้เอารูปมาให้ดูด้วยนะ อยากเห็นมากๆ เลย"

    "โอเค"

    "ดีใจนะที่ได้คุยกับนายเยอะขึ้น"

    "..." อ่า เขาก็ดีใจเหมือนกัน

    "ยังไงก็ ฝันดีนะเควิน"

    "...ฝันดีจูยอน"

     

    เขาวางสายจากจูยอนไปแล้ว และคิดว่าคืนนี้คงจะฝันดีเหมือนที่จูยอนบอก

     

    เควินมาถึงโรงเรียนในเวลาเดิมของทุกวัน ปกติชางมินจะมาถึงโรงเรียนเป็นคนแรก ส่วนชานฮีมาทีหลังเขา แต่วันนี้ชานฮีกลับนั่งอยู่ในห้องแล้วตอนที่เขามาถึง สงสัยเพราะชางมินเรียกให้ตื่นเร็วๆ นั่นแหละ

     

    "ไง วันนี้มาเช้ากว่าฉันอีกนะ"

    "ก็ชางมินนั่นแหละ ปลุกอยู่นั่น บอกจะมาโรงเรียนเวลาปกติ ก็มันปกติของนายคนเดียวนี่ บ้านนายอยู่ไกลกว่าฉันตั้งเยอะนายก็เลยต้องตื่นเร็วไง"

    "นายก็ตื่นให้มันเร็วกว่านี้หน่อยสิ บ้านใกล้กว่าฉันแท้ๆ แต่มาสายตลอด"

    "ไม่ได้สายขนาดนั้นเสียหน่อย จูยอนเองก็มาช้ากว่าฉันตั้งเยอะ" ใช่แล้ว ในกลุ่มเราจูยอนจะมาถึงช้าที่สุด และตอนนี้จูยอนก็ยังมาไม่ถึงเลย

    "เป็นไงละเรื่องงาน ไปถึงไหนแล้ว"

    "ก็ได้เยอะอยู่นะ แต่ยังไม่ได้พรูฟ คงต้องแก้อีกเยอะ แล้วนายล่ะ"

    "อือ บทนำเสร็จไปแล้ว กำลังพิมพ์เนื้อหาข้างใน ก็ว่าจะทำต่อเรื่อยๆ แหละ"

     

    พวกเราคุยเล่นกันอยู่สักพักใหญ่ จนจูยอนมาถึงห้องเรียนด้วยใบหน้าสดใสเหมือนเคย

    "ไง"

    "ไง จูยอน" พวกเขาสามคนเอ่ยทักทายจูยอนที่เดินมาถึงโต๊ะพอดี ที่นั่งของเราสี่คนจะเป็นชางมินนั่งกับจูยอนข้างหน้า ส่วนเควินกับชานฮีนั่งอยู่ข้างหลัง

     

    เมื่อจูยอนนั่งลงแล้ว ก็หันมาหาเควิน พร้อมกับเอ่ยถามถึงรูปภาพที่เขาวาดไว้เมื่อคืน

    "นี่ เควิน ขอดูรูปหน่อยสิ"

    "อะไร รูปอะไรเหรอ" ชานฮีถามขึ้น

    "รูปฉันไง เมื่อคืนเควินวาดรูปฉันแหละ" จูยอนหันไปตอบ แล้วส่งสีหน้าคาดหวังมาที่เขา เควินค่อยๆ หยิบสมุดที่ใช้วาดรูปของจูยอนเมื่อคืนขึ้นมาจากกระเป๋า

    "โห วาดสวยมากเลยนะ" เป็นเสียงของชางมินที่หันมาให้ความสนใจ "เหมือนตัวจริงมากเลยแหละ"

    "ไม่ใช่แค่เหมือนนะ แต่หล่อกว่าตัวจริงด้วยซ้ำ" ชานฮีพูดขณะที่มองจูยอนตัวจริงกับจูยอนในรูปสลับกันไปมา ส่วนจูยอนก็ได้แต่ยิ้มขำให้กับคำพูดของชานฮีอีกที

    "เป็นไงบ้าง" เขาถามคำถามนี้กับจูยอนที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาหลังจากเห็นภาพที่เขาวาด

    "นายก็วาดสวยเหมือนเดิม ไม่สิ จริงๆ สวยกว่าที่ฉันคิดอีก" จูยอนพูดประโยคหลังพร้อมมองใบหน้าเควินของไปด้วย จนเขาเริ่มรู้สึกร้อนๆ ที่แก้ม เควินรู้ตัวดีจึงก้มหน้าลงซ่อนแก้มของตัวเองเอาไว้

    "ขอบคุณนะ" เขาเอ่ยขอบคุณคำชมของจูยอนทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่แบบนั้น

    "นี่ เควิน ไม่เห็นจะวาดรูปฉันบ้างเลย" "ใช่ๆๆ วาดรูปฉันบ้างสิ" ชางมินกับชานฮีพูดออกมาเกือบจะพร้อมกัน

    "พวกนายอยากให้ฉันวาดเหรอ" เขาถามออกไป

    "ใช่สิ ทำไมถึงวาดให้จูยอนคนเดียวล่ะ" ใช่ไหมชานฮี

    "ใช่ๆ วาดให้เลย"

    "นี่ ฉันมาก่อนนะ" จูยอนพูดขึ้นมาก่อนที่ชานมินกับชานฮีจะเสียงดังมากกว่านี้ "เรียงตามคิวสิ ให้เควินวาดรูปฉันให้เสร็จก่อน แล้วค่อยเป็นพวกนาย"

    "นายขี้โกง อยู่ๆ ก็ให้เควินวาดรูปให้ก่อนได้ไง"

    "ใช่ๆ เราต้องมาตกลงพร้อมกันสิ"

    "ไม่ต้องเถียงกันแล้ว เดี๋ยววาดให้ทุกคนเลย แต่ต้องใช้เวลานิดนึง รอกันก่อนนะ" เควินพูดขึ้นมาเพื่อหยุดการโต้เถียงของทุกคน

    "โอเค เราสองคนจะรอ"

    "ดีมาก" เควินยิ้มให้กับเพื่อนหลังตกลงกันเรียบร้อยแล้ว

     

    เวลาได้ผ่านไปจนถึงเวลาเลิกเรียน หว่างที่เขานั่งรอชางมินกับชานฮีที่ต้องไปเตรียมงานประชาสัมพันธ์ชมรมที่โรงยิม เขาก็หยิบสมุดวาดรูปกับสีไม้กล่องเล็กๆ ขึ้นมา ความจริงเขาอยากใช้สีน้ำ แต่คงต้องกลับไปใช้ที่บ้าน ตอนนี้ก็เลยใช้สีไม้ลงสีคร่าวๆ ไว้ก่อน

     

    ไม่นานนักจูยอนก็เดินเข้าห้องมาหลังจากรวบรวมสมุดของเพื่อนๆ ไปส่งที่ห้องพักครู จูยอนไม่ต้องไปเตรียมงานชมรมอะไรนัก เพราะปกติชมรมกีฬาก็ใช้การคัดคนเข้าเป็นหลักอยู่แล้ว ส่วนเควินที่อยู่ชมรมวาดรูปก็ไม่ต้องทำอะไรมาก เพราะรุ่นพี่จะเป็นคนจัดการเสียมากกว่า เขาแค่ส่งรูปที่ตัวเองวาดไปให้พี่ๆ เพื่อนำไปแปะบอร์ดประชาสัมพันธ์อีกที

     

    "จะเริ่มลงสีแล้วเหรอ" จูยอนพูดขึ้นทันทีหลังจากทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เขา

    "อืม ความจริงจะลงสีน้ำนะ อันนี้แค่ลงคร่าวๆ ไปก่อน เดี๋ยวค่อยกลับไปลงสีต่อที่บ้าน"

    "นี่ เควิน"

    "ว่าไง" เควินตอนรับ โดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากรูป

    "ทำไมถึงวาดรูปฉันตอนอ่านหนังสือละ"

     

    เควินเงยหน้าขึ้นมองจูยอนหลังจบคำถาม และเขาก็พบว่าจูยอนเองก็มองเขาอยู่ก่อนแล้ว มองเห็นตาของจูยอนที่มีแววสงสัยน้อยๆ เขาจะตอบคำถามนี้ของจูยอนยังไงดีนะ

     

    "เพราะตอนอ่านหนังสือนายก็ดูดีที่สุดล่ะมั้ง"

    "จูยอนยิ้มขำให้กับคำตอบของเขา ทำไมต้องมี 'ล่ะมั้ง' ด้วยล่ะ สรุปแล้วฉันดูดีตอนอ่านหนังสือจริงไหมเนี่ย"

    "อ่า ดูดีสิๆ"

    "งั้นเหรอ" จูยอนยิ้มแบบนั้นอีกแล้ว หลังจากเควินยืนยันว่าจูยอนน่ะดูดีจริงๆ “เพราะงี้หรือเปล่า นายถึงได้ชอบมอง"

     

    เดี๋ยว ประโยคหลังนี่มันแปลกๆ นะ

     

    "ฮะ ยังไงนะ"

    "เควินน่ะ ชอบมองไม่ใช่เหรอ ตอนฉันอ่านหนังสือน่ะ" เควินต้องทำหน้าเลิ่กลั่กออกไปแน่ๆ เพราะทันทีที่จูยอนพูดจบก็เริ่มหัวเราะขึ้นมาทันที

    "อะไรของนาย ฉันไปมองตอนไหน" เขารีบแย้งออกไป แต่ในใจก็เถียงไม่ได้เลย เพราะว่าเควินเองก็แอบมองจริงๆ อย่างที่จูยอนพูดมา แต่จูยอนจะมารู้ได้ยังไงเล่า

    "นี่เควิน รู้ไหมว่า คนถูกแอบมองน่ะ เขาก็รู้ตัวกันนะ" หัวใจของเขาเริ่มเต้นเร็วขึ้น จูยอนรู้ว่าเขาแอบมองเหรอ

     

    เควินเริ่มคิดอะไรไม่ถูก ได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่แบบนั้น อาการล่กแบบนี้ก็เหมือนเควินสารภาพไปแล้วนั่นแหละว่าแอบมองจูยอนจริงๆ

     

    "แก้มแดงน่ะ"

    "หยุดพูดเลย ห้ามมองด้วย" เควินเอ่ยห้าม เมื่อจูยอนพูดถึงแก้มของเขา

    "ทำไมล่ะ ก็น่ารักดี"

    "พอแล้ว ไม่ให้มอง" เขายกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองไว้

     

    และเขาได้ยินเสียงจูยอนขำอีกแล้ว

     

    จูยอนยกมือขึ้นมาแตะมือของเขาที่ปิดหน้าเอาไว้เบาๆ

    "นี่ มองฉันหน่อยสิเควิน"

    "อะไร" เขาค่อยๆ เลื่อนมือออกจากหน้า แต่ก็เพียงนิดเดียวเท่านั้น และเขาเห็นสีหน้าของจูยอนที่ในตอนนี้เริ่มจริงจังขึ้น

    "ถ้านายรู้สึกอะไรก็บอกฉันได้ไหม เพราะฉันก็อยากรู้เหมือนกัน"

    “…”

    “…”

    "เอ่อ ฉันพูดได้เหรอ คือหมายถึงมันจะดีเหรอ" เควินพูดออกไปเสียงเบา หลังจากที่เราสองคนได้แต่มองตากันอยู่แบบนั้น

    "ดีสิ เพราะถ้าเก็บความรู้สึกไว้คนเดียวน่ะมันจะเหนื่อยเอานะ"

     

    เควินไม่รู้ว่าตอนนี้ควรพูดอะไรออกไป มันจะโอเคไหมถ้าเขาบอกจูยอนเรื่องความรู้สึกของเขา เขากังวลเรื่องต่อจากนั้นไม่มีที่สิ้นสุด

     

    "มองตาฉันหน่อยได้ไหม" เหมือนเป็นปฏิกิริยาอัติโนมัติ เขามองตาจูยอนทันทีที่จูยอนขอ นัยน์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง เหมือนจะสื่อออกมาว่า ไม่ว่าเควินจะพูดอะไรจูยอนก็จะฟังเสมอ และเขาแพ้แล้ว

     

    "ก็ ชอบ"

    "..."

    "ชอบจูยอน" เขารีบหลบสายตาของจูยอนหลังจากที่พูดความรู้สึกนั้นออกไป

     

    "ฉันก็ชอบ"

    "..."

    "ชอบเควินเหมือนกัน"

     

    บ้าไปแล้ว เควินต้องหูฟาดไปแล้วแน่ๆ

     

    เขามองหน้าจูยอนอีกครั้ง สีหน้าของจูยอนบอกกับเขาว่าสิ่งที่จูยอนพูดออกมาไม่ใช่เรื่องล้อเล่น 

     

    "มีแต่นายนั่นแหละที่ไม่รู้ตัวเวลามีคนแอบมอง"

    "..."

    "ทั้งแอบมอง ทั้งมองตรงๆ ก็ไม่เห็นจะรู้ตัวสักที"

    "..."

    "เรารู้สึกเหมือนกันแบบนี้ จะยังไงต่อดี" จูยอนยิ้มให้เขาหลังพูดจบ

     

    "ยังไงอะไรเล่า" เควินเริ่มมีอาการเลิ่กลั่กขึ้นมาอีกครั้ง

    "เรื่องของเราไง จะยังไงกันดี"

    "..."

    "ทำหน้าน่ารักอีกแล้ว"

    "อ่า ฉัน คือว่า... อือ ฉันพูดไม่รู้เรื่องแล้ว"

     

    จูยอนหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง จะขำอะไรนักหนา เขาเขินจนทำตัวไม่ถูกไปหมด ไม่เข้าใจเหรอไง

     

    "ฉันรู้ว่ามันอาจจะเร็วไป แต่เรามาคุยๆ กันดีไหม" จูยอนเอ่ยออกมา

    "..."

    "คุยกันให้เยอะกว่าเดิมแบบที่ฉับบอกไง"

    "..."

    "ว่าไง เควิน"

    "อือ ก็ได้"

    "..."

    "จะคุยกับนายเยอะๆ เลย"

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    "ชู่ว เบาๆ สิชานฮี เดี๋ยวสองคนนั้นก็รู้ตัวกันพอดี" ชางมินกระซิบบอกชานฮีที่กำลังตกใจจนตาโต

    "อ่า ขอโทษที ฉันพยายามฮึบอยู่" 

    "โอ๊ย รู้สึกต้องกลั้นยิ้ม มันแบบ Love in the air" หลังจบประโยคชางมินก็ทุบอกตัวเองรัวๆ 

     

    ชางมิน ถ้าสองคนนั้นจะรู้ตัวก็เพราะนายนั่นแหละ





     





    Tinglee's talk
    ความจริงเราได้แรงบันดาลของเรื่องนี้จากตอนฟังเพลง Nobody - Blue.D feat.MINO ซึ่งก็กะจะวางเป็นbgmแหละค่ะ แต่พอได้เข้าไปดูเอ็มวีแล้วก็เอะใจ ว่าเรื่องราวมันไม่ได้หวานๆ เหมือนในเนื้อเพลงนี่นา พอเอาไปตีความกับเพื่อนก็เห็นไปทางเดียวกันเลยค่ะว่าค่อนข้างดาร์คว่าที่คิด สุดท้ายก็เลยไม่ได้ใส่เป็น bgm แหะๆ แต่ยังไงก็ลองเข้าไปฟังเพลงได้นะคะ
    ฟิกเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เราแต่งจบและมีโอกาสได้เผยแพร่ค่ะ ค่อนข้างตื่นเต้นมากๆ ยังไงก็ตามสามารถติชมได้เต็มที่เลยนะคะ เราจะได้เก็บไว้พัฒนางานเขียนของเราต่อไป และสุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in