La La Land คือ การกลับมาอย่างสมศักดิ์ศรีของดาราคู่ขวัญคู่โปรดของเราตลอดกาล

เพิ่งดู La La Land มาสด ๆ ร้อน ๆ ชอบมากจนแทบไม่มีจุดที่ไม่ชอบเลยด้วยซ้ำ ข้อต่อ ๆ ไปนี้คือความคิดเห็นของเราต่อหนังเรื่องนี้

·    • La La Land ภายใต้การกำกับและเขียนบทของ Damien Chazelle ทำให้เรารู้สึกประหลาดใจตั้งแต่ได้ดู teaser ครั้งแรก เพราะเรื่องนี้แตกต่างจาก Whiplash ผลงานเรื่องก่อนอย่างสิ้นเชิง จากหนังดราม่าหนัก ๆ หันมาจับหนังรักโรแมนติก/มิวสิคัล ณ จุดนี้ เราในฐานะผู้ชมตื่นเต้นไม่แพ้ผู้กำกับแน่นอน

     • เนื้อเรื่องคร่าว ๆ คือ Mia พนักงานร้านกาแฟมีความฝันอยากเป็นดาราจึงดิ้นรนสุดกำลังเพื่อทำให้ความฝันนั้นเป็นจริงโดยการไป cast บทบาทต่าง ๆ นับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่เคยได้โอกาสสักครั้ง กระทั่งเธอได้พบ Sebastian นักเปียโนที่หลงใหลเพลงแจ๊สอย่างถอนตัวไม่ขึ้นถึงขั้นอยากมีบาร์แจ๊สเป็นของตนเองในสักวัน--- เมื่อคนสองคนที่พยายามไล่ตามความฝันมาเจอกัน ได้ถ่ายทอดความหลงใหลในสิ่งที่ตนรัก ให้กำลังใจ และสนับสนุนซึ่งกันและกัน จึงก่อให้เกิดเป็น 2 เส้นทางที่ต้องเลือก--- ทางหนึ่งคือความรัก และอีกทางคือความฝัน

     • โดยหนังพยายามทำให้ยุคปัจจุบันดูเหมือนสมัยรุ่นคุณปู่คุณย่าโดยการใช้เสื้อผ้าสีสันสดใส เพลงเพราะ ๆ และฉากอันตระการตานั่นเองที่เราขอใช้คำว่า breathtaking คือทุกองค์ประกอบที่กล่าวมามันสอดคล้องและกลมกลืนกันดี  

·    • เราชอบการแบ่ง mood ของหนังออกเป็นฤดูกาลมาก ๆได้แก่ winter, spring, summer, fall และกลับมา winter อีกครั้ง ซึ่งแต่ละฤดูก็จะมีอารมณ์แตกต่างกันไป เช่น winter ก็เป็นช่วงที่มีอาและเซบาสเตียนดิ้นรนเพื่อ maintain ความฝันของตนเองไปพร้อม ๆ กับต้องทำงานที่เรียกได้ว่าสวนทางกับความชอบเพื่อเลี้ยงปากท้องท่ามกลางอากาศที่เยียบเย็นชวนหดหู่นั่นเอง  

·    • งานภาพก็ดีงามมากจนไม่มีอะไรจะพูด แม้บางจังหวะกล้องจะซุกซนจนทำเราเวียนหัวไปบ้างก็ตามแต่ก็ชอบที่ zoom out ออกมาให้เห็นฉากหลังสวย ๆ ดูบ้าพลังดี

     • นอกจากนี้ ยังได้นักแสดงระดับแม่เหล็กของวงการอย่าง Ryan Gosling และ Emma Stone สำหรับเราชอบเคมีคู่นี้มาก ๆๆๆๆๆๆๆๆ ตั้งแต่ที่แสดงด้วยกันเรื่อง Crazy, Stupid, Love. (2011) และ Gangster Squad (2013)  

·    เราแนะนำหนังเรื่องนี้มาก ๆ ดูง่าย เข้าใจง่าย และใครที่ชอบฟังเพลงโดยเฉพาะเพลงแจ๊สน่าจะจุใจ เพราะเขาใส่มาไม่ยั้งจริง ๆ