เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Deluxeswiftism
แนะนำหนัง - The Last Emperor (1987)

  • Directed by: Bernardo Bertolucci
    Screenplay by: Mark Peploe, Bernardo Bertolucci
    Genre: Biography, Drama, History
    Runtime: 163 mins

    เขียนหนังใหม่ๆไปเยอะแล้ว ลองมาดูหนังเก่าๆกันบ้างดีกว่า สำหรับ The Last Emperor นี้ก็เป็นหนังเก่ามากๆแล้ว แต่เนื่องด้วยเทศกาลตรุษจีนในตอนนี้ ทำให้ SF นำหนังเรื่องนี้กลับมาเข้าโรงอีกครั้ง (ไม่ทราบว่าเครือเมเจอร์มีแบบนี้รึเปล่า) เอาจริงๆผมก็ไม่ได้อยากดูขนาดนั้นหรอกนะ แต่เมื่อเปิดค้นดูชื่อหนัง แล้วเห็นว่าชนะออสการ์ในทุกสาขาที่เข้าชิง (9 สาขา รวมภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย) ก็เลยเริ่มสนใจขึ้นมานิดนึง บวกกับหนังมันหาดูยากด้วยแหละ ก็เลยซื้อตั๋วเข้าไปดูแบบงงๆ

    story หลักๆของหนังเลยคือเรื่องราวของ ผู่อี๋ จักรพรรดิจีนองค์สุดท้าย โดยหนังจะเล่าประวัติตั้งแต่ยังเล็ก ไปจนช่วงชีวิตสุดท้ายเลย ผมจะไม่เล่าประวัติละกัน เพราะสามารถค้นหาได้ตาม google (จริงๆคือขี้เกียจเขียนนั่นเองครับ ฮ่าๆ)

    หายากนะหนังสักเรื่องที่ชนะออสการ์ทุกสาขาที่เข้าชิง เรื่องล่าสุดที่พอจะจำได้ก็คือ The Lord of the Rings: The Return of the King ที่ผมก็ยังไม่ได้ดูสักที กับเรื่องนี้ จริงๆผมลังเลมากว่าดูหรือไม่ดูดี หนึ่งคือหนังยาวมาก (เป็นคนที่ความอดทนค่อนข้างต่ำ ดูซีรีส์ใน Netflix กว่าจะจบแต่ละตอนมีหยุดไปหลายรอบ) สองคือ กลัวหนังจะไม่สนุก (ส่วนนี้จะขอเล่าทีหลัง) และสามคือ เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบดูหนังแนวประวัติศาสตร์ซะทีเดียว คิดว่าคงน่าเบื่อมากแน่ๆ

    (source: IMDb)
    หนังทำได้ดีสมดีกรีออสการ์จริงๆ พวกฉากวังหรือคอสตูมเนี่ยทำได้อลังการและน่าตะลึงมากๆ แค่นั้นไม่พอ ผู้กำกับสามารถเล่าเรื่องให้คนดูสนใจไปจนจบเรื่องได้ (แต่ผมหาวไปหลายรอบมาก บวกกับแอร์ในโรงเย๊นเย็น) ตลอดความยาวเกือบสามชั่วโมง มีจุดน่าเบื่อไม่ถึง 20% ของเรื่อง ทีแรกคิดว่าจะเป็นหนัง history แบบเพียวๆ แต่ก็ยังมีความโรแมนติกและการเมืองเข้ามาสอดแทรกได้เป็นเนื้อเดียวกันและไม่หลงประเด็น และที่เซอร์ไพรส์คือ หนังมีความตลกมากกว่าที่คิด บางฉากนี่ฮาค้างเลยก็มี แต่พอหนังเข้าสู่ช่วงหลัง ความสดใสที่เคยมีในตอนต้นเรื่องหายไปแทบจะหมด เหลือเพียงละอองจางๆที่ยังคละคลุ้งอยู่แค่ในบางซีนเล็กๆเท่านั้น เรียกได้ว่าเศร้าและหดหู่พอสมควรเลย

    นอกจากนี้ นักแสดงแต่ละคนที่ปรากฏในเรื่องก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม ที่ผมประทับใจเป็นพิเศษคือ Peter O'Toole ดาราฝีมือระดับเทพของยุคนั้นที่ล่วงลับไปแล้ว (ชิงออสการ์ไปตั้ง 8 ครั้งอะครับ เสียดายที่ไม่ได้สักตัว) ที่มารับบทเป็น เรจินัลด์ จอห์นสตัน ครูส่วนตัวของจักรพรรดิ หนังสนุกขึ้นมากเลยในทุกๆฉากที่แกออกมา คนอื่นๆก็ทำหน้าที่สมทบได้ดีตามบทบาทครับ (หนังไม่ได้เข้าชิงออสการ์ในสาขานักแสดงเลย)

    ด้านเรื่องราวก็เข้มข้นถึงใจคอประวัติศาสตร์ เรียกได้ว่าใครอ่านประวัติมาก่อนคงจะทำความเข้าใจกับหนังได้ไม่ยากเกินไป (ต่างจากผมที่เข้าไปแบบหัวโล่งมาก จนแอบงงเล็กน้อยกับความสัมพันธ์ของตัวละคร เกือบถอดใจเดินออกจากโรงละ) ผมไม่รู้ว่าเรื่องจริงเป็นยังไงนะ แต่ตัวหนังทำออกมาได้เยี่ยมและเข้าใจง่ายทีเดียว

    ส่วนที่ว่าหนังสนุกมั้ย ตอบยากนะครับ แต่สำหรับผมคือ หนังดีมาก ความบันเทิงก็ทำได้ดีทีเดียว แต่ต้องเข้าใจว่าหนังไม่ได้หวือหวาหรือตื่นเต้นอะไรเลย ยิ่งเป็นหนังเก่าด้วย ความสนุกก็คงจะเป็นคนละสไตล์กับหนังยุคปัจจุบันเลยครับ และนี่ไม่ใช่หนังจีนกำลังภายใน หรือหนังแนวสงครามอะไรแบบนั้นนะครับ ไม่ใช่เลย!!

    (source: IMDb)

    นอกจากเนื้อหาสาระที่หนังมอบให้แล้ว หนังก็ถ่ายทอดวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของประเทศจีนในยุคนั้นออกมาได้อย่างลึกซึ้งและเรียลจนเราสัมผัสได้ ขอสรุปว่า The Last Emperor คือหนังพีเรียดอิงประวัติศาสตร์ที่ถูกเล่าออกมาอย่างละเมียดละไม ประณีต และยอดเยี่ยม แต่ในขณะเดียวกันความบันเทิงก็เหลือล้น แม้หนังจะยาวเกือบสามชั่วโมงก็ตาม ใครที่คิดว่าหนังประวัติศาสตร์จะน่าเบื่อลองเปิดใจดูครับ ตอนนี้หนังจะยังพอมีรอบอยู่บ้าง คอหนังห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ


    Score: 8.5/10

    ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านครับ ^ ^


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in