เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LUGHTSABERon_going_
LIGHTSABER

  • THEME SONG : LIGHTSABER - EXO





    2.




    ชานยอลบังคับยานบินบังคับมือที่ยืมมาจากเซฮุนบินออกมานอกเขตเมืองและบังคับมันให้ร่อนลงจอดในพื้นที่ห่างไกลจากเมืองสักหน่อยแต่สภาพบรรยากาศนอกเมืองนี้ก็ไม่ต่างกับในเมืองสักเท่าไหร่ แม้จะได้เห็นผู้คนบ้างประปรายแต่ก็ดูสงบเสงี่ยมเกินกว่าจะเป็นพลเมืองที่ออกมาเพื่อเดินชื่นชมหรือเพื่อฆ่าเวลาให้ผ่านไปเฉยๆทุกคนดูรีบเร่งเหมือนจะรีบทำธุระของตัวเองให้เสร็จๆแม้แต่คนแก่หรือเด็กก็รีบก้าวเดิน

     

     

    นี่มันไม่ปกติ

     

     

    ชานยอลสังหรณ์ใจกับอะไรบางอย่าง ที่ตอนนี้เขายังคิดไม่ออก บรรยากาศแบบนี้ในขณะที่เกิดการแตกแยกภายในและมีผู้ปกครองที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่การสร้างเสถียรภาพในเกิดกับดาวของตนแค่นี้ไม่น่าจะทำให้เกิดภาวะนำไปสู่สงครามได้ง่ายๆหากไม่ได้มีปัจจัยภายนอกที่ส่งเสริมขึ้นมา

     

    ชายหนุ่มทิ้งยานบังคับไว้แล้วเดินออกมาจากพื้นที่เรื่อยๆเขาไม่รู้หรอกว่ากำลังเดินไปที่ไหนมีเพียงสัญชาตญาณของนักรบนักทหารเท่านั้นที่คอยบังคับเท้าทั้งสองข้างให้เดินไป มันไกลออกจากจุดจอดยานไปเรื่อยยิ่งไกลก็ยิ่งไร้ผู้คน

     

     

    หวังว่าสัญชาตญาณของเขาจะไม่นำตัวเองมาสู่เรื่องราวที่ไม่น่ายุ่งเกี่ยวเข้าหรอกนะ

     

     

    แล้วก็เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่คำขอร้องในใจของชายหนุ่มถูกเมินเฉย ประสาทหูที่ไวต่อเสียงแม้ห่างไกลเป็นเมตรแม้เสียงนั้นจะเจือจางแผ่นเบาเขาก็ได้ยินมัน เป็นข้อดีของคนบนดาวเขาเสียงที่ชายหนุ่มได้ยินเห็นจะเป็นเสียงของการสู้รบกันของกลุ่มคนพวกหนึ่งกับกลุ่มคนอีกพวกหนึ่งชานยอลบอกกับตัวเองในใจในขณะที่ขายาวๆก็ก้าวถี่เร็วขึ้นเพื่อให้ไปถึงต้นเหตุของเสียงที่มาว่าเขาแค่ไปสังเกตการณ์ไม่ได้เข้าไปช่วยหรือจะยื่นมือไปสอดเรื่องวิวาทของใคร

     

     

    ตู้ม!!!!

     

     

    เสียงระเบิดตู้มใหญ่ก่อนจะมาพร้อมแสงวาบและการระเบิดเป็นจุลของยานบินบังคับที่อยู่ด้านหลังพวกที่ยืนสู้รบกันภาพกลุ่มของคนที่ถือปืนทั้งสองฝ่ายกำลังยิงใส่กัน

     

    “ไป!!แบคฮยอน พาเจ้าชายหนีไปก่อน!!

     

    เจ้าชายเหรอ?

     

    “ไม่!! เราไม่ไป นี่ไม่ใช่เวลามาห่วงใยเรา สู้ไปแบคฮยอนหากเจ้าละทิ้งหน้าที่ตรงหน้าและเมินเฉยต่อคำสั่งเราเราจะถือว่าเจ้ามิใช่คนของเราอีกต่อไป”

     

    ปังๆๆ!!!

     

     

    เป็นภาพที่น่าขัดใจเสียจริง เห็นๆอยู่ว่าฝ่ายไหนน่าจะเป็นฝ่ายแพ้กลุ่มของเจ้าชายหนุ่มนั่นมีเพียงแค่หยิบมือแถมฝีมือยังดูว่าจะไม่เอาไหนอีกด้วยส่วนอีกฝ่ายนั้นก็เหมือนขนกำลังทั้งกองรบมาสู้ด้วยเกือบทั้งกอง ช่างเป็นภาพที่น่าขัดหูขัดตาเสียจริงทั้งๆที่คิดแล้วว่าต้องแพ้ ทั้งๆที่คิดแล้วว่าจุดจบสุดท้ายของเจ้าชายนั่นคงจะเป็นโลกอีกภพแน่นอนและทั้งๆที่ท่องไว้ตลอดว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวไม่เข้าเรื่องแต่ขาของเขามันก็ขยับไปเอง

     

     

    มันวิ่งเข้าสู่สนามรบขนาดย่อมราวกับว่าไม่ได้ยินคำสั่งของสมองเลยทุกอย่างที่เขาทำดูเหมือนจะหลุดจากการควบคุม เขาคว้าปืนจากศพของทหารอีกฝั่งได้ก็กระหน่ำยิงแบบไม่ทันให้ฝ่ายขึ้นนำตั้งตัวทหารฝั่งตรงข้ามเจ้าชายล้มตายระเนระนาดราวกับโดมิโนที่ถูกผลักให้ล้มชานยอลยังคงการกระทำอุกอาจด้วยการรัวปืนไม่ยั้งใส่ฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับเดินไปเอาตัวเองบังตัวเจ้าชายจากดินแดนนี้ไว้ยอมเป็นโล่ที่มีชีวิตเพื่อป้องกันกระสุนให้อีกฝ่าย

     

     

    การกระทำที่บ้าบิ่น เกินกว่าชานยอลในยามปกติคิดจะทำ

     

     

    “เจ้า...เป็นใคร?”

    “ไว้ถามทีหลังได้ไหมเจ้าชาย เห็นมั้ยว่ากระหม่อมไม่ว่างตอบ”

     

    เพียงแค่คนนี้เข้ามาช่วยจากที่ดูเหมือนเขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบก็เปลี่ยนไปกลายเป็นว่าก็พอที่จะต้านทานกองรบนั้นได้ชายร่างสูงคนนี้เก่งฝีมือเขาอาจจะเทียบเท่าหัวหน้ากองรบอีกฝั่งได้รึไม่ก็อาจจะเหนือกว่านั้น

     

    “ชิ!!ส่งปืนที่ท่านถือมาให้ข้า”ชานยอลทิ้งปืนที่ไร้กระสุนลงแล้วหันมาเจรจากับคนที่ตัวเองยืนกำบังให้

    “ว่าไงนะ?”

    “ก็ท่านไม่ได้ใช้มันมิใช่รึนอกจากถือข่มขวัญศัตรูแล้วข้าก็ไม่เห็นว่าเจ้าชายจะได้ยิงใครสักคน”

    “เจ้า!!!

    “เร็วสิ!!!

     

    เจ้าชายโยนปืนให้อีกคนอย่างหัวเสียอยากจะเอาปืนนั่นยิงเจาะกะบาลคนตัวสูงกว่าให้กระจุยเหมือนที่เขาทำกับทหารของอีกฝ่ายอยากหลงลืมว่าเขาเป็นผู้ช่วยเหลือแล้วกระหน่ำยิงให้ร่างกายอีกฝ่ายเป็นผุยผงคำสบประมาทที่ไม่เคยได้ยินจากใครเขากลับได้รับมันจากชายคนนี้ช่างเป็นความคับแค้นใจยิ่งนัก

     

    “ยานบินท่านอยู่ไหน?”

    “ถามทำไม?”

    “หนีอย่างไรเล่า!!ขนมาสู้เป็นกองทัพแบบนี้ต่อให้มีคนเก่งมาช่วยอีกสิบคนก็ไม่ไหวหรอกต้องหนีเอาตัวรอดก่อน”

    “เราจะไม่หนี”

     

    อ๊ากกกกกกก!!!

     

    สิ้นคำดึงดันของเจ้าชายบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นโล่ให้เขาก็ถูกยิงเข้าที่ต้นแขนอย่างจังชานยองร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด เจ็บจริงๆให้ตายสิไอ้ปืนเลเซอร์บ้านี่เจ็บกว่าถูกปืนกระสุนเสียอีก

     

    “ท่าน!!!

     

    เสียงร้องอารามตกใจของเจ้าชายดังพอๆกับเสียงหวีดร้องของคนที่บาดเจ็บ“คราวนี้จะหนีได้รึยัง ถ้าไม่ห่วงตัวเองก็ห่วงชีวิตทหารของพระองค์บ้างเถอะ”

     

    คำพูดจิกกัดนั้นช่วยเตือนสติที่คิดจะเอาชนะของเจ้าชายขึ้นมามองไปรอบๆเห็นทหารของตัวเองกำลังสู้สุดใจขาดดิ้นเพียงเพราะเขาที่ไม่ยอมหนีเพื่อเอาตัวรอด ดึงดันที่จะยอมหักไม่ยอมงอ

     

    “ถอยก่อน!!!แบคฮยอน!!

     

    ผู้รับใช้คนสนิทรับคำสั่งล่าถอยตามคำสั่งยิงปืนใส่อีกฝ่ายเพื่อถ่วงเวลาให้ทุกคนรีบกลับไปที่ยานของตน พวกมันก็ยิงส่งตามหลังมาไม่ลดละจนสุดเขตพื้นที่พิพาทปลายเท้าของกลุ่มคนอีกฝ่ายนั้นยังคงอยู่ในส่วนเขตต่อสู้แต่ก็หาได้กล้าล้ำเส้นเข้ามาไม่เพราะถ้าถูกล้ำเส้นเข้ามามันก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมของเจ้าชายที่จะเอาเรื่องกับกองกำลังของอีกฝ่ายได้อาจจะนำไปสู่การขอยึดพื้นที่พิพาทนั้นไว้เป็นของตนเองได้อีกด้วย

     

     

    การยอมเสียพื้นที่ไปให้อีกฝ่ายใครละจะยอม

     

     

    “แบคฮยอนตามหมอที”

    “เดี๋ยวนี้แหละกระหม่อม”

     

     

    ทันทีที่ขึ้นยานได้ร่างสูงใหญ่นั้นก็สลบไปเพราะพิษบาดแผลเจ้าชายส่งต่อผู้บาดเจ็บให้กับหมอประจำดาวรักษาแม้แผลไม่ใกล้จุดสำคัญแต่ก็เป็นบาดแผลใหญ่

     

     

     

     

    แผ่นหลังของเจ้าชายคยองซูนั้นยามที่ได้จ้องมองจากข้างหลังตอนอยู่เพียงลำพังช่างแคบและเล็กเกินกว่าจะแบกรับปัญหาที่หนักหนานี้ได้มีเพียงผู้รับใช้เช่นเขาที่ได้เห็นมันหดเล็กลงประจำเขาเป็นทหารที่มารับใช้ในสมัยที่ผู้ปกครองคนก่อนเริ่มปล่อยวางอำนาจและพยายามสั่งสอนบุตรชายเพื่อจะส่งต่อให้ได้ขึ้นปกครองแล้วได้เห็นทุกการกระทำของเจ้าชายมาตลอดเป็นดังเช่นผู้นำคนก่อน เป็นผู้นำที่ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ฉลาดแต่ก็ยังเด็กนักสำหรับสงครามบัลลังก์เลือดนี่

     

     

    “ขออนุญาตกระหม่อม”

    “...ว่าไง?”

    “เราเจอสิ่งนี้บนตัวของชายปริศนานั่น”

    แบคฮยอนโค้งต่ำพร้อมทั้งยื่นวัตถุทรงกระบอกนั้นมาตรงหน้าผู้ปกครองเจ้าชายหันมองสิ่งที่อยู่บนมือคนรับใช้สนิท หยิบมันขึ้นมาพิจารณาเขาไม่เคยเห็นมันจากที่ไหนมันดูคล้ายจะเป็นเพียงแค่แท่งเหล็กที่มีรูปร่างสวยงามธรรมดา เพียงแต่ความรู้สึกยามจับแท่งเหล็กนั้นมันไม่ธรรมดาก็เท่านั้น

     

    “มันคืออะไร?”

    “ไม่แน่ชัดกระหม่อม แต่มันมีอย่างหนึ่งที่กระหม่อมนึกออก”

     

    แบคฮยอนมองหน้าคนที่ยืนขมวดคิ้วสงสัยมาให้ก่อนเอ่ยตอบความค้างคาใจอีกฝ่าย“มันเหมือนไลท์เซเบอร์”

     

    “ไลท์เซเบอร์คืออะไร?”

    “เป็นอาวุธกระหม่อม”

    “ไม่เห็นเคยได้ยิน”

    “อาวุธของกลุ่มคนพวกหนึ่งที่ตอนนี้ก็ไม่ทราบแน่ชัดว่ายังมีอยู่หรือสาบสูญไปแล้ว”แบคฮยอนดินชักนำผู้ปกครองให้ออกมาคุยไกลหูไกลตาผู้คนเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าการพูดเรื่องนี้จะส่งผลดีรึเสียให้กับผู้ที่ได้ยินได้ฟัง

     

    “นามกลุ่มคนผู้นั้นคือเจได พวกเขาใช้พลังในการต่อสู้และนั่นก็คืออาวุธ ผู้ที่ไม่ใช่เจไดก็จะเปิดมันไม่ได้มีแต่ผู้ที่ได้รับการฝึกฝนพลังแล้วเท่านั้นที่จะใช้ไลท์เซเบอร์ได้”ผู้รับใช้ชี้ไปที่ปุ่มเล็กๆที่อยู่ข้างตัววัตถุทรงกระบอก“นั่นคงเป็นสวิตซ์เปิดปิดดาบ”

     

    คยองซูกดมันแต่ก็ไม่เกิดสิ่งใดปรากฏขึ้นมา “ไม่เห็นมีอะไรเลย”

     

    “มันอาจจะใช่หรือไม่ใช่ไลท์เซเบอร์ก็ได้กระหม่อมอาจจะเป็นเพียงของที่ทำเหมือนขึ้นมา หรือถ้าเป็นของจริงก็คงมีแต่ชายผู้นั้นที่ใช้มันได้”

     

    ทำไมพลเมืองดีคนนั้นถึงได้มีพิรุธและความลับเยอะแยะมากมายขนาดนี้“ตัวตนเขาก็สืบหาไม่ได้ใช่ไหม?”

     

    “ไม่เชิงครับ ถัดไปจากเขตพิพาทราวเกือบกิโลเมตรเราเจอยานบินบังคับจอดอยู่ตรวจสอบผู้ครอบครองแล้วคือโอเซฮุน หลานชายห่างๆของเสนาธิการโอ”

    “เสนาธิการโอสมาชิกของกลุ่มเปลี่ยนแปลงระบอบเหรอ?”

    “ใช่กระหม่อม”

    “หรือเขาจะเป็นคนของทหารที่ส่งมาสืบข่าวฝั่งนี้”

    “มองในแง่นั้นไว้ก่อนก็ไม่เสียหายกระหม่อมให้ย้ายเขาไปรักษาที่ห้องขาวแล้ว ที่นั่นจะทำให้เราจับตาดูเขาง่ายขึ้น”

    เจ้าชายพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนั้นแบคฮยอนโค้งคำนับแล้วเดินกลับไปจากทางที่เดินผ่านมา มีสายตาจากผู้ปกครองส่งไปจนสุดทางเจ้าชายคยองซูเริ่มเดินอีกครั้งเขาผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงเวลาที่ต้องขบคิดอะไรไปด้วยการเดินทางไปตรวจสอบเขตพิพาทนั้นไม่มีใครรู้มากไปกว่าคนสนิทข้างกายเจ้าตัวสองสามคนกับนายทหารที่ร่วมเดินทางไปด้วยถึงแม้จะเตรียมกองกำลังไว้ส่วนหนึ่งเพื่อที่หากว่ามีการปะทะกันจะได้ไม่เพรี้ยงพร้ำมากนักแต่มันก็ไม่เป็นเช่นนั้นกลับมีทหารมากมายจากอีกฝั่งเตรียมกำลังคนรอต้อนรับหมายเอาชีวิตเขาไว้ก่อนแล้ว

     

    หนอนบ่อนไส้

     

    ในกลุ่มคนที่สนับสนุนเขาต้องมีหนอนบ่อนไส้แน่นอน ศึกในที่ว่าน่ากลัวยังไม่เท่าคนที่ไว้ใจที่บอกว่าจะเคียงข้าง ปกป้อง สนับสนุนหักหลังทำตัวเป็นคนสองฝั่ง

     

    เกมส์การเมืองช่างน่ากลัวและอันตรายยิ่งกว่าการสู้รบเพื่อปกป้องดินแดนจากพวกจักรวรรดิหรือพวกช่วงชิงดินแดนเสียอีก


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in