เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Log Book ที่รัก♡ployapha.j
Maldives Liveaboard Trip EP.1



  • 16 April 2018





    สวัสดี Log book ที่รัก♡



    ตอนนี้เรากำลังนั่งมึนๆเพราะอาการเมาบกบวกกับอาการคันยิบๆตามแขนขาเพราะแพ้แพลงตอน และเปิดดูคลิปต่างๆที่ถ่ายมาจากทริป Liveabord ครั้งแรกในชีวิตที่ไปใช้ชีวิตกินๆนอนๆอยู่บนเรือและดำน้ำ 18 ไดฟ์ตลอด 8 วัน 7 คืนกับ LET's Dive Thailand #LDTinMaldives2018 ที่มีความสนุกสนาน โหด มันส์ ฮาทุกวี่ทุกวัน เย้เฮ!





    แต่ก่อนที่จะไปลงรายละเอียดในเรื่องของการดำน้ำนั้น

    มานั่งอ่านเราบ่นชีวิตกันก่อน มา!

    จะได้รู้ว่าเราได้แลกอะไรเพื่อที่จะได้ไปทริปนี้!!





    (ถ้าขี้เกียจอ่านหน้านี้ก็ข้ามไปหน้าต่อไปได้เลยจ้า)







    มาจะกล่าวบทไปถึงทริป 8 วัน 7 คืนที่มัลดีฟส์...


    แรกเริ่มเดิมทีนั้นเราลงชื่อไว้ว่าจะไปดำน้ำทริปพม่า สู้ไปบินทำงานเก็บหอมรอบริบเงินได้พอดิบพอดีว่าเอาวะ ต้นปี 2018 นี้เราจะเสียเงินให้ทริปดำน้ำเพียงเท่านี้ (เพราะปลายปีจะมีอีกทริปนึง จนโว้ย ทำงานหาเงินไม่ทันแล้วว) แต่ไปๆมาๆอยู่ๆทริปพม่าก็สลายหายไป คุยไปคุยมาก็เปลี่ยนกลายเป็นมัลดีฟส์แทน ตอนแรกก็สองจิตสองใจอยู่ได้ประมาณสามวิว่าเอาไงดีวะ ไปไม่ไป ไปไม่ไปดี๊





    เงินก็ไม่มี แถมหนี้ก็มากโข

    แต่นี่มันมัลดีฟส์เลยนะโว้ยยยยยย

    ไอ้เชี่ยยยย (คำอุทานในใจไม่ต้องอ่านตามก็ได้)


    ไป!!!!!!




    เราเสียเงินค่าทริปไปเรียบร้อย แถมฝาก พี่โจ กดตั๋วโปรของแอร์เอเชียได้ในราคาที่โอเคเวรี่กู๊ดก็คิดว่าชีวิตไม่มีปัญหาอะไร เหลือแค่รอทำเรื่องขอวันหยุดไปเที่ยวก็เท่านั้น และคิด(เอาเอง)ว่าช่วงเดือนเมษาก็มีแต่คนไทยที่ลาหยุดกลับบ้านสงกรานต์เพราะฉะนั้นยังไงก็ได้วันหยุดในช่วงที่เราต้องการอย่างแน่แท้ โดยลืมไปว่า เมษามันมีหยุดอีสเตอร์โว้ย ลูกเรือใดๆที่ไม่ได้กลับบ้านช่วงคริสมาสต์และปีใหม่ก็จะเฮโลมากลับบ้านกันในช่วงนี้ ทำให้ข้าพเจ้าวืด ขอวันหยุดไม่ได้ งานงอกไปอีก


    ประกอบกับช่วงนี้ลูกเรือไม่พอไปบิน ประสบปัญหาคนขาดอย่างรุนแรง เลยต้องเป็นแรงงานทาสโดนกะเกณฑ์ให้ไปทำงานทั้งๆที่บินจนปีกจะงอกอยู่แล้ว บินเดือนละ 100 ชั่วโมง++ (แล้วบินเยอะขนาดนี้ก็ไม่ได้รวยเลยนะ บินเยอะขึ้นแต่เงินเดือนเท่าเดิมเพราะค่าเงินมันผันผวน เงินบาทแข็ง ดอลล่าร์อ่อน อะไรก็ไม่รู้ววววว)


    ช่วงเดือนกุมภาเลยเป็นช่วงที่หัวร้อนเรื่องวันหยุดมากๆ พยายามทุกวิถีทางที่จะให้ได้มาซึ่งวันลาพักผ่อน ทั้งส่งอีเมลไปหาเมเนเจอร์ ทำเรื่องของ Special Leave Request (ที่ไม่ได้รับการตอบกลับ อิเวงงงง) พนมมือบนกับพระกับเจ้าก็ทำ จนสุดท้ายก็ใช้เงินแก้ปัญหาซื้อวันหยุดมาจากเพื่อนลูกเรืออีกทอดนึง เฮ้อ ทุนนิยมนี่มันเชี่ยจริงๆว่ะ


    และพอได้วันลาพักผ่อนมาแล้วก็ประสบปัญหาว่าวันที่ได้มันไม่ครบตามที่ต้องการ คือเราได้มาแค่ 5 วัน แต่ไปดำน้ำ 8 วัน ไม่รวมวันเดินทางจากดูไบ-กรุงเทพ-มัลดีฟส์อีก โอ้ยอะไรกันเนี่ย ปวดหัว เพราะงั้นเดือนมีนาเราก็หัวหมุนกับการพยายามขอแลกไฟล์ทออกเพื่อยืดเวลาวันหยุดของเราให้เพิ่มขึ้น แต่ด้วยความที่ทุกคนมันบินหนักมาก ตารางบินแน่นไปหม๊ด แลกกับใครเขาก็ไม่ได้ซะที ชีวิตเริ่มท้อใจแต่ก็ไม่ทิ้งทริป ไปตายเอาดาบหน้าโว้ย


    ด้วยเดชะบุญที่หนุนนำทำให้แลกไฟล์ทได้ในที่สุดแบบนาทีสุดท้าย โอ้ยเหนื่อยเหลือเกินนนนน คุณพระ ทำไม่ชีวิตต้องยากขนาดนี้ เหมือนต้องเล่นเกมผ่านด่านนู้นด่านนี้มาตลอดจนกว่าจะได้มายืนเกาะเคาเตอร์เช็คอินที่สนามบินดอนเมืองในเช้าวันที่ 7 เมษายน













  • 7 April 2018






    เราหอบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ฝ่าฝนที่ตกกระหน่ำทั่วกรุงเทพมหานครมายืนกระพริบตาปิ๊งๆอยู่ที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองตอนเวลาประมาณ 7 โมงเช้าด้วยสภาพเหนื่อยอ่อนเหลือเกิน กายหยาบกำลังจะสลายเพราะปรับเวลาไม่ทัน ส่วนกายละเอียดนั้นยังนอนซุกผ้าห่มอยู่ที่บ้าน



    หากไล่เรียงเหตุการณ์ย้อนภาพกลับไปเมื่อประมาณ 40 ชั่วโมงที่แล้วจะเข้าใจถึงความร่างเปลี้ยนี้ เรื่องของเรื่องคือเราไปบินแขกข้ามคืนมาด้วยอาการร่างสลาย อัดกาแฟตลอดไฟล์ทไปสามแก้ว ชาอีกมากมายเพื่อให้มีสัญญาณชีพ พอแลนด์ถึงดูไบตอนเจ็ดโมงเช้าก็ต้องรีบวิ่งไปเปลี่ยนชุดและลากกระเป๋ากลับไปที่สนามบินอีกทีเพื่อไปเช็คอินขึ้นเครื่องบินกลับมาเมืองไทย หลับเหมือนคนตายบนเครื่องตลอด 5 ชั่วโมง 30 นาที

    เมื่อถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิแล้วก็ต้องรีบวิ่งไปแลกเงิน กินข้าว และนอนตายอีกรอบหนึ่งแบบหลับๆตื่นๆตลอดคืนเพราะร่างกายมันงงไปหมด เช้าก็ต้องรีบตื่นเพื่อหอบร่างมาเช็คอิน โอ้ยเหนื่อยโว้ยยยยย







    ชักภาพร่วมกันกับ พี่แคช พี่เฟรนด์ และ พี่เอ็ม
    โปรดสังเกตว่ากระเป๋าที่ใช้ก็คือกระเป๋าเดินทางที่เอาไปทำงานนั่นแหละค่ะ!
    ความแลนด์แล้ววิ่งกลับบ้านเลยมันก็จะประมาณนี้


















    แอร์เอเชีย ใครๆก็บินได้!




















    บ๊ายบายดอนเมือง ซียูอะเกนซูนนนนนนนน!









    บนเครื่องเราก็นั่งๆนอนๆ อ่านหนังสือไปตามเรื่อง เล่นเกมในมือถือบ้าง แล้วก็สั่งน้ำยาทูน่าสปาเก็ตตี้ที่เห็นเบน ชลาทิศกินในรายการ ล้างตู้เย็น มาลอง เออ อร่อยดีเว้ยยยย ผ่านนนนนนน (อยากให้ดูคลิปนี้มาก ที่เห็นว่ายิ้มๆอยู่ทุกวันนี้ ในใจคือเป็นแบบพี่เบนนะคะ กรี๊ดดดดดด)







    ไม่ได้ถ่ายตอนเปิดกล่องเพราะหิวมาก
    ซวบเข้าปากไปแล้วครึ่งนึงถึงนึกได้ว่า เอ๊ะ ลืมถ่ายรูปนี่นา














    และแล้วในที่สุดเราก็มาถึงมัลดีฟส์กันซะทีค่ะคุณขาาาาาาาาาาาาาาาา






    ภาพนี้ พี่หวาน เป็นคนถ่ายเลยไปขอมาเพราะเรานั่งเบาะกลาง โดนคนริมหน้าตาบังวิวมิดเลยจ้า































    หลังจากทำเรื่องผ่านการตรวจคนเข้าเมืองมาแล้วเรียบร้อย เราก็มาซื้อซิมการ์ดกันจ้ะ ซึ่งขอแนะนำซิมของเครือข่ายนี้เพราะราคาโอเค สัญญาณดีใช้ได้เกือบตลอดทริปเลย




    เราใช้เป็นโปรโมชั่น 7 วัน 15 GB ราคา 22 ดอลล่าร์ค่ะ (เขาเขียน 20 แต่เก็บจริงๆ 22 นะเออ)










    เมื่อทำเรื่อง activate ซิมการ์ดต่างๆเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปที่เรือกันค่ะ ซึ่งในทริปนี้เราจะไปกินอยู่หลับนอนกันบนเรือ MV Ocean Sapphire กับรูท Explore the best of Maldives!






    มีเรือเล็กที่ภาษาถิ่นเรียกกันว่า Dhoni มารับที่หน้าสนามบินเพื่อส่งเราไปขึ้นเรือใหญ่
    โดยเรือสองลำนี้จะแล่นคู่กันไป เราก็กินอยู่ใช้ชีวิตกันบนเรือลำใหญ่
    ส่วนเรือเล็กจะเป็นเรือที่เอาไว้ประกอบอุปกรณ์ เข้าชุด และแล่นออกไปตรงจุดดำน้ำจ้ะ













    นี่คือด้านหน้าของ Velana International Airport
    น้ำใสมาก กิ๊งมาก โอ้ยปลื้มปริ่มกรี๊ดกร๊าดดดดดดดดด










    พอขึ้นเรือมาปุ๊บเราก็เจอกับ ชาร์มิล หัวหน้าไดฟ์หลีดของเรามาบรีฟเกี่ยวกับเรือและความปลอดภัยต่างๆก่อนที่จะแยกย้ายกันไปที่ห้องพักและเดินสำรวจรอบๆ





    เรือ MV. Ocean Sapphire นั้นมีทั้งหมด 4 ชั้นด้วยกันจ้ะ โดยชั้นแรกจะเป็นดาดฟ้าของเรือ มีอ่างจากุซซี่ให้นอนแช่ผ่อนคลายหลังดำน้ำ มีเตียงให้นอนอาบแดดเก๋ๆ ส่วนชั้นสองจะเป็นห้องนอน บาร์ และห้องกัปตัน ชั้นสามเป็นโซนห้องอาหารและครัว ชั้นสี่ก็เป็นห้องนอนเช่นกัน








    และนี่คือห้องนอนของเราเอง อยู่ชั้นสี่ ล่างสุดของเรือเลยเด้อ ซึ่งดีเพราะรู้สึกไม่โคลงเคลงมาก
    และห้องนอนทุกห้องมีแอร์และห้องน้ำในตัวนะจ๊ะ สะดวกสบายม๊ากกกกกก

    และจะมีคนเข้ามาทำความสะอาดห้องวันละ 2 รอบ
    ส่วนผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัวมีเปลี่ยนให้ใหม่ทุุกวันเลยจ้าาาา เฮ!












    ขึ้นมาดูวิวบนดาดฟ้ากันบ้าง ฟ้าใสทะเลสวย และเรือมากมาย
















    มีอ่างให้แช่เล่นได้เก๋ๆหลังจากดำน้ำ โดยจะเปิดให้ใช้เฉพาะช่วงที่เรือหยุดแล่นเท่านั้นจ้ะ















    บรรยากาศของห้องรับประทานอาหาร

    ในภาพคือครูแมทกำลังสอนการใช้ถังอากาศ Nitrox อยู่เด้อ
    (ซึ่งเราก็เนียนๆมาฟังด้วยเป็นการรีแคปความรู้ไปในตัว อิอิ)










    ตามตารางแล้ววันนี้เราจะต้องไปดำน้ำกันหนึ่งไดฟ์ เป็นการเช็คเรื่องอุปกรณ์ต่างๆ ดูเรื่องน้ำหนักตะกั่วที่ต้องใช้นี่นั่น แต่ด้วยความที่เราขึ้นเรือมาค่อนข้างช้า ประกอบกับทางเรือมีปัญหาทางเทคนิคเกี่ยวกับเครื่องอัดอากาศ Nitrox ที่ต้องรออะไหล่ซ่อมซักอย่าง ทำให้วันนี้เราก็นอนพักผ่อนหย่อนใจกันไปก่อน เตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการดำน้ำ 18 ไดฟ์ทั้งหมดในทริปนี้จ้ะ











  • 8 April 2018





    Dive 1 - Kurumba House Reef, Male

    Depth: 29.7 m. | Time: 51 mins



    ไดฟ์นี้เป็นไดฟ์แรกของทริป เป็น Check Dive ที่เอาไว้ตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆว่าใช้งานได้ดีหรือไม่ ทั้ง Reg และ BCD ที่เช่ามา ตลอดจนน้ำหนักตะกั่วว่าจะใส่กี่ก้อนดีถึงจะพอเหมาะไม่หนักเกินไป โดยตอนที่ลงน้ำเราก็ปล่อยลมออกจาก BCD ให้หมดก่อนและหายใจออกให้ลมหมดปอด ตัวเราควรจะจมลงไปโดยน้ำจะอยู่ที่ระดับสายตาครึ่งหน้ากาก ซึ่งตามปกติแล้วเราใช้ตะกั่วสองก้อนก็คิดว่ามันปริ่มๆพอดีนะเออ อาจจะลอยบ้างนิดหน่อยเพราะรู้สึกว่าน้ำที่นี่เค็มกว่าที่ไทย ทำให้หวนระลึกถึงตอนไปดำน้ำที่ฟูไจร่าห์ ที่นั่นน้ำเค็มมากกกกกกกกก ต้องใช้ตะกั่วสี่ก้อนเลยทีเดียว






    ทีมฟิน Gull ที่สดใสคัลเลอร์ฟูลมากๆ
    เราไปดำกลุ่มเดียวกันกับ พี่ปาล์ม พี่ออม พี่ส้ม พี่ยุ้ย และพี่จง
    ที่สนุกสนานเฮฮากันทุกไดฟ์









    ชาร์มิลเป็นไดฟ์หลีดของกลุ่มเราจ้ะ









    ไดฟ์แรกก็คิดว่าจะนุ้งนิ้งใสๆ ดำตื้นๆแต่ที่ไหนได้ลงไปลึกเหมือนกันที่ 29.7 เมตรแบบไม่ทันตั้งตัว เหลือบไปดูไดฟ์คอมแล้วเฮ้ยยย ทำไมอยู่ลึกจังว้า และความดีงามของไดฟ์นี้คือเจอครอบครัว Blacktip Reef Shark มาเซย์ฮายต้อนรับด้วยจ้า และตอนท้ายไดฟ์ก็เห็นแก๊ง Marble Ray ระยะไกลอยู่ลึกลงไปที่ไม่สามารถกระดึ๊บลงไปถ่ายรูปได้ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นทริปที่งดงามมมมม








    เราถ่ายเป็นวิดีโอด้วยโกโปร แล้วแคปมาก็ได้ประมาณนี้แหละหนา
    เจอประมาณ 6 ตัวด้วยกัน น่าร้ากกกกกกกกก















    ภาพชัดๆที่ไปขอมาจากกล้องพี่หวาน เดอะรูมเมททททท

    ขอขอบพระคุณยิ่งด้วยใจจริงที่กรุณา
    ปลื้มจิตเป็นหนักหนาขอขอบพระคุณ ขอขอบพระคุณณณ













  • Dive 2 - Feydhoo Wall, Male

    Depth: 30.6 m. | Time: 48 mins




    ไดฟ์นี้มีลักษณะเป็นหน้าผาลึกลงไปในทะเล มีโพรงถ้ำอยู่นิดหน่อย ส่วนใหญ่ก็เป็นหินๆทั้งนั้นเลย ไม่พบเจอปะการังเท่าไรนัก และไดฟ์นี้เราขอขนานนามว่าเป็นไดฟ์แห่งเต่าเพราะเท่าที่ตัวเองเห็นก็มีอยู่สามตัว แต่พอไปคุยกับคนอื่นเขาก็ว่าเจอมากกว่านั้นนะเออ และก็พบกุ้งล็อบสเตอร์ตัวใหญ่กันด้วยเด้อ ซึ่งเราก็ไม่เห็นอีกอยู่ดี บายยยยย





    ที่เห็นเป็นเงาทะมึนนั่นคือตัวหน้าผาจ้ะ












    พี่เห็นหนูด้วยหรออออออออ
    นี่คือเต่าตัวที่หนึ่งที่พบเจอ ดำลงไปเพราะชาร์มิลเรียก













    ส่วนนี่ตัวนี้ตัวใหญ่สุดในบรรดาผู้เฒ่าเต่าทั้งปวง อยู่เฉยๆ ชิคๆ ให้ได้ถ่ายรูป


















    Dive 3 - Fish Tank, Male

    Depth: 28.6 m. | Time: 51 mins



    ไดฟ์ไซต์นี้มีหลายชื่อด้วยกัน ทั้งภาษาถิ่นที่เรียกว่า Kandueh Giri (ที่เราอ่านไม่ออก) และชื่อในวงการคือ Fish Tank, Fish Factory และ Aquarium





    หน้าตาเป็นเยี่ยงนี้
    ตื้นสุดคือ 5 เมตร ลึกสุดคือ 30 เมตร+ ที่เป็นพื้นทรายและหินต่างๆ
    มันก็เป็นสโลปไล่ระดับความลึกลงไป มีจุดที่เว้าเข้าไปตามภาพ






    จุดนี้เป็นที่ทิ้งเศษปลาที่ชาวประมงแล่เอาไปขาย รู้สึกได้ถึงความคาวประหนึ่งกำลังดำน้ำอยู่ที่ตลาดแม่กลอง พอลงไปปุ๊บก็จะเจอเศษก้างปลาใหญ่ยักษ์ หัวปลาที่ทำให้อยากกินหัวปลาหม้อไฟขึ้นมาซะงั้น





    ตรงพื้นทรายเป็นเหมือนอนุสรณ์ซากปลาขนาดใหญ่
















    มีปลาเล็กปลาน้อยมาชุมนุมประชุมใจรักสมัครสมานกันมากมาย













    ชุกชุมเหลือเกินคุณเอ๊ยยยย








    ระหว่างที่เรากำลังถ่ายปลากุ๊งกิ๊งอยู่นั้น อยู่ๆทะเลที่สุขสงบก็เกิดความตลาดแตกเมื่อชาวประมงโยนเศษก้างปลาลงมาในน้ำ แก๊ง Marble Ray และ Stringrays ก็พุ่งเข้ามาตั้งรำวงมาตรฐานร่ายรำกันเกิน 20 ตัว ผ่านหน้า ผ่านตัว ปาดซ้าย ย้ายขวากันจนทรายคลุ้งไปหม๊ด




























    รูู้สึกว่าใกล้เกินกว่าที่จะพูดคำใดๆออกไป
    ในใจคือคิดว่าสตีฟ เออร์วินตายเพราะหางกระเบน หลบบบบบบ







    ไดฟ์นี้เป็นไดฟ์ที่เราประทับใจนะ ด้วยความที่เราชอบกระเบนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว รู้สึกว่าน้องทั้งหลายมีความน่ารัก พลิวไหวไปกับสายน้ำ และหน้าตายิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลาถ้ามองตรงท้อง ช๊อบชอบ♡ รู้แล้วว่าทำไมเขาถึงเรียกตรงนี้ว่า Aquarium เพราะมันเหมือนดำอยู่ในนั้นจริงๆแหละ แต่รู้สึกดีตรงที่ว่าปลาทุกตัวไม่ได้อยู่ในตู้ ไม่ต้องว่ายวนในที่แคบๆ มีอิสระเสรีที่จะไปไหนก็ได้อย่างที่ใจต้องการ :)









    After diving activity
    แช่น้ำกันชิคๆ ฮุฮิ








    Note to self:

    วันนี้ลองใช้ตะกั่ว 2 ก้อนตอนไดฟ์แรกและไดฟ์ที่สอง พบว่าตอนทำ safety stop ยังไม่นิ่ง ลอยอยู่บ่อยๆทั้งๆที่มีสติค่อยๆปรับเอาลมออกจาก BCD แล้ว พอไดฟ์ที่สามเลยลองเพิ่มตะกั่วก็พบว่าพอดิบพอดี โอเคเวรี่กู๊ดดดดดดดด เลยคิดว่าเป็นเพราะน้ำที่นี่เค๊มเค็มเราเลยลอยมากกว่าเดิม ประกอบกับลงลึกตลอด ใช้อากาศเยอะ ถังก็เลยเบาหวิวววววววววว














  • 9 April 2018





    Dive 4 - Maagiri Caves, Male

    Depth: 34.7 m. | Time: 51 mins




    เช้านี้เรายังอยู่ที่ Male Atoll (Atoll แปลว่าหมู่เกาะ) จอดเรืออยู่ที่เดิม เพิ่มเติมคือเขาบอกว่าไม่สามารถซ่อมเครื่องอัดอากาศ Nitrox ได้เพราะส่งอะไหล่มากันไม่ทัน ก็ไม่เป็นไร ไม่ใช้ก็ได้ไม่มีปัญหา





    ตื่นมารับแสงอรุณยามเช้า จิบไมโลอุ่นๆ ทักทายฝูงปลาโลมา
    อาห์ ความสโลว์ไลฟ์นี้มันช่างดีจริง















    โลมาจ๋อมแจ๋มอยู่ลิบๆ















    หน้าตาของไดฟ์ไซต์เป็นแบบนี้จ้ะ เป็นหน้าผาลาดลงมาอีกแล้วเด้อ













    ของจริงก็เป็นงี้ มีปะการังอ่อนอยู่เป็นหย่อมๆ












    ตอนแรกเราก็จ๋อมแจ๋มเรื่อยเจื้อยตามชาร์มิลมาเรื่อยๆ จนนางเคาะแท๊งก์ชี้ๆไปตรงลึกๆก็พบว่ามี Leopard Shark นอนอยู่หนึ่งหน่วย กรี๊ดดดดดดดด เจอฉลามชนิดนี้เป็นครั้งแรกเด้อ ตื่นเต้นเด้อ และด้วยความอยากถ่ายรูปก็บุ๋งๆลงไปถ่าย ไดฟ์คอมก็ดังปิ๊บๆๆๆๆๆๆๆๆ เราก็หาได้สนใจไม่เพราะตั้งใจเล็งกล้องมากๆ ปรากฎว่านี่คือการดำลงไปลึกที่สุดในชีวิตน้อยๆของข้าพเจ้าที่ระดับความลึก 34.7 เมตร หันไปมองแล้วผงะว่าเฮ้ย! NDL (No Decompression Limit) เหลือกี่นาทีวะ ซึ่งจังหวะนั้นเหลือประมาณ 3 นาทีเก๋ๆก็บุ๋งตัวขึ้นเพื่อความเซฟจะได้ไม่ติด Decompression นะเออ

    ปรากฎว่าน้องหลามที่นอนอยู่เกิดเปลี่ยนใจไม่นอนล่ะ ลำไยพวกมะนู้ดที่อยู่รอบข้างก็กลับตัวแล้วพุ่งพรวดมาทางข้าพเจ้า ไอ้เราก็ใจหายแว้บกลัวว่าน้องจะมาชนเลยทำตัวนิ่งๆเพราะไม่รู้ว่าจะหลบไปทางไหน น้องก็ว่ายผ่านตัวไปด้วยความไวแสงและหายไปในความครามของท้องทะเลลึก












    Note to self:

    เหตุการณ์นี้สอนให้รู้ว่า เจ้าจงหมั่นดูไดฟ์คอมตัวเองไว้ตลอด ถ้าร้องปิ๊บๆแสดงว่ามันจะเตือนอะไรบางอย่าง และต้องเซตให้มันเตือน Deep Stop ด้วยจ้ะ ;)















    Dive 5 - Bathala Maaga Kan Thila, N. Ari Atoll

    Depth: 30.3 m. | Time: 43 mins






    เราแล่นเรือจาก Male Atoll อันเป็นเกาะเมืองหลวงมายัง North Ari Atoll โดยใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงจ้ะ ระหว่างทางคลื่นลมสงบดี ท้องฟ้าแจ่มใสสลับกับเมฆครึ้มและฝนปรอยเป็นพักๆ












    ชาร์มิลบอกกับพวกเราว่าไดฟ์ไซต์ที่ Ari Atoll นี้จะเริ่มเป็น Advanced Dive Site แล้วนะพวกยู จากนี้ไปเราจะเจอกระแสน้ำกันแล้วนะจ๊ะ ไม่ดำกันแบบนุ้งนิ้งกิ๊งก่องแก๊วแบบไดฟ์ก่อนๆแล้วนะเออ เพราะด้วยความที่มัลดีฟส์นั้นมีสภาพทางภูมิศาสตร์เป็นหมู่เกาะ เพราะฉะนั้นจะมี ร่องน้ำ หรือ Channel ซึ่งเป็นจุดที่มีกระแสน้ำแรงมาก เป็นช่องระหว่างแนวปะการัง







    กระแสน้ำของมัลดีฟส์นั้นเกิดจากปัจจัยใดบ้าง?



    ต้องขอเล่าก่อนว่าฤดูกาลของที่นี่เขามี 2 ฤดูเท่านั้นค่ะ คือ Nort East Monsoon หรือ ลมมรสุมจากทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และ North West Monsoon หรือ ลมมรสุมจากทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งลมมรสุมทั้งสองนี้มีผลต่อกระแสน้ำโดยรอบนั่นเอง


    โดยลมมรสุมนั้นจะทำให้เกิด Incoming Current หรือกระแสน้ำพัดเข้ามาสู่เกาะ และ Outgoing Current หรือกระแสน้ำพัดออกไปจากตัวเกาะนั่นเอง


    และในช่วงนี้ที่เรามาดำน้ำบุ๋งๆกันอยู่นั้น เป็นช่วงที่ North East Monsoon กำลังอ่อนกำลังลง ทำให้กระแสน้ำค่อนข้างนิ่ง เป็นช่วงที่ดีที่สุดในการดำน้ำนั่นเองจ้ะ


    นอกจากอิทธิพลของลมมรสุมแล้วก็ยังมีเรื่องของ กระแสน้ำจากในมหาสมุทร หรือ Ocean Current อีกด้วยค่ะ เพราะด้วยความที่ที่นี่เป็นหมู่เกาะอยู่ในทะเลเปิด จึงได้ัรับอิทธิพลจากกระแสน้ำในมหาสมุทรมากพอสมควร ด้วยกระแสน้ำนี้จะพัดจากทิศใต้ไปเหนือ หรือจากทิศเหนือไปใต้


    เพราะฉะนั้นก่อนที่จะดำน้ำทุกครั้งเลยต้องมานั่งบรีฟกันก่อนว่าถ้าเจอกระแสน้ำแบบนี้ เราจะลงไปตรงจุดไหน จะจบไดฟ์ที่ใด และจะต้องเช็คกระแสน้ำกันก่อนทุกครั้งค่ะ




    จบช่วงสาระมีอยู่จริงแล้วเราก็เตรียมไปกระโดดลงน้ำกันเล้ยยยยย









    ไดฟ์ไซต์นี้เป็นแนวกองหิน (Thila แปลว่า กองหินเด้อ) ตอนลงไปก็มีความทุลักทุเลพอสมควรเพราะกระแสน้ำในช่วงผิวน้ำแรงมาก แรงจนถ้าโดดลงไปแล้วไม่รีบลงคือปลิวไปอีกเกาะได้ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องลงน้ำกับแบบ Negative Entry จ้า โอ้ยยย เชื่อแล้วว่าแอดวานซ์จริงจริ๊ง


    ซึ่งการลงแบบ Negative Entry นี้คือการโดดตู้มลงไปโดยกะเวลาว่าเราและคนในกลุ่มจะลงน้ำในระยะเวลาไล่เรี่ยกันเพราะไม่งั้นกระแสน้ำอาจจะพัดพาเราไปไกลแสนไกล จะต่อนยอนต๊ะต้อนย้อนไม่ได้นะจ๊ะ เพราะฉะนั้นต้องพร้อมเด้อ พอลงไปปุ๊บเราจะมาลอยตัว ค่อยๆลงไม่ด๊าย พอลงไปปุ๊บก็ต้องปล่อยอากาศออกจาก BCD ให้หมดและจมลงไปอย่างรวดเร็ว





    โอ้แม่เอ๊ยยยย จะรอดมั๊ยวะเนี่ย กลัวเน้ออออ




    พอถึงไดฟ์ไซต์จริงๆ ลงไปเช็คกระแสแล้วก็พบว่าต้องลงแบบนี้จ้า ชาร์มิลตะโกนว่า See you at 5 metre ก็ฮึบในใจว่าเอาวะ ลองดู พอเด็กเรือให้สัญญาณว่า Jump! ก็โดดลงไปและรีบปล่อยลมออกจาก BCD


    ไอ้เชี่ยยยยยย ไม่จมมมมม และรู้สึกว่าตัวปลิวเพราะกระแสน้ำเลยตัดสินใจว่ายแบบปักหัวลง ดึง Dump Valve ออก ตีฟินป้าบๆ เคลียร์หู และมาลอยตัวอยู่ที่ระดับ 5 เมตรอย่างงดงามมมม ลองทำดู หนูทำได้!






    พอลงไปปุ๊บก็พอกระแสน้ำอีก ตั้งใช้ฮุคเกี่ยวกับหินซึ่งก็วุ่นวายอลเวงเช่นเคยเพราะนี่เป็นการใช้งานสิ่งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตตตต (อะไรมันจะครั้งแรกหลายๆรอบในไดฟ์เดียวว้า) ด้วยความกลัวว่าจะเกี่ยวไปโดนปะการังหรือปลาหินก็ต้องเอามือไปโบกๆก่อนว่ามีอะไรกระดุ๊กกระดิ๊กอยู่มั๊ย พอเกี่ยวแล้วก็หลุด ต้องหาจุดใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม กว่าจะอยู่นิ่งๆได้ก็ทุลักทุเลพอสมควร พอได้จุดที่ดีแล้ว เอ๊าาาา เปลี่ยนที่อีกโว้ยยยย



    ความดีงามในไดฟ์นี้คือเจอฝูง Whitetip Reef Shark จ้าาาา น่ารักมาก ว่ายเรียงรายกันมาเป็นระเบียบเชียวล่ะ กุ๊กกิ๊กเหลือเกินนนน








    และภาพเหตุการณ์ต่อไปนี้ได้มาจากกล้องของพี่หวานค่ะ



    ว่ายกันมาด้วยความเท่ เหยดดดดดด คูลเหลือเกินนนน











    อ้าววว เจอกระแสน้ำ น้องถึงกับเงิบบบบบบบบบบบ











    ฟอร์มทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่ได้เงิบใดๆ และว่ายไปรวมกับกลุ่มเพื่อนแบบเนียนๆ
    ตล๊กกกกกกก




















    Dive 6 - Fesdhoo Wreck, N. Ari Atoll

    Depth: 31.3 m. | Time: 50 mins










    ไดฟ์ไซต์นี้มีกิมมิกเป็นเรือจมแสนเก๋ที่เป็นเรือไม้ จมอยู่ใต้ทะเลมาตั้งแต่ปี 1970 นู้นนนน (อยู่มาได้ยังไงน๊านนาน) ตอนฟังบรีฟก็ได้ความว่าตรงเรือนั้นมีปะการังอ่อนมากมาย มีตัวเล็กตัวน้อยให้ถ่ายกุ๊กกิ๊ก แต่กองหินข้างๆนั้นเสื่อมโทรมและสลายหายไปตั้งแต่ปี 2016

    ในไดฟ์นี้...ข้าพเจ้าผู้ลืมกล้องนั้นก็ไม่ได้ถ่ายรูปอะไรทั้งสิ้น ทำหน้าที่ส่องไฟให้ชาร์มิลถ่ายรูปเท่านั้น ก็บุ๋งๆตามทุกคนไปแบบเอื่อยๆ วนรอบเรือแบบเรื่อยๆ และใจหายกับกองหินขนาดใหญ่ที่มีแต่เศษปะการังแตกสลาย เศร้าอะ

    และระหว่างที่กำลังจ่อมจมอยู่กับความคิดตัวเอง มองดูอาณาจักรปะการังที่ล่มสลาย ชาร์มิลก็เคาะแท๊งก์และสัญญาณว่ากระเบนแล้วก็ชี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆขึ้นไป เรารีบเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบกับ แมนตา ว่ายผ่านหัวไป จุดนั้นคือกรี๊ดดดดด กรี๊ดดดดดดดดดจริงๆแบบมีเสียงกรี๊ดแม้ว่าจะคาบ reg อยู่ก็ตาม น้ำตาคลออะ ในที่สุดเราก็ได้เจอกันซะทีนะ :)





    ภาพงามๆจากกล้องพี่โจค่ะ





    อย่างที่เราบอกไปว่าเราเป็นคนชอบกระเบน เราว่ามันน่ารักมุ้งมิ้งและพริ้วไหวเหมือนบินอยู่ในน้ำ และกระเบนที่เรารักมากที่สุด ชอบที่สุดก็คือแมนตา หรือกระเบนราหู ซึ่งเป็นกระเบนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใครอยากจะเจอน้องจุดก็เจอไปเถอะ เนี่ย อยากเจอตัวเนี้ย ที่มาเรียนดำน้ำก็เพราะว่าเจอตัวเป็นๆแบบนี้นี่แหละ โอ้ ชีวิตน้อยๆของข้าพเจ้าคอมพลีทไปอีกหนึ่งอย่างแล้ว








    เจอแมนต้าแล้วจ้าาาาาา วู้ฮู้วววววววว

















    พอเจอตัวนึงแล้วเหมือนทุกคนฮึกเหิม
    พลังงานเหลือมาว่ายน้ำเล่นกันต่อหลังไดฟ์ ฮาาาา

















    Dive 7 - Fesdhoo Lagoon, N. Ari Atoll

    Depth: 12.7 m. | Time 57 mins










    และแล้วก็มาถึง Night Dive แรกของทริปนี้ซึ่งเป็นไฮไลต์ของการมา Liveaboard ครั้งนี้เลยทีเดียว กับการมารอดูแมนต้ามากินแพลงตอนตามธรรมชาติอย่างใกล้ชิด









    โดยเรือทุกลำที่มาจอดตรงนี้จะเปิดไฟท้ายเรือเพื่อล่อให้แพลงตอนมารวมกลุ่มกันชุกชุมแล้วแมนต้าก็อาจจะโผล่ขึ้นมากินแพลงตอนเหล่านั้นก็ได้ ซึ่งมันแล้วแต่ว่าจะมีดวงหรือไม่ แต้มบุญจะถึงรึเปล่า เพราะไม่แน่ว่าแมนต้าอาจจะไปโผล่ที่เรือลำนู้น ไม่ว่ายมาที่เรือเราก็ได้


    ถ้าแมนต้าแวะเวียนมาเที่ยวเล่น เราก็จะเอาไฟฉายลงไปปักที่พื้นทรายเป็นวงกลม แมนต้าก็จะวนมากินแพลงตอนและเราก็จะได้เห็นแมนต้าอย่างใกล้ชิดจ้ะ



    ไดฟ์นี้เรารอเวลากันจนถึงประมาณ 2 ทุ่ม กินข้าวเสร็จเรียบร้อยเราก็ออกไปสังเกตการณ์ที่ท้ายเรือ ปรากฎว่าแมนต้ามาจ้าาาา โอ้ย ดีใจมากกกก เรารีบพุ่งไปที่เรือ ต่ออุปกรณ์ เข้าชุดด้วยความไวที่ไม่คิดว่าตัวเองจะเร็วได้ถึงขนาดนี้ (ก็คนมันตื่นเต้นนน) พร้อมมากกกกกกกกกถึงมากกกกกกกที่สุดดดดดดด








    ภาพจากพี่โจเช่นเคย ไปจิ๊กมาจากในเพจ แฮ่










    ระหว่างที่กำลังลงไปตรงพื้นทรายก็เห็นแมนต้ากำลังว่ายวนอยู่ตรงท้ายเรือ สวยมากกกกกกกก พอลงไปนั่งปุ๊บก็รออยู่ซักพัก น้องก็เริ่มว่ายวนเข้ามาใกล้ๆจากทางนอกวงก่อน จุดนั้นเราตื่นเต้นมาก หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลยล่ะ จนเห็นชัดๆทั้งตัวตอนที่ว่ายผ่านหน้าเข้ามากลางวง ตอนนั้นคือไม่ถ่ายรูปไม่หยิบกล้อง ไม่ทำอะไรทั้งนั้น นั่งน้ำตาไหลอยู่เงียบๆคนเดียว อยากจะเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจให้นานๆ ขอบคุณธรรมชาติที่สร้างสิ่งมีชีวิตที่งดงามแบบนี้ขึ้นมา โอ้ย ฟินเหลือเกินนนน จนเริ่มคิดได้ว่าเอ๊ะ ต้องถ่ายคลิปไปให้คุณแม่ดูก็เลยจัดแจงหยิบกล้องมากดอัดคลิปกับเข้าบ้าง


















    ซีนนี้คือแมนต้าโฉบมาผ่านหน้าจ้า แล้วเอาครีบฟาดแปะมาที่หน้าเราหนึ่งทีจ้าาาา
    โอ้ยยยย ฟินโคตร เกิดมาคุ้มค่าแล้วววววววว











    ใกล้มากจนมองเห็นเข้าไปในปากเลยว่าเป็นยังไง โอ้ยย ดีเหลือเกิน






    และตอนที่ทำ safety stop ที่ห้าเมตร น้องก็ยังตามมาเล่นด้วย มาว่ายวนๆเป็นวงกลมสวยงาม ปริ่มใจเป็นที่สุด ฮืออออออออ รักกกกกกกกกกกกก♡ ตามไปดูคลิปกันได้ในไอจีนะ เป็น core memory ที่จะจดจำไปชั่วชีวิตตตตตตต






    พอขึ้นมาบนเรือปุ๊บ เราก็ไปอาบน้ำสระผมตามปกติ เดินจากห้องมากะว่าจะดูๆท้ายเรือหน่อยว่าแมนต้าไปรึยัง ก็พบว่าเรามีแขกมาเยี่ยมเยือนอีกสองตัวคือ Nurse Shark หรือ ฉลามกบ เจ้าค่าาาาา แถมมีแมนต้ามาเพิ่มอีกตัวนึงด้วย






    ขอบคุณภาพจากคลิปของพี่ไวน์ค่า





    ตอนนั้นแม้ว่าจะอาบน้ำสระผมแล้วก็หาได้สนใจอะไรไม่ เปลี่ยนชุด หยิบฟิน หยิบมาส์ก ลงไปว่ายด้วย เฮ! แต่แล้วความซ่าก็ทำพิษ ลืมไปเลยว่าเคยแพ้แพลงตอนจ้า เริ่มมีอาการคันยิบๆเล็กน้อยถึงปานกลาง พอขึ้นมาแล้วก็พบว่าผื่นขึ้นเต็มไปหมดเล้ยยยย วู้ฮู้ววววววว (ฉิบหายแล้วกู๊ววววววว) แต่นั่นแหละ คนเรามันไม่ได้ว่ายน้ำกับแมนต้าและฉลามกบทุกวันป่ะวะ ถึงคันก็คุ้ม!
















  • 10 April 2018




    Dive 8 - Moofushi Rock, S. Ari Atoll

    Depth: 24.5 m. | Time 52 mins




    เช้านี้เราตื่นมาด้วยอาการคันยิบๆตามแขนขา ยืมยาของพี่หวานเดอะรูมเมทมาทาถูทาถูเป็นยาหม่องตราถ้วยทอง กุ๊กกิ๊กมากินข้าว และมาฟังบรีฟเกี่ยวกับ Manta Cleaning Station ตรงด้านใต้ของส่วน South Ari Atoll ที่เราจะดำลงไปดูแมนต้าอาบน้ำกันจ้า โดยลักษณะของไดฟ์ไซต์นี้ที่ลืมถ่ายรูปมาให้ดูจะเป็นเนินหินขึ้นไป มีปะการังและฝูงปลาจำนวนมาก แมนต้าจะว่ายมาเพื่อให้ปลาเล็กปลาน้อยมากินปรสิตที่อยู่ตามต้ว หรือไม่ก็เอาตัวเองไปถูไถสไลเดอร์กับหินเองด้วยความเมามัน


    ด้วยความที่เราเป็นมนุษย์ก็ต้องเคารพธรรมชาติและไม่เข้าไปรบกวนวุ่นวาย จึงต้องทำตามข้อควรปฏิบัติดังต่อไปนี้ คือ ห้ามว่ายน้ำไล่ตาม ห้ามขึ้นไปด้านบนยอดกองหิน ต้องทำตัวเป็นแขกผู้มาเยือนที่น่ารักเด้อออออ






    ผ่านหัวไปหนึ่งตัว

















    โอ้ยยย น่าย้ากกกกกกกกก ใจดี กินแพลงตอนนนนนนน













    มีความเป็นน้องเล็กกกกกกกกกกก














    โบกครีมเซย์ฮายมะนู้ดดดดดดดดดดดดดดด







    โอ้ยยย ฟินมากอีกแล้วจ้าาาา แมนต้าเป็นฝูง ล้อมหน้าล้อมหลังไปหมดเล้ย ตื้นตันใจ ไม่รู้ว่าจะถ่ายตัวไหนก่อนดีเพราะมีอยู่เต็มไปหมดเล้ยยยย แฮปปี้♡

    และนอกจากจะมีแมนต้าชุกชุมแล้วก็มีหมู่คณะ Eagle ray หรือ กระเบนนก แวะเวียนมาทักทายด้วย อีกทั้งถ้ามองออกไปตรงส่วนที่ลึกๆ จะเจอฉลามน้อยใหญ่ว่ายวนไปวนมาอีกด้วยจ้า














    Dive 9 - Moofushi Rock, S. Ari Atoll

    Depth: 25.2 m. | Time: 42 mins



    มาที่เดิม เพิ่มเติมคือเริ่มเนือยกับแมนต้าแล้วเด้อ รู้สึกว่าเจอเยอะเกินไป น้องน่ารักนะ แต่ตอนนี้พี่ไม่รู้ว่าจะเล็งกล้องถ่ายน้องตัวไหนแล้ว ก็ทำได้แต่มองน้องจำนวนมากเคลื่อนมวลสารผ่านหัวไป ผ่านตัวมา


    ในไดฟ์นี้เราจึงเริ่มให้ความสนใจกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆกันบ้าง เจอปลาดาวก็ถ่าย เจอฝูงปลาเล็กปลาน้อยก็ถ่าย เจอ Flatworm ก็ถ่ายประหนึ่งว่าแกช่างหายากเสียเหลือเกิ๊นนน เกิดมาไม่เคยเห็นเล้ยยยย จะว่าเบื่อตัวใหญ่แล้วก็ได้อะ (พิมพ์ไปแล้วก็หมั่นไส้ตัวเองไปด้วยวู้ยยย ฮาาา)








    ให้ความสนใจกับน้องดาวน้อยกลอยใจ













    แวะไปถ่ายปลาข้างเหลือง












    เล็งกล้องไปยังคณะ Eagle Ray











    และนี่คือภาพก่อนที่ข้าพเจ้าจะโดน Jet Fin สีดำหนักๆของใครก็ไม่รู้ มาจากเรือลำไหนก็ไม่ทราบ โบกเข้าที่ขมับซ้ายจนมาส์กสะเทือนเลื่อนหลุด











    เรื่องของเรื่องคือเรากำลังเล็งถ่ายเจ้าตัวนี้อยู่ น้องกำลังพริ้วไหวน่ารักดูมุ้งมิ้งไปเกาะกับหินก้อนอื่น ในใจก็คิดว่าอยากมีไฟ มีกล้องดีๆ น่าย้ากกกกกก แล้วก็รู้สึกว่าด้านซ้ายเรามีแก๊งไดฟ์เวอร์เข้ามาประชิดตัว ก็เลยหันไปมอง โอ้โหหหหหหหหหหหห ปลาตีนเต็มหน้าเลยจ้า ป้าบเข้าให้ตรงขมับและกกหู ถึงกับงงไปเลยทีเดียว มาส์กเลื่อน น้ำเข้าตาอีกนะ เตะโดนแรงมากแล้วไม่หันมาสนใจใยดีอะไรด้วย นางก็พุ่งตัวไปถ่ายรูปแมนต้าข้างหน้าเฉ๊ยยยย


    เราก็จัดแจงใส่หน้ากากใหม่ เคลียร์น้ำออก แล้วก็หายใจเข้าลึกๆออกยาวๆ ตอนนั้นมึนหัวเลยอะ งงๆด้วย เห็นดาววิ้งเลยทีเดียว ชาร์มิลก็ปร๊าดเข้ามา (ซีนพระเอกมาก) ส่งสัญญาณมือว่าโอเคมั๊ย ไอ้เราก็งงๆ โอเค แต่ตอนนี้เจ็บเด้อ เขาก็ส่งสัญญาณมือว่าขึ้นมั๊ย นี่ก็ไม่ ฉันแค่เจ็บเฉยๆไม่เป็นไร แต่ตอนนั้นคงงงๆ ชาร์มิลคงเห็นว่าท่าไม่ดีเลยพาขึ้นไปเลยจ้า


    พอมาถึงเรือปุ๊บก็ให้นอน เขาก็ว่าเราดูซีดมากเลยนะเนี่ย ให้ดื่มน้ำเยอะๆ แล้วก็ตะโกนบอกเรือข้างๆ ดอยกล้วยมาให้กินหนึ่งหวี ประมาณว่าดูซีดเซียวมาก ควรเติมน้ำตาลในเลือด เราก็กินๆไปลูกนึงแล้วก็นอนยาวไปเลยจ้ะ
















    Dive 10 - Rahdhiga Thila, S. Ari Atoll

    Depth: 28.2 m. | Time: 54 mins





    ไดฟ์นี้เราเหี่ยวมากจากการโดนฟินป้าบใส่หน้าเข้าให้ ตอนแรกกะว่าจะโดดแล้ว นอนพัก อ่านหนังสือเล่นๆไป มีความรู้สึกอย่างแรงกล้าร่วมกับพี่หวานว่า skip เหอ ไม่ต้องดำก็ได้ม้างงงงง แต่ก็เอาตัวเองมาฟังบรีฟอยู่ดี เผื่อว่าจะมีอะไรน่าสนใจ








    ไดฟ์ไซต์นี้เป็นกองหินอีกแล้วจ้ะ และมีหลีบหินมากมาย อุดมไปด้วยปะการังเนื้ออ่อน เพราะฉะน้้นสามารถถ่ายพวกตัวเล็กตัวน้อยได้ดี ตรงที่เป็นเนินทรายลึกๆนั้นก็มี Baby Shark (เราก็พี่หวานหันหน้ามองกันแบบอู้วววว ในใจเราก็คิดว่านี่มันต้องเป็นอนุบาลฉลามน้อยแน่นอนนนน) และไฮไลต์คือปะการังที่มาบรรจบกันเป็นรูปหัวใจ โอ้โห โรแมนติกมากกกก



    จากตอนแรกที่กะว่าจะโดด ไดฟ์นี้ไม่ลอง จะนอนอืดๆย้วยๆกันสองคนก็เอาวะ เราไม่ได้มาดำน้ำที่มัลดีฟส์ทุกวัน (และโควทนี้ได้กลายเป็นโควทประจำใจสำหรับทริปนี้ไปแล้ว) เพราะงั้นไปลุยก็ได้!







    เชี่ยเอ๊ยยย นี่กูมาทำอะไรที่นี่ ณ ตรงนี้...





    อนุบาลฉลามน้อยในฝันนั้นกลายเป็นเนินทรายโล่งๆ เจอฉลามเด็กน้อยอยู่หนึ่งหน่วย จบ! ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ก็ได้แต่ทำตัวลอยให้กระแสน้ำพัดพาไป มีตีฟินสู้กระแสบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง จนกระทั่งไปถึงจุดที่เป็นกองหิน นั่นล่ะฮะ กระแสน้ำแรงแบบปานกลาง (ชาร์มิลว่าปานกลาง แต่เราว่าเฮ้ยย หนูปลิวไปหลายนะเฮ้ยยย) แล้วตรงกองหินมันก็มีโพรงตรงกลาง ซึ่งกระแสน้ำตรงนี้มันประหลาดอะ ไหลขึ้นๆลงๆเหมือนเล่นโรลเลอร์โคสเตอร์ กลัวเหลือเกินว่าเราจะลอยไปกระแทกหินข้างบนที่มีปะการังน้อยใหญ่เต็มไปหมด อ้อออ สิ่งที่น่าสนใจคือเจอคุณเต่าหนึ่งตัว แต่ถ่ายรูปไม่ทันเพราะปลิวไปแล้วจย้าาาาา



    และแล้วก็ถึงจุดที่ปะการังเป็นรูปหัวใจ จุดนั้นคือเหนื่อยหอบเหลือเกิน ชาร์มิลก็ดูดี๊ด๊าอยากโชว์มากว่ามันเป็นรูปหัวใจฟรุ้งฟริ้งนะพวกยูววว์ แต่จุดนั้นทุกคนคือหอบแล้วเด้อ หัวจงหัวใจอะไรไม่สนแล้วจ้า ถึงกระนั้นเราก็อยากได้รูปเลยไปขอให้พี่ส้มช่วยถ่ายให้ จึงได้ภาพนี้มาฝากทุกคน เย่!







    ด้วยรักจากท้องทะเลลลลลลล วู้ฮู้วววววววว










    สำหรับในบล็อกนี่ก็ขอตัดจบไว้ที่ 10 ไดฟ์ก่อนนะเออ
    รู้สึกว่าถ้าเขียนต่ออีก 8 ไดฟ์ที่เหลือก็กลัวจะยาวเกินไปจ้า




    Maldives Trip EP.2 is coming soon!

    - Please stay tuned -







    ตามไปอ่านบันทึกการเดินทางอื่นๆได้ที่..
    .www.facebook.com/withlovefromthedesert
    IG: Ployapha.j
    #ด้วยรักจากทะเลทราย
    #withlovefromthedesert
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Som Phimphahu (@fb1021461201935)
เขียนดีมากคะน้องพลอย ขอบคุณที่ร่วมแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้ด้วยกันนะคะ คิดถึงมัลดีฟส์มากที่สุดเลยคะ