เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
From Russia with Lovenarzissuz
(3) Belorusskaya Station and KFC
  • From Russia with Love



    (3)
    Belorusskaya Station and KFC



               

                พอพี่โย่งเลิกถ่ายรูป ผมเองก็เลิกมองวิว เพราะมันก็สับกันแค่ชุมชน กำแพงและแนวต้นไม้ ขนาดพี่โย่งที่ดูตื่นเต้นกับอะไรใหม่ๆ ได้ง่ายยังเบื่อ นับประสาอะไรกับผมล่ะ พวกเราสองคนจมอยู่กับมือถือ และเป็นอีกครั้งที่พี่โย่งเริ่มบทสนทนา "แถวๆ สถานีที่เราจะลงมี KFC เดี๋ยวพี่ไปแตกแบงก์คืนเงินเราที่นั่นละกันเนอะ"


                 "ครับ"


                 "พี่เพิ่งเปิด Google Maps ดูตะกี้ อีกสิบนาทีนิดๆ เราก็จะถึงแล้วล่ะ"


                 "ใช้ Google Maps ได้ด้วยหรอครับ"


                 "ไวไฟสนามบินกับ Google Maps ก็เหมือนกันนั่นแหละ" พี่โย่งหัวเราะให้กับหน้าหมาสงสัยของผม "พอออกนอกไทยแล้วใช้ได้หมดเลย นี่เราไม่รู้อ่อ? แล้วจะไปไหนมาไหนยังไงล่ะ"


                 "ผมแคปหน้าจอกระทู้พันทิปที่บอกวิธีเดินทางไปที่ที่ผมอยากจะไปมาหมดแล้ว"


                 "ได้ดูไหมว่ากระทู้ที่แคปน่ะ โพสต์เมื่อไหร่"


                 "น่าจะปีที่แล้ว..."


                 "นั่นน่ะสิ แล้วไม่คิดหรอว่ามันจะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นน่ะ บางทีรถสายที่เขาบอกในกระทู้อาจจะถูกยกเลิกไปแล้วก็ได้นะ"


                 "เอ่อ..." นอกจากจะต้องกังวลเรื่อง ตม. ไม่ให้เข้าประเทศแล้ว ยังต้องกังวลเรื่องไปจัตุรัสแดง (Red Square) ไม่ถูกอีกหรอวะต้องด่าตัวเองว่าโง่จริงๆ แล้วไหมที่มาเที่ยวประเทศที่พูดภาษาเขาก็ไม่ได้แถมพันทิปยังบอกว่าเขาไม่พูดภาษาอังกฤษกันเท่าไหร่อีกเนี่ย

     

                      "ไม่เห็นต้องทำหน้าแบบนั้นเลย ปัญหานี้มันแก้ได้ เราก็ใช้ Google Maps เป็นนี่ ไม่ใช่หรอ ก็ใช้ที่เราแคปมาคู่กับ Google Maps ไปยังไงล่ะ โอ๊ะๆ ถึงแล้วๆ ไปกันเถอะ พี่หิวจนจะกินหมีได้ทั้งตัวแล้วไม่ว่าจะสีอะไรก็ตาม”


                 "ก็ยังไม่เลิกเรื่องหมีอะ"


                 "ไม่เลิกจนกว่าจะได้เจอหมีขาวอะ เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่มีในเขาดิน เขาเขียว หรือเชียงใหม่ ใช่ไหมล่ะ ถ้ามีเวลาพี่จะไป Moscow Zoo ด้วย ถึงจะเคยอ่านบทความว่าสวนสัตว์ไม่ดีอย่างไงก็เถอะ"


                 ผมหมดความสนใจเรื่องสวนสัตว์ตั้งแต่อายุขึ้นเลขสองหลัก เลยไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดประเด็นนี้ และเลือกที่จะเดินตามผู้โดยสารคนอื่นออกมากเงียบๆ พร้อมกระเป๋าลากที่กระแทกตาตุ่มไปสองหน น่าเศร้าที่ผมเงียบต่อไม่ไหวตอนกระเป๋ากระแทกตาตุ่มเป็นหนที่สาม "โอ๊ย!"


                 "เสียงแบบนี้ใช่ไหมที่ทำให้รู้ว่าพี่เป็นคนไทยน่ะ" 


                 "ครับ" ผมพูดพลางลูบตาตุ่มพลาง ถ้าคืนนี้นอนไม่หลับก็รู้กันนะครับว่าไม่ใช่เพราะแปลกที่ แต่เพราะปวดตาตุ่ม


                 รถไฟ Aeroexpress เดินทางถึงสถานี Belorusskaya ที่เชื่อมกับรถไฟใต้ดินหรือ Metro ของรัสเซียประมาณห้าโมงกว่าๆ ท้องฟ้าเลยไม่สดใสเท่าตอนที่เรานั่งรถมา แต่เมฆก็ยังไม่เต็มท้องฟ้าเหมือนเวลาห้าโมงของเมืองไทย จะมีก็แค่เป็นริ้วๆ บางๆ เท่านั้น ผมสูดหายใจเอาอากาศยามเย็นที่สดชื่นจากอุณหภูมิกำลังดีสำหรับคนไทยเข้าปอด ก่อนจะเหลียวไปมองตึกที่ผมเดินออกมา "โห ที่เขาว่าหัวลำโพงเราได้แบบมาจากสถานีรถไฟรัสเซียเป็นอย่างนี้นี่เอง"


                 "ไหนอะ เอานี่ไปก่อน" พี่โย่งที่ก้มหน้าอยู่กับกระเป๋าสะพายเงยหน้าขึ้นแล้วยังอะไรบางอย่างใส่มือผม "โอโห จริงด้วยแฮะ สีโคตรน่ารักเลย พิมฐาเคยมารัสเซียยังอะ พี่ว่ารัสเซียเหมาะกับเขามาก พาสเทลไปหมด"


                 ในขณะที่พี่โย่งวางข้าวของลงพื้นเพื่อที่จะได้ยกกล้องถ่ายสถานีรถไฟสีมิ้นต์อยู่ ผมก็ก้มลงมองของที่พี่เขายัดใส่มือ มันคือยาดมตราโป๊ยเซียน ใช้ดม ใช้ทา แต่ใช้ปาหัวหมาไม่ได้ "พี่เอามาให้ผมทำไมเนี่ย"


                 "ก็เห็นร้องโอ๊ยๆ อยู่ ตาตุ่มน่าจะช้ำนะ พี่ไม่รู้ว่าใช้ยาดมทาแล้วจะหายปวดเหมือนใช้ยาหม่องไหม แต่ก็ลองๆ ไปเถอะ" พี่โย่งพูดทั้งๆ ที่ยังหมุน 360 องศาถ่ายรูป นี่คนหรือม้า หมุนเก่งเหลือเกิน "ยกให้เลย ปกติพี่ไม่ใช้ยาดมหรอก แต่แม่ยัดใส่กระเป๋ามาให้เผื่อเมาเครื่อง"


                 ผมถ่ายรูปพอเป็นพิธี อัพไอจีสตอรี่นิดหน่อย ก่อนจะนั่งลงบนกระเป๋าลากแล้วเอายาดมถูๆ ตามที่พี่โย่งว่า


                  "เสร็จแล้ว ทำเรารอนานหรือเปล่าเนี่ย"


                  "ไม่ครับ ผมเอายาดมทาตาตุ่ม..." ทำไมพูดแล้วดูเป็นคนประหลาดๆ วะ "...ตามที่พี่บอกอยู่"


                  "ดีขึ้นไหม"


                  "ไม่รู้สิครับ แต่ก็ไม่ปวดแล้วนะ เพราะเย็นแทน"


                  พี่โย่งหัวเราะ "เดินไหวป่ะ ถ้าไหวก็ไป KFC กันเถอะ พี่จะได้คืนเงินซักที ติดเงินใครนานๆ มันรู้สึกแย่นะ"


                   แต่ผมไม่ได้คิดแบบนั้นนะ ถ้าพี่โย่งไม่ติดเงินผม ผมก็คงไม่มีเพื่อนนั่งรถไฟ แล้วก็ไม่เพื่อนกิน KFC แบบนี้หรอก ที่ผมจะกินนี่ไม่ใช่เพราะหิวหรอกนะ แต่ผมคิดว่า American Fast Food นอกสหรัฐฯ นี่แหละเป็นตัวบ่งชี้วัฒนธรรมการกินของแต่ละประเทศในแบบที่อาหารท้องถิ่นทำให้ไม่ได้ ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็เช่น คนไทยชอบกินอาหารรสจัด KFC ไทยก็เลยมีวิงซ์แซ่บแบบที่ประเทศอื่นไม่มีขายส่วนคนมาเลเซียก็เป็นอิสลามซะเยอะ เพราะงั้นเบค่อนที่มีขายในร้านก็เลยเป็นเบค่อนเนื้อวัว ไม่ใช่เนื้อหมู (ซึ่งถ้าถามความเห็นผมเนื้อหมูอร่อยกว่า เพราะว่ามันมีสามชั้นจริงๆ)


                   "เรารออยู่ตรงนี้แป๊ปนึงนะ เดี๋ยวพี่รีบสั่งรีบม--- อ่าว จะไปกินด้วยกันหรอ งั้นเราไปซื้อก่อนก็ได้ พี่เฝ้าโต๊ะให้"


                   "ไปพร้อมกันก็ได้ครับ เราก็เอากระเป๋าสะพายติดตัวไป กระเป๋าเดินทางคงไม่มีคนขโมยหรอก... แต่ถ้าพี่ไม่สบายใจ ผมเฝ้าให้ก็ได้นะ พี่สมควรไปกินก่อนเพราะผมกินอาหารบนเครื่องมาแล้ว น่าจะหิวน้อยกว่า ที่จะกินนี่เพราะอยากลองเฉยๆ"


                   "ถ้าใครมันจะขโมยกระเป๋าเดินทางพี่ก็ให้รู้ไป รุงรังขนาดนี้" พี่โย่งโบกมือหย็อยๆ เป็นเชิงว่าทิ้งกระเป๋าไว้ได้ ผมเลยคว้ากระเป๋าสะพายตัวเองตามเขาไป เราสองคนหยุดอยู่แถวหน้าเคานเตอร์แล้วจ้องป้ายเมนูที่อยู่เหนือหัวพนังานอย่างเอาเป็นเอาตาย


                   "พี่อ่านภาษารัสเซียออกหรอ"


                   "ไม่อะ ที่จ้องอยู่นี่คือพยายามเดาจากรูปว่ามันคืออะไร กินได้ไหม ลองอะไรใหม่ๆ หรือ play safe กินอะไรที่คุ้นอย่างไก่ไม่มีกระดูกดีล่ะ"


    (รัสเซียใช้สกุลเงินรูเบิ้ล (RUB) ค่ะ ไม่รู้ว่าตอนนี้ค่าเงินเป็นอย่างไง แต่ตอนเราไปก็คิดราคาของกลับเป็นเงินไทยง่ายๆ ด้วยการหารสอง / Super Fries ของที่นั่นเป็นเมนูที่มีมานานแล้ว แต่ไม่มีซอสให้แบบที่ไทย)


                   "ถ้าถามผม พี่สั่งอะไร play safe มาดีกว่า ถ้าสั่งอะไรแปลกๆ แล้วกินไม่ได้อีกนี่ นอกจากจะเปลืองเงินแล้วยังต้องทนหิวต่อด้วย เดี๋ยวผมสั่งอะไรแปลกๆ เอง แล้วพี่ค่อยมาชิมของผม อืมม... พี่ว่าอันนั้นเป็นไง" ผมชี้ไปที่อะไรซักอย่างที่อยู่ข้างๆ wrap ไก่ไม่มีกระดูกแบบที่ไทยก็มีขาย มันคือ wrap ขนาดใหญ่ขึ้นแบบที่ใช้สองมือถือน่าจะกินถนัดกว่า แต่ทั้งสองอย่างให้ผักเยอะกว่าที่ไทยเหมือนกัน


    (อันซ้ายคืออันที่กำลังพูดถึงอยู่ค่ะ ส่วนมิลค์เชคนั่นไม่ได้ชิม ไปชิมของ Burger King แทน)


                   "ดูจากหน้าตาพี่ก็ว่าแปลกใหม่ แต่ปลอดภัยนะ แล้วจะดื่มอะไรไหม" ผมหันไปเลิกคิ้วใส่พี่เขา "เดี๋ยวพี่จ่ายให้ไง แล้วหักกับค่า Aeroexpress อีกที ที่เหลือค่อยคืนเป็นเงินสด”


                   "โอเค ผมขอโค้ก งั้น เดี๋ยวผมกลับไปเฝ้าโต๊ะให้นะ"


                   หลังจากนั้นประมาณห้านาที พี่โย่งก็กลับมาพร้อมถาดที่มีไก่ไม่มีกระดูก นักเก็ต ซุปเปอร์ฟรายส์ wrap ของผม โค้กแล้วก็ลิปตัน—ที่บนฉลากมีรูปบลูเบอร์รี่อยู่ข้างบน




                    "ทุกอย่างถ่ายรูปแล้วจิ้มให้เขาดู เลยได้มาตามที่อยาก ยกเว้นไอ้ลิปตันนี่ รูปบนบอร์ดมันเป็นลิปตันรสธรรมดา แต่ไหงพี่ได้รสบลูเบอร์รี่มาก็ไม่รู้ พูดว่า original เขาก็ไม่เข้าใจ หิวจะตายอยู่แล้วเลยช่างแม่ง ท้องพี่ไม่น่าเสียเพราะลิปตันหรอกมั้ง" จบการร่ายยาวเหยียดด้วยการเอาไก่ไม่มีกระดูกเข้าปาก "เออ อันนี้ปลอดภัย รสชาติ Thai style"


                    "เราไม่ได้ถ่าย Snow White Live Action กันอยู่ใช่ป่ะ ทำไมต้องกินอะไรด้วยความกลัวว่ามันจะมีพิษด้วย" ผมหัวเราะก่อนจะแกะห่อ Super Wrap คือมันชื่อนี้ไหมผมก็ไม่รู้หรอก แต่ในเมื่อมันอันใหญ่กว่า wrap ปกติผมก็จะคิดละกันว่าเรียกแบบนี้ไม่เสียหาย “เอ้อ พี่จะชิมไหม ถ้าพี่จะชิมผมจะได้เอาส้อมเอาอะไรมาหั่นแบ่งให้ก่อน”


                    "เรากินไปเถอะ ถ้าอร่อยเดี๋ยวพี่ค่อยซื้อกินเองทีหลัง" ในเมื่อพี่โย่งพูดแบบนี้ ผมก็เลยกััดเจ้า Super Wrap เข้าปากและทำผักชิ้นเล็กๆร่วงกระจาย


                    พี่โย่งหัวเราะเบาๆ "ต้องจดไว้ว่าเป็นอาหารอีกอย่างที่ไม่ควรกินต่อหน้าแฟน นอกเหนือไปจาก California Roll เพราะกินทีไรได้ขายหน้าเมื่อนั้น เป็นไงบ้าง อร่อยป่ะ”


                     "ใช้ได้ แนะนำเลย"


                     "อะ จะจำไว้ ส่วนนี่ เงินที่พี่ยังติดเราหลังหักค่า KFC" พี่เขากระดกลิปตันรสบลูเบอร์รี่ "เฮ้ย อันนี้ก็ใช้ได้ ถ้าไม่คิดว่าพี่ใช้ปากกระดกไปแล้วจะรินให้ชิมเลย"


                     "เดี๋ยวผมค่อยซื้อกินเองทีหลัง"


                     "อันนี้คือก๊อปคำพูดพี่ช้ะ" ผมไม่ตอบ แต่ยิ้มตาหยีใส่พี่เขาที่พึมพำว่าเด็กสมัยนี้มันร้ายว่ะแล้วกินต่อ แหม พูดเหมือนตัวเองแก่กว่าผมซัก 20 ปี


                     หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อบ (รวมถึงเอาถาดไปเก็บเอง) เราก็ย้อนกลับมาที่สถานีรถไฟ

     

                    “นอนไหนเนี่ยเราโรงแรมหรือโฮสเทล หรือบ้านคนรู้จัก”

     

                    “ผมว่าการมีบ้านคนรู้จักในรัสเซียนี่ดียิ่งกว่าถูกเลขท้ายสองตัวอีกนะ แล้วผมก็ไม่มีปัญญาไปนอนโรงแรม เพราะงั้น โฮสเทลคือคำตอบสุดท้ายครับ”

     

                    “ทันเกมเศรษฐีที่น้าต๋อยไตรภพเป็นพิธีกรด้วยหรอ เลยรู้จักวลีคำตอบสุดท้ายเนี่ย”

     

                    “ผมก็ไม่ได้เด็กกว่าพี่ขนาดนั้นไหมล่ะ”

     

                    พี่โย่งไม่สนใจที่ผมพูด“โฮลเทลเราต้องนั่งรถไฟสายไหนไปล่ะ ถ้าสายเดียวกันจะได้ไปด้วยกัน... แต่คงไม่ใช่หรอกมั้ง ไม่งั้นมันจะพรหมลิขิตเกินไปหน่อยล้ะ”

     

                    “พี่ไม่เชื่อเรื่องนี้หรอ”

     

                    “สรุปโฮสเทลเรานั่งสายไหนไป”

     

                    “สีเขียว...เข้ม” ผมเสริม เพราะรถไฟใต้ดินในมอสโควมีทั้งสายสีเขียวเข้มและสีเขียวอ่อนถ้าถามว่าทำไมไม่เลือกสีให้มันต่างกันไปเลย ผมก็จะตอบว่าเพราะมันมีทั้งหมด 12 สายน่ะสิ เขาคงหมดสีที่จะใช้จริงๆ แล้วล่ะ “แล้วก็ไปเปลี่ยนเป็นสายสีเหลืองอีกที พี่ล่ะครับ?”



     

                    ถ้าจะบอกว่าผมไม่ลุ้นเลยที่จะให้พี่เขาตอบว่าสีเขียวเข้มเหมือนกันมันก็จะเป็นเรื่องโกหก เห็นใจผมหน่อยเถอะครับ 12 สาย คนเดียวหัวหายสองคนตายคู่แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องเป็นผีไปคนเดียวนะ “สีน้ำเงิน”

     

                    ผมก็เตรียมใจไว้แล้วล่ะว่ามีโอกาสที่ต้องตายคนเดียว “ไม่หลงหรอกน่า ตาม Google Maps ไปเชื่อพี่ พี่ผ่านมาเยอะ”

     

                    “ทำเหมือนแก่กว่าซักร้อยปีอีกแล้ว”

     

                    “อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้นะ ที่หน้าเด็กเพราะพี่เป็นแวมไพร์แบบเอ็ดเวิร์ดยังไงล่ะ... ล้อเล่นเว้ย!” พี่โย่งหัวเราะเอิ้กอ้าก “อ่าวสายสีน้ำเงินกับสีเขียวเข้มมันไปคนละทางกันนี่หว่า โชคดีนะหวังว่าจะเจอกันอีกที่จัตุรัสแดง ไม่ก็ห้างกุม”

     

                    ผมยกมือโบกตอบพี่เขาอัตโนมัติแล้วก็ต้องด่าเอ็ดเวิร์ด ทไวไลท์หลังจากนั้น โทษฐานที่ทำให้ผมอึ้งจนลืมถามชื่อและลืมขอไลน์พี่เขา





    Talk.

    ตอนนี้ก็จะรูปเยอะๆ หน่อย เพราะเป็นตอนที่เรามีโอกาสได้ถ่ายรูปแล้ว ไม่เหมือนตอนนั่งรถไฟที่ถ่ายอะไรก็เบลอไปหมด เพราะรถสั่น 5555

    ตอนหน้าเราจะพาไปเที่ยวรัวๆ เลยค่ะ เริ่มต้นที่จัตุรัสแดง อันประกอบไปด้วย Saint Basil's Cathedral หรือโบสถ์หัวหอมที่เราเรียกๆ กัน และเป็นภาพปกของเรื่องนี้ด้วย เพราะเราประทับใจในความสวยของมันมากๆ และห้างกุม (Gum Department Store) ซึ่งเป็นห้างที่เก่าแก่มากของรัสเซีย ตามด้วย Novodevichy Convent และ Saint Saviour Cathedral (ที่นี่ก็สวยลืมหายใจเหมือนกันค่ะ) ปิดท้ายด้วยการเดินชิลล์ริมแม่น้ำมอสโคว

    (พูดไปพูดมาละเยอะเหลือเกิน ดีไม่ดีก็ได้แค่จัตุรัสแดงแหละค่ะ)

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in