เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
วันนี้ฉันอ่านอะไรmisterbean
วันนี้ฉันซื้อหนังสือมาสี่เล่ม

  •            ฉันหยิบทิชชูม้วนใหญ่ น้ำขนาด 1,500 ml และเสื้อกันหนาวสีเขียวหนึ่งตัวใส่กระเป๋าเป้สีเขียวเตรียมออกจากห้อง จุดหมายปลายทางของฉันวันนี้คือศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 

               ใช่ วันนี้ฉันจะไปงานหนังสือ 
               ฉันเดินจากหอไปขึ้น MRT สามย่านตรงจามจุรีสแควร์ เมื่อเข้าในขบวนรถฉันมองหาที่นั่งแต่ก็
    ไม่มี ฉันจึงยืนเกาะเสาพลางเล่นมือถือไปด้วย 
    .
    .
    .
    สถานีต่อไป ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  ฉันเงยหน้าขึ้นแล้วคิดในใจว่า เกือบแล้ว เกือบนั่งเลยสถานีแล้ว

               เมื่อฉันก้าวลงสถานี ฉันก็มุ่งหน้าไปทางออกที่ 3 เพื่อไปยังงานหนังสือที่ฉันรัก
             วันนี้ฉันตั้งใจว่าจะซื้อหนังสือไม่เกิน 1,000 บาท เพราะหนังสือที่ซื้อมาจากงานหนังสือครั้งที่แล้วยังวางเรียงกันสวยงามบนชั้นหนังสือโดยที่ฉันไม่ได้หยิบมันมาอ่านเลย (อ้างว่าไม่มีเวลาอะนะ) ฉันมีหนังสือสามเล่มที่ตั้งใจจะมาซื้ออยู่แล้ว หนังสือสามเล่มนี้เป็นของสำนักพิมพ์ที่ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไร แต่วันนี้ฉันซื้อหนังสือจากสำนักพิมพ์นี้ตั้งสามเล่ม ทำไมกันนะ
              

    เล่มที่ 1 : ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งเศร้า

    จิรัฏฐ์ ประเสริฐทรัพย์/ สำนักพิมพ์แซลมอน/ เรื่องสั้น


    แค่ชื่อหนังสือก็เก๋เท่ชวนคิดแล้วว่า ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งเศร้า ของจิรัฏฐ์ ประเสริฐทรัพย์ นั้นแปลว่าอะไร ฉันเคยได้ยินแต่ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งสร้าง ทำไมหนังสือเล่มนี้จึงเป็น "เพิ่งเศร้า" ล่ะ อะไรทำให้เราเพิ่งเศร้ากันนะ
    อย่างที่บอกไปว่าฉันซื้อหนังสือจากสำนักพิมพ์ที่ฉันไม่ค่อยชอบ ใช่แล้ว สำนักพิมพ์แซลมอน (ที่คนชอบกันแต่ฉันไม่ค่อยชอบ) ไม่รู้ทำไมฉันถึงไม่ค่อยชอบ แต่แปลกดีที่ฉันกลับซื้อหนังสือจากสำนักพิมพ์นี้ 
    ฉันเคยอ่านเรื่องสั้นสองเรื่องในหนังสือเล่มนี้ (ของเพื่อน) แล้วก็ตกหลุมรักมันเข้าอย่างจัง เพราะ ภาษาที่เรียบง่าย กวนโอ๊ย แต่สละสลวยน่าอ่าน ทั้งเนื้อหาที่เขานำเสนอก็น่าติดตามและน่านำไปคิดต่อ ฉันจึงตั้งใจว่าจะซื้อหนังสือเล่มนี้มาประดับบนชั้นหนังสือ (แต่อ่านด้วยนะ อ่านเรื่องที่เหลือต่อ) อ้อ เรื่องที่ฉันเคยอ่านในเล่มนี้เเล้วคือ "น้ำตาที่ต่าง" และ "ประดิษฐกรรมของอากง" สนุกมาก ๆ เลย ล่ะ 

    เล่มที่ 2 : YOUNG 'N' WILD

    จิรัฏฐ์ ประเสริฐทรัพย์/ สำนักพิมพ์แซลมอน 


    เล่มนี้เป็นหนังสือของนักเขียนคนเดิม จิรัฏฐ์ ประเสริฐทรัพย์ (อีกแล้ว) เป็นหนังสือรวมเรื่องเล่าของคนหนุ่มสาวที่มีชีวิตอยู่จริง ฉันยังไม่เคยอ่านเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้หรอกนะ แต่ฉันซื้อมาเพราะเห็นว่าเป็นนักเขียนคนนี้ (ที่ฉันได้กลายเป็นแฟนคลับเขาแล้ว) ถ้าฉันอ่านจบเมื่อไรแล้วจะมาเล่าให้ฟังว่าเป็นยังไงบ้าง อ้อ ฉันเห็นแว้บ ๆ ว่ามีเรื่อง "ประดิษฐกรรมของอากง" อยู่ในเล่มนี้ด้วย อยากให้ลองอ่านเรื่องนี้

    จริง ๆ นะ สนุกมากเลยล่ะ 

    เล่มที่ 3 : 3 วันดี 4 วันเศร้า

    อินทิรา เจริญปุระ/ สำนักพิมพ์บันบุ๊กส์

    สำนักพิมพ์บันบุ๊กส์ก็เป็นเครือเดียวกับสำนักพิมพ์แซลมอนนั่นล่ะ แล้วฉันก็ซื้อหนังสือจากสำนักพิมพ์ที่ฉันไม่ค่อยชอบอีกแล้ว
    ฉันอยากได้หนังสือเล่มนี้มานานแล้วล่ะ ไม่ใช่ว่าฉันอินกระแสโรคซึมเศร้า (ที่กำลังได้รับความสนใจ
    ช่วงนี้) หรอกนะ แต่ฉันมีภาวะซึมเศร้า หรือ depression ยังไม่ถึงกับ โรคซึมเศร้าหรือ depressive disorder หรอก แต่ฉันก็เข้าขั้นรุนแรง (หมอบอกมา) ฉันพบว่าฉันเป็นภาวะนี้มาสามสี่เดือนแล้วล่ะ 
    กินยามาเรื่อย ๆ ตอนนี้ก็ดีขึ้นเยอะแล้ว แต่ช่วงนี้ดันกลับไปเป็นหนักเหมือนเดิม เพราะปัญหาหลาย ๆ อย่างรุมเร้า ฉันก็เลยอยากรู้ว่าคนที่เป็นถึงขั้นโรคเนี่ย จะเป็นขนาดไหนนะ เพราะฉันเป็นแค่ภาวะ ฉันยังแย่ขนาดนี้เลย อีกอย่าง ฉันอยากเข้าใจตัวเองมากขึ้น เพราะทุกวันนี้ฉันเกลียดตัวเองจะแย่ คนที่ฟอลทวิตเตอร์ฉันจะรู้ดี ฉันจึงซื้อหนังสือเล่มนี้มา ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะช่วยเท่าไร แต่อย่างน้อยฉันก็ได้เรียนรู้มากขึ้น

    เล่มที่ 4 : เรื่องเล่าจากยอดภูเขาน้ำแข็ง

    ดาวเดียวดาย

    เอาอีกแล้ว ฉันซื้อหนังสือเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าอีกแล้ว จริง ๆ หนังสือเล่มนี้ฉันเห็นมาสักพักแล้วแต่ไม่เคยคิดจะซื้อ แต่สองสามวันมานี้กลับมาร้องไห้ฟูมฟาย หยิกตัวเอง ทุบหมอนอีกแล้ว ฉันก็เลยอยากซื้อมาลองอ่าน เผื่อจะเข้าใจตัวเองมากขึ้น เหตุผลเดียวกับที่ซื้อหนังสือพี่ทรายนั่นล่ะ หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ได้รับรางวัลสารคดียอดเยี่ยมรางวัลนายอินทร์อะวอร์ดปี 2557 (ได้อีกสองรางวัลด้วยนะ) ดาวเดียวดาย ผู้เขียนเล่มนี้เป็นไบโพลาร์ (สับเซ็ตของโรคซึมเศร้าอีกที) นอกจากผู้เขียนจะเล่าเรื่องของตนเองกับเพื่อนน้อยซึมเศร้าแล้ว แต่ละบทก็จะคั่นด้วยเกร็ดความรู้เล็กน้อยที่ฉันว่าน่าสนใจมากทีเดียวล่ะ 


    งานหนังสือครั้งนี้ฉันหมดเงินไปทั้งหมด 599 บาท (ยังไม่รวมค่ากินไอศกรีม 25 บาทและค่าเติมบัตร MRT 100 บาท) ถือว่าเป็นยอดเงินที่น้อยมาก ๆ ถ้าเทียบกับการซื้อหนังสือในงานหนังสือครั้งก่อน ๆ เพราะครั้งนี้ฉันตั้งใจว่า ฉันจะอ่านหนังสือที่ซื้อมาให้หมดก่อน ประกอบกับช่วงนี้ไม่ค่อยมีเงิน (แหะ ๆ ) 
    ก็เลยตั้งใจว่าจะซื้อไม่เกิน 1,000 บาท 

    ฉันชักจะชอบสำนักพิมพ์ที่ฉันเคยไม่ชอบเสียแล้วสิ 

    ถ้าฉันอ่านจบเมื่อไร จะมารีวิวให้อ่านนะ




เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in