เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Short Storygffnms
Him
  • It was my fault 'cause I could've sworn that you said,
    It was easy to find another for your bed.



    "แกจะเอามันไปทิ้งจริงๆเหรอวะขิง"

    เพื่อนสนิทของฉัน (ที่อยู่ๆวันนี้ก็อยากมาหาที่บ้าน) กอดอกมองบรรดาข้าวของที่ฉันกำลังเก็บรวบลงถุงดำ ทั้งตรงบนโต๊ะข้างหัวเตียง ข้างตู้เสื้อผ้า หรือกระทั่งที่ไปอยู่บนหิ้งพระได้ยังไงและเมื่อไหร่ฉันก็จำไม่ได้ ดูจะไร้สาระเมื่อไปสักหน่อยถึงขนาดจะต้องเอาการ์ดซึ่งเขียนไว้สั้น ๆโง่ ๆว่า "Happy birthday my stupid dog"  ไปไว้ข้างกับสิ่งบูชาซึ่งเป็นที่พึ่งทางใจอย่างเช่นพระพุทธรูปได้

    ตอนที่หยิบของแต่ละชิ้นทิ้งลงไปในถุงฉันพยายามจะไม่ใส่ใจมองว่ามันเคยเขียนอะไรไว้หรือว่าฉันได้มันมาตอนไหน เมื่อไหร่ หรือว่า จากใคร — น่าเสียดายที่เรามักจะห้ามความคิดฟุ้งซ่านหรือไร้สาระของตัวเองไม่ได้เท่าไหร่ ดังนั้นความพยายามของฉันจึงไร้ผล ของทุกอย่างที่ฉันตั้งใจจะทิ้งมาจากเขา

    ตุ๊กตากระต่ายสีขาวบนโต๊ะข้างหัวเตียง เขาให้ฉันมาเมื่อปีที่แล้วในวันฮาโลวีน ฉันจำได้เพราะมันดูแปลกสำหรับของที่ให้กันในวันปล่อยผีแบบนั้น แต่เขาก็แค่พูดด้วยท่าทีสบายๆ
    v
    v
    "ถ้าเธออยากให้เข้ากับเทศกาลก็แค่มองซะว่ามันเป็นกระต่ายผีที่ตายดี แต่สำหรับผมก็แค่อยากให้เธอ ไม่เห็นต้องรอฤกษ์ยาม อยู่กับผมนานกว่านี้มันคงจะเป็นกระต่ายดำแทน"

    หรืออย่างเช่นพวงกุญแจของตราโรงเรียนฮอกวอตส์ของบ้านกริฟฟินดอร์ ที่เขาซื้อมาแค่เพราะเห็นว่าฉันชอบแฮรี่ พอตเตอร์และเห็นว่าพวงกุญแจอันนี้เป็นรูปสิงโต เท่ดี อย่างน้อยๆฉันน่าจะบอกเขาก่อนว่าฉันคัดสรรแล้วได้อยู่บ้านเรเวนคลอ สัญลักษณ์ของบ้านที่เขาบอกว่า "นกนั่นไม่เห็นสวยเลยซักนิด"

    นั่นแค่ส่วนหนึ่งจากทั้งหมดอีกเจ็ดส่วนที่ฉันแบ่งไว้ตามความชอบ

    "ถ้าเขาไม่ทิ้ง ฉันก็ไม่ทิ้งหรอก"

    ฉันพูดเสียงเรียบเหมือนคนไร้อารมณ์ตอบกับอีกฝ่ายที่ยืนมองอยู่และทำท่าทางเสียดายโดยเฉพาะของบางอย่างที่มีราคาแพง แต่นั่นถูกจัดไว้ในส่วนสุดท้ายจากความชอบของฉันเลย

    "ขิง แล้วนั่นแกจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าทำไม" พราวเอ่ยขึ้นพลางมองอย่างสงสัยไปที่กระเป๋าใบใหญ่ซึ่งมีเสื้อผ้าที่ถูกจัดวางสำหรับทริปสิบวันของฉันหรืออาจจะมากกว่านั้น ฉันทำเพียงแค่ยักไหล่ "ไปไม่นานหรอก" และนั่นเป็นอีกข้อดีที่เพื่อนสนิทมักจะรู้ว่าเวลาไหนที่ไม่ควรเซ้าซี้ต่อ อีกฝ่ายจึงทำเพียงถอนหายใจ "เดินทางปลอดภัยล่ะ อย่าลืมของฝากด้วย"


    พระอาทิตย์ตกดินพอดีกับที่ฉันเดินทางไปถึงรีสอร์ทซึ่งติดชายทะเล ทุกอย่างดูสงบแต่ไม่ถึงกับเงียบสงัดเพราะเป็นช่วง low season ทำให้ไม่มีคนมาพักมากเท่าไหร่ จะมีก็แต่ชาวต่างชาติซึ่งมาพักผ่อนพอให้ไม่เงียบเหงาจนเกินไป

    บาร์ริมทะเลมีวงดนตรีร้องคลอเบาๆสร้างบรรยากาศ ฉันมองไปรอบกายเห็นทั้งคู่รัก ครอบครัวชวนให้รู้สึกอุ่นๆในหัวใจ ฉับพลันนั้นความทรงจำระหว่างฉันและเขาก็ปรากฎขึ้นอยู่ในหัวฉัน คืนนั้นในตอนที่เดินลัดเลาะไปตามชายฝั่ง ริมฝีปากของเราทั้งคู่ได้พบกันเป็นครั้งแรก มันไม่วาบหวามอะไร เพียงสัมผัสแผ่วเบาเท่านั้นก็ทำให้ใจสั่นแรงกว่าแผ่นดินไหวขนาด XII เมอร์คัลลี


    I've been staring at the hotel ceiling,
    Drinking everything I've found this evening

    หากว่าคนรู้จักมาเจอฉันในตอนนี้อาจจะไม่เชื่อว่าเป็นฉัน หรือไม่ก็คงมีความคิดว่า "ขี้เมานี่น่ะเหรอคือยัยติ๋มขิงคนนั้นน่ะ" กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวฉันจากเครื่องดื่มที่ถูกเสิร์ฟแก้วแล้วแก้วเล่า ฉันไม่รู้ว่ากลับขึ้นมาที่ห้องได้ยังไง อาจจะเพราะความช่วยเหลือของพนักงานโรงแรมหรืออะไรก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้รู้สึกขอบคุณ

    หลังจากการได้ทดลองด้วยตัวเองแล้ว ฉันก็ค้นพบว่าแอลกอฮอล์ไม่ได้ช่วยให้ความเจ็บปวดหายไปเลยแม้แต่นิดเดียว หนำซ้ำยังทำให้สามารถพร่ำเพ้อคำพูดต่างๆออกมาได้อย่างไร้ความอาย ขอเพียงแค่ได้พูด ได้ระบายออกมาเท่านั้น ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกมากเข้าไปใหญ่ มันจึงถูกตัดออกไปจากลิสต์ในหัวของฉัน

    - ไปเที่ยวให้ไกล
    - อยู่คนเดียว
    - ทิ้งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรา
    ลองเมาจนเละเทะดูบ้าง

    ฉันนอนมองเพดานห้องพักซึ่งเป็นสีส้มสลัวจากโคมไฟสุดท้ายที่ยังคงเปิดอยู่ ถ้าเขายังอยู่ตอนนี้จะเป็นยังไง มืออุ่นคู่นั้นจะยังส่งผ่านถึงความรู้สึกห่วงใยอยู่หรือเปล่า หรือจะเป็นคำพูดที่ทำให้คนฟังรู้สึกผิดที่ทำให้เขาเป็นห่วง หรือว่าจะเป็นกอดเพียงครั้งเดียวและเสียงกระซิบของสามคำนั้น

    Trying to hold onto the sweetest feeling,
    So I'll never let you go, don't you leave me lonely now.

    เสียงสะอื้นดังขึ้นเบาๆในห้อง นั่นเสียงของฉันจริง ๆเหรอ ไม่เห็นจะจำได้เลยว่าครั้งสุดท้ายที่ร้องไห้จนสะอื้นมันผ่านมากี่ปีแล้ว แล้วนั่นก็ทำให้เจ็บขึ้นเรื่อย ๆ ตอกย้ำว่าฉันเกลียดการอยู่โดยไม่มีเขา

    I guess I'm only acting in the way that you do.
    Just being alone

    ฉันไม่เชื่อในปาฎิหารย์ แต่ถ้ามันมีอยู่จริง ฉันจะย้อนเวลากลับไปกอดเขาไว้แทนการพูดคำนั้นออกไป

    I knew I shouldn't have let you go.



    //แรงบันดาลใจจากเพลง Hotel Ceiling ของ rixton อยู่ๆก็อยากแต่งอะไรสั้น ๆเฉย ๆ 5555
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in