เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Music is Magicpatstylez
แปลเพลง : Twenty One Pilots - Neon Gravestones
  • * TRIGGER WARNING - SUICIDAL THOUGHTS *


    Song Title : Neon Gravestones
    Artist : Twenty One Pilots
    Album : Trench

    Talk :
    สวัสดีค่าา เราลังเลอยู่นานเลยค่ะว่าจะเอาเพลงนี้มาลองแปลดีไหม เพราะความหมายมันลึกซึ้งมากกก (อีกแล้ว 55555) แต่เห็นมีคอมเมนต์ว่าอยากให้แปลด้วยก็เลยลองดูค่ะ ถ้ามีข้อผิดพลาดตรงไหน หรือมีคำแนะนำอะไรก็สามารถคอมเมนต์มาได้เช่นเคยเลยนะคะะ <33

    ปล. เอ็มวี Chlorine น่าจะมาพรุ่งนี้นะคะทุกคน!!!

    ------------------------------------------------------------------

    ก่อนอื่นเราต้องขอแปลบทสัมภาษณ์บางช่วงจากเว็บไซต์ ALTPRESS ก่อนนะคะ เพราะที่ผ่านมาวงนี้เคยโดนเข้าใจผิดไปว่าแต่งเพลง glorifies mental illness หรือเชิดชูปัญหาสุขภาพจิตค่ะ

    จากบทสัมภาษณ์ ไทเลอร์เล่าว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่เอาเนื้อเพลงให้จอชดู เขาก็กังวลเหมือนกันนะคะว่าจอชจะรู้สึกยังไง แล้วคนฟังจะรับสารที่เขาพยายามสื่อถูกรึเปล่า แต่จอชก็สนับสนุนไอเดียนี้ของไทเลอร์ค่ะ

    จอชเล่าว่า ทั้งสองคนมีความคิดต่อเรื่องต่างๆและมีมุมมองที่คล้ายกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทั้งคู่สามารถเข้ากันได้ดีมากๆตั้งแต่ช่วงที่เริ่มรู้จักกันค่ะ แต่ก็อย่างที่ไทเลอร์คิดนะคะ คือเรื่องนี้มันเป็นประเด็นอ่อนไหว ดังนั้นจอชก็เลยอยากหาบาลานซ์เหมือนกัน ซึ่งเพลงนี้มันเป็นเพลงที่พอฟังจบแล้วต้องมานั่งทบทวนกับมันหน่อย แต่เขาก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่กล้าหาญ และเขาก็ชอบสิ่งนั้นค่ะ

    ไทเลอร์แสดงความคิดเห็นว่า เขาหวังให้มันมีหลายวิธีที่เราจะสามารถพูดถึงประเด็นการทำร้ายตัวเอง โรคซึมเศร้า และการฆ่าตัวตายได้ค่ะ เขาคิดว่ามุมมองที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในเพลงนี้มันเป็นมุมมองที่ไทเลอร์ไม่ค่อยจะได้ยินสักเท่าไหร่ และเขาก็อยากได้ยินมันค่ะ เพราะไทเลอร์คิดว่าบางทีประโยคอย่าง "พวกเราได้ยินคุณนะ และเราก็อยู่ตรงนี้ พวกเราเข้าใจคุณ" พอถึงจุดๆนึงแล้ว ประโยคพวกนี้มันก็อาจจะไม่สามารถช่วยอะไรได้ ซึ่งเขาก็คิดต่อไปว่า แล้วอะไรล่ะที่จะตรงข้ามกับสิ่งนั้น? คำตอบก็คือเขาคิดว่า มันก็คือการเอาชนะ การก้าวออกมาล้มล้างบางสิ่งนั่นเอง เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ท้าทายค่ะ นอกจากนี้ ไทเลอร์ยังกล่าวด้วยว่า ผู้คนแต่ละคนก็ย่อมมีการตอบสนองต่อสิ่งต่างๆที่แตกต่างกันออกไปค่ะ

    ไทเลอร์หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้คนจะเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาพยายามสื่อ เพราะมันอาจเป็นเรื่องที่อุกอาจและสร้างความไม่พอใจ แต่เขาก็ร้องในสิ่งที่ตนเองอยากได้ยินค่ะ นอกจากนี้เขาก็คิดว่า มันต้องมีกลุ่มคนที่จะตอบสนองต่อประเด็นนี้ด้วยความคิดแบบการต่อสู้ มีแพ้ชนะเหมือนเขาเช่นกัน ซึ่งไทเลอร์คิดว่าวิธีการแบบนี้มันจะสามารถช่วยให้เขาข้ามผ่านสิ่งต่างๆไปได้ค่ะ


    ------------------------------------------------------------------

    Call (Call)
    Call (Call)
    Call (Call)


    What's my problem?
    Well, I want you to follow me down to the bottom
    Underneath the insane asylum
    Keep your wits about you while you got 'em
    'Cause your wits are first to go while you're problem-solvin'
    And my problem?
    We glorify those even more when they...
    My opinion, our culture can treat a loss like it's a win
    And right before we turn on them
    We give 'em the highest of praise
    And hang their banner from the ceiling
    Communicating, further engraving
    An earlier grave is an optional way, no


    เสียงร้องเรียก
    ร้องเรียกหา


    ปัญหาของผมคืออะไรน่ะหรอ?
    อืม ผมอยากให้คุณตามลงมาที่ข้างล่างสุดนี่
    ข้างใต้โรงพยาบาลวิกลจริตนี้
    เก็บสติไว้ใกล้ๆตัวด้วยล่ะระหว่างที่ยังมีอยู่
    เพราะนั่นแหล่ะคือสิ่งแรกที่จะหายไปเมื่อคุณแก้ปัญหา
    แล้วปัญหาของผมน่ะหรอ?
    คนเรามักจะเชิดชูผู้คนเหล่านั้นเมื่อพวกเขา....
    ผมคิดว่านะ สังคมเราปฏิบัติต่อการสูญเสียอย่างกับชัยชนะ
    และเพียงครู่เดียวก่อนที่เราจะหันไปหาพวกเขา
    เราเชิดชูพวกเขาอย่างสูงสุด
    และแขวนป้ายอันใหญ่ให้พวกเขาจากหลังคา
    บอกเล่าต่อกัน ไปจนถึงสลักจารึก
    ลงหลุมก่อนวัยอันควรมันไม่ใช่ทางออกนะครับ


    เราขออธิบายตรงนี้รวมๆทั้งที่เราตีความเองและจากที่เคยอ่านคนวิเคราะห์มาเลยนะคะ อย่างแรกเลยคือ อย่างที่เรารู้กันนะคะว่าอัลบั้มนี้มันเป็นการบอกเล่าเรื่องราว โดยในเรื่องราวที่ไทเลอร์สร้างขึ้นมานี้มันมีสถานที่ที่จับกุมผู้คนเอาไว้ เรียกว่า Dema ซึ่งเหล่า Bandito อย่างไทเลอร์ จอช รวมถึงพวกเรากำลังพยายามหลบหนีออกไปค่ะ ซึ่งท่อนที่ไทเลอร์บอกให้ตามลงไปข้างล่างเนี่ย แฟนๆคิดว่าข้างใต้โรงพยาบาลวิกลจริตที่ว่านี้ก็คือหนึ่งในสถานที่ใน Dema ค่ะ โดยถ้าเชื่อมโยงท่อนนี้กับเพลง Bandito ในท่อนที่ร้องว่า I could take the high road but I know that I'm going low และดูเอ็มวีเพลง Nico and the niners จะเห็นได้ว่าเส้นทางที่ไทเลอร์ใช้หลบหนีออกจาก Dema คือการลงไปในอุโมงค์ข้างล่างค่ะ ดังนั้นเพลงนี้จึงอาจเป็นข้อความที่ไทเลอร์กำลังบอกพวกเราในขณะที่ชวนหลบหนีออกจาก Dema ค่ะ


    ส่วนท่อนต่อมาเราคิดว่า ไทเลอร์ต้องการสื่อสารว่าในปัจจุบันสังคมของเรานี้มักจะยกย่องบุคคลที่จากไปด้วยการจบชีวิตของตัวเองลง ทั้งยังมาเชิดชูผลงานของพวกเขาในภายหลัง แต่ในขณะที่พวกเขามีชีวิตอยู่นั้น เรากลับไม่ได้สนใจปัญหาเหล่านี้มากเท่าที่ควรเลย มันเลยกลายเป็นเหมือนเรากำลังเฉลิมฉลองการจากไปของพวกเขามากกว่า  และไทเลอร์ก็ไม่อยากให้ใครต้องจากไปด้วยวิธีการเช่นนั้นอีกค่ะ


    Neon gravestones try to call (Neon gravestones try to call)
    Neon gravestones try to call for my bones (Neon gravestones try to call)
    Call (For my bones)
    Call, call, call (Call, call, call)
    Call (Call)
    Call (Call)


    หลุมฝังศพอันเรืองรองที่ร่ำร้อง
    หลุมฝังศพอันเรือนรองพยายามร้องเรียกกระดูกของผม
    เรียกหากระดูกของผม
    ร้องเรียก
    ร้องเรียกหา


    ป้ายหลุมศพนีออนอาจเปรียบเสมือนการจากไปของบุคคลที่มีชื่อเสียงค่ะ ซึ่งไทเลอร์เองก็ประสบปัญหา มีเสียงเหล่านั้นในหัวของเขาเช่นกัน นอกจากนี้การใช้คำว่านีออนมันยังเชื่ิอมโยงกับเพลง Bandito ในท่อนที่บอกว่า แสงนีออนก็เป็นแค่ "a heatless fire" คือไฟที่ไม่มีความร้อน ดังนั้นต่อให้เสียงนี้จะร้องเรียกหาไทเลอร์ขนาดไหน แต่มันก็ไม่มีอำนาจเหมือนไฟจากดวงอาทิตย์ที่มอบแสงสว่าง ความหวัง รวมถึงการเริ่มต้นใหม่ ที่วงนี้มักจะกล่าวถึงบ่อยๆในหลายๆเพลงค่ะ

    *แก้ไขเพิ่มเติมค่ะ เราเพิ่งได้ไปฟังคลิปที่แฟนคลับ Discord Clique พูดคุยกับไทเลอร์มาค่ะ สามารถดูย้อนหลังได้ ที่นี่ นะคะ โดยแฟนๆได้สอบถามไทเลอร์ว่า จากที่แฟนๆได้พยายามไขปริศนาต่างๆไป มีตรงไหนมั้ยที่เรายังหาคำตอบไม่พบ ไทเลอร์ตอบว่า ส่วนมากแฟนๆหาเจอแล้วค่ะ แต่มันก็ยังมีประเด็นที่ค่อนข้างไม่แน่ชัดอยู่ เช่น เหตุผลว่าทำไมเราถึงควรหลบหนีออกจาก Dema (นอกเหนือไปจากที่เรารู้กันอยู่แล้วว่ามันแทนถึงความคิดด้านลบต่างๆค่ะ) ก็คือใน Dema มันมีลัทธิที่เหล่า Bishops สร้างขึ้นมา ซึ่งเรียกว่า Vialism ค่ะ (ตรงนี้เป็นข้อมูลที่แฟนๆมีอยู่แล้วแต่ยังไม่เข้าใจค่ะ โดยข้อมูลนี้ได้มาจากการเล่นเกม Bandito Immersive Experience เพื่อสะสมตราสัญลักษณ์แล้วอ่านความหมายของตราเหล่านั้น สามารถดูเพิ่มเติมได้จากที่เราแปลไว้ใน Bandito ค่ะ) ซึ่งไทเลอร์ได้อธิบายว่า คำตอบเกี่ยวกับลัทธิ Vialism เนี่ยมันอยู่ในเพลง Neon Gravestones นี่เองค่ะ คือลัทธิดังกล่าวมันมีคำสอนว่า เป้าหมายในชีวิตของคุณก็คือ เมื่อถึงจุดนึงแล้ว คุณจะต้องจบชีวิตของตัวเองลง โดยพยายามให้การกระทำดังกล่าวนี้สร้างผลกระทบต่อคนอื่นให้ได้มากที่สุด (เช่น ใช้เป็นวิธีแก้แค้น ทำให้คนอื่นรู้สึกผิด) แล้วคนข้างใน Dema ที่ยังไม่ตาสว่างจากคำสอนของลัทธินี้ ก็จะเฉลิมฉลองการจากไปของผู้คนที่จบชีวิตของตัวเองลง ด้วยเหตุนี้เอง รอบๆ Dema จึงถูกรายล้อมไปด้วยหลุมศพที่ถูกประดับด้วยแสงไฟนีออนค่ะ (เราแปะภาพแผนที่ Dema เอาไว้ข้างล่างสุดนะคะ เผื่อใครยังนึกไม่ออกว่าหลุมศพที่ว่ามันคือตรงไหน)


    What's my problem?
    Don't get it twisted
    It's with the people we praise who may have assisted
    I could use the streams and extra conversations
    I could give up, and boost up my reputation
    I could go out with a bang
    They would know my name
    They would host and post a celebration
    My opinion will not be lenient
    My opinion, it's real convenient
    Our words are loud, but now I'm talking action
    We don't get enough love?
    Well, they get a fraction
    They say, "How could he go if he's got everything?
    I'll mourn for a kid, but won't cry for a king"


    ปัญหาของผมคืออะไรหรอ?
    อย่าเข้าใจผิดไปนะ
    มันคือการที่เราอาจสามารถช่วยเหลือคนที่มัวมานั่งยกย่องทีหลังได้
    ผมอาจได้ยอดสตรีมสูง ๆ และเป็นหัวข้อสนทนา
    ผมอาจยอมแพ้แล้วเพิ่มชื่อเสียงให้แก่ตัวเอง
    ผมอาจหยุดทุกสิ่งแล้วจากไป
    พวกเขาจะได้รู้จักชื่อของผม
    พวกเขาจะได้จัดพิธีสรรเสริญ
    ผมจะไม่อ้อมค้อมกับความเห็นหรอกนะ
    ผมสะดวกกับความคิดเห็นของผมแบบนี้
    คำพูดของเราน่ะมันดัง แต่ตอนนี้ผมกำลังกระทำอยู่
    เราไม่ได้รับความรักอย่างเพียงพอหรอ?
    อืม พวกเขาได้เพียงเศษเสี้ยวเองล่ะ
    พวกเขาบอกว่า "เขาจากไปได้ยังไงกัน ทั้งๆที่มีเพียบพร้อมทุกอย่าง?
    ฉันจะอาลัยให้กับเด็ก แต่ไม่ร้องไห้ให้กับราชาหรอกนะ"


    Neon gravestones try to call (Neon gravestones try to call)

    Neon gravestones try to call for my bones (Neon gravestones try to call)
    Call (For my bones)
    Call, call, call


    หลุมฝังศพอันเรืองรองที่ร่ำร้อง
    หลุมฝังศพอันเรือนรองพยายามเรียกหากระดูกของผม
    เรียกหากระดูกของผม
    ร้องเรียก
    ร้องเรียกหา


    Promise me this (Call, call)
    If I lose to myself
    You won't mourn a day
    And you'll move onto someone else
    Promise me this
    If I lose to myself
    You won't mourn a day
    And you'll move onto someone else
    (Ooh, call, ooh, call)


    สัญญากับผมนะ (ร้องเรียก ร้องเรียกหา)
    ว่าหากผมพ่ายแพ้ให้กับตัวเองไป
    คุณจะไม่มัวแต่โศกเศร้า
    และคุณก้าวต่อไปเริ่มใหม่กับคนอื่น
    (ร้องเรียก ร้องเรียกหา)


    Neon gravestones try to call
    (Neon gravestones try to call)
    Neon gravestones try to call for my bones
    (Neon gravestones try to call)
    Neon gravestones try to call
    (Neon gravestones try to call)
    Neon gravestones try to call for my bones
    (Neon gravestones try to call for my bones)


    หลุมฝังศพอันเรืองรองที่ร่ำร้อง
    หลุมฝังศพอันเรือนรองพยายามเรียกหากระดูกของผม
    หลุมฝังศพอันเรืองรองที่ร่ำร้อง
    ร้องเรียก
    ร้องเรียกหา


    'Cause they won't get them
    No, they won't get them
    They won't get them
    But they won't get them


    ร่ำร้องเพราะพวกมันจะไม่มีทางได้ไป
    ไม่ พวกมันจะไม่มีวันได้ไป
    พวกมันจะไม่มีทางได้กระดูกของผมไป


    Don't get me wrong, the rise in awareness
    Is beating a stigma that no longer scares us
    But for sake of discussion, in spirit of fairness
    Could we give this some room for a new point of view?
    And could it be true that some could be tempted
    To use this mistake as a form of aggression?
    A form of succession?
    A form of a weapon?
    Thinking "I'll teach them"
    Well, I'm refusing the lesson
    It won't resonate in our minds
    I'm not disrespecting what was left behind
    Just pleading that it does not get glorified
    Maybe we swap out what it is that we hold so high
    Find your grandparents or someone of age
    Pay some respects for the path that they paved
    To life, they were dedicated
    Now, that should be celebrated


    อย่าเข้าใจผมผิดไปนะ การเพิ่มขึ้นของการตระหนักรู้
    มันคือการฟาดฟันกับการประทับตราที่ไม่สามารถทำให้เรากลัวได้อีกต่อไป
    แต่เพื่อประโยชน์ของการสนทนาด้วยจิตแห่งความยุติธรรม
    เราจะให้พื้นที่ให้กับมุมมองอื่นบ้างได้ไหม?
    แล้วมันจริงรึเปล่าที่บางคนอาจถูกล่อลวง
    ให้แสดงความก้าวร้าวผ่านความผิดพลาดนี้?
    เพื่อทิ้งมรดกไว้ข้างหลัง?
    เพื่อใช้มันเป็นอาวุธ?
    คิดว่า "ฉันจะสั่งสอนพวกเขาบ้าง"
    อืม ผมขอปฏิเสธบทเรียนนั้นแล้วกัน
    การกระทำแบบนั้นมันไม่สะท้อนดังอยู่ในหัวของเราหรอกนะ
    ผมไม่ได้กำลังดูหมิ่นสิ่งที่เหลืออยู่ข้างหลัง
    แค่กำลังโต้ว่าทำแบบนั้นมันไม่ถูกสรรเสริญหรอก
    บางทีเราอาจสลับว่าอะไรกันนะคือสิ่งที่เราชูไว้อย่างสูง
    ลองหาปู่ย่าตายายหรือใครสักคนที่อายุเยอะๆ
    ให้ความเคารพกับเส้นทางที่พวกท่านปูไว้
    แด่ชีวิตที่พวกท่านอุทิศ
    นั่นต่างหากคือสิ่งที่ควรได้รับการเฉลิมฉลอง




    สมาคมสะมาริตันส์แห่งประเทศไทย :  02-713-6793
    สายด่วนสุขภาพจิต : 1323


    ภาพแผนที่ Dema ที่แฟนคลับไขปริศนาจนพบมาจากเว็บไซต์ dma.org
    ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่า วงกลมตรงกลาง 9 วง ก็คือหน้าปกอัลบั้ม Blurryface นั่นเองค่ะ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in