เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อยากเล่าเรื่องWillnotme
เข้ากรุงไปงานดนตรี
  • 5 มีนา 2561

    เพื่อนๆเคยรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองเลือกมันมักจะผิดพลาดมั้ยคะ แบบเราคิดว่าเราชอบหนังเรื่องนี้ แต่พอดูไปดูมาแล้วกลับไม่ใช่อย่างที่คิดแล้วก็ไม่ชอบซะงั้น คือจะบอกว่าจริงๆแล้วงานดนตรีที่เราไปนั้นไม่ใช่ความคิดของเราแต่แรกเลยนะ คือเรื่องมันเป็นงี้

         อาจารย์ฝรั่งชาวอเมริกันที่พึ่งเคยมาสอนสาขาเราครั้งแรกได้จัดงานปาร์ตี้อำลาปีสามละก็อำลาตัวอาจารย์เองด้วย(ทั้งๆที่พึ่งจะเจอกันไม่กี่เทอมอาจารย์ก็จะกลับประเทศซะแล้ว)  เข้าเรื่องเลยก็คืออาจารย์เป็นคนชวนเราไปงานดนตรีในครั้งนี้ จริงๆก็งงหน่อยๆแบบนี่ชาวไทแลนด์แต่ชาวอเมริกันชวนคนที่อยู่ไทแลนด์อย่างเราไปงานดนตรีที่อยู่ในไทแลนด์ (ไม่งงเนอะ...) นี่ก็เอ่ะใจคิดแบบนั้นไปแปปนึง แล้วก็คุยกันต่อ

    อ.เซเลส: ยู ฉันได้ข่าวว่าจะมีงานดนตรีที่ชื่อว่า CAT T-SHIRT เห็นว่าภูมิก็ไปงานนี้ ไอกำลังคิดอยู่ว่าจะไปดีมั้ย เผื่อยูสนใจ (ภูมิเป็นนักร้องที่เราละก็อาจารย์ชอบมากจากผลงาน lover boy) ยูสนใจไปงานนี้ดูมั้ย
    เรา: (ตอนนั้นที่คิดคืองานไรวะ) เอ่อ..ไอไม่แน่ใจว่าจะได้เข้ากรุงเทพฯมั้ยนะ 
    อ.เซเลส: ยังไงไอก็อยากให้ลองไปดูนะ
    เรา: ขอบคุณมากๆ ถ้ายูไปบอกไอนะ ถ่ายรูปภูมิส่งมาให้ไอด้วยๆ ฮ่าๆๆ

         ปาร์ตี้ผ่านไปเท่ากับเวลาเรียนปกติ พวกเราทั้งเต้น ร้องเพลง เล่นเกมส์ กินขนมที่พากันขนมา หลังจากนั้นเราก็จบปาร์ตี้กันไปด้วยการแจกจ่ายขนมที่ยังเหลือๆอยู่ พอกลับถึงห้องเรานึกถึงงานที่เซเลสพูดกับเราไว้ พอเข้าไปดูงาน CAT T-SHIRT ก็เห็นว่าเป็นงานของ Cat radio ที่มีเวทีดนตรีและมีเสื้อจากทั้งค่ายดนตรีและนักออกแบบทั้งหลายมาขายของกัน ปกติงานนี้จะจัดในแบบกลางแจ้งแต่ปีนี้จัดอยู่แอร์พอร์ตแรร์ลิ่งมักกะสัน เราไม่รอช้า เข้าไปดูรายละเอียดวันจัดงาน ศิลปิน ราคาบัตรนั่นนี่ ตอนแรกเราไม่ค่อยสนใจเพราะเราไม่คิดว่าคนอย่างเราจะไปงานนั้นได้ เราก็ดูไปแบบผ่านๆ แต่พอดูไปดูมา รู้ตัวอีกทีก็คือบัตรมาถึงมือเราแล้ว ด้วยความได้บัตรก็ต้องไปล่ะนะ แต่จะให้ไปคนเดียวมันก็กลัวจะเด๋อๆด๋าๆ ทำตัวให้น่าโดนหลอกยังไงก็ไม่รู้ โชคดีที่มีเพื่อนที่ไปฝึกงานด้วยกันไปด้วย ก็เลยมีเพื่อนหลงทางด้วยกัน (อย่างน้อยก็หลงทางแบบอุ่นใจล่ะนะ) 

    31 พฤษภา 2561

         พอดีว่างานที่จัดเป็นช่วงที่เราปิดเทอมแล้วมาฝึกงานอยู่กรุงเทพฯพอดิบพอดี เลยตัดสินใจซื้อบัตรไป เราไปกรุงเทพฯวันที่ 31 รอบ 8 โมงเช้า สกล-กรุงเทพฯ โดยรถนครชัยแอร์ ส่วนเพื่อนเราขึ้นจากขอนแก่นไปเจอกันอยู่กรุงเทพฯ พอถึงที่ทำงานก็พากันเก็บข้าวของ (คือที่ที่เราฝึกงานเขามีที่พักให้ซึ่งก็อยู่ในตึกนี่แหละแต่ที่พักจะอยู่ชั้น 5 ส่วนที่ทำงานอยู่ชั้น 3) วันรุ่งขึ้นพี่ก็จัดอบรมการใช้ตึกนั่นนี่ไป บลาๆๆ...ตึกจะปิดตอนสี่ทุ่มนะคะ นี่นึกในใจเอาแล้วไงกู จากที่ทำงานไปงานดนตรีก็ไม่ใกล้กันด้วยสิ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก ตอนนั้นคือคิดแต่เรื่องงานดนตรีว่าแบบไปยังไงดี จะโดนพี่แท็กปฏิเสธมั้ย จะจ่ายค่ารถตู้ยังไง จะเด๋อจะหลงทางมั้ย เอาวะ ต้องสู้สักตั้ง อย่างน้อยเราก็มีเพื่อนยืนหนึ่งหลงทางเป็นเพื่อนกันอยู่ วันนั้นเราเลยแบบไล่ถามพี่ๆน้องๆในที่ทำงานเรื่องการเดินทางแบบจริงจังมาก 

    2 มิถุนา 2561

    น้องแน็ต: เนี่ยพี่ ขึ้นรถสองแถวฟรีไปลงฟิวฯก็ได้ เดี๋ยวหนูส่งตารางรถให้ ละค่อยแบบต่อรถตู้ไปลงอนุฯ
    อีฟ: มาขึ้นรถตู้ม.เราไปลงอนุฯละก็ต่อบีทีเอสเอาก็ได้ป๊อป
    พี่แจน: พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ แต่ที่นี่มีรถสองแถวอยู่นะ ยกเว้นวันอาทิตย์

         หลังจากที่ได้รับคำปรึกษาทั้งเพื่อนพี่น้องทั้งหลายเราก็ตัดสินใจกับเพื่อนว่าจะขึ้นสองแถวไปลงฟิวฯละต่อรถตู้ไปลงอนุฯละก็ขึ้นบีทีเอส ละก็เอ็มอาทีไปที่งาน เราขึ้นรอบ 11.30น. จุดนี้อยากให้ทุกคนทายว่าเราสองคนไปถึงงานกันกี่โมง ถ้าคุณบอกว่า 6 โมงเย็นขอบอกว่าคุณตอบ....ผิดค่ะ มันเกินไปค่ะแบบนั้นเกินไปป คำตอบคือเราไปถึงบ่าย 2 ครึ่ง (ที่มาช้าก็คือไหนจะขึ้นรถสองแถวเกือบครึ่งชม. งงกับสายบีทีเอส ละก็หลงทางหาเอ็มอาทีไม่เจออีก) ซึ่งตอนนั้นพี่เอิร์ทขึ้นแสดงจนจบไปแล้ว (เพื่อนที่ไปกับเรามันอยากไปฟังพี่เอิร์ทค่ะ แต่มาสายไปนิสนึง) ก็นกกันไป เลยตัดสินใจเดินพักร้อนเหงื่อแตกไปดูเสื้อกัน ขุ่นพี่คะ!!! หน่องเขินมากเหมือนหน่องมางานพบปะศิลปิน กูนี่จะบ้าดารานักร้องไปมั้ยง่ะ นี่งานเสื้อนะ ฮืออออ มันเป็นครั้งแรกของเราเลยค่ะที่ได้เจอคนที่เราปราบปลื้มบนจอทีวีมาให้เห็นกันแบบใกล้ชิดอะไรแบบนี้ นั่นตัวจริงใช่มั้ยนิ จุดนี้เราแบบทำตัวไม่ถูกเลย เราเดินไปทางนั้นก็เจอพี่กันต์ ชุณหวัตร (คิดถึงต้าฮอร์โมนเลยง่ะะ) เดินไปนี้ก็เจอพี่ส้มมาลี (ทำไมขยันแบบนี้ เราเห็นพี่เขาแบบมาขายเสื้อด้วยตัวเองขายอัลบั้มตัวเองมาแบบชิลๆ น่ารักมาก) แล้วก็เจอหมอเน๋ง กับพี่ออฟ จุมพล (นี่ชอบพี่ออฟตั้งแต่ปืนใน room alone) เราเดินจนลืมไปเลยว่ามางานขายเสื้อ จะบอกว่าเสื้อสวยๆก็เยอะไม่แพ้กันนะ เราแบบอยากแวะทุกร้านเลย แต่นี่รู้สึกเหมือนเป็นโรคกลัวคนสอบถามอ่ะ แบบพี่คะอย่ามองหนู ไม่ต้องพูดกับหนูให้หนูถามเองนะคะ หนูแค่จะมาดูเสื้อเงียบๆ อย่าถามค่ะอย่าถาม อย่ากวักเรียกหนู สายตาของแต่ละร้านนั้นกดดันหนูมากค่ะ (จริงๆก็ไม่มีอะไรนะเขาก็นั่งที่ร้านปกติ หน้าตาใจดีทุกร้าน นี่แบบเป็นบ้าอ่ะ เขินอะไรก็ไม่รู้ ในใจกลัวตังค์ไม่พอด้วยแหละ เลยเดินแบบมองผ่านตาแบบหลายๆรอบ) 


  • พอเดินไปสักพักเราเลยตัดสินใจออกมาฟังเพลงกันบ้าง เราอยากมาฟังวง white hair cut แต่พาเพื่อนเดินดูเสื้อเลยอด คราวนี้เลยแบบไม่ได้ละ พี่วี วีโอเลตน้องต้องไม่พลาด ก่อนพี่วีขึ้นเราสะดุดตากะวงนึงเข้า sweat16! สดใสน่ารักมาก แล้วที่ดูจะสดใสมากที่สุดก็คงไม่พ้นแฟนคลับเขาเลยค่ะ เราเห็นละดีใจแทนวงที่แบบมีคนกระโดดเต้นเชียร์อย่างหนักแน่นขนาดนี้ ตัดภาพมาที่พี่วีเราคือรอบข้างเราฟังเพลงนิ่งมากง่ะ อาจจะเพราะเราอยู่หลังๆด้วยแหละ ในใจนี่คือส่งหัวใจรัวๆ กระโดด ตะโกนร้องเพลงเสียงดังมากง่ะ แต่ในความเป็นจริงคือเราได้แต่โยกเบาๆร้องเพลงคลอๆไป แต่คือทุกท่านคะ พี่วีช่างงดงามจริงๆค่ะ แสงแดดเมืองไทยจะร้อนแรงขนาดไหน แต่แสงไฟที่ตกบนผมพี่วีสวยร้อนแรงกว่ามากเลยค่ะ พอฟังพี่วีจบเพื่อนพากันจะกลับค่ะ เราเลยแบบงั้นขอไปเดินดูเสื้ออีกสักรอบ ปรากฎว่าไปเจอภูมิค่ะทุกคน ตายไปเลยค่ะจุดนี้ นี่เลยเดินดุ่มๆ เข้าไปก็มีคนอื่นๆรอถ่ายรูปพูดคุยกับภูมิเหมือนกัน พอพูดถึงภูมิเราลืมเล่าไปเลย วันที่เรามาถึงกรุงเทพฯเราถามอ.เซเลสอยู่ค่ะว่าอ.จะมามั้ย แต่เท่าที่เห็นในไอจีคือเซเลสกำลังเที่ยวป่าอยู่ สุดท้ายอ.ตอบกลับมาว่าอาจารย์คงมาไม่ได้ตามที่คาดไว้ เราเลยตัดสินใจว่าจะถ่ายวิดีโอภูมิไปให้อาจารย์แทนแล้วกัน แต่ระหว่างนั้นก่อนถึงคิวเราคือเราเจอผู้ชายคนนึง คือเขาใส่เสื้อภูมิแล้วถือปากกามาแบบสั่นเล็กน้อย เดินมาบอกภูมิว่าพี่เป็นไอดอลผมเลยครับ เรานี่แบบเชี่ยย น้องแม่ง...แซงคิวกู (ไม่ใช่ละ แต่จริงๆก็แซงแหละแต่เรารู้สึกอิ่มใจมากกว่าที่มีคนรักภูมิมากขนาดนี้) เราเลยยืนรอหาจังหวะเหมาะๆคนน้อยๆค่อยเข้าไป แล้วจังหวะนั้นก็มาถึง

    เรา: สะดวกมั้ย...อยากจะขอถ่ายรูปด้วยหน่อยได้มั้ยคะ
    ภูมิ: ได้ครับๆ เห็นยืนรอนานแล้ว (ความมโนถึงหนังรักที่พระเอกมาตกหลุมรักหญิงสาวชาวบ้านอะไรทำนองนั้นไหลเข้ามาเลยค่ะ เอาแล้ววภูมิหลงรักกูสินะ ....คุณป๊อปมึง ตื่นค่ะ

         เราเลยขอให้ภูมิส่งข้อความถึงเซเลสหน่อย แล้วก็เซลฟี่กัน หลังจากนั้นเราก็เดินเล่นสักพัก ก่อนกลับเราเลยตัดสินใจกลับไปหาภูมิอีกครั้งแล้วบอกว่าเป็นแฟนกันนะ...ไม่ใช่ค่ะไม่ใช่ เราบอกว่าไปก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาดูนายเล่น

         เรื่องที่พีคที่สุดไม่ใช่เรื่องในงานแต่อย่างใดค่ะทุกคน มันมาพีคตอนกลับ คือเรากลับกันตอน 5 โมงกว่าๆได้ กลับมาถึงที่พักคือ 3 ทุ่ม 50 (ตึกเราปิด 4 ทุ่ม)ตอนนั้นแบบเออ ยังทันๆ เรากับเพื่อนก็กึ่งวิ่งกึ่งเดิน ปรากฎว่ารั้วกั้นตึกมันปิดค่ะ นี่ยืนมองรั้วกับเพื่อนอย่างตะลึง เชี่ยละไง ต้องปีนหรอวะเนี่ย เรายืนคิดกันสักแปป เลยลองเดินๆดูเพื่อมีทางเข้าอื่นๆ แต่ก็ไม่มีแต่อย่างใด จริงๆคือมีคนอยู่ที่ตึกข้างๆเขากำลังขนของอยู่ก็เดินมาดูเราสองคน แต่มาดูจริงๆค่ะ ดูแบบมึงทำอะไรกันอ่ะ จะเข้าตึกหรอ โชคดีนะพวกมึง แล้วก็เดินจากไป ปล่อยให้พวกเราสองคนปีนกันอย่างเสี่ยงตายมากค่ะ สุดท้ายก็เข้าที่พักกันอย่างหวุดหวิด สี่ทุ่มพอดีเป๊ะ แต่ว่า...ยังเหลืออีกวันสินะ

    3 มิถุนา 2561

          วันสุดท้ายนี้เพื่อนเราอีกคนไม่มีแรงบันดาลใจจะไปต่อแล้วค่ะ(อาจเพราะการปีนรั้วเสีี่ยงตายเมื่อคืน) เลยตกลงกันว่าจะแยกกันตรงมธ. เพราะเพื่อนเรามันจะไปจตุจักรต่อ เราเลยได้ไปงานคนเดียว สำหรับวันสุดท้ายนี้ สิ่งที่ตั้งใจในวันนี้คือตั้งใจจะไปดูภูมิค่ะ เพราะเราบอกภูมิไปแล้วด้วยแหละว่าจะไปดู และอีกอย่างเรารู้สึกเมื่อวานมันยังไม่สุดสำหรับเรา เรายังอยากจะเดินดูเสื้อ ฟังเพลงวงอื่นๆอยู่ วันนี้แผนเราคือไปอยู่หน้าๆไว้ก่อน เราไปยืนตั้งแต่วงแรกขึ้นเลยค่ะ ประทับใจมากจนรู้สึกว่าเมื่อวานเราน่าจะมาฟังเพลงวงอื่นๆด้วย เสียดายมาก เรารู้สึกว่าดนตรีสดมันฟังเพราะทุกแนวเลยหรอเนี่ย ขนาดเพลงใต้ละมีความอิเล็คโทนนี่แบบเจ๋งดีแฮะ เราฟังตั้งแต่ boyjozz จนถึง denims คือเพราะทุกวง เพราะทุกเพลง จริงๆก็เมื่อยแต่ก็ถอยไม่ได้แล้ว ในที่สุดภูมิก็ขึ้นค่ะ พึ่่งเข้าใจความรู้สึก mission complete ก็วันนี้เลย มันดีมาก แต่พอกลับมาถึงที่พักคือพักผ่อนค่ะ เมื่อยเชี่ยๆเลย ฮ่าๆๆ 

         ทั้งหมดทั้งมวลคือเรารู้สึกว่าการไปตามที่ๆเราไม่ได้หวังบ้าง ไปตามคนอื่นๆแนะนำบ้าง มันก็เปิดโลกเราดีนะ ที่ผ่านมาเราชอบคิดว่าสิ่งที่เราเลือกมันมักจะพลาด แต่ครั้งนี้คือเหมือนเรามาทั้งตามคำแนะนำอาจารย์แล้วก็บังคับตัวเองให้ลองมาด้วย แล้วรู้สึกว่านี่แหละจุดคุ้มของเรา จุดที่เรารู้สึกว่าเราไม่ผิดหวังในการตัดสินใจของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว

    เรื่องที่เราจะเล่ามันก็มีเท่านี้แหละ


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Konjanart Chankrajang (@Clinton1996)
เราก็ไปงานนี้มาครั้งแรกเหมือนกัน รู้สึกหลงรักงานนี้
Willnotme (@fb1857355307648)
@Clinton1996 กรี๊สส พึ่งเห็นน ดีใจมีคนหลง(รัก)งานนี้เหมือนกัน 5555 ประทับใจอะไรมากที่สุดง่ะ
Konjanart Chankrajang (@Clinton1996)
@fb1857355307648 เดี๋ยวมันจะมีงานCatExpo ต่อ ไปอีกนะเราจะรออ่าน
Konjanart Chankrajang (@Clinton1996)
@fb1857355307648 ถ้าประทับใจอ๋อคงเป็นตอนที่เห็นแฟนคลับร้องเพลงของวงที่เค้าชอบอะ เราเห็นแล้วแบบ ว้าววว แม่งโครมีพลังเลย ทุกคนแม่งรู้ว่าถึงท่อนนี้ต้องทำยังไง ร้องยังไง ตบมือตอนไหน เราไปคอนมาหลายงานเหมือนกันนะ แต่คือเวทีงานเนี่ยมันเป็นงานเล็ก ๆ ถึงคนจะน้อยแต่เราโคตรชอบเลย มันไม่ค่อยวุ่นวาย(ส่วนตัวเราชอบวงค์ greasy cafe แต่เขาไม่ได้ขึ้นเวทีมาขายเสื้ออย่างเดียว )
Willnotme (@fb1857355307648)
@Clinton1996 เจ๋งง่ะนาย นี่งานแรกเราก็ว่าได้ รู้สึกชอบดนตรีสด บรรยากาศ ผู้คน ศิลปินขึ้นมาเลย ไว้นายลองบันทึกสิ่งที่นายไปบ้างสิๆๆ
Konjanart Chankrajang (@Clinton1996)
@fb1857355307648 ได้สิครับ