เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
lazy watchingmynkdontbelazy
7 ภาพยนตร์เกาหลีคัดสรรที่เหมาะกับวันฝนตก


  • ​จะมีอะไรดีไปกว่าการซุกตัวอยู่ในผ้าห่มบนเตียง แล้วเปิดหนังดีๆ สักเรื่อง
    ดูเคล้าเสียงฝนตก อากาศเย็น และบรรยากาศชวนให้ทั้งเหงาและขี้เกียจในเวลาเดียวกัน

    เราจึงคัดสรรภาพยนตร์เกาหลี 7 เรื่องที่เหมาะเหลือเกินสำหรับบรรยากาศของ
    คืนวันฝนตก เอาไว้เป็นทางเลือกสำหรับใครที่อยากหาหนังดีๆ สักเรื่องดูแต่ไม่รู้จะดูอะไร


    ถ้าพูดถึงฉากจำที่เกี่ยวกับสายฝนอันเลื่องลือของหนังเกาหลี
    เราเชื่อได้เลยว่าตัวเลือกแรกๆ ที่หลายคนนึกถึงน่าจะเป็นฉากหนุ่มน้อยหน้าใส
    กางเสื้อแจ็กเก็ตของตัวเองเป็นร่ม ให้หญิงสาวที่แอบชอบเขาอยู่
    ฝ่าสายฝนไปด้วยกัน แม้สายฝนที่เย็นเฉียบจะทำให้เปียกปอนไปทั้งกาย
    แต่หัวใจของทั้งคู่กลับอบอุ่นและเต้นแรง


    ​ฉากที่ว่ามาจากภาพยนตร์ในปี 2003 เรื่อง The Classic ค่ะ
    นำแสดงโดยซนเยจิน โจซึงอู และโจอินซอง
    เรื่องราวดำเนินเป็นสองช่วง คือรุ่นลูกและรุ่นแม่
    ทั้งสองรุ่นมีเส้นเรื่องของตัวเอง และถูกเชื่อมกันด้วยโชคชะตา
    ผ่านจดหมายรักของแม่ (นำแสดงโดยซนเยจินเช่นกัน)

    ไม่ใช่แค่ฉากจำเท่านั้นที่มีฉากฝนตก แต่เรียกได้ว่าเรื่องนี้
    ดำเนินเรื่องท่ามกลางสายฝน หลายฉากหลายตอนมีฝนเป็นตัวสร้างบรรยากาศ
    ให้ทุกอย่างโรแมนติคขึ้นอย่างน่าประหลาด
    ถ้าพูดถึงหนังสำหรับหน้าฝนแล้วล่ะก็ต้อง The Classic เลยจริงๆ

    เป็นหนังรักสัญชาติเกาหลีใต้ที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
    รับประกันว่าทั้งสุข ทั้งเศร้า เคล้าน้ำตา เกี่ยวกับความรักและโชคชะตา
    รักแรกพบ รักอันแสนบริสุทธิ์ แอบรัก รักที่ไม่อาจสมหวัง และรักแท้
    หนังเรื่องนี้เหมาะสำหรับการดูในคืนวันฝนตก บรรยากาศเศร้าๆ เหงาๆ แต่ทว่าอบอุ่นจริงๆ ค่ะ



    ​☂

    ถ้าหากว่า The Classic ยังเศร้าไม่พอ ไม่สาสมกับสายฝนแสนเหงา
    เรามีคอมโบ้ภาพยนต์ที่จะทำให้คุณน้ำตาไหลยิ่งกว่าสายฝน 

    เริ่มจาก Christmas in August (1998)
    เป็นเรื่องราวของช่างภาพพอทเทรต - จองวอน (ฮันซอกคยู
    และพนักงานจอดรถ - ดาริม (ชิมอึนฮา) ทั้งคู่เหมือนจะมีความรู้สึกให้กันและกัน 
    แต่ไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์สักที จนกระทั่งจองวอนพบว่า
    ตนเองกำลังป่วยเป็นโรคที่ไม่มีชื่อ และคิดว่าตัวเองคงจะมีชีวิตบนโลกนี้ได้อีกไม่นาน
    แต่เขาก็ยังเลือกที่จะใช้ชีวิตในเมืองที่ตนเองเกิดและเติบโตมาอย่างปกติ
    โดยไม่บอกใครเลย แม้แต่ดาริม ว่าเวลาของเขากำลังจะหมดลงในไม่ช้า
    เป็นเรื่องราวของการใช้ชีวิต ได้ดูวิถีชีวิตและกลิ่นอายยุค 90 ของเกาหลี 
    การเล่าเรื่องเรียบเรื่อย อบอุ่นหัวใจ แต่เรื่องราวแบบนี้แหละที่ทำให้เราอินได้เสมอ



    อีกอยากที่ทำให้เราทั้งอินและอิ่มเอมคือลวดลายในการกำกับของผู้กำกับค่ะ
    นับว่าเก่งกาจมากทีเดียวสำหรับผลงานชิ้นแรกของฮอจินโฮ
    เขาออกแบบให้ภาพในหนังนั้นเนิบช้าและค่อนข้างขยับเขยื้อนน้อย
    ทำให้เราได้มองเห็นและซึมซับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในหนังได้มาก
    รวมถึงการใช้ความหมายของภาพถ่ายสื่อสารแทนคำพูดที่อยู่ในใจของตัวละครด้วย

    สิ่งที่เราชอบอีกอย่างนั่นคือการที่จองวอนและดาริมสนทนากันผ่านความเงียบ
    (อ่านอาจจะไม่เข้าใจ แต่ถ้าได้ดูหนังรับรองว่าต้องอินเหมือนเราแน่นอน)
    และการเลือกใช้ "หน้าต่าง" เป็นหนึ่งความหมายที่สื่อผ่านไปว่านี่คือกรอบรูป
    ที่บันทึกชีวิตในช่วงเวลาต่างๆ เอาไว้

    หนังเก่าแล้ว แต่ยังตราตรึงใจ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในหนังเกาหลีที่เราชอบที่สุดตลอดกาล
    เหมาะกับการนอนดูในผ้าห่มและแว่วฟังเสียงฝนเหงาๆ เป็นที่สุดเลยค่ะ

    "ผมรู้ว่าวันหนึ่งความรักนั้นก็จะเหลือเพียงแค่ความทรงจำ
    เหมือนภาพถ่ายมากมายที่ผมเคยได้ถ่ายทิ้งเอาไว้ในอัลบั้ม
    แต่มีเพียงแค่คุณเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่ในส่วนหนึ่งของผม
    ผมขอทิ้งคำพูดเหล่านี้เอาไว้เพื่อขอบคุณ
    ที่คุณทำให้ผมได้จากโลกใบนี้ไปพร้อมกับความรักของคุณ "
    - จองวอน









    หนังเศร้าเคล้าน้ำตาเรื่องต่อไปคือ Sad Movie (2005) ที่พิเศษคือดูเรื่องนี้เรื่องเดียว
    แต่เท่ากับได้ดูหนังถึง 4 เรื่อง ใช่ค่ะ Sad Movie คือการเอาหนังสั้น 4 เรื่องมารวมกัน

    จินวู (จองอูซอง) นักดับเพลิงหนุ่มที่กำลังจะขอแฟนสาว ซูจอง (อิมซูจอง)
    แต่งงานแต่ยังต้องไปปฏิบัติภารกิจเสี่ยงอันตรายตามอาชีพ

    ซอกฮยอน (ซนแทยอง) กับแฟนหนุ่มตกงาน ฮาซอก (ชาแทฮยอน) 
    กับความรักที่เริ่มเกิดคำถาม เมื่อฝ่ายหญิงทวงถามความมั่นคงในชีวิต

     จูยอง (ยอมจองอา) คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ยุ่งกับงานจนไม่มีเวลาดูแลลูกชาย (ยอจินกู)
    จนกระทั่งเธอป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลและได้มีเวลาอยู่กับลูกชายมากขึ้น

     ซูอึน (ชิมมินอา) สาวหูหนวกที่ทำงานเป็นตัวตลกมาสคอตในสวนสนุก
    ที่ปฏิเสธความรักและปฏิเสธการเปิดเผยตัวเองต่อซังกยู (อีกีวู) เพราะแผลเป็นบนหน้า

    เป็นหนังที่ดูง่ายๆ สั้นๆ เพลินๆ ไปกับเรื่องราวที่สั้นแต่กระทบใจ
    เรียกน้ำตาได้ง่ายๆ และที่สำคัญคือเป็นการรวมตัวกันของนักแสดงที่เรียกได้ว่า
    โด่งดังอันดับแนวหน้าของเกาหลีเอาไว้มากที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
    ใครอยากหาหนังที่ดูง่ายๆ แล้วทำให้ร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ลองหยิบเรื่องนี้
    ขึ้นมาเพิ่มบรรยากาศในวันฝนตกดูนะคะ




    อีกเรื่องที่อยากแนะนำให้ดูในวันฝนตกคือ Ditto (2000) 
    เรื่องราวของความรักที่ไม่อาจรัก ความรักข้ามผ่านกาลเวลา
    ที่คนสองคนในเวลาที่แตกต่างกันสื่อสารกันผ่านวิทยุสื่อสารเครื่องหนึ่ง

    คืนหนึ่ง ซออึน (คิมฮานึล) ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงวิทยุ และได้พูดคุยกับจีอิน (ยูจีแท)
    ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ทั้งคู่พบว่าเรียนที่มหาลัยฯ เดียวกันและนัดมาพบกันที่หน้าหอนาฬิกา
    เพื่อที่จะเอาหนังสือเกี่ยวกับการใช้งานวิทยุให้ยืน 
    ซูอึนไปยืนรอหน้าหอนาฬิกาที่ยังสร้างไม่เสร็จในวันที่แดดร้อน
    ส่วนจีอินไปยืนอยู่หน้าหอนาฬิกาที่สร้างเสร็จแล้วในวันที่ฝนตกหนัก
    จากนั้นทั้งคู่จึงได้รู้ว่าพวกเขาอยู่กันคนละห้วงเวลา

    เป็นเรื่องของความรัก การรอคอย บทสนทนาระหว่างใครก็ไม่รู้ที่ทำให้เรารู้สึกว่า
    เขาเป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งพี่น้อง เป็นที่ปรึกษา เป็นคนที่น่าพูดคุยไปด้วยเรื่อยๆ
    เป็นได้ทุกอย่าง ...ยกเว้นคนรัก

    จังหวะที่น่าอึดอัดใจ ทั้งลุ้นและทำให้หัวใจเต้นแรง แต่ในขณะเดียวกันก็มีความอบอุ่น
    อ่อนหวานและน่าหลงไหลของความรู้สึกที่ในครั้งแรกก็ไม่แน่ใจว่าใช่ความรักหรือไม่
    เป็นหนังอีกเรื่องที่หยิบเอาความคิดเรื่องการข้ามผ่านเวลามาเล่าเรื่องความรัก
    โรแมนติค อบอุ่น ทำให้เราตั้งคำถาม และดูได้เพลิดเพลินทีเดียวค่ะ




    มาอีกเรื่องหนึ่งกับพระเอกคนเดียวกับเรื่องข้างบน One Fine Spring Day (2001)
    เป็นผลงานของผู้กำกับฮอจินโฮ (Christmas in August
    เรื่องราวของซังวู (ยูจีแท) ผู้กำกับเสียงที่มักแบกไมค์บูมและเครื่องอัดเสียงของเขา
    ไปในทุกๆ ที่ได้พบกับอึนซู (อียองเอ) ดีเจประจำหมู่บ้านระหว่างทางในทริป
    เพื่อเก็บเสียงธรรมชาติของเขา

    เสน่ห์อย่างหนึ่งของหนังเรื่องนี้ เรียกได้ว่าเป็นลายเซ็นของผู้กำกับ
    ที่สามารถเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ธรรมดาให้กลายเป็นเรื่องไม่ธรรมดา
    ด้วยการหยิบเอารายละเอียดอื่นๆ เข้ามาสร้างความพิเศษให้หนัง
    เรื่องนี้โดดเด่นเรื่องเสียงธรรมชาติต่างๆ สายน้ำ สายฝน ลมพัดยอดหญ้า
    เพลิน อบอุ่น และเป็นงานศิลปะมากๆ พันเกี่ยวไปกับความรัก ความหลัง
    และบทสนทนาที่ทั้งน่ารัก สอนชีวิต และเจ็บปวด
    เป็นหนังที่ควรค่าแก่การดูและเสพเอากลิ่นอายอันอบอุ่นและเจ็บปวดไปเติมความรู้สึกในหัวใจ




    ถ้าถามถึงหนังที่มีฉากจำเป็นฉากท่ามกลางสายฝน Lover's Concerto (2002)
    เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราจะตอบออกไปทันที 

    เรื่องเริ่มจากจดหมายฉบับหนึ่งที่มีรูปถ่ายที่ทำให้อีจีฮวาน (ชาแทฮยอน) นึกถึง
    หน้าร้อน เมื่อ 5 ปีที่แล้วที่เขาได้พบผู้หญิงสองคน ชิมซูอิน (ซนเยจิน) 
    และ คิมคยองฮี (อีอึนจู) เรื่องราวของมิตรภาพ ความรักสามเส้าเราสามคม
    ความซับซ้อนขอความสัมพันธ์และสิ่งที่ยึดเหนี่ยวเกี่ยวพันทั้งสามคนเอาไว้ด้วยกัน​

    ส่วนตัวแล้วคิดว่าเรื่องราวไม่ได้มีอะไรซับซ้อน แต่ที่พิเศษคือมันมีหลายๆ ฉาก
    ตรึงใจในสายฝน คือถ้าพอจะให้หยิบหนังเกาหลีสักเรื่องขึ้นมาดูในวันฝนตก
    ก็จะคิดถึงหนังเรื่องนี้ ภาพสวย คลาสสิค น่ารัก อบอุ่น แต่ก็มีส่วนของความเจ็บปวด
    เหมือนรูปภาพเก่าๆ ที่พอเราหยิบขึ้นมาดูแล้วเราก็จะย้อนนึกถึงอดีตที่อยู่ในภาพนั้น
    ที่มีทั้งรอยยิ้ม ความสุข และรอยน้ำตา ความเจ็บปวดปนๆ กันไป




    ดูเหมือนว่าพอนึกถึงหนังสำหรับหน้าฝน หนังรักโรแมนติกก็ยึดพื้นที่เสียหมด
    เพราะฉะนั้นเราจะปิดท้ายแบบแหวกแนว เพราะเรื่องนี้ไม่แนะนำให้ดูในวันฝนตกไม่ได้จริงๆ 

    The Wailing (2016) กำกับโดยนาฮงจิน 
    เรื่องราวตำรวจคนหนึ่งที่กำลังสืบสวนเกี่ยวกับดคีฆาตกรรมต่อเนื่องและโรคประหลาด
    ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่พัวพันไปกับเรื่องความเชื่อ ส่วนลึกดำมืดในจิตใจของ
    มนุษย์ ที่โดดเด่นด้านการสร้างบรรยากาศที่ทำให้เราหายใจไม่ทั่วท้อง ใจเต้นแรง
    ตลอดเวลา แนะนำให้ดูในห้องมืดๆ บรรยากาศเย็นๆ หม่นๆ ได้ยินเสียงฝนตกด้านนอก
    รับรองว่าต้องมีร้องกรี๊ดกันออกมาเป็นระยะๆ แน่นอนค่ะ

    หนังเรื่องนี้โดดเด่นที่บทซึ่งสามารถเล่าเรื่องต่างๆ ได้อยากชาญฉลาด
    ผู้กำกับเก่งมากในการเล่าเรื่องและสร้างบรรยากาศที่น่าสนใจ
    พลิกไปพลิกมา เดาไม่ได้ ไปไม่ถูก ทำให้เราติดตามต่อไปตลอดทั้งเรื่อง
    และถูกผู้กำกับจัดหมัดน็อคมาทำให้เราเห็นเดือนเห็นตะวันในตอนท้าย
    เป็นหนังที่ได้รับคำชมและรางวัลมากมายในปีที่ผ่านมา

    นี่ไม่ใช่หนังสำหรับคอหนังทริลเลอร์ สยองขวัญ หรือสืบสวนสอบสวนเท่านั้นนะคะ
    แต่คนที่ชอบหนังดราม่า (สไตล์คัลท์ๆ แบบเกาหลี) เรื่องนี้ตอบโจทย์ที่สุดเลย
    เพราะหนังจะพาเราไปสำรวจถึงด้านมืดของจิตใจมนุษย์ที่บอกได้เลยว่า
    สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะปีศาจตนไหนที่น่ากลัว ก็ไม่น่ากลัวเท่ากับมนุษย์หรอก


    7 เรื่อง 7 รส กับภาพยนต์เกาหลีที่จะทำให้คืนวันฝนตกของคุณไม่น่าง่วงหงาว
    หาวนอนอีกต่อไป ไม่ว่าใครจะหนาวจัด เหงาจัด หรือเศร้าจัด จัดหนังเกาหลีที่
    เราคัดสรรมาให้สักเรื่องแล้วมาแชร์กันด้วยนะคะ ว่าวันฝนตกของคุณเปลี่ยนไปอย่างไร

    ​☂​

    @mynkdontbelazy








Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in