เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ReviewPrimrose
Love,Simon
  • "Everyone desereves a great love story."

    ประโยคนี้ประโยคเดียวก็ดูเหมือนจะสรุปเนื้อหาของทั้งเรื่องได้แล้วล่ะนะ

    ก่อนอื่น ก่อนที่คุณจะกวาดสายตาอ่านบรรทัดต่อไป เราขอบอกไว้ก่อนละกันนะ ว่าการรีวิวครั้งนี้คือการวิเคราะห์ตัวหนังไปในตัวด้วย เพราะฉะนั้นก็จะมีสปอยล์ล้วนๆ เลยนะคะ...



    Love,Simon เป็นหนังแนวโรแมนติกดราม่า ชีวิตรักวัยรุ่น มิตรภาพเจ๋งๆ และความลับบางอย่างที่ต้องปกปิดไว้ หนังเริ่มที่การเปิดเรื่องมาด้วยการให้ไซม่อน พระเอกของเราได้บรรยายชีวิตประจำวันของตัวเอง เป็นชีวิตธรรมดาๆ ที่เด็กไฮสกูลควรจะเป็น ยกเว้นเพียงแต่ว่าเขามีความลับที่ซ่อนไว้ นั่นก็คือ ไซม่อนเป็น "เกย์"

    ไซม่อนไม่เคยบอกความลับนี้กับใครจนกระทั่งพบผู้ชายที่ใช้นามแฝงว่า "บลู" ที่ประกาศตัวว่าเป็นเกย์ในเว็บบอร์ดโรงเรียน และนั่นทำให้ไซม่อนตัดสินใจส่งเมลไปคุยกับบลูนับแต่นั้น

    จากที่เห็นจากตรงนี้เราสามารถสัมผัสได้เลยว่าสาเหตุที่ทำให้ไซม่อนทักไปหาบลูก็คงจะเป็นเพราะเขารู้สึกว่าเขาไม่ได้เป็นคนแปลกแยกในสังคมอีกแล้ว อย่างน้อยๆ ก็มีคนนึงแน่ๆ ที่มีความลับเหมือนกับเขา จากการเป็นคนแปลกหน้ากันในโลกออนไลน์ ทัศนคติ ไลฟ์สไตล์และอะไรหลายๆ อย่างที่ไซม่อนได้เรียนรู้จากบลูก็ทำให้ก่อเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นในใจ กลายเป็นความอยากเจอ อยากรู้ว่าบลูเป็นใครกันแน่

    ทุกอย่างที่ดูเหมือนไปได้สวยกลับต้องมาพลิกผันเพราะเรืื่องที่ไซม่อนเป็นเกย์ถูกเอาไปแฉลงเว็บบอร์ด จากไซม่อน สเปียร์ เด็กผู้ชายธรรมดาๆ ในโรงเรียนกลับต้องมาเป็นเป้าสายตาให้คนเอาไปล้อเลียน ใช่แล้ว คำถามคือทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นนะ ไซม่อน สเปียร์ในตอนก่อนที่จะโดนแฉในเว็บก็ยังเป็นไซม่อนคนเดิมไม่ใช่หรอ เขาเป็นเกย์มานานมากแล้วนะ เขายังใส่เสื้อแจ็คเก็ต ยังขับรถมาเรียนเหมือนทุกวัน แต่ทำไมแค่เพราะถูกเปิดเผยว่าเป็นเกย์ถึงทำให้ทุกอย่างพลิกผันไปได้ขนาดนั้น

    คำตอบก็คือ ไซม่อนไม่ได้ผิดปกติ ไม่ได้เปลี่ยนไป

    แต่สิ่งที่ทำให้ไซม่อนผิดปกติก็คือคนในสังคมรอบข้างนั่นแหละที่ยัดเยียดความผิดปกติใส่ลงไป

    การเป็นเกย์ไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย ไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่จะต้องปกปิด การเป็นเกย์ไม่ได้แปลว่าไม่สมควรจะมีความรัก เพราะทุกคนคู่ควรกับความรักที่ยิ่งใหญ่เสมอ

    หนังได้ดึงเอาประเด็นสำคัญนี้ขึ้นมาอย่างเด่นชัดในช่วงหลังของภาพยนตร์ การที่ให้ไซม่อนประกาศตัวว่าเป็นเกย์โดยไม่สนสายตาใครและกล้า กล้าที่จะบอกรักบลูและขอโอกาสมานัดเจอกันที่ชิงช้าสวรรค์ถือเป็นไฮไลท์เด็ดก็ว่าได้ เพราะมันช่างบีบหัวใจคนดูอย่างเราให้ลุ้นไปกับเขา ว่าบลูจะมามั้ยนะ

    แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายบลูก็มา...มาทำให้คนดูอย่างเราได้เห็นว่าไม่ว่าคุณจะเป็นเพศไหน จะเป็นใคร คุณก็มีค่าคู่ควรและสมควรได้รับความรักที่ยิ่งใหญ่เหมือนกัน :)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in