อัลฟ่าที่ถูกกลบกลิ่นด้วยทรูอัลฟ่า นี่มันคงเป็นเรื่องตลกร้ายมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่งในชีวิตของแอชเชอร์ เลสเลีย์ ใบหน้ารูปสลักยังคงเรียบนิ่งไม่บ่งบอกความรู้สึกจนแทบจะกลายเป็นรูปปั้นชั้นเลิศไว้ประดับตกแต่งอยู่ในห้องส่วนตัวของเชส ไทเลอร์ หรือ หัวหน้าหน่วยป้องกันเดอะฮิลล์ ท่าทางเหมือนคนโดนขัดใจและพยายามเก็บอารมณ์ที่แสดงออกมา ก็ทำให้ไทเลอร์ที่นั่งมองอยู่แอบหัวเราะในลำคอเบาๆ
มันช่วยไม่ได้จริงๆที่การกลบกลิ่นแบบกะทันหันนี่ทำให้เลสลีย์ต้องมาขลุกตัวอยู่กับไทเลอร์อย่างเลี่ยงไม่ได้ ตัวคนที่ไม่ใช่ฝ่ายโดนกลบกลิ่นเองก็ไม่ได้มีท่าทีเดือดร้อน แตกต่างจากคนที่ต้องโดนกลบกลิ่นอย่างเห็นได้ชัด
เพราะนับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องของไทเลอร์ ตัวของเลสลียก็หยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูแล้วไม่ยอมก้าวเท้าไปที่ไหนต่อ ดีไม่ดี..คงจะคิดหาทางเอาตัวรอดด้วยการออกไปนอนกับเซเบอร์ ที่มีพี่เลี้ยงจำเป็นอย่างร็อคกี้ก็ได้ ใครจะไปรู้..
"จะไม่นอนพักเอาแรงหน่อยหรือเลสลีย์ พรุ่งนี้นายต้องออกจากที่นี่ก่อนที่ฟ้าจะสาง นายลืมหรือไง" เจ้าของไหล่กว้างเอ่ยทักคนที่ยังยืนนิ่งเป็นรูปปั้นอย่างช่วยไม่ได้ ก็ใครเล่นให้เลสลีย์เอาแต่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้นกันล่ะ
"ฉันยังไม่ได้อาบน้ำ"
"พอนายพูดขึ้นมา มันก็ทำให้ฉันนึกขึ้นได้พอดี.." เชสยกมือขึ้นมาลูบคางตัวเองก่อนจะเดาะลิ้นเบาๆ พลางใช้ความคิดไปเรื่อยๆ "นี่ก็ดึกมาแล้ว ส่วนห้องอาบน้ำก็มีอยู่ห้องเดียว.."
แค่แอชเชอร์ได้ฟังคำพูดของไทเลอร์ เจ้าตัวก็คาดเดาถึงเรื่องตลกร้ายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองในกี่วินาทีข้างหน้าได้อย่างไม่ต้องคิด
กวนประสาทแบบไทเลอร์ คงได้หาทางกลั่นแกล้งแแอชเชอร์อีกแน่ๆ
"หยุดความคิดนั้นของนายซะ ไทเลอร์" อัลฟ่าตัวขาวซีดเอ่ยเตือนคนที่แสดงแววตาเจ้าเล่ห์อย่างออกนอกหน้า
"หวังว่าเลสลีย์คงไม่รังเกียจที่จะอาบน้ำพร้อมกับฉันหรอกนะ.."
นัยน์ตาคู่สวยของอัลฟ่ารูปปั้นถึงกับเบิกกว้าง ก่อนที่ใบหน้าขาวจะขึ้นริ้วสีเข้มอย่างห้ามไม่ได้ สายตาดุของไทเลอร์ยามที่แปรเปลี่ยนเป็นสายตากะลิ้มกะเหลี่ยนั้น เป็นใครที่ถูกมองก็ต้องไม่ชอบ(หรือจะเป็นแค่แอชเชอร์คนเดียว?)
"ถ้านายอยากรีบอาบก็ไปอาบก่อน ฉันอาบทีหลังได้"
"เสียเวลาน่า.."
"ฉันยอมเสียเวลา"
"ในฐานะเจ้าของห้องที่นายจะนอนคืนนี้ ฉันขอสั่งให้นายไปอาบน้ำพร้อมกับฉัน"
"!!!!"
"นายก็รู้อยู่แก่ใจว่าการกลบกลิ่นมันไม่ใช่แค่นั้น.."
หากพูดถึงการกลบกลิ่น.. ใครๆต่างก็รู้ว่าการกระทำนี้ถ้าเลี่ยงก็ควรจะเลี่ยง ยิ่งเป็นอัลฟ่าก็ยิ่งต้องเลี่ยงเรื่องพวกนี้ให้มากขึ้นกว่าพวกโอเมก้า ถ้าให้อธิบายให้ถูกและเห็นภาพชัดเจนการกลบกลิ่นมันก็ไม่ต่างจากการแสดงความเป็นเจ้าของ
กลิ่นประจำตัวของผู้ที่เป็นฝ่ายกลบกลิ่นให้ จะติดอยู่บนผิวของคนที่ถูกกลบกลิ่นนานนับอาทิตย์กว่า ก่อนจะค่อยๆ จางหายไป และนั่นก็คงเป็นช่วงเวลาที่ทรมานสำหรับผู้ไม่ใช่เจ้าของกลิ่น ถ้าเป็นโอเมก้ากลิ่นพวกนี้ก็อาจจะทำให้ฮีทขึ้นมาได้อย่างไม่ยาก จึงไม่แปลกที่จะเห็นอัลฟ่ากลบกลิ่นโอเมก้าเท่าไหร่ แต่สุดท้ายการกระทำพวกนั้นมันก็คือการเอาเปรียบผู้ที่อยู่ในจุดต่ำสุดของห่วงโซ่อาหาร
แต่ใครจะรู้ว่าอัลฟ่าที่อยู่บนจุดสูงสุดเองก็มีจุดบกพร่องที่ทำให้ตัวเองถูกกดได้เหมือนกัน เผลอๆอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะยิ่งอยู่สูงเท่าไหร่ยามที่ถูกเขี่ยลงมามันก็เท่ากับถูกขยี้ความภูมิใจพวกนั้น
เสื้อผ้าที่เคยปกปิดอยู่บนร่างกายของไทเลอร์ถูกถอดออกทันทีด้วยฝีมือของเจ้าตัว เมื่อไร้การปกปิดแล้ว ผิวกายสีเข้มที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นก็เผยออกมาให้เห็นเต็มๆตา ของร่างขาวที่ยังยืนนิ่ง
หุ่นดีเป็นบ้า..
ด้วยผิวสีแทนเข้มจึงทำให้เวลากระทบเข้ากับแสงของไฟที่กำลังเผาไหม้ ก็ยิ่งขับให้ผิวกายนั้นดูน่ามอง
"ลงมาอาบน้ำได้แล้วเลสลีย์.." เจ้าของกล้ามเนื้อสีแทนเข้มเอ่ยขึ้น พลางทิ้งตัวลงนั่งพิงหลังกับขอบบ่อน้ำอุ่นที่มีไอร้อนระเหยขึ้นมาเหนือผิวน้ำ แสงไฟที่ส่องมาจากเพียงเตาผิงที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ช่วยทำให้ภายในสถานที่ที่ใช้อาบน้ำนี้ยังพอมีแสงสว่างมองเห็น
แอชเชอร์ไม่มีทางเลือกที่จะปฏิเสธเชสอีกแล้วในยามนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเปลือยเปล่าต่อหน้าใคร แต่เพราะไม่เคยมีอัลฟ่าคนไหนที่เคยได้เห็นร่างกายของแอชเชอร์ต่างหาก
และก็ดูเหมือนว่าเชส ไทเลอร์ จะเป็นคนแรกที่ได้เห็นร่างกายของอัลฟ่าแดนเหนือ...
"นี่จะเป็นครั้งเดียวที่ฉันจะยอมทำตามคำสั่งนาย"
เสียงนุ่มหูของเจ้าของผิวขาวเอ่ยก่อนจะยกมือขึ้นมากลัดกระดุมเสื้อผ้าที่ตัวเองสวมใส่ออก ท่ามกลางสายตาคมของหัวหน้าหน่วยที่นั่งพิงขอบบ่อหันหน้าเข้าหาตัวของเลสลีย์..
เชสจ้องมองการกระทำของเลสลีย์เงียบๆ ตาคมไล่มองตามนิ้วเรียวสวยที่กำลังถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามนิสัยที่ค่อนข้างรักระเบียบ จนยามที่กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกปลดออกจากรังดุมก็ทำให้ปรากฏผิวกายขาวเนียนละเอียด ลาดไหล่ผายที่เข้ากับเอวคอดได้รูปคงไม่ทำให้เชสเผลอจ้องมองเท่ากับยามที่ร่างขาวนั้นหันหลัง แล้วถอดกางเกงที่สวมใส่ออก..
เรียวขายาวก้าวลงมาในบ่อน้ำตามคำสั่งของไทเลอร์ ก่อนที่จะนั่งกอดเข่าหันหลังให้เชสในระยะที่ไม่ได้ห่างกันมากนัก เชสขยับท่านั่งอีกครั้งก่อนจะรั้งเจ้าของแผ่นหลังขาวให้เข้ามาใกล้ตัวเองมากขึ้น จนผิวกายของทั้งคู่แนบชิดสนิทกันจนแทบไม่เหลือช่องว่าง
"ถึงกับหลับตาเลยหรือ.." เสียงทุ้มติดแหบเอ่ยกระซิบข้างใบหูขาวพลางแกล้งพ่นลมหายใจรินรดผิวเนื้ออุ่น
"หรือจะให้ฉันมองหน้านาย" เจ้าของใบหน้ารูปสลักเอี้ยวมามองคนที่นั่งซ้อนตัวอยู่ด้านหลังตัวเอง ซึ่งนั่นก็ทำให้เชสได้เห็นจุดดาวเล็กๆ ที่บริเวณใต้หางตาของแอชเชอร์ และ แพขาตายาว
"กล้าให้ได้อย่างที่ปากนายพูดก็แล้วกัน"
และนั่นก็คงเป็นความกล้าเพียงไม่กี่วินาทีที่แอชเชอร์มี เพราะนับตั้งแต่วินาทีที่เชสพูจบ
ริมฝีปากของเลสลีย์ก็ไม่มีโอกาสได้เอื้อนเอ่ยคำพูดอะไรออกมาได้อีก..
ริมฝีปากสีเข้มค่อยๆประกบแนบชิดลงมาเพียงบางเบา ก่อนจะค่อยๆ ขบเม้มตามกลีบปากบาง เพื่อละเลียดชิมความหอมหวานของเจ้าของกลิ่นกุหลาบดามัสก์ ซึ่งเป็นกลิ่นประจำตัวที่เข้ากันได้ดีกับความเป็นแอชเชอร์ เลสลีย์ ดอกกุหลาบดามักส์ที่มีความหมายโดยนัยหมายถึงคนสูงศักดิ์
ฝ่ามือหยาบของคนที่ใช้แรงอยู่ตลอดกอบกุมคางได้รูปเพื่อประคองใบหน้าของร่างขาวเอาไว้ให้ได้องศาที่ต้องการ
จากการขบเม้มริมฝีปากก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นจูบที่ลึกซึ้งมากขึ้น เมื่อกลีบปากบางเผยออ้าออกเล็กน้อย ให้เจ้าของผิวสีเข้มได้สอดลิ้นเข้าไปเก็บเกี่ยวความหวานล้ำ ไทเลอร์ลิ้มลองความหอมหวานนั้นซ้ำไปซ้ำมาจนกลีบปากบางเห่อแดงช้ำ หยดน้ำสีใสที่ล้นออกมาจากมุมปากนั้นไม่ได้ถูกเช็ดออกแต่อย่างใด เมื่อทรูอัลฟ่ายังคงตักตวงจูบจากอัลฟ่าตรงหน้า
เสียงหายใจหอบถี่ดังเคล้าคลอควบคู่ไปกับเสียงบดจูบที่แลกน้ำลายกันไปมา ความอุ่นของน้ำในบ่อที่ใช้อาบน้ำยังคงเทียบไม่ได้กับร่างกายของทั้งคู่ที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนปลายจมูกโด่งได้รูปของแอชเชอร์เองนั้นเริ่มได้กลิ่นไม้ซีดาร์ที่เพิ่มมากขึ้นจนเด่นชัด
"น่าเสียดายจริงๆ ที่กลิ่นหอมของนายจะต้องโดนกลบ.."
เชสละริมฝีปากออกห่างจากคนตัวขาวเพียงเล็กน้อย พลางกระซิบพูดกับอีกฝ่ายที่เปิดเปลือกตาขึ้นมาสบตา ด้วยสายตาที่สั่นไหวไม่ต่างจากลูกสัตว์ตัวน้อยๆ
"อื้อ.."
เชสไม่ปล่อยให้แอชเชอร์ได้ตอบอะไรทั้งนั้น นอกเสียจากจะปล่อยให้เจ้าตัวรับจูบดุดันของตัวเองที่เพิ่มมากขึ้น มือหยาบที่เคยกอบกุบใบหน้าของแอชเชอร์ค่อยๆ ลากไล้สัมผัสไปตามผิวเนียนที่ขึ้นสีระเรื่อตามอุณหภูุมิของน้ำ ไล่ตั้งแต่ไหล่ได้รูปที่มีกล้ามเนื้ออ่อนๆ ผ่านไปยังยอดอกสีอ่อนที่ตัดกับผิวขาว จนมาถึงกล้ามหน้าท้องเลขสิบเอ็ด
แขนขาวที่เคยกอดเข่าตัวเองอยู่ก่อนหน้านี้ บีบขยำต้นขาแกร่งของเชสอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อทรูอัลฟ่าตัวร้ายนั้นเริ่มรังแกร่างกายของตัวเองจนเหมือนว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของแอชเชอร์
"แอชเชอร์"
ถ้าร่างขาวไม่ได้หูุเพี้ยนล่ะก็นี่คงเป็นครั้งแรกที่เชส ไทเลอร์ เรียกชื่อจริงของเขา แทนที่จะจิกกัดกันด้วยการเรียกนามสกุล..
ภาพร่างขาวของอัลฟ่าแดนเหนือที่นอนหลับสนิทตกอยู่ภายสายใต้คมของไทเลอร์ที่นอนอยู่ข้างๆ ทั้งหมด หลังจากที่ทั้งคู่อาบน้ำ(?) จนเสร็จต่างก็แยกย้ายกันใส่เสื้อผ้าเพื่อเตรียมเข้านอน สังเกตได้อย่างชัดเจนว่าเลสลีย์เอาแต่หลบตาของเชส เรียกได้ว่าถามคำก็ตอบคำ ไม่มีคำต่อล้อต่อเถียงอย่างที่เคยเป็น
ผิวกายเนียนนุ่มที่หอมกรุ่นกับรสจูบหวานๆ ยังคงติดบนปลายลิ้นของเชสจนอดที่จะเลียริมฝีปากเสียไม่ได้ หากไม่หักห้ามใจเอาไว้ เชสเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าตัวเองจะทำอะไรลงไปบ้าง เพราะแค่นี้ปากบางที่เคยเถียงตัวเองฉอดๆ ก็บวมช้ำเสียจนน่าสงสาร
การที่เชสต้องให้แอชเชอร์ตัวติดกับตัวเองมากที่สุดในตอนนี้ก็เพื่อที่จะมั่นใจว่ากลิ่นของตัวเอง จะสามารถกลบกลิ่นประจำของเจ้าตัวขาวนี่ได้หมด โดยไม่เหลือกลิ่นอะไรให้พวกแดนเหนือตามล่า การที่จะให้แอชเชอร์ใส่เสื้อผ้าของเชสนั้นก็อาจจะช่วย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะร้อยเปอร์เซ็นต์ เจ้าตัวถึงได้ต้องทำแบบนี้
ไม่ใช่ว่าเชสไม่เห็นแววตาตัดพ้อในดวงตาของคนดื้อรั้น อันที่จริงชั่ววูบนึงเชสเองก็เห็นหยาดน้ำสีใสในดวงตาของแอชเชอร์เหมือนกัน
เป็นแววตาที่ให้ความรู้สึกเอ็นดูมากกว่าปกติที่แสนจะเต็มไปด้วยดื้อรั้น...
ร่องรอยสีแดงที่โผล่พ้นจากเสื้อบางของแอชเชอร์ก็ไม่วายพ้นเป็นฝีมือของไทเลอร์ที่ขบเม้มตามผิวขาวนั้นจนขึ้นรอย
เชสสามารถพูดได้เต็มปากด้วยซ้ำว่าแอชเชอร์เป็นอัลฟ่าที่งดงาม อย่างที่ตระกูลเลสลีย์เป็นมาตลอด
"นายนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ เลสลีย์"
หลังจากที่แอชเชอร์ได้พักผ่อนไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง เจ้าตัวก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยฝีมือของเจ้าของห้องที่อยู่ในชุดเต็มยศจนแปลกตา
"แค่พวกนั้นมา มันทำให้นายต้องเต็มตัวเต็มยศขนาดนี้เชียวหรือ" เจ้าของผมสีปีกกาเอ่ยถามด้วยความสงสัยในขณะที่รับชุดในมือของไทเลอร์สวมลงบนร่างกายของตัวเอง
"อย่างน้อยมันก็คือการให้เกียรติ"
"แล้วนายคิดว่าอาเธอร์จะมาด้วยไหม.." คำถามของเลสลีย์ทำให้หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ืไม่ลังเลที่จะตัดความหวังอันน้อยนิดของเจ้าตัวทิ้ง
"ไม่มีทาง.. นายอย่าหวังเลยว่าริโอจะพาพี่ชายนายมาที่นี่"
"แบบนี้สิแปลก ยังไงริโอก็ต้องเอาพี่ฉันมาเป็นข้อต่อรอง" อัลฟ่าแดนเหนือแย้งในทันทีอย่างไม่เชื่อ
"แต่ฉันคิดว่าครั้งนี้ที่พวกนั้นมา มันคือการเตือนเสียมากกว่า" เชสว่า "เพราะถ้ามันจะเอาตัวนายจริงๆล่ะก็ หมอนั่นไม่มีทางให้คนส่งจดหมายมาบอกก่อนแน่นอน"
"ถ้าเป็นแบบที่นายพูดขึ้นมาจริงๆ มันไม่เท่ากับว่าการที่ฉันออกไปข้างนอกนั่นจะกลายเป็นเป้านิ่งให้มันล่าหรือไง"
"ก็ต้องลองเสี่ยง จะอยู่ที่นี่หรือหลบออกไป มันก็ค่าเท่ากัน" แม้จะยังไม่กล้ามองเชสตรงๆเหมือนเดิม แต่เลสลีย์ก็ยังคงยืนกรานในความคิดของตัวเองไม่น้อย "แต่ยังไงฉันก็คงต้องเสี่ยงอยู่ดี"
"เผื่อนายจะลืมว่าชาลีมันพร้อมจะขย้ำทุกคน.."
"อย่างน้อยถ้ามันล่านายขึ้นมาจริงๆ ก็คงจะตามกลิ่นนายยากกว่าเดิม"
"...."
"นายก็รู้ไม่ใช่หรือไงว่าถ้ากลบกลิ่นแล้ว ร้อยทั้งร้อยแทบจะไม่มีผิดพลาด"
"...."
"แล้วยิ่งเมื่อคืนที่นายกับฉัน..."
"อย่าพูดถึงมัน" แอชเชอร์ว่าเสียงแข็งก่อนจะเดินหนีไทเลอร์ออกมานอกห้อง เพื่อหลีกเลี่ยงบทสนทนาที่ชวนทำให้นึกถึงเรื่องเมื่อคืน ที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่
"ต่อให้ฉันไม่พูด นายก็คงจำมันได้ดีเลสลีย์"
"ดูแลเลสลีย์ ให้เหมือนกับที่แกดูแลฉันล่ะชาลี.." เชสย่อตัวลงไปนั่งคุยกับจ่าฝูงของเกรย์วูล์ฟ หลังจากที่เดินไปปลดโซ่ที่ผูกไว้ที่คอมันออก มือใหญ่ลูบขนหนานุ่มสีเข้มสลับอ่อนของชาลีด้วยความเคยชิน จนทำให้เกรย์วูล์ฟตัวโตครางรับในลำคออย่างพอใจกับสัมผัสที่คุ้นเคย
แอชเชอร์เองก็ได้แต่ยืนอยู่ห่างๆ มองเชสคุยกับเกรย์วูล์ฟตัวใหญ่ด้วยท่าทางที่อ่อนลงในแบบที่แอชเชอร์ไม่เคยได้เห็น ไหนจะรอยยิ้มกว้างที่เกิดขึ้นเมื่อชาลีใช้หัวถูไถเข้าหามือใหญ่ ไม่ต่างจากหมาตัวเล็กๆที่อยากออดอ้อน
"นายอยากลองจับมันดูบ้างไหม?" เชสหันหน้ามาถามแอชเชอร์ที่ยืนมองตาไม่กะพริบ
"ดูแล้ว เจ้านี่ไม่น่าจะอยากให้ฉันจับเท่าไหร่"
"ตัวนายมีแต่กลิ่นฉัน ชาลีมันไม่ตื่นกลิ่นหรอก"
แอชเชอร์ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองไปที่ชาลีอีกครั้ง ซึ่งเจ้าตัวโตนั่นก็มองมาที่ตัวเองพลางเอียงหัวมองเล็กน้อยในขณะที่จมูกยังคงดมฟุดฟิด เพื่อสำรวจกลิ่นของคนไม่คุ้นหน้า
"อะ.." แอชเชอร์ถึงกับยืนตัวแข็งทื่อเมื่อจู่ๆชาลีก็เดินเข้ามาหาตัวเอง แล้วดมกลิ่นตามร่างกายของเลสลีย์เพื่อความแน่ใจ
"นั่งลงให้ชาลีมันดมดีๆ" ไทเลอร์ว่า
"มั่นใจแค่ไหนว่าชาลีจะไม่กัดฉัน" คนตัวขาวถามเพื่อความมั่นใจ แต่ไทเลอร์กับเอาแต่ยกยิ้มมุมปาก พลางพยักเผยิดหน้าให้เลสลีย์นั่งลงเสียที ก่อนที่ชาลีจะได้กระโดดตะกายเข้าใส่
สุดท้ายแล้วแอชเชอร์ก็ต้องยอมย่อตัวลงนั่งให้ชาลีได้ดมกลิ่นบนร่างกายของตัวเองจนพอใจ
แม้สายตาของชาลีจะไม่ได้เป็นมิตร แต่การที่มันใช้ลิ้นเลียใบหน้าของเลสลีย์ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่ามันพอใจในตัวของเลสลีย์ไม่น้อย
"ถ้าไม่ใช่ฉันหรือลูฟที่ไปรับนาย ห้ามไว้ใจใคร.."
"หรือไม่บางทีนายก็อาจจะทิ้งฉันไว้" แอชเชอร์เอ่ยยียวน
"ฉันรักษาคำสัตย์มากพอ.." เชสยืนยันหนักแน่น ก่อนจะเดินนำทั้งชาลีและแอชเชอร์ไปที่ประตูทางด้านหลังของเดอะฮิลล์เพื่อส่งทั้งคนและเกรย์วูล์ฟออกไปที่โรสต์ ซึ่งเป็นเขตเหมืองแร่ของแดนใต้ที่อยู่ถัดไปจากเดอะฮิลล์
มีผู้คนเพียงไม่ถึงร้อยที่อาศัยอยู่ที่นั่น และชาลีเองก็จะเป็นใบเบิกทางที่จะมาเลสลีย์เข้าไปอยู่ในโรสต์อย่างที่ทุกคนในนั้นไม่อาจปฏิเสธ
"ขอบใจ.." แอชเชอร์เอ่ยบอกเชสเสียงเบา แล้วเดินไปขึ้นม้าที่ถูกเตรียมไว้ เพื่อตามชาลีที่เดินนำไปข้างหน้า อย่างที่มันชอบทำอยู่ทุกทีเวลาที่ออกไปนอกเดอะฮิลล์
"ดูแลตัวเองให้ดีด้วยแล้วกัน"
ประโยคที่หลุดออกมาจากปากไทเลอร์ มันช่างเป็นคำอวยพรที่เหมือนคำสั่งเสียจริง
/////
ทั้งชาลีและแอชเชอร์ต่างเดินทางกันมาสักพักใหญ่จนฟ้าที่เคยมืดนั้นเริ่มสว่างจนทำให้เห็นสภาพแวดล้อมรอบกายชัดเจนมากขึ้น หมาป่าตัวโตยังคงคอยเหลียวมองแอชเชอร์ที่นั่งอยู่บนม้าเป็นระยะๆ เพื่อดูความปลอดภัยของคนที่เจ้านายมันสั่งให้ดูแล
ส่วนแอชเชอร์เองก็สำรวจสิ่งรอบตัวและจดจำเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะจำได้ แม้ในใจของเจ้าตัวจะกระวนกระวายและอยากรู้ความคืบหน้าของพวกสเปนเซอร์ที่มาเดอะฮิลล์
ริโอจะมาไม้ไหน แล้วหมอนั่นจะใช้ใครเป็นหมากในการเดินเกมครั้งนี้.. แอชเชอร์เดาไม่ถูกเลยจริงๆ ว่าเรื่องทุกอย่างมันจะจบแบบไหน มันจริงอย่างที่เชสบอกว่าเขาไม่ควรวู่วาม ไหนจะอาเธอร์ที่ยังอยู่กับฝั่งแดนเหนือ
หมอนั่นก็ไม่ต่างจากตัวประกันที่พวกสเปนเซอร์คิดจะเก็บไว้ต่อรองกับอีกหลายๆ อำนาจของทางแดนเหนือ และก็สามารถนำมาต่อรองกับเขาได้เหมือนกัน
แม้ว่านี่จะเป็นครั้งที่สองที่แอชเชอร์ได้เข้ามาในป่าแห่งนี้ เจ้าตัวเองก็ยังอดตื่นเต้นกับความงดงามของธรรมชาติในแดนใต้อยู่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะมองไปทางไหนมันก็ทำให้รู้สึกสดชื่น แตกต่างจากแดนเหนือที่ไม่ว่าจะมองมันกี่ครั้งก็ทำให้รู้สึกเฉื่อยชา
กรรจ์ กรรจ์
การจู่โจมที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้แอชเชอร์ได้รอยถากจากลูกธนูบริเวณต้นแขนด้านซ้าย ก่อนที่อัลฟ่าแดนเหนือจะตัดสินใจกระโดดลงมาจากหลังม้า เพื่อไม่ตกเป็นเป้านิ่งให้พวกที่โจมตีตัวเอง จำนวนหกคนที่โผล่ออกมาจากที่ซ่อนนั่นทำให้แอชเชอร์คิดหาทางเอาตัวรอด
ชาลีเองก็ไม่ลังเลที่จะกระโดดใส่หนึ่งในนั้นแล้วจัดการขย้ำคอของมันในทันที ส่วนตัวของแอชเชอร์ก็โดนอัลฟ่าตัวใหญ่สองคนเล่นงานจนได้บาดแผลอยู่ไม่น้อย ร่างโปร่งถนัดต่อสู้ตัวต่อตัวนั่นคือเรื่องจริง แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มากกว่าหนึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่มันจะยากเกินรับมือ
อีกทั้งตัวสัดส่วนของร่างกายที่แตกต่างทำให้มีอยู่หลายจังหวะที่แอชเชอร์โดนทำร้ายจนแทบทรุด เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังเข้าหูของแอชเชอร์อยู่ตลอดเมื่อหนึ่งในนั้นถูกชาลีขย้ำคอจนจมเขี้ยว อีกทั้งยังโดนสะบัดอย่างแรงจนร่างกายกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ช่างเป็นภาพที่น่าสะอิดสะเอียนเสียจริง
"จัดการไอ้หมาเวรนั่นสักทีสิวะ!!" หนึ่งในนั้นที่น่าจะเป็นหัวหน้าตะโกนสั่ง ก่อนจะออกแรงวิ่งไล่ล่าอัลฟ่าแดนเหนือที่หลบหลีกตัวปลิวลมอยู่ด้านหน้า "ไม่อยากได้รางวัลกันหรือไง ค่าหัวของมันไม่ใช่น้อย"
ขาเรียวยาวของแอชเชอร์แม้จะไม่ได้แข็งแรงเท่าพวกในหน่วยป้องกัน แต่ถ้าในเรื่องความเร็วและความคล่องตัว แอชเชอร์มั่นใจว่าตัวเองไม่แพ้ใครทั้งนั้น เสียงฝีเท้าที่ดังตามมาตามด้านหลังที่มากกว่าสองคน ซึ่งก็ไม่ใช่จำนวนมากมายขนาดที่แอชเชอร์จะรับไม่ไหวหากได้จังหวะที่เหมาะสม
คงต้องขอบคุณป่าแถบนี้ที่ค่อนข้างรกทึบ จนทำให้แอชเชอร์สามารถหลบซ่อนตัวจากคนที่หมายหัวตัวเองได้อย่างไม่ยาก
"อั่ก.."
ฝ่ามือขาวยกขึ้นปิดปากของร่างใหญ่ที่หลงมายืนอยู่ใกล้กับตรงที่แอชเชอร์ซ่อนตัว ส่วนมือขวาอีกข้างที่ถืออาวุธจับถนัดมือจะลงมีดที่ลำคอของเหยื่อผู้โชคร้ายภายในครั้งเดียว ก่อนที่จะเหวี่ยงตัวคนที่ไม่มีโอกาสรอดชีวิตให้พ้นทาง
"ใครอยากตายก่อนก็เข้ามา"
ถ้าให้เดาแล้วคนพวกนี้คงไม่พ้น เป็นพวกที่ตามล่าหัวแอชเชอร์ตามประกาศของพวกสเปนเซอร์ เพราะดูจากรูปลักษณ์แล้วคงไม่ใช้พวกฝั่งแดนใต้อย่างแน่นอน มิหนำซ้ำสัญลักษณ์ที่เป็นรอยสักที่หลังคอก็ชัดเจนมากพอที่จะทำให้แอชเชอร์มั่นใจว่าคือกลุ่มคนในแดนเหนือสักกลุ่ม
"จะตายแล้วยังอวดดี"
แอชเชอร์ไม่ตอบอะไรนอกเสียจากที่จะพุ่งเข้าหาด้วยแรงทั้งหมดจนล้มลงไปทั้งคู่ ด้วยแรงที่มากพอกันทำให้ต่างฝ่ายต่างสลับกันรับสลับกันจู่โจม หมัดหนักๆที่ซัดเข้าบริเวณโหนกแก้มทำให้แอชเชอร์มึนไม่น้อยก่อนที่สติทั้งหมดจะกลับมาเมื่อรู้สึกถึงแรงเหวี่ยงที่ทำให้ร่างของตัวเองกระแทกกับพื้น
ฝ่ามือขาวที่มีเลือดซิบจากรอยถลอกพยายามจะดันตัวเองให้ลุกขึ้นแต่ก็ยากลำบาก เมื่อหน้าท้องของตัวเองยังคงจุกจากแรงที่ต่อยเข้ามาเมื่อก่อนหน้า
"ไม่ปากดีแล้วหรือไง"
แอชเชอร์ถมเลือดในปากตัวเองออกก่อนจะยกยิ้มเย็นให้ไอ้คนที่ตามลงมาคร่อมทับร่างตัวเอง ในมืออีกข้างของมันมีมีดที่พร้อมจะตัดหัวแอชเชอร์อยู่ทุกวินาที
"สุดท้ายก็เป็นได้ขี้ข้าพวกสเปนเซอร์"
คำพูดที่ท้าทายของเลสลีย์ ทำให้คนที่คร่อมทับร่างกายนั้นฉุนจัดจนง้างแขนเพื่อเหวี่ยงมีดหวังจะบั่นคอของอัลฟ่าถือดีนี่ให้ขาด
ฉึก
"ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต.. จำเอาไว้"
ร่างโปร่งดึงมีดที่แทงเข้าบริเวณหน้าอกของอัลฟ่าขี้ข้านั่นออก ก่อนจะผลักร่างที่ใกล้จะขาดใจตายอยู่บนร่างกายตัวเองออกให้พ้น แอชเชอร์ข่มความสั่นของตัวเองไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฝ่ามือที่เปื้อนเลือดพวกนี้มันคือหลักฐานชัดเจนว่าเจ้าตัวได้ฆ่าคนกับมือ
"มือพึ่งเคยเปื้อนเลือดหรือเลสลีย์?" แม้จะฆ่าไปแล้วสองคน แต่ก็ยังคงเหลืออีกหนึ่งที่ยืนกอดอกชมาภาพการต่อสู้มาสักพัก "ยังไงก็คงขอบคุณที่นายกำจัดตัวหารรางวัลให้ฉัน"
"ถ้าได้เลือดแกเป็นคนต่อไปก็คงไม่เลว"
ศัตรูคนเดียวที่เหลืออยู่ตรงหน้าหัวเราะลั่นก่อนจะเหยียดยิ้มน่าเกลียดให้กับร่างโปร่งของอัลฟ่าแดนเหนือ
ด้วยสภาพร่างกายที่สะบัดสะบอมพอควรทำให้กำลังของร่างโปร่งเริ่มถอยลง อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามก็ตั้งใจซ้ำรอยบาดแผลที่ร่างกายของเลสลีย์จนมันชาหนึบไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นลูกบ้าในตัวแอชเชอร์ก็ยังคงทำให้อีกฝั่งได้รับบาดเจ็บไม่น้อย บาดแผลจากคมมีดที่แทงเข้าที่หน้าท้องของมันถูกขยี้ซ้ำด้วยปลายเท้าของแอชเชอร์ที่ยืนอยู่ด้านบน
"อะ.."
ขายาวถูกกระชากด้วยแรงไม่น้อยจนล้มลงก่อนที่ร่างใหญ่ของอีกฝ่ายจะเปลี่ยนมาคร่อมทับ แล้วใช้มือบีบรอบคอขาวเพื่อหวังจะให้แอชเชอร์ขาดใจตาย แน่นอนว่าการโดนบีบคอแบบนี้ทำให้แอชเชอร์ดิ้นรนเอาตัวรอดได้ยากมากขึ้นอีกเท่าตัว ทั้งน้ำหนักที่กดทับบนหน้าอก ทั้งแรงบีบที่ลำคอ สร้างความทรมานอย่างสาหัสให้กับร่างขาวจนแทบสิ้นแรง
มือขาวซีดของแอชเชอร์ยังคงพยายามแกะมือที่บีบคอตัวเองออกอย่างถึงที่สุด แม้จะรู้ว่ามันจะยากมากที่จะช่วยได้ การขาดอากาศหายใจที่เกิดขึ้นชั่วระยะเวลานึงทำให้แอชเชอร์ยิ่งดิ้นรน จนกระทั่งมีแรงกระแทกบางอย่างที่มาจากทางด้านหลัง ทำให้มือที่เคยบีบคอเลสลีย์ปล่อยออกจนเป็นอิสระ
"แค่กๆๆ อึก" ร่างโปร่งเท้าข้อศอกลงกับพื้นดินที่เปียกชื้อแล้วไอโขลก เพราะความเจ็บที่บริเวณลำคอเมื่อหันไปมองภาพที่เกิดขึ้นไม่ห่างจากตัว ก็ทำให้แอชเชอร์แทบจะหยุดหายใจ
ภาพของอัลฟ่าตัวใหญ่ที่ถูกกัดคอจนเลือดพุ่งกับใบหน้าที่เละเทะเพราะโดนเกรย์วูล์ฟตัวโตขย้ำ ในสภาพที่ไม่เหลือชิ้นดี เลือดบางส่วนกระเซ็นเข้ามาโดนใบหน้าของแอชเชอร์จนใบหน้าขาวนั้นเต็มไปด้วยคราบเลือด
ก้อนเนื้อในอกของร่างโปร่งยังยังคงเต้นตุบๆเหมือนจะหลุดออกมาไม่หายแม้ทุกอย่างจะกลับคืนสู่สภาวะปกติ ความดุร้ายของเกรย์วูล์ฟถือว่าเป็นที่เลื่องชื่อให้ใครต่อใครต่างหวาดกลัว ทั้งพละกำลังและขนาดตัวของมันจึงทำให้ไม่แปลกที่มนุษย์จะไม่มีทางรอด หากได้ต่อสู้กับมันซึ่งๆ หน้า
"ชาลี.."
แอชเชอร์เรียกชื่อเกรย์วูล์ฟตัวโตที่เดินเข้ามาหาตัวเองด้วยเสียงแหบแห้ง และท่าทางที่อ่อนแรงของแอชเชอร์ทำให้มันใช้จมูกดมตามตัวคนที่ต้องดูแลเพื่อความแน่ใจ ก่อนที่ตาดุๆของมันจะปรายตามองใบหน้าของแอชเชอร์อีกครั้งแล้วล้มตัวลงนอนเฝ้า ราวกับจะให้ร่างโปร่งได้พักผ่อนเสียก่อนที่จะได้เดินทางกันต่อ
"ขอบใจนะ.."
ถ้าหากเมื่อกี้ไม่ได้ชาลีช่วยเอาไว้ แอชเชอร์ก็ไม่อยากคิดสภาพตัวเองเหมือนกันว่าจะเอารอดจากสถานการ์ณนั้นได้อย่างไร ยิ่งก้มลงมองเกรย์วูล์ฟตัวโตที่นอนหมอบอยู่ข้างๆก็ทำให้เจ้าตัวได้เห็นคราบเลือดที่ยังติดบริเวณรอบปากของชาลี ไม่เว้นไม่กระทั่งขนสวยๆ ของมันที่แอชเชอร์เคยเห็นเชสชอบมานั่งแปรงขนให้อยู่บ่อยๆ
เสียงครางรับในลำคอของชาลีเองก็ดูเป็นคำตอบรับที่ทำให้เลสลีย์กล้ายื่นมือไปลูบหัวของมันอย่างเบามือ แม้จะไม่ได้น่ารักเหมือนเซเบอร์ แต่แอชเชอร์ก็พูดได้อย่างมั่นใจว่าชาลีเหมาะกับการเป็นจ่าฝูงของการ์เดียนโดยไร้ข้อกังขา
และแอชเชอร์เองก็ไม่แปลกใจด้วยว่าทำไมชาลีถึงเป็นเกรย์วูล์ฟที่ไทเลอร์มั่นใจฝากชีวิตของเขาไว้กับมัน....
"ท่าทางว่าต่อไป แกคงต้องเดินรอฉันหน่อยแล้วล่ะชาลี"
"...."
"ป่านนี้ม้านั่นคงวิ่งหนีเตลิดไปถึงไหนแล้ว..."
#youngmastermn
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in