Note : เชส ไทเลอร์ = แจมิน , แอชเชอร์ เลสลีย์ = เจโน่ , เอริค เมอร์เรย์ = โดยอง , ลูอิส(ลูฟ) เชอร์ชิล = ลูคัส , เซบาสเตียน โบเว็น = เฮนเดอรี่ , อาเธอร์ เลสลีย์ = แจฮยอน , ริโอ สเปนเซอร์ = จอห์นนี่ , โจชัว คาร์ลิน = มาร์ค
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าตอนนี้แอชเชอร์ ใช้ชีวิตอยู่ในเดอะฮิลล์มาร่วมเกือบสองสัปดาห์ อาการบาดเจ็บเองเองก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้สามารถที่จะเดินไปไหนมาไหน และทำอะไรได้เองอย่างสะดวก แม้จะค้านหัวชนฝาในตอนแรกว่าไม่อยากรู้จักอะไรในแดนใต้ แต่สุดท้ายแอชเชอร์ก็ต้องเรียนรู้มันอย่างช่วยไม่ได้
ซึ่งนั่นก็ทำให้แอชเชอร์ค้นพบว่าคำบอกเล่าของพวกผู้ใหญ่นั่นมันไร้สาระสิ้นดี คนพวกนี้ก็ปกติทั่วไปเหมือนกับพวกเขา ไม่ได้ป่าเถื่อนหรือแย่อย่างที่เคยได้ยินด้วยซ้ำ จะเว้นก็แต่คนที่แอชเชอร์อาศัยร่วมชายคาบ้านนั่นไว้หนึ่งคน
ไทเลอร์ยังคงรักษาความเป็นตัวเองได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย วันแรกที่พูดคุยกับแอชเชอร์อย่างไร วันนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น หรือหากไม่ปริปากพูดแต่การกระทำก็ดูจะตั้งใจกวนกันอย่างไม่ต้องคิดมาก
"หงุดหงิดอะไรมาอีกล่ะเลสลีย์ บอกไว้ก่อนนะว่าวันนี้ฉันไม่มีคู่ซ้อมให้นายแล้ว" โจชัว คาร์ลิน เอ่ยทักทันทีที่เห็นใบหน้าไม่สบอารมณ์ของเลสลีย์ แม้ปกติเจ้าตัวจะมีหน้านิ่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสังเกตความหงุดหงิดภายใต้ดวงตาเรียว
หลังจากที่ได้ออกมาทำความคุ้นเคยกับเดอะฮิลล์ แอชเชอร์ก็ขอลงความคิดเห็นเลยว่าโจชัว เป็นบุคคลเดียวที่ตัวเองพอจะพูดคุยได้ เพราะหมอนี่ไม่มีท่าทีกวนประสาทเหมือนไทเลอร์ ไม่พูดมาเหมือนกับเชอร์ชิลตัวสูง และที่สำคัญคือไม่ชอบหลอกถามอะไรจากเขาเหมือนเมอร์เรย์
หลายวันมานี้ แอชเชอร์เอาแต่ขลุกตัวอยู่กับโจชัวร์จนสนิทกันมากขึ้น ต่อให้ปากของไทเลอร์จะบอกว่าแอชเชอร์อยู่ในจุดที่ต่ำสุดของที่นี่ แต่อัลฟ่าแดนเหนือก็ยังไม่เห็นการปฏิบัติตนที่ทำเหมือนต่ำต้อยเลยสักนิด มันก็น่าคิดตามที่เอริคบอกอยู่เหมือนกันว่าไทเลอร์อาจจะแค่อยากกวนประสาท ถึงได้พูดจาแบบนั้นออกมา
แล้วยังไง? จนถึงทุกวันนี้มันยังมีท่าทีที่เลสลีย์คนเล็กจะญาติดีกับหัวหน้าหน่วยได้เลยสักนิด แค่ให้ปะทะฝีปากกันทุกวันนี้มันยังยากเลย
"ถ้าอยากได้คู่ซ้อมเป็นหมอนั่น ฉันต้องทำยังไง"
"ฉันว่านี่มันไม่ใช่เรื่องตลกนะเลสลีย์" โจชัวร์โบกมือไปมาอย่างไม่อยากเชื่อในคำพูดของคนตรงหน้า ถึงจะพอรู้มาบ้างว่าเลสลีย์ไม่ค่อยลงรอยกับเชส แต่ก็ใช่ว่าเรื่องแบบนี้จะเอามาเป็นหัวข้อสนทนาจริงๆจังๆได้
"ฉันพูดจริงๆ" เลสลีย์กระแทกตัวนั่งลงข้างๆ หนึ่งในคนสนิทของไทเลอร์ "นายก็เห็นว่าหมอนั่นกดฉันยิ่งกว่าอะไรดี"
ไม่สิ.. จริงๆ ไทเลอร์ไม่ได้กดให้แอชเชอร์อยู่ต่ำอะไรนักหรอก แต่เพราะความเป็นทรูอัลฟ่าของเจ้าตัวมากกว่าที่ทำให้ตัวแอชเชอร์เองรู้สึกอยู่ภายใต้การควบคุม
"รู้สึกไปเองหรือเปล่า ฉันก็เห็นเชสปกติดี"
ปกติกับผีน่ะสิ!
"ขอโทษแล้วกัน ที่ฉันไม่เคยชินกับความกวนประสาทของหมอนั่น.." อัลฟ่าแดนเหนือตอบก่อนจะคว้าหยิบมีดใบตายที่โจชัวกำลังเช็ดทำความสะอาดอยู่ขึ้นมาดูอย่างสนอกสนใจ "ดูพวกนายจะถนัดใช้มีดกันดีนะ"
อัลฟ่าต่างแดนพูดตามจากที่เห็น ก่อนหน้านี้ตัวแอชเชอร์เองก็เคยได้ลองฝึกซ้อมกับอัลฟ่าในหน่วยมาแล้วจำนวนหนึ่ง ซึ่งแทบทั้งหมดนั้นถนัดการใช้มีดเสียจนเกือบพลาดท่าอยู่หลายครั้ง คำว่าฝึกซ้อมที่นี่มันไม่ต่างจากการเอาจริงจนตัวแอชเชอร์เองก็เสียเหงื่อพอสมควร
"เชื่อเถอะว่าเชสไม่ใช่คนที่นายจะไปสู้ด้วย"
"ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไง"
"หัวรั้นจริงๆ" โจชัวพูดขำๆก่อนจะคว้าเอามีดใบตายในมือของแอชเชอร์มาเก็บ ก่อนที่อัลฟ่าแดนเหนือจะได้เอาไปทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า
"ฉันไม่ได้หัวรั้น"
ยังจะมีหน้ามาเถียงกันอีกเลสลีย์..
"ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเชสถึงได้ไม่ลงรอยกับนาย" โจชัวบ่นพึมพำเบาๆ ก่อนจะลอบมองใบหน้าดูดีของอีกฝ่ายที่เชิดรั้นขึ้นอย่างถือดี
ลักษณะแบบนี้มันโคตรจะเป็นที่ต้องห้ามสำหรับเชสชัดๆ
"คิดว่าฉันอยากลงรอยด้วยนักหรือไง ประสาทแบบนั้นสักวันฉันคงได้บ้าพอดี"
"แต่ตอนนี้นายก็ดูจะบ้าอยู่นะ"
"ดูเหมือนว่าวันนี้นายคงอยากจะเป็นคู่ซ้อมให้ฉันนะโจชัว.."
"ใจเย็นสิพวก ฉันแค่หยอกเล่น จริงจังไปได้" โจชัวยกมือขึ้นยอมแพ้ก่อนที่จะได้กลายเป็นคู่ซ้อมของเลสลีย์จริงๆ หลายวันที่ผ่านมาโจชัวเห็นศักยภาพของอัลฟ่าต่างแดนนี่มากพอจนตระหนักได้แล้ว ว่านี่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ตัวเองไม่ควรไปมีเรื่องด้วย
หน้าตาสะอาดสะอ้านอย่างพวกลูกหลานชนชั้นสูงแบบนี้ก็ไม่ได้หน่อมแน้มขนาดต่อสู้อะไรไม่ได้ ผิวขาวที่ทำให้ดูเหมือนคนขี้โรคนี่ก็หลอกลวงทั้งเพ
"นายจะกลัวอะไรฉัน"
"ให้ฉันได้พักก่อนเถอะ ฝึกครั้งที่แล้วพวกแผลก็พึ่งจะหายไป" โจชัวบ่นถึงการฝึกเมื่ออาทิตย์ก่อนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตัวเขาเองก็เป็นหนึ่งในทีมจู่โจมซึ่งอยู่ฝั่งเดียวกับเชส การฝึกทรหดนั่นทำเอาโจชัวแทบจะลากตัวเองกลับไปยังที่พักแทบไม่ไหว นับวันทุกคนในหน่วยก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นจนยากที่จะรับมือกับทักษะที่คาดเดาได้ยากแตกต่างกันไปในแต่ละคน
"แบบนี้วันนี้ฉันก็เบื่อแย่น่ะสิ ไม่มีอะไรให้ทำสักอย่าง"
"มีอะไรให้นายทำตั้งเยอะ แต่นายก็จะซ้อมอย่างเดียว" โจชัวอดแย้งไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีเบื่อหน่ายของอีกฝ่าย "พูดก็พูดเถอะนะ ความเป็นไปได้ที่นายจะได้กลับไปแดนเหนือมันแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ"
"มันต้องมีสักทาง.."
เรื่องอะไรที่แอชเชอร์จะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป เขายังมีหน้าที่ที่ต้องทำ มีอะไรหลายอย่างที่ต้องรับผิดชอบ แล้วก็มีครอบครัวที่ต้องช่วยเหลือ การหนีเอาตัวรอดสบายอยู่คนเดียวมันไม่ใช่สิ่งที่เลสลีย์ได้รับการสั่งสอนมา
"อย่าลืมว่าคนในเดอะฮิลล์หูตาเป็นสับปะรด.. ถ้าหวังจะให้ฉันช่วยล่ะก็ คงต้องบอกไว้ก่อนว่าฉันทำไม่ได้" อัลฟ่าหนุ่มเอ่ยปฏิเสธดักคอทันที "ถ้าเชสบอกว่าไม่ก็คือไม่"
"จนถึงวันนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจ แล้วก็ไม่เข้าใจมากๆ ว่าจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร" พอถามหาเหตุผล เชสก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงไม่ก็กวนประสาทแอชเชอร์จนต้องเลิกคุย "หรือให้ฉันตายใจแล้วค่อยฆ่าทีเดียว"
"ฟุ้งซ่านน่า"
"ก็มันไม่มีเหตุผลที่ดี ถึงทำให้ฉันฟุ้งซ่านขนาดนี้"
"เดี๋ยวฉันจะเข้าไปในป่าอีกฝั่ง นายสนใจจะไปด้วยกันไหมล่ะเลสลีย์"
"ป่าอีกฝั่ง?"
"ไม่ใช่แบล็คฟอเรสต์"
แอชเชอร์ก็ไม่ได้คาดหวังหรอกว่าจะเป็นป่าทางฝั่งนั้นที่เชื่อมต่อกับบ้านเกิดของตัวเอง
"ว่าแต่นายจะเข้าไปทำอะไร?"
"ล่า..."
ไหนโจชัวบอกว่าจะออกมาล่า แล้วทำไมตอนนี้แอชเชอร์ถึงรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกล่ายังไงอย่างงั้น รอบตัวที่เต็มไปด้วยป่าสนอาจจะเป็นที่คุ้นชินสำหรับแอชเชอร์ไม่มากก็น้อย แต่คงไม่ใช่สำหรับตอนนี้
รองเท้าบูทที่สวมใส่เหยียบย่ำไปตามพื้นดินที่เปียกชื้นตามสภาพอากาศของเดอะฮิลล์ กลิ่นอายของป่าที่มีีชีวิต กับ ความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณนับว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากในแดนเหนือเสียจนคนที่พึ่งเคยได้สัมผัสกับตัว ถึงกับสำรวจสิ่งรอบข้างอย่างสนอกสนใจ
"สรุปแล้วเราจะมาล่าอะไรกัน.." เสียงทุ้มเอ่ยถามคนที่เดินนำหน้าตัวเองเบาๆ
"เดี๋ยวนายก็รู้เอง"
"นายไม่รู้สึกเหมือนว่ากำลังมีคนมองเราอยู่บ้างหรือไง.."
"หืม?"
โจชัวหยุดเดินทันทีก่อนจะหันมาสนใจอัลฟ่าแดนเหนือที่ขมวดคิ้วจนแทบพันกัน
"ฉันไม่ได้รู้สึกไปเอง.. แต่สัญชาตญาณมันบอก" ดวงตาเรียวกวาดมองรอบข้างที่เป็นป่าอย่างระวัง ในขณะที่มือขาวเลื่อนมือลงไปอยู่ใกล้ๆกับมีดที่พกติดตัวมาด้วยความเคยชิน
"ก็ปกติ.."
โจชัวยักไหล่น้อยๆอย่างไม่สนใจ ก่อนจะเดินต่อโดยที่ทิ้งให้อัลฟ่าแดนเหนือถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ต่อให้ไม่ใช่คนอย่างน้อยก็ต้องเป็นสัตว์ป่านี่ล่ะที่กำลังจ้องจะเล่นงานพวกเขา
"ดูนั่น! กระต่ายป่า.."
โจชัวว่าก่อนจะจดจ้องอยู่ที่กระต่ายป่าตัวจ้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าจะถูกจับ ผิดกับแอชเชอร์ที่ไม่ได้สนใจกับกระต่ายนั่น เพราะเสียงหายใจของสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่มากกว่าหนึ่งชีวิตทำให้แอชเชอร์หันขวับไปตามต้นเสียง ความคุ้นเคยบางอย่างทำให้อัลฟ่าหนุ่มเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นจนเรียกเหงื่อเป็นเม็ดให้ผุดขึ้นบนขมับสวย
"โจชัว... นายอย่าขยับ"
แอชเชอร์เรียกอีกคนเสียงนิ่ง เมื่อเห็นบางสิ่งบางอย่างที่โผล่พ้นออกมาจากพุ่มไม้ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่ทั้งคู่ยืนอยู่ สัตว์ตัวขนสี่ขาตัวใหญ่ค่อยๆ ก้าวเดินเข้ามาหาทั้งโจชัวและแอชเชอร์ มันเป็นสัตว์ที่แอชเชอร์คุ้นเคยเป็นอย่างดีแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นมิตรสักเท่าไหร่ อีกอย่างมันก็ไม่ได้มีแค่หนึ่งอย่างที่แอชเชอร์คิด เพราะตอนนี้เจ้าสัตว์สี่ขาพวกนั้นกำลังล้อมรอบจากทุกทิศนับๆรวมดูแล้วก็ประมาณหกเจ็ดตัวเห็นจะได้
ทางด้านโจชัวเองพอได้ยินแบบนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนจะหันหน้ามามองแอชเชอร์นิ่งๆ
"สงสัยว่าเราจะมาแย่งเหยื่อของพวกมันแฮะเลสลีย์.."
ก่อนที่คิดว่าจะแย่งเหยื่อของมัน นายควรคิดว่าตัวเองกลายเป็นเหยื่อก่อนไหมโจชัว!
เสียงขู่คำรามของสัตว์ใหญ่เริ่มดังมากขึ้นเมื่อโจชัวขยับตัว อุ้งเท้าหนาที่ปกคลุมด้วยขนขยับเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆจนรุมล้อมอัลฟ่าทั้งคู่โดยสมบูรณ์
"ใจเย็นน่าชาลี.." โจชัวเอ่ยบอกกับหมาป่าตัวใหญ่สุดตรงหน้า ก่อนจะยกมือขึ้นยอมแพ้ พลางหันมาสั่งให้อัลฟ่าตัวขาวเลิกคิดที่จะจับมืด "อย่าคิดที่จะหยิบมีดออกมาเชียวนะ"
"!!!"
"พวกเราไม่ได้จะมาแย่งของเล่นของแก.."
หมาป่าตัวที่ดูเป็นจ่าฝูงมองหน้าโจชัวอยู่ครู่หนึ่ง เลิกแยกเขี้ยวขู่ก่อนจะมองหน้าของแอชเชอร์สลับกับโจชัว แล้วขยับถอยหลังอยู่ในระยะที่ห่างพอสมควรกับทั้งคู่ ตามด้วยหมาป่าตัวที่เหลือก็พร้อมใจกันถอยตาม
นี่มันอะไรกัน...
ก่อนที่แอชเชอร์จะได้อ้าปากถามโจชัว ก็มีเสียงเป่าปากที่ดังแว่วมาก็ทำให้สัตว์สี่ขาหูกระดิก ก่อนจะหันหลังวิ่งหายไปตามๆกัน กลับไปตามทิศทางของเสียงเป่าปาก ท่ามกลางความงุนงงของแอชเชอร์ที่กำลังสับสน
"นายรู้จักพวกมัน?"
"ก็งั้นมั้ง" โจชัวตอบอย่างไม่ตื่นเต้นอะไร "อย่าบอกนะว่าตั้งแต่นายมาอยู่ นายยังไม่เคยเห็นพวกการ์เดียน"
"นายหมายถึงหมาป่าพวกนั้น"
"ใช่.. ทั้งหมดนั่นคือการ์เดียน เดี๋ยวนายก็คงจะได้รู้จัก.."
หมาป่าเป็นฝูงพวกนั้นคือการ์เดียนของเดอะฮิลล์.. มิน่าล่ะถึงได้ดูคุ้นเคยกับโจชัว แม้จะไม่เชื่องขนาดนั้นก็ตาม
"แล้วพวกมันไปที่ไหนกัน เหมือนเมื่อกี้ฉันจะได้ยินเสียงเป่าปาก"
"น่าจะเป็นเชส.. ปกติการ์เดียนจะชอบออกมากับหมอนั่น"
เมื่อไหร่แอชเชอร์จะเลิกวนเวียนกับไอ้หมอนี่สักที.. จะไปที่ไหนก็ต้องมีอะไรสักอย่างมาเกี่ยวข้องทุกที
"มากับหมอนั่น แต่มาวิ่งตามใจชอบแบบนี้น่ะเหรอ"
"ใครว่าล่ะ"
"ปกติแล้วมันก็สมควรอยู่กับเจ้านายของมันไม่ใช่หรือไง"
"เชสไม่ค่อยจำกัดอิสระของพวกมัน นายก็เห็นว่าต่อให้ปล่อยแค่ไหน พอได้ยินเชสเรียก มันก็กลับไป"
น่าอิจฉาอยู่เหมือนกันที่พวกหมาป่าพวกนี้เชื่อฟังคำสั่งของเชส ผิดกับหมาป่าของแอชเชอร์เสียเหลือเกิน เจ้านั่นน่ะไม่เชื่อฟังเขา แถมยังไปไหนมาไหนตามใจชอบจนยากที่จะควบคุม
"ชักอยากจะลองรู้จักแล้วสิ.."
"เตือนไว้ก่อนว่าอย่ามั่นใจขนาดนั้นเลสลีย์ เห็นพวกมันเชื่อฟังแบบนั้น ก็ใช่ว่าจะเป็นมิตร"
"นั่นสิ ขนาดนาย พวกมันยังดูไม่เป็นมิตรด้วยเลย" แอชเชอร์ย้อนเข้าให้จนโจชัวยิ้มแห้ง
"อย่าเอาความจริงมาพูดสิ"
"ฉันว่านะ วันนี้คงไม่เหมาะกับการล่าเท่าไหร่แล้วล่ะ ป่านนี้พวกสัตว์ที่เราจะล่าคงหนีหายไปหมดเพราะรู้ว่าพวกการ์เดียนอยู่แถวนี้"
"งั้นก็ถือซะว่าฉันพานายมารู้จักเดอะฮิลล์ให้มากขึ้นก็ได้.."
"นายนี่มันแปลกคน.." แอชเชอร์อดค่อนขอดอีกฝ่ายไม่ได้ คนอะไรขนาดไม่ได้ทำตามที่คิดไว้ ยังจะมาเปลี่ยนแผนกันเสียง่ายๆ
"งั้นนายก็คงแปลกคนเหมือนกันที่คุยกับฉันรู้เรื่อง"
เดอะฮิลล์นี่มันศูนย์รวมของพวกประหลาดชัดๆ
ทันทีที่กลับถึงหน่วยป้องกันอัลฟ่าแดนเหนือก็พบเข้ากับความวุ่นวายของกลุ่มการ์เดียนเดินไปเดินมาให้วุ่นวาย เดาได้ว่าเชส ไทเลอร์ คงกลับมาถึงได้ไม่นาน มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าหมอนั่นกำลังใช้สายตาคมมองตามอัลฟ่าแดนเหนือที่เดินคุยกับโจชัวอย่างจ้องจับผิด
"เมื่อกี้ตอนฉันเข้าไปในป่า บังเอิญเจอเจ้าพวกนี้พอดี..."
"ยังดี ที่ไม่โดนขย้ำ" เชื่อเถอะว่าคำประชดประชันนั้นไทเลอร์เหน็บแนมมาให้แอชเชอร์
"ปากเสียน่าเชส นายก็รู้ว่าการ์เดียนไม่มีทางขย้ำฉัน" โจชัวตอบกลับ
"ก็ไม่แน่.."
ปากคุยกับโจชัว แล้วทำไมไอ้สายตาไม่เป็นมิตรนั่นมันจะต้องมองหน้าของแอชเชอร์ด้วย แบบนี้นี่มันหาเรื่องกันอีกแล้ว
"เป็นคนแท้ๆ แต่ปาก..." อัลฟ่าแดนเหนือพูดขึ้นมาลอยๆ ก่อนจะเสสายตาไปมองพวกการ์เดียนช่วงจังหวะที่เว้นวรรคประโยค แล้วหันกลับมาแสยะยิ้มให้กับหัวหน้าหน่วยที่เดาะลิ้นมองหน้าตัวเองอยู่
"เลสลีย์..." โจชัวกระแทกไหล่ของอัลฟ่าแดนเหนือเบาๆ เมื่อได้ยินประโยคที่ลอยออกมาจากปากของแอชเชอร์ "อย่าไปเถียงกับเชสเลยน่า.."
"ไทเลอร์ยังไม่เห็นพูดอะไรเลย นายจะร้อนตัวแทนทำไม"
"พูดได้ดีเลสลีย์.." เชสตอบกลับยิ้มๆ ก่อนจะหันไปเรียกหนึ่งในการ์เดียนที่มีขนสีขาวสะอาดทั้งตัวมาหาตัวเอง "ร็อคกี้!" แค่เพียงคำเดียวหมาป่าตัวที่ชื่อร็อคกี้ก็รีบวิ่งเข้ามาหาเชสอย่างไม่อิดออด ระยะห่างที่ไม่ไกลมากทำให้แอชเชอร์สังเกตเห็นดวงตาสีฟ้า
"ยังขนสวยเหมือนเดิม" โจชัวอดชมหมาป่าสีขาวปลอดไม่ได้เมื่อได้เห็น เรียกว่ามันเป็นตัวเดียวในฝูงที่มีขนสีแตกต่างกับพวกจนโดดเด่น แถมยังฉลาดเป็นกรด
"ฉันว่าบางที ตอนนี้ร็อคกี้อาจจะต้องการคนช่วยดูแล"
"นายอย่าบอกนะว่า..."
"!!!"
"ฝากดูแลร็อคกี้ทีสิ นายน้อย"
"นายจะบ้าเหรอเชส!"
วินาทีนั้น แอชเชอร์รู้สึกเหมือนตัวเองหูดับไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เสียงโวยวายของโจชัวไม่ได้เข้าหูุเลยสักนิด เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันทำให้เขาต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างลำบาก
"หรือนายจะดูุร็อคกี้แทนดีโจชัว"
พอถูุกถามแบบนั้น โจชัวก็รีบส่ายหัวพรืดทันที ในหมู่การ์เดียน ร็อคกี้ทั้งฉลาดทั้งดื้อ มีก็แต่เชสที่คุมมันได้ แล้วถ้าแบบนี้เลสลีย์จะไม่เจอปัญหาใหญ่อย่างงั้นเหรอ
"ฉันไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้นะเชส นายก็รู้ว่าร็อคกี้เป็นยังไง"
"ออกจะน่ารัก"
"จะให้ฉันดูแล หรือ จะให้การ์เดีียนของนายมาเฝ้าฉันแทนกันแน่.."
"นั่นก็เป็นความคิดที่ดี.. พอนายพูดมาฉันก็นึกออกพอดีเลยล่ะ"
วินาทีนั้นแอชเชอร์ก้าวขาเตรียมที่จะพุ่งเข้าไปหาไทเลอร์อย่างสุดจะทน แต่ก็ติดการ์เดียนตัวขาวปลอดที่แยกเขี้ยวขู่ทันทีเมื่อเห็นว่าจะมีคนเข้ามาทำร้ายร่างกายของเจ้านายมัน
"ถึงร็อคกี้จะไม่ค่อยกัดใคร แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่ชอบขบกระดูก..."
"ฉันชัดจะหมดความอดทนกับนายแล้วนะไทเลอร์"
"พอแล้วเชส! หยุดคิดจะให้เลสลีย์ดูร็อคกี้ได้เลย มันเป็นไปไม่ได้ นายก็รู้ว่าพวกหมาป่าถ้าไม่เลี้ยงมันมาตั้งแต่เล็กๆมันก็ไม่เชื่อฟังหรอก"
"อาจจะไม่เชื่อฟังเจ้านายใหม่ แต่ฉันมั่นใจว่ามันจะเชื่อฟังฉัน"
คนอย่างแอชเชอร์ เลสลีย์ ไม่ใช่คนที่เชสจะประมาทได้ ช่วงเวลาที่ผ่านมาเชสเองก็เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นเอาแต่ฝึกซ้อมร่างกายตัวเอง แถมยังหาทางหนีทีไล่เนียนๆเวลาอยู่กับโจชัว สายตาอยากรู้อยากเห็นพวกนั้นมันชัดเจนมากจนหัวหน้าหน่วยไม่สามารถมองข้ามได้
"ก็ลองดู ว่าวิธีพวกนี้ของนายจะหยุดฉันได้จริงหรือเปล่า.."
ถ้าหากมีกระแสไฟฟ้าเกิดขึ้นได้ยามที่แอชเชอร์และเชสจ้องตากัน โจชัวก็ขอฟันธงเลยว่ามันจะเป็นกระแสไฟฟ้าแรงสูงที่ฟาดฟันกันไปข้างนึง ไม่มีใครยอมลงให้ใครแบบนี้ ท่าทางจะอยู่ยาก
"งั้นก็เชิญนายน้อยทดสอบได้เลย.."
ทั้งชีวิตนี้ไม่ใครที่เรียกสกุลแอชเชอร์ และ เรียกคำว่านายน้อย ได้ประชดประชันเท่าไทเลอร์อีกแล้ว
"พึ่งนึกขึ้นได้เหรอว่านายควรเรียกฉันว่าอะไร"
"ก็แค่อยากย้ำความจำของนายก็เท่านั้น" แอชเชอร์เหลือบมองโจชัวที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ "ไม่ดีหรือ.."
"อย่าเลยดีกว่า เพราะยังไงคำพูดพวกนี้มันคงไม่เหมาะกับหัวหน้าหน่วยของเดอะฮิลล์สักเท่าไหร่ สู้เอาไว้ถึงวันที่นายต้องคุกเข่าให้ฉัน วันนั้นคงจะดีกว่าถ้าฉันจะได้ยินคำนี้.."
สุดท้ายแล้วแอชเชอร์ก็ต้องมีร็อคกี้คอยตามอยู่ใกล้ๆ ซึ่งเจ้าหมาป่าสีขาวนั่นก็ใช่ว่าจะชอบขี้หน้าแอชเชอร์ ดูจากสายตาที่ไม่เป็นมิตรก็พอจะรูุ้แล้วว่าคงจะมีร่างอวตารของไทเลอร์อยู่ในตัว มิหนำซ้ำอัลฟ่าแดนเหนือยังต้องจดจำการ์เดียนทั้งหมดให้ได้ เพื่อความปลอดภัยของตัวเองเวลาไปไหนมาไหน
ด้วยเหตุผลที่ว่าส่วนใหญ่แล้ว เดอะฮิลล์มักจะปล่อยให้การ์เดียนออกลาดตระเวนแทนการใช้คน อีกทั้งเจ้าหมาป่าพวกนี้ยังกินนอนอยู่ใกล้ๆกับบ้านพักของเชส ซึ่งแอชเชอร์ก็พึ่งค้นพบคำตอบของเสียงโซ่ที่ได้ยินมาตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา
"ปกติแล้วไทเลอร์ชอบปล่อยพวกมันตอนกลางคืน.."
นั่นคือสิ่งที่โจชัวบอกกับแอชเชอร์เอาไว้ก่อนจะแยกกัน
"คิดชื่อออกหรือยัง ว่าจะตั้งชื่อให้มันว่าอะไร?"
ไทเลอร์ที่เดินนำหน้า หันกลับมามองอัลฟ่าแดนเหนือที่กำลังอุ้มลูกหมาป่าไว้ในอ้อมอกอย่างกดดัน หลังจากที่เจ้าตัวยัดลูกหมาป่าสีเทาใส่มือเลสลีย์คนเล็กอย่างบังคับ เห็นว่าเจ้าตัวได้มันมาตอนที่เข้าไปในป่าเมื่อช่วงสาย
"แล้วทำไมนายไม่ตั้ง นายเป็นคนเอามันมา.."
"หูหนวกหรือเปล่าเลสลีย์ ฉันว่าฉันก็พูดแล้วนะว่าให้นายดูแล" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างตำหนิ เมื่ออัลฟ่าแดนเหนือเถียงตัวเอง
"ผีเข้าหรือไง ถึงมาทำดีกับฉัน" แอชเชอร์เหน็บเข้าให้
"อย่างน้อยเจ้านี่ ก็จะเป็นเพื่อนนายได้ในวันข้างหน้า"
"นี่นายจะให้ฉันมีเพื่อนเป็นหมางั้นเหรอ!"
"หมาที่นายว่า มันคือเพื่อนซื่อสัตย์ที่สุดของนาย"
"...."
"แดนเหนืออาจจะเลี้ยงพวกมันไว้ใช้งาน แต่เราไม่ได้เลี้ยงมันไว้ไปทาสรับใช้"
"ฉันก็ไม่ได้..."
"เลี้ยงเจ้านี่เพิ่มอีกสักตัวจะเป็นอะไรไป หรือ หมาป่าที่แดนเหนือของนายมันเป็นโรคหวงเจ้าของ"
"ชาลีเองก็หวงนาย.." หลังจากที่ได้รู้จักพวกการ์เดียนจนครบ แอชเชอร์ก็รู้ว่าหมาป่าตัวโตนั่นคือหมาป่าประจำตัวของเชส ที่ถูกเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กโดยเจ้าตัว มิน่า นิสัยถึงได้ถอดแบบกันมาไม่มีผิดเพี้ยน..
"มันปกป้องทุกคนในเดอะฮิลล์ ไม่ใช่แค่ฉัน.."
"แล้วทำไมนายถึงยอมยกเจ้านี่ให้ฉัน ทั้งๆที่รู้ว่ามันจะต้องตามเจ้านายของมันไปทุกที่"
เชสมองใบหน้าของคนที่ถามตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับริมฝีปากได้รูปตอบอย่างชัดเจนทุกคำพูด จนแอชเชอร์ได้แต่กระชับกอดเจ้าหมาป่าน้อยในอกเพิ่มมากขึ้น
"เพราะนั่นคือสิ่งที่ฉันตั้งใจ..."
"ดูนายจะมั่นใจว่าฉันจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้.." วินาทีนี้แอชเชอร์เองก็คงคิดหาเหตุผลของความตั้งใจอะไรไม่ได้ นอกจากเรื่องนี้
"ก็คงพอๆกับความมั่นใจของนาย ที่จะออกไปจากที่นี่"
"คนอย่างฉันไม่มีวันเอาตัวเองรอดคนเดียว.."
"น่าเสียใจจริงๆ"
ทว่าประโยคที่ไทเลอร์พูดกับแอชเชอร์ในครั้งนี้ มันกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้แสร้งทำ เพื่อพูดจากระทบกระแทกเหมือนก่อนหน้า แววตาที่แสดงออกถึงความสงสารอย่างฉายชัดราวกับว่าแอชเชอร์เป็นคนที่ไม่รู้อะไร
"ยังไงฉันก็เชื่อว่าอาเธอร์จะต้องไม่เป็นอะไร"
"รั้น"
"...."
"ถ้านายไม่ตั้งชื่อเจ้าหนูนี่ งั้นฉันจะตั้งเอง" ไทเลอร์วนกลับมาเรื่องชื่อของหมาป่าตัวเล็ก เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของแอชเชอร์ในทันที
"นายจะรีบอะไรขนาดนั้น"
"เซเบอร์"
"!!"
"ให้เพื่อนนายชื่อเซเบอร์"
ถ้าจะตั้งเองตั้งแต่แรก ก็อย่ามาถามกันเลยดีกว่าไทเลอร์!!
ภายในห้องทำงานที่ถูกเปิดไฟไว้เพียงแค่ดวงเดียวพอให้มองเห็น ปรากฏร่างขางหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่กำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด ในมือที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดมีกระดาษแผ่นเล็กบางอย่างที่ทำให้คิ้วเข้มขมวดแน่น
อัลฟ่าหนุ่มอ่านมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนขึ้นใจก่อนจะคิดทบทวนอย่างหนัก ในเนื้อความของจดหมายซึ่งส่งมาถึงมือของเชส ไทเลอร์ เมื่อตอนช่วงเช้าแต่เจ้าตัวพึ่งจะมีเวลาเปิดมันหลังจากทำหน้าที่ทุกอย่างในวันนี้เป็นที่เรียบร้อย
ลายมือที่คุ้นเคยยังคงเป็นระเบียบสวยงาม อ่านได้สะดวกและง่ายดาย แต่กลับไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของคนที่อ่านสบายใจ เปลือกตาสีเข้มปิดลงเพื่อใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นมาเมื่อตัดสินใจทุกอย่างได้
"ไปเอาความมั่นใจพวกนี้มาจากไหนกัน.."
เชสพึมพำกับตัวเองเสียงเบา ก่อนจะอ่านเนื้อความในจดหมายเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่มันจะหายไป.. สถานการณ์ของเดอะฮิลล์มันดูสงบเสียจนไทเลอร์เองยังหวั่นว่าจะเกิดอะไรที่ไม่คาดคิด ช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ทางฝั่งแดนเหนือเองก็ไม่มีท่าทีว่าจะมาต่อรองหรือเจรจาเรื่องแอชเชอร์อย่างที่คาดไว้
จะว่ามันเป็นผลดีก็ใช่ แต่จะว่ามันเป็นผลเสียมันก็ใช่อีก
พายุหิมะอาจจะกำลังก่อตัวเพื่อรอวันถล่มก็ได้ ใครจะรู้..
เรื่องที่แอชเชอร์อยู่ในเดอะฮิลล์ หน่วยกลางก็ไม่ได้รู้เรื่องด้วย ทุกอย่างในเดอะฮิลล์ถูกเชสสั่งให้ปิดปากเงียบไม่ให้แพร่งพรายออกไปข้างนอก เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่หน่วยกลางรู้ว่าแดนใต้รับคนแดนเหนือเข้ามาอยู่อาศัยล่ะก็คงได้เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต
แผ่นกระดาษสีขาวที่เต็มไปด้วยรอยหมึกถูกจ่อเข้ากับไฟที่กำลังลุกไหม้ จนค่อยๆไหม้ไปทั่วทั้งแผ่น อักษรข้อความสุดท้ายของกระดาษสะท้อนในดวงตาของอัลฟ่าหนุ่ม ที่ยืนมองมันนิ่ง
'มีแค่นาย..'
ตัวอักษรที่ถูกเขียนด้วยลายมือบรรจงมอดไหม้ไปพร้อมกับเปลวไฟที่เผาพลาญ จนเหลือแค่เพียงขี้เถ้าที่ไม่สามารถนำกลับคืนมาได้
"ทำไมต้องเป็นฉัน"
#youngmastermn
ไม่ให้เค้ากลับแล้วให้หมาป่าเค้าทำไมอะเชส? หืมๆๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in