"นายจะลองแลกกับฉันไหมล่ะ"
เชส ไทเลอร์ยังคงยืนสบตากับพี่ชายฝาแฝดของตัวเองด้วยสายตาท้าทายและยียวนอีกฝ่ายเต็มที่ ทางด้านคนที่ถูกตลบหลังอย่างไม่รู้ตัวนั้นก็ยังคงกัดฟันกรอดในขณะที่มือของเจ้าตัวนั้นก็กำเข้าหากันแน่นเสียจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนอย่างชัดเจน
“ว่าไงล่ะแมดส์รู้แบบนี้แล้วยังอยากจะลองแลกกับฉันอยู่อีกไหม” เชสเอ่ยถามแฝดพี่อีกครั้งเพื่อเร่งการตัดสินใจของหมาบ้าที่ใกล้คลั่งเต็มที่“ป่านนี้ข้างล่างคงจะปั่นป่วนกันน่าดูเพราะการมาของเยลเวอร์ตันนายว่างั้นไหม?”
“ฉลาดในการเอาตัวรอดไม่เปลี่ยน” แมดส์เอ่ย
“ถึงขนาดที่ทำให้คนอย่างนายยอมให้อยู่ใกล้ตัว มันคงเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาน่าดู
เชสพูดตามในสิ่งที่ตัวเองได้รับรู้มาก่อนหน้าจากราเชลที่อยู่โรสต์เมื่อหลายวันก่อนการแข่งขันนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลยสักนิดหากพิจารณาลักษณะนิสัยของแมดส์
คนที่มักจะเดินทางและทำอะไรด้วยตัวคนเดียวจะมีสักกี่เหตุผลกันที่ยอมเพิ่มภาระให้กับตัวเองด้วยการมีใครอีกคนร่วมในการเดินทาง
“อย่าวุ่นวายเรื่องของฉัน”
“แล้วใครที่แส่เรื่องของฉันก่อน”
เชสตอบกลับแฝดพี่ในทันทีด้วยประโยคที่สะท้อนกลับเข้าหาตัวแมดส์
“….”
“โทษตัวเองที่พลาดก็แล้วกัน
แมดส์ถ่มเลือดในปากตัวเองทิ้งอีกครั้งก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมที่ปรกหน้าตัวเองด้วยความหงุดหงิดในขณะที่ใบหน้ายังคงฉายแววของความหงุดหงิดอย่างปิดไม่มิด
“มั่นใจขนาดนั้นเลยหรือว่าเยลเวอร์ตันสำคัญกับฉันขนาดนั้น”
“หากไม่สำคัญจริง ๆ จะทำให้นายสติหลุดได้ขนาดนี้หรือ
รอยยิ้มเย้ยหยันของเชสยังคงปั่นประสาทคนที่กำลังร้อนเป็นไฟให้เดือดพล่านยิ่งกว่าเดิมแต่หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์กลับเลือกเมินเฉยต่อความโกรธของแมดส์อย่างไม่คิดใส่ใจ
“ฉันยังต้องเก็บโอเมก้านั่นไว้ต่อรองอีกเยอะ”
“ก็หวังว่าสิ่งที่นายพูดจะเป็นเรื่องจริง” เพราะหากไม่ใช่ข้อต่อรองอย่างที่แมดส์ว่าแล้วจริงๆ เรื่องนี้คงสนุกน่าดูเชียวล่ะ “ขืนนายยังไม่รีบตัดสินใจตั้งแต่ตอนนี้ฉันก็ไม่รับประกันเหมือนกันนะว่าโอเมก้านั่นจะอยู่รอดปลอดภัยในเดอะฮิลล์”
“ขู่ฉันหรือ?”
“นี่ฉันทำแบบที่นายว่าไปหรือ”
พลั่ก!
ผลจากการยียวนและกวนประสาทคนหัวเสียจึงทำให้ไม่แปลกที่เชสจะโดนหมัดหนักๆ ของแมดส์ซัดเข้าที่ใบหน้าอย่างเต็มแรงอีกครั้งก่อนที่หมาบ้าที่กำลังคลั่งเต็มที่นั้นจะหุนหันพลันแล่นลงไปทางด้านล่างโดยไม่ได้พูดอะไรกับเชสต่อเลยสักคำ
“ถ้าเป็นแค่ตัวต่อรองจริง ๆจะรีบวิ่งแจ้นไปขนาดนั้นทำไมกัน..”
หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ก็ได้แต่หวังว่าพวกที่อยู่ข้างล่างจะรับมือกับหมาบ้าที่กำลังคลั่งได้
“นั่งลงเถอะเลสลีย์ เดินวนไปวนมาแบบนี้นายไม่เมื่อยบ้างหรือ”รีส เบลเลอมอนท์ ยังคงนั่งดื่มไวน์อย่างสบายอกสบายใจในยามที่เดอะฮิลล์กำลังวุ่นวายและมองคนรักของน้องชายที่ยังไม่ยอมหยุดเดินเสียที
“นายไม่ห่วงเชสบ้างหรือ?”คนถูกทักหันกลับมาถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดไม่น้อย หากมองจากตรงนี้ขึ้นไปแม้จะเห็นเขาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแต่ก็ไม่ได้ช่วยทำให้เห็นอะไรมากเท่าไหร่นัก
เกมชิงธงที่เริ่มต้นขึ้นไม่มีใครทราบได้ว่าสุดท้ายแล้วเกมนี้จะจบลงเช่นไรการฝึกที่ไม่ต่างจากการออกไปต่อสู้จริง ๆ คงไม่มีใครออมมือให้ใครทั้งนั้นและครั้งนี้ก็ดูจะเป็นเกมเดิมพันที่สูงทีเดียว…
“หมอนั่นเอาตัวรอดได้”
“น้องชายนายนี่มันต่างกันลิบลับ”แอชเชอร์เอ่ยออกมาอย่างไม่คิดจะอ้อมค้อม “ฉันล่ะเชื่อที่เชสบอกเลยจริง ๆว่าคนแบบแมดส์ไม่น่าเข้าใกล้เลยสักนิด”
“แล้วนายคิดว่าการที่คนหนึ่งเติบโตขึ้นมาเป็นทหารส่วนอีกคนเติบโตขึ้นมาเป็นนักฆ่า มันจะเหมือนกันตรงไหนได้” เบลเลอมอนท์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ยินดียินร้ายกับคำกล่าวหาของแอชเชอร์
“เชื่อเขาเลย..”
เป็นอีกครั้งที่รีสยื่นแก้วไวน์มาให้แอชเชอร์จนเจ้าตัวนั้นต้องรับมาอย่างเลี่ยงไม่ได้รสชาติของมันยังคงเป็นที่บาดคอของคนที่ไม่ชอบดื่มเช่นเคยแม้จะมีความหวานปนมาด้วยก็ตามแต่
“เชสรู้ไหมว่านายไม่ถูกกับของพวกนี้”
“คงไม่..”แอชเชอร์ส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อเบลเลอมอนท์จะรินไวน์เพิ่มให้ตัวเอง“หยุดหาเรื่องแกล้งฉันสักทีเถอะ เบลเลอมอนท์”
“ถ้านายอยู่ที่นี่มันก็คงเลี่ยงไม่ได้หรอกแอชเชอร์ไวน์ของเดอะฮิลล์เป็นสิ่งที่นายไม่ควรพลาด”
“ถ้าเมื่อไหร่นายกลับฟลัมก็อย่าลืมขนมันไปก็แล้วกัน”แอชเชอร์ประชดเข้าให้จนรีสหัวเราะออกมาเสียงดัง
“แหย่ไม่ได้เลยสินะนายเนี่ย”
“เลิกกวนประสาทเถอะถือว่าฉันขอร้อง”
คิดผิดจริง ๆที่แอชเชอร์เลือกมาอยู่กับรีสในตอนนี้เพราะนอกจากจะไม่ได้ช่วยอะไรแล้วยังสร้างความวุ่นวายให้มากขึ้นอีกด้วย
“นายคงไม่ได้กำลังคิดว่าแมดส์จะชนะหรอกใช่ไหม?”รีสเอ่ยดักอย่างรู้ทันเมื่อเห็นร่องรอยความกังวลของแอชเชอร์ที่ยังคงไม่จางหายไปแม้รีสจะชวนพูดคุยเรื่องอื่นแล้วก็ตาม
“แล้วมันแปลกหรือที่ฉันจะคิดแบบนั้น”แอชเชอร์ตอบ “ถ้าเป็นนักฆ่าก็คงไม่ใช่คนที่จะพลาดง่าย ๆ ”
“น้องชายฉันคงเสียใจแย่ ถ้ามาได้ยินเข้า”คำพูดที่สวนกับรอยยิ้มของรีสนั้นชวนให้คนตัวขาวรำคาญตาไม่น้อย คงเพราะทั้งรีสและแอชเชอร์อยู่ด้วยกันเพียงสองคนจึงทำให้ทั้งคู่กล้าที่จะพูดคุยถึงสถานะที่แท้จริงของหัวหน้าหน่วยกับผู้ปกครองฟลัมได้โดยไม่ต้องระวัง“คนเรามันพลาดกันได้ทั้งนั้น”
“นายใจเย็นเกินไป”
รีส เบลเลอมอนท์ ส่ายหัวน้อย ๆกับท่าทางของแอชเชอร์ที่กระวนกระวายจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง
“นั่งลงสงบสติอารมณ์แล้วเตรียมต้อนรับแขกจะดีกว่าแอชเชอร์” ผู้ปกครองฟลัมเอ่ย
“แขก?”
“หมากตัวสำคัญในเกมนี้ไงล่ะ”รอยยิ้มน่าขนลุกของเบลเลอมอนท์ยังชวนให้ไม่น่าไว้วางใจอยู่ดี แต่ถึงอย่างนั้นแอชเชอร์ก็เลือกที่จะนั่งลงตามคำบอกของอีกฝ่ายแล้วตั้งสติเพื่อระงับความฟุ้งซ่านในหัวของตัวเอง“อีกเดี๋ยวก็คงจะมาถึงที่นี่”
“นายหมายความว่ายังไง?”
ไม่นานหลังจากนั้นลาคลันก็เดินเข้ามาพร้อมกับผู้มาใหม่ที่ทำให้แอชเชอร์หันขวับไปมองในทันทีเพราะความผิดปกติที่เกิดขึ้นแอชเชอร์ไม่ได้ตกใจเท่าไหร่นักเมื่อเห็น ราเชล สแตนลีย์แต่ที่ทำให้ชวนสงสัยก็คือใครอีกคนที่เดินเข้ามาพร้อมกันนั่นต่างหาก
เสี้ยวหน้าที่เห็นเพียงแค่ช่วงจมูกกับริมฝีปากจากการบดบังของผ้าที่คลุมศีรษะยังคงไม่สามารถปกปิดความพิเศษของใครคนนั้นได้
ไม่ทันที่แอชเชอร์จะได้สงสัยอะไรต่อเกี่ยวกับบุคคลที่เข้ามาใหม่ผ้าคลุมที่เคยปกปิดเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายไว้ก็กลับถูกดึงออกช้า ๆ ด้วยฝีมือของเจ้าตัวจนเผยให้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างเต็มตา
ผิวขาวสะอาดที่แม้จะไม่ขาวจัดเท่าแอชเชอร์แต่ก็นับว่าขาวกว่าคนแดนใต้โดยปกติทั่วไปอย่างเห็นได้ชัดร่างกายผอมบางซึ่งซุกซ่อนอยู่ภายในเสื้อผ้าสีอ่อนและใบหน้างดงามไม่ต่างจากดอกไม้สีนวลตาเมื่อผลิบานนั้นให้ความรู้สึกที่น่าทะนุถนอมจนรับรู้ได้เส้นผมสีเข้มยังคงขับให้เห็นถึงความอ่อนเยาว์รับกับใบหน้าจิ้มลิ้มจนยากที่จะละสายตา
มองปราดเดียวก็ทำให้แอชเชอร์รับรู้ได้ว่าคุณหนูเยลเวอร์ตันที่ว่ามีเพศรองเป็นโอเมก้าอย่างปฏิเสธไม่ได้ทุกอย่างที่เป็นเจ้าตัวมันชี้ชัดไปเสียหมด
“ได้พบกันสักทีนะคุณหนูเยลเวอร์ตัน”
“เป็นเกียรติของเยลเวอร์ตันมากกว่าที่ได้พบกับเบลเลอมอนท์
แอชเชอร์หันหน้าไปมองรีสที่แสดงท่าทีสุภาพอ่อนน้อมจนผิดปกติกับคุณหนูโอเมก้านั่นแต่ทว่าปฏิกิริยาที่ได้รับการตอบรับมาจากคุณหนูที่ว่าก็ทำให้แอชเชอร์อดขำรีสไม่ได้ก็ในเมื่อมือที่ยื่นไปของเบลเลอมอนท์นั้นค้างอยู่กลางอากาศอย่างเก้อเขิน ด้วยเพราะคุณหนูนั่นถอยหลังหนีผู้ปกครองฟลัมจนแผ่นหลังไปติดกับอกของราเชลที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“อ่า..ลืมคิดไปเสียสนิทว่าคุณหนูคงไม่ชินกับการเข้าใกล้อัลฟ่าอย่างเรา” รีสเอ่ยพลางเหลือบมามองแอชเชอร์ที่ยังคงยืนนิ่งพิจารณาคุณหนูเยลเวอร์ตันอยู่เงียบๆ “แต่คงไม่ใช่กับไทเลอร์”
“เรา
อดีตอัลฟ่าแดนเหนือนั้นยืนกอดอกมองโอเมก้าแดนใต้รักษาท่าทีของตัวเองได้อย่างไม่มีบกพร่องใบหน้างดงามของอัลฟ่าผิวขาวจัดยังคงเชิดขึ้นเหมือนเช่นทุกครั้ง รวมไปถึงสายตากดดันไปยังคนถูกมองที่ส่งออกมายิ่งเสริมให้อีกฝ่ายดูมีอำนาจโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรออกมา
“นายเป็นอะไรกับแมดส์”
คำถามที่ไม่มีความอ้อมค้อมใดๆ จากปากของแอชเชอร์ไม่ได้ทำให้รีสแปลกใจสักเท่าไหร่ความเป็นอัลฟ่าในตัวของแอชเชอร์คงกำลังพลุ่นพล่านน่าดูเมื่อเจอกับโอเมก้า คำบอกเล่าที่แอชเชอร์ไต่ถามรีสก่อนหน้านี้คงทำให้เจ้าตัวปะติปะต่อเรื่องของหมากตัวสุดท้ายในเกมได้ในทันที
'
จุดอ่อนที่ไม่ใช่สิ่งของแต่กลับเป็นคนๆ หนึ่งที่เหนือความคาดหมายของแอชเชอร์ไปมากโข
เพียวโอเมก้าจากฮาร์เดนเจอร์นี่น่ะหรือจุดอ่อนของแมดส์ ไทเลอร์
“ฉันคงคิดมากไปจนลืมไปเสียสนิทว่าคนอย่างแมดส์คงไม่น่าจะ
“เจอนายก็ดีแล้วราเชลฉันว่าจะคุยกับนายเรื่องแร่ที่โรสต์อยู่พอดี” ผู้ปกครองฟลัมแสร้งเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยพลางส่งสายตาแกมบังคับให้เบต้าหนุ่มนั้นต้องเออออตกลงกับตัวเอง ก่อนที่จะส่งสายตาปรามแอชเชอร์ที่กำลังไล่ต้อนคุณหนูเยลเวอร์ตันทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าโอเมก้าตรงหน้านั้นมีความสัมพันธ์รูปแบบไหนกับแมดส์
“เรื่องแร่?”
“คุยที่นี่คงไม่สะดวกเท่าไหร่ฉันว่าไปคุยที่ห้องทำงานคงจะดีกว่า” เมื่อ รีส เบลเลอมอนท์พูดแบบนั้นแล้วมันก็เหมือนการบังคับกลาย ๆว่าราเชลจะต้องออกไปจากห้องนี้และทิ้งคุณหนูเยลเวอร์ตันไว้กับอดีตอัลฟ่าแดนเหนือ
เบต้าหนุ่มก้มมองโอเมก้าตัวขาวที่คว้ามือตัวเองไปจับไว้แน่นด้วยความกระอักกระอ่วนใจแค่การที่ราเชลละเมิดคำสั่งของ แมดส์ ไทเลอร์นั่นก็ว่าเป็นความคิดที่ผิดมหันต์แล้วนี่ยังจะต้องปล่อยเยลเวอร์ตันไว้กับคนอื่นอีก หากเรื่องถึงหูแมดส์ขึ้นมาล่ะก็คนที่น่าจะซวยมากที่สุดก็คงไม่พ้นราเชล
“แต่ว่าคุณหนู
“นายคิดว่าแอชเชอร์จะทำอะไรเยลเวอร์ตันหรือ?”
เมื่อคุณหนูเยลเวอร์ตันได้ยินชื่อของใครอีกคนที่มองกดดันตัวเองอยู่เจ้าตัวก็เผลอเงยหน้าขึ้นสบตาเจ้าของผิวขาวจัดด้วยความสนใจในทันที
“เราอยู่ได้ราเชล..
“แน่ใจหรือว่าคะ
“ฉันมีมารยาทพอที่จะรับแขกราเชล” เจ้าของผิวขาวจัดเอ่ยด้วยน้ำเสียงโทนปกติ “แขกพิเศษแบบนี้จะไม่ให้ต้อนรับอย่างดีได้อย่างไร”
ยังไงเสียเธียร์ เยลเวอร์ตัน ก็คงต้องรู้จัก แมดส์ ไทเลอร์ ไม่มากก็น้อย
เผลอ ๆอาจจะเป็นคนที่รู้จักหมาบ้านั่นดีกว่าใครด้วยซ้ำ…
คล้อยหลังจากที่ทั้งรีสและราเชลออกไปด้านนอกในห้องก็หลงเหลือแค่เพียงอัลฟ่าเจ้าของกลิ่นดอกดามัสก์และโอเมก้าเจ้าของกลิ่นดอกแม็กโนเลียคนต่างถิ่นในยามนี้ดูกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็ยังพยายามที่จะยกยิ้มให้กับแอชเชอร์เพื่อลดความกังวลของตัวเอง
“นายคงเดินทางมาเหนื่อย ๆ นั่งพักเสียก่อนสิ”คำเชื้อเชิญของแอชเชอร์ทำให้คนที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่บริเวณกลางห้องมองตามมือขาวที่ผายไปยังเก้าอี้ซึ่งว่างอยู่
“ขอบคุณ
แอชเชอร์มองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่คิดจะลอบมองแต่อย่างใดพลางไล่พิจารณาอีกฝ่ายอีกครั้งด้วยความคิดที่ละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น หากไม่ใช่เพราะคำบอกเล่าของเบลเลอมอนท์เชื่อเถอะว่าแอชเชอร์ก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าโอเมก้าตรงหน้าจะคือคนที่อยู่กับแมดส์ ไทเลอร์ ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้
“ตื่นคนหรือ? ถึงได้ดูกระวนกระวายขนาดนี้
“ที่นี่มีแต่อัลฟ่าเต็มไปหมดตั้งแต่เข้ามาคนพวกนั้นเอาแต่มองเรา..” ถ้าไม่มองสิแปลก..
ทางด้านคนที่ถูกถามก็ยังคงหลบตาเจ้าของผิวขาวซีดอยู่เป็นระยะแม้แอชเชอร์จะไม่ได้สร้างความรู้สึกกดดันได้เทียบเท่าแมดส์แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเป็นอัลฟ่านั้นไม่ใช่เรื่องที่โอเมก้าจะคุ้นชินง่ายๆ
“แต่ก็ใจกล้าไม่เบานี่ที่กล้าเข้ามาที่นี่”แอชเชอร์เป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนสนทนา ในขณะที่เจ้าตัวนั้นทำเพียงแค่ทิ้งตัวลงนั่งบริเวณริมโต๊ะไม้ตัวใหญ่ซึ่งเป็นโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าคุณหนูเยลเวอร์ตัน“เดอะฮิลล์มักไม่ต้อนรับโอเมก้า นายก็น่าจะรู้ดี”
“มันเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้และที่เรามาก็เพราะเห็นสมควรกับสิ่งที่ราเชลพูดไม่ใช่
“แล้วรู้บ้างไหมว่าหมอนั่นมาทำอะไรที่นี่”แอชเชอร์ถามจี้ในทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะได้พูดจบ
“เราก็พอรู้มาบ้างจากราเชล
สกุลที่ไม่ได้ถูกเรียกมาพักใหญ่ทำให้อัลฟ่าตัวขาวนั้นรับรู้ได้ทันทีว่าคุณหนูโอเมก้านี่คงรู้เรื่องตัวเองมาไม่มากก็น้อยถึงอย่างนั้นแอชเชอร์ก็ยังคงมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งเมื่อบทสนทนานั้นถูกดึงกลับเข้ามาในเรื่องที่ยุบยิบในใจของอัลฟ่าตัวขาว
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายจะสำคัญกับหมอนั่นมากแค่ไหนเพราะฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่เหมือนกันว่าคนแบบหมอนั่นจะห่วงนาย”
คนฟังสะอึกไปไม่น้อยเมื่อได้ยินแบบนั้นจากปากของแอชเชอร์ฝ่ามือขาวของคุณหนูเยลเวอร์ตันถึงกับบีบหน้าขาของตัวเองแน่น
“ไทเลอร์ไม่เคยห่วงเราอยู่แล้วมันคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
ช่างเป็นคำพูดที่ดูฝืนทนเสียเหลือเกินในความรู้สึกของแอชเชอร์ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตามแต่เจ้าตัวก็เดาได้เลยว่าโอเมก้าตรงหน้าตัวเองนั้นคงจะพบเจอกับนิสัยที่ร้ายเหลือทนของแมดส์มาไม่มากก็น้อยเพราะดวงตาที่เคยดูสดใสก่อนหน้านั้นกลับดูเศร้าจนจับใจเมื่อเอ่ยเช่นนั้นออกมารอยยิ้มขมขื่นที่ปรากฏบนใบหน้าก็ช่างดูกล้ำกลืน
“แต่นายก็ยังเป็นห่วงหมอนั่นจนกล้าเข้ามาที่นี่อย่างนั้นน่ะหรือ”
“เราแค่ไม่อยากให้เขาเจ็บตัว
แอชเชอร์ยกยิ้มเล็ก ๆ เมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้นก่อนที่ริมฝีปากบางจะเอ่ยคำตอบที่ทำให้คุณหนูเยลเวอร์ตันถึงกับผินหน้าหนีในทันที
“แล้วนายว่าการที่หมอนั่นจูบฉันมันสามารถเรียกว่าเป็นการทำร้ายได้หรือเปล่า
“….”
ปฏิกิริยาที่เห็นได้ชัดของเยลเวอร์ตันทำให้แอชเชอร์แทบไม่ต้องคิดแล้วว่าความสัมพันธ์ที่น่าสงสัยที่ว่านั่นเป็นเรื่องจริงหรือแค่คิดไปเอง
“จูบ..”
โอเมก้าตัวขาวพึมพำกับตัวเองในขณะที่เหม่อมองที่พื้นห้องพลางเม้มปากตัวเองแน่นก่อนจะหันกลับมาสบตากับอัลฟ่าผิวขาวด้วยดวงตาที่เริ่มแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด
“ถ้าตอนนั้นเชสไม่เข้ามา ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะหยุดแค่นั้นไหม”
“นั่นสินะ..”
“เท่าที่รู้มาจากเบลเลอมอนท์นายเองก็คงจะลำบากไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะในตอนนี้”
“นายรู้?”
“ฉันว่ามันคงไม่ดีเท่าไหร่สำหรับโอเมก้าอย่างนายที่จะอยู่กับทรูอัลฟ่าแบบนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ถ้าเราถูกควบคุมด้วยสัญชาตญาณ..” มือขาวของแอชเชอร์เชยใบหน้าจิ้มลิ้มของเธียร์ขึ้นมามองชัดๆ ก่อนที่เจ้าของใบหน้ารูปสลักจะโน้มใบหน้าลงไปใกล้เสียจนได้ยินเสียงลมหายใจ “อย่างเช่นถ้าตอนนี้ฉันจูบนายขึ้นมา..
แววตาที่ไหวสั่นระริกกับหยดน้ำสีใสที่คลอหน่วงของเยลเวอร์ตันล้วนเกิดจากความหวาดกลัวทั้งสิ้นเมื่อแอชเชอร์เริ่มไล่รุกอีกฝ่ายจนแทบจนมุม
“นายพูดถูก
ถึงอย่างนั้น เธียร์ เยลเวอร์ตันก็ยังคงเอ่ยตอบแอชเชอร์ด้วยเสียงที่เบาหวิว เปลือกตาสีอ่อนปิดลงในทันทีเมื่อแอชเชอร์โน้มใบหน้าลงเข้าไปใกล้เสียจนริมฝีปากบางนั้นแตะที่เส้นผมสีเข้มซึ่งปรกใบหน้าจิ้มลิ้ม
“มาพนันกันดีไหมล่ะเยลเวอร์ตันว่า แมดส์ ไทเลอร์จะเลือกอะไรระหว่างกำจัดฉันหรือเลือกนาย”
“….”
“หรือไม่อย่างนั้น นายก็เลือกเอาว่าอยากเป็นอิสระจากแมดส์ ไทเลอร์ กันดี เยลเวอร์ตัน”
“เราก็พึ่งเข้าใจก็วันนี้จริง ๆ ว่าประโยชน์ของเราคงมีค่าแค่เป็นตัวต่อรอง”
เธียร์เยลเวอร์ตัน จะเป็นตัวต่อรองหรือตัวอะไรก็คงขึ้นอยู่กับ แมดส์ ไทเลอร์ ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับใคร
“นายทำอะไรสักอย่างเถอะเบลเลอมอนท์ไม่เห็นหรือไงว่าเยลเวอร์ตันกำลังแย่!”
อัลฟ่าตัวขาวหันไปร้องบอกผู้ปกครองฟลัมที่ยังคงเอาแต่ยืนเฉยเมยราวกับไม่คิดจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นตรงหน้าทันทีที่แมดส์ออกมาจากเกมชิงธงทั้งที่ยังแข่งไม่จบก็เป็นเครื่องยืนยันอย่างดีได้เลยว่าหมากตัวสุดท้ายในเกมที่รีส เบลเลอมอนท์ ว่านั้นมีอิทธิพลกับหมาบ้าที่กำลังคลั่งอยู่มากแค่ไหน
สภาพที่ยับเยินไม่น้อยของ แมดส์ ไทเลอร์ไม่ได้ทำให้เจ้าตัวนั้นเหลือเรี่ยวแรงน้อยเลยสักนิดออกจะตรงข้ามเสียด้วยที่หมาบ้าอย่างแมดส์นั้นอาละวาดจนไม่มีใครคิดจะกล้าเข้าไปใกล้คงไม่มีใครอยากจะเจ็บตัวจากคนที่กำลังคลั่งแน่นอน
“ถ้ามันบ้าก็ปล่อยให้มันบ้าไป”รีสตอบกลับแอชเชอร์และเลือกที่จะยืนดูเงียบ ๆ “จะปั่นประสาทคนแบบหมอนั่นก็อย่ามัวแต่คิดจะใจอ่อนเพียงเพราะแค่สงสารเยลเวอร์ตัน”
ถึงจะอยากเอาคืนแมดส์มากสักแค่ไหนแต่เมื่อแอชเชอร์เห็นโอเมก้าตัวขาวนั้นส่งสายตาอ้อนวอนมาที่ตัวเองมันก็กลับทำให้เจ้าตัวรู้สึกสงสารคนที่ต้องถูกเอามาล้อเล่นกับความรู้สึกอย่างช่วยไม่ได้
“ฉันไม่ได้เหมือนนาย”
“นายเองก็เคยเจอเหตุการณ์คล้าย ๆ แบบนี้จำไม่ได้หรือ”การปั่นประสาทของเบลเลอมอนท์ในครั้งที่แล้วนั้นถือเป็นการวัดใจครั้งสำคัญเสียด้วยซ้ำสำหรับความสัมพันธ์ของแอชเชอร์และเชสว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
“ฉันจำได้ดีและไม่เคยลืมแต่นายอย่าลืมว่าฉันกับเชสไม่ได้เหมือนสองคนนั้น”
“แมดส์ไม่มีทางกล้าทำอะไรคุณหนูเยลเวอร์ตันหรอก”ความมั่นใจของ รีส เบลเลอมอนท์ ช่างเป็นเรื่องที่ไม่น่าเสี่ยงเลยสักนิด
อดีตอัลฟ่าแดนเหนือหันกลับไปมองเหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่กำลังสับสนเต็มทีราเชลที่ถูกทำร้ายจนเรียกได้ว่าแทบลุกไม่ขึ้นนั้นก็เป็นผลมาจากหมาบ้าที่กำลังคลั่งจนตัวสั่น
ขนาดราเชลที่เป็นแค่คนพาเยลเวอร์ตันมาเดอะฮิลล์ยังอ่วมเสียขนาดนี้แล้ว เชส ไทเลอร์ ที่เป็นตัวต้นเรื่องนี้ล่ะจะเป็นอย่างไรบ้างยิ่งคิดก็ยิ่งรังแต่จะสร้างความกังวลให้กับแอชเชอร์เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ยากจะจัดการส่วนหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่ยังไม่กลับลงมาก็น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน
“ใครอนุญาตให้นายมาเดอะฮิลล์กัน
“นายบอกเราว่าให้รอแต่นายก็ไม่ได้ห้ามเรามาเดอะฮิลล์เสียหน่อย
เสียงของเยลเวอร์ตันที่ดังขึ้นทำให้แอชเชอร์แปลกใจเอามากๆ ว่าคุณหนูโอเมก้านั่นจะกล้าขึ้นเสียงใส่แมดส์ได้ขนาดนี้
“เธียร์!”
แมดส์ ไทเลอร์เรียกชื่อจริงของคนที่เถียงตัวเองให้ลั่นเพราะความฉุนจัด และก็น่ากลัวเหลือเกินว่าข้อมือเล็กของคนตัวบางนั้นจะหักคามือแมดส์เข้าในอีกไม่ช้าหากหมาบ้านั่นยังเอาแต่บีบแขนอีกฝ่ายแน่นเสียขนาดนั้น
“ถ้าเราไม่มาที่นี่เราจะรู้หรือว่านายกำลังทำเรื่องพวกนี้”
“มันไม่เกี่ยวกับนาย
หมาบ้าตัวนี้นี่มันใจร้ายกับคนที่เป็นห่วงตัวเองจริงๆ
“ถ้าเรารู้ว่านายจะยังเป็นแบบนี้วันนั้นเราจะไม่เชื่อนายอีกไทเลอร์!”
“แล้วฉันขอให้นายเชื่อหรือ
“คนอย่างนายมันก็ไม่น่าคาดหวังอะไรอยู่แล้วตั้งแต่แรก”
“….”
“ขนาดความเป็นห่วงของเรานายยังมองข้าม”
“…”
“หรือเพราะความเป็นห่วงของเรา มันคือการสร้างความเดือดร้อนให้นายกันแน่แมดส์”
“ฉันจะไปดูเชส”แอชเชอร์ตัดสินใจหันไปบอกผู้ปกครองฟลัม ก่อนที่จะรีบวิ่งออกมาจากตรงนั้นเพื่อตรงออกจากหน่วยไปยังเขาลูกที่เป็นสถานที่แข่งชิงธงในครั้งนี้
“ตลบหลังแมดส์ไว้แสบขนาดนี้ ป่านนี้เชสมันโดนโยนลงเขามาแล้วล่ะมั้ง”
ให้ตายเถอะ ถ้าจะไม่ช่วยให้ความหวังก็อย่าปากเสียเลยดีกว่าเบลเลอมอนท์
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงฉันนี่ล่ะจะกลับมาโยนนายตามลงไป”
เสียงหัวเราะของรีสที่ไล่ตามหลังมาแม้จะปั่นประสาทมากแค่ไหนแต่แอชเชอร์ก็ต้องสลัดมันให้หลุดเพื่อให้ความสนใจกับสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำในตอนนี้
เจ้าตัวจำได้ว่าเคยขึ้นมาที่นี่เพียงแค่ครั้งเดียวในตอนที่เชสพาเจ้าตัวขึ้นมาดูดาวด้านบนนี้และนั่นก็เป็นตอนกลางคืนเสียด้วยแน่นอนว่ามันไม่ใช่เส้นทางที่แอชเชอร์คุ้นเคยสักนิด
แฮ่ก ๆ ๆ
เสียงหอบหายใจหนักด้านหลังทำให้แอชเชอร์หันไปมองในทันทีก่อนจะพบกับชาลีที่วิ่งตามตัวเองออกมาจนเจ้าตัวได้แต่สงสัยว่าใครเป็นคนปล่อยมันออกมาเพราะในเมื่อแอชเชอร์จำได้ดีว่าเมื่อเช้าหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์เป็นคนใส่ปลอกคอไว้ที่คอของมันเอง
“ชาลี..”
จ่าฝูงของเกรย์วูล์ฟมองมาที่แอชเชอร์เพียงเล็กน้อยก่อนจะวิ่งนำเจ้าตัวไปเพื่อเป็นการบอกทางที่เจ้าตัวสมควรจะไปจมูกของมันยังคงดมกลิ่นไปเรื่อยและพาแอชเชอร์ลัดเลาะเข้ามาในป่าตัดขึ้นไปบนเขาที่ทำให้แอชเชอร์เห็นคนในหน่วยหลายคนนั้นกำลังทยอยถูกหามตัวลงมาบ้างก็พยุงกันลงมาเอง บ้างก็ต้องให้คนที่ไม่ได้แข่งในครั้งนี้เข้าไปช่วย แต่ก็ดูจะไร้เงาของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ไปเสียหมด
“แล้วเชสล่ะ?” แอชเชอร์ตัดสินใจหยุดถามอัลฟ่าในหน่วยที่อาการไม่แย่นักแต่คำตอบที่ได้รับก็ทำให้อัลฟ่าตัวขาวเผลอสบถออกมาด้วยความงุ่นง่านจนสุดท้ายเจ้าตัวก็ต้องตัดสินใจตามชาลีไปจริง ๆ แทนที่จะพึ่งคนในหน่วย
พื้นดินที่เฉอะแฉะทำให้การเดินค่อนข้างลำบากไม่น้อยจนทำให้แอชเชอร์นั้นหวิดจะลื่นล้มอยู่หลายครั้งต้นไม้ที่หนาทึบมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามทางนั้นดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิดแต่เพราะชาลียังเดินหน้าต่อจึงทำให้แอชเชอร์เลือกที่จะเชื่อและตามมันไปด้วยความหวัง
แว่วเสียงร้องของชาลีที่วิ่งอยู่ด้านหน้าราวกับดีใจทำให้แอชเชอร์ที่เดินตามมาทางด้านหลังนั้นรู้สึกมีความหวังขึ้นมาจริงๆ
“ชาลี”
เสียงคุ้นเคยของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่ดังขึ้นแม้จะไม่ดังมากแต่ก็ทำให้แอชเชอร์นั้นได้ยินอย่างชัดเจนคงเรียกได้ว่าเป็นความหวังที่เป็นจริง
“เชส…”
เชส ไทเลอร์ ที่เดินลงมาพร้อมกับเชอร์ชิลตัวสูงที่ถูกใครสักคนในหน่วยพยุงอยู่เงยหน้าขึ้นมามองตามเสียงเรียกในทันทีหลังจากที่เจ้าตัวนั้นให้ความสนใจกับชาลีที่โผล่มาหาตัวเองทั้งที่ควรจะอยู่ในหน่วย
“บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้รออยู่ข้างล่าง”หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ปล่อยให้คนในหน่วยพาเชอร์ชิลลงไปด้านล่างก่อน ส่วนตัวเองนั้นเลือกที่จะหยุดยืนคุยกับอัลฟ่าตัวขาวที่ดื้อดึงขึ้นมาบนนี้
“เพราะนายไม่ยอมลงไปสักทีฉันถึงต้องขึ้นมานี่ไง” แอชเชอร์เถียงก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนสะอาดที่อยู่ในกระเป่าเสื้อของตัวเองซับไปตามใบหน้าของเชสตามรอยที่เลือดไหลซิบออกมา“สภาพดูไม่จืดเลยจริง ๆ ”
“ปากว่าฉันแล้วทำไมยังมาทำตาแดง ๆ ใส่กันล่ะ” คนถูกล้อกดน้ำหนักมือลงผ้าเช็ดหน้าที่กำลังเช็ดหน้าเชาอยู่เพิ่มขึ้นจนเชสเบ้หน้าเพราะความเจ็บ
“ใช่เวลามาหยอกหรือไงเชส” แอชเชอร์ล่ะอยากจะทุบอีกฝ่ายจริงๆ ที่ยังทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ได้ทั้งที่เจ็บตัวเสียขนาดนี้ “เจ็บขนาดนี้ยังจะมาล้อเล่น”
“หมาบ้ามันลงไปอาละวาดข้างล่าง เป็นยังไงบ้างล่ะ”
“ราเชลคงกลับโรสต์ไม่ได้ในเร็ว ๆ นี้”
คิดไม่ผิดเลยจริง ๆว่าคนที่จะโดนแมดส์จัดการเป็นคนแรก ๆ จะเป็นใคร เพราะ ราเชล สแตนลีย์คือคนที่แมดส์ฝากให้ดูแลโอเมก้าที่มากับตนเอง แต่เจ้าตัวนั้นดันส่งจดหมายมาบอกเชสตั้งแต่ช่วงแรกที่แมดส์โผล่มาเดอะฮิลล์น่าจะเป็นช่วงตอนที่เชสกลับมาจากแบล็คฟอเรสต์นั่นล่ะจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะและยังไม่ได้ถูกเปิดอ่านนั้นใครจะคิดกันว่ามันจะทำให้เชสมั่นใจเพิ่มขึ้นไปกว่าเดิมว่าจะจัดการหมาบ้าได้อยู่หมัด
“ถ้าไม่ใช่เพราะโอเมก้าจากฮาร์เดนเจอร์ ฉันคงต้องเหนื่อยกัดกับหมอนั่นเป็นบ้า”
หมัดสุดท้ายที่ แมดส์ ไทเลอร์ซัดเข้าที่ใบหน้าของเชสนั้นนับว่าหนักกว่าครั้งไหน ๆจนเล่นเอามึนไปชั่วครู่เหมือนกัน
“เยลเวอร์ตันไม่น่าอยู่กับหมอนั่นได้เลยจริง ๆ ”
“เจอกันแล้วสินะ” แอชเชอร์หยุดมือที่กำลังเช็ดคราบเลือดและคราบสกปรกบนใบหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยตอบ
“ก็แกล้งเล่นไปนิดหน่อยแต่กลับรู้สึกผิดชะมัด”
“แกล้ง?”
“ฉันก็อยากแน่ใจเหมือนกันว่าคนอย่างพี่ชายนายจะรักคนอื่นเป็น
“วิ่งแจ้นลงไปเสียขนาดนั้น ถ้าไม่สำคัญก็คงไม่ทำหรอก”
“แต่โอเมก้านั่นพูดเหมือนว่าแมดส์ใช้เขาเป็นข้อต่อรองอะไรสักอย่าง”
“….”
“นายก็น่าจะรู้ว่าการที่ทรูอัลฟ่ากับโอเมก้าอยู่ใกล้ชิดกันมันไม่ใช่เรื่องที่สมควรเลยสักนิด”
“เพียวโอเมก้าต่างหาก”
“เพียวโอเมก้าหรือ?”
“จะอย่างไรก็ช่างเถอะ แค่ตอนนี้นายยังอยู่กับฉันก็พอ”คำหวานที่ออกมาจากปากหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์นั้นทำให้แอชเชอร์แอบเม้มปากด้วยความประหม่า
“นายให้ฉันเป็นคนของแดนใต้แล้ว จะกลับไปง่าย ๆได้ยังไงกัน”
“ถ้าไม่ติดว่าทำหน้างอใส่ฉันก็จะคิดแล้วนะว่านายกำลังอ้อนฉันอยู่”
“อย่ามามั่วน่าเชส โดนต่อยจนสมองกลับหรือไง”แอชเชอร์แหวเข้าให้กับคำพูดคำจาของเชส
นอกจากเชสจะไม่สนใจสิ่งที่แอชเชอร์ว่าแล้ววงแขนแข็งแรงของหัวหน้าหน่วยก็เนียนโอบรอบเอวได้รูปของเลสลีย์ก่อนที่ปลายจมูกจะกดลงบนกลุ่มผมสีอ่อนเบาๆ ให้พอได้กลิ่นหอมชื่นใจจากเจ้าของกลิ่นกุหลาบดามัสก์
“กลิ่นของฉันที่ผสมกับกลิ่นของนายมันเข้ากันได้ดีจริงๆ เลยคนดี”
ยิ่งยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศหลังฝนตกประกอบกับไอดินและผืนป่าที่ลอยขึ้นมาก็ชวนให้อดที่จะสูดดมจนเต็มปอดอย่างเสียไม่ได้
“แล้วมันดีสู้ตอนที่นายกอดฉันได้ไหมล่ะเชส”
รอยยิ้มทะเล้นของแอชเชอร์ทำให้หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์เอื้อมมือมาขยี้กลุ่มผมสีอ่อนของอีกฝ่ายด้วยความมันเขี้ยว
“งั้นคงต้องขอลองพิสูจน์อีกสักครั้ง
“เกรงใจชาลีที่นั่งมองอยู่หน่อยก็ดีนะเชส”
แอชเชอร์หันไปมองเกรย์วูล์ฟตัวใหญ่ที่นั่งสองขามองเจ้านายของตัวเองทันทีที่มันได้ยินชื่อของตัวเองก็ทำให้ชาลีนั้นเอียงคอมองก่อนจะกระดิกหางส่ายไปมา
“อยากได้เจ้านายใหม่เพิ่มแล้วล่ะสิชาลี”
“เชส!!”
คงไม่ต้องถามกันหรอกว่าเจ้านายใหม่ที่เชสว่านั้นคือใครแต่ที่แน่ ๆ คงไม่ใช่แอชเชอร์อย่างแน่นอน
หลังจากที่เชสลงมาจากเขาพร้อมกับแอชเชอร์ก็ต้องปวดหัวเป็นอย่างมากกับสภาพในหน่วยที่เละเทะไปบางส่วนเพราะหมาบ้าที่คลั่งจนอาละวาดให้ทั่วไปหมดทั้งตัวแมดส์และโอเมก้าจากแดนใต้นั้นต่างก็หายไปแต่ตามคำบอกเล่าของรีสที่เฝ้าดูอยู่เจ้าตัวก็เพียงแค่บอกว่าให้มันเป็นเรื่องของสองคนนั้น ครั้นจะให้เชสเข้าไปยุ่งเพิ่มอีกก็เห็นแต่จะสร้างปัญหา
เพราะแค่ตัวปัญหานั้นเจอปัญหาก็เรียกได้ว่าคลั่งเอาเรื่องน่าดู
“ยังไม่หลับอีกหรือ?”
ภายในห้องนอนของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่หลงเหลือแสงสว่างพอให้เห็นรำไรจากแสงของดวงจันทร์ในยามค่ำคืนทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มนั้นสามารถมองเห็นใบหน้าของคนที่นอนตะแคงข้างเข้าหาตัวเองได้อย่างไม่ยากอัลฟ่าตัวขาวที่ยังคงลืมตาใสแจ๋วจ้องหน้ากันนั้นทำให้เชสอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป
“นายก็นอนไปสิ”
แอชเชอร์ตอบอีกฝ่ายไปเพียงเท่านั้นโดยที่ยังไม่ละสายตาจากเชสก่อนที่จะต้องหลุดร้องออกมาเสียงเบาเมื่อจู่ ๆ เชส ไทเลอร์ก็คว้าเอวของตัวเองเข้ามากอดจนทำให้จมูกโด่งของคนตัวขาวนั้นชนกับปลายจมูกของไทเลอร์จากเดิมที่ว่าอยู่ใกล้แล้วก็ยิ่งใกล้ชิดกว่าเดิมจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจที่กำลังเต้น
“ปกติชิ่งหลับก่อนฉันทุกที แบบนี้มันปกติเสียที่ไหนกัน
ไทเลอร์อดเอาความจริงมาพูดไม่ได้
“แล้วมองไม่ได้หรือไง” คนตัวขาวยังคงเถียงทรูอัลฟ่าหนุ่มก่อนจะมือขึ้นดันอกของเชสเมื่อปลายจมูกของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์นั้นเลื่อนมาคลอเคลียอยู่บริเวณผิวแก้มของตัวเอง
“ทำไมจะมองไม่ได้กันล่ะ” ฝ่ามือขาวที่เคยดันอกของเชสถูกกอบกุมเบาๆ ด้วยฝีมือของเชส ในขณะที่ปลายจมูกของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์เองก็กดปลายจมูกลงบนแก้มเนียนจนเกิดเสียงดังฟอดใหญ่
ฟอด
“นี่!” แอชเชอร์แหวทันทีเมื่อถูกอีกฝ่ายแกล้งเข้าให้
“หอม..”
ริมฝีปากอุ่นที่ไล่มาแตะประทับสัมผัสช้า ๆ ที่ริมฝีปากบางพร้อมกับเอ่ยคำหวานก็ยิ่งทำให้แอชเชอร์แทบอยากจะลุกจากเตียงมันเสียเดี๋ยวนี้แต่ก็ติดที่ร่างกายของตัวเองนั้นโดนอีกฝ่ายกักขังไว้เรียบร้อยอย่างสมบูรณ์
“ไม่ให้จูบหรอกนะ อย่ามาหลอกล่อกันเสียให้ยาก”แอชเชอร์เอ่ยดักคนเจ้าเล่ห์ตรงหน้าในทันที
“นึกว่าจะเคลิ้มเสียอีก”คำพูดคำจาชวนให้น่าโดนทุบสักทีนี่มันคงแก้ไม่หายจริง ๆ สำหรับคนอย่าง เชส ไทเลอร์ ไหนจะรอยยิ้มทะเล้นพวกนั้นอีก
“อย่ามาหลอกกันให้ยากเลยเชส”
“แน่ใจหรือว่าไม่อยากจูบจริง
“ไม่อยากจูบแต่อยากกอดต่างหากล่ะ” เมื่อพูดจบอดีตอัลฟ่าแดนเหนือก็ยกแขนของตัวเองโอบกอดเอวสอบของทรูอัลฟ่าเจ้าของกลิ่นไม้ซีดาร์ “ขอบคุณมากจริง ๆที่นายไม่ได้เจ็บตัวไปมากกว่านี้”
เชสปล่อยให้คนตัวขาวถดตัวลงไปซุกใบหน้าอยู่ระดับอกของตัวเองก่อนจะลูบกลุ่มผมนุ่มของคนที่กำลังออดอ้อนตัวเองอยู่เงียบๆ
“ใครจะผิดสัญญาที่ให้ไว้กับนายกัน”
“คำตอบนี้เรียกว่าเอาใจได้หรือเปล่านะ”
“ก็คงมีไว้เอาใจนายคนเดียวล่ะคนดี”
“แต่ยังไงฉันก็รู้สึกขอบคุณนายอยู่ดี
“….”
“ความรู้สึกของการที่ไม่ต้องพยายามทำให้ตัวเองเป็นคนที่ถูกรักมันคือสิ่งที่ฉันเคยคิดว่าสักวันมันอาจจะเกิดขึ้นกับฉันแต่ก็ไม่เคยได้คาดหวังว่ามันจะเป็นจริง”
หลายสิ่งหลายอย่างที่แอชเชอร์ต้องพยายามทำเพื่อให้ตัวเองเป็นที่รักมันก็ไม่ต่างจากบาดแผลเล็กๆ ที่นับวันยิ่งลุกลามจนกลายเป็นบาดแผลขนาดใหญ่ จนกลายเป็นความเจ็บปวดที่บาดลึกอยู่ในทุกช่วงเวลาที่อยู่แดนเหนือต่อให้ลองมองย้อนกลับไปในตอนนี้มันก็ยังคงเป็นความเสียใจที่สร้างแผลเป็นให้กับแอชเชอร์อยู่ดี
ใครจะคิดกันล่ะว่าวันหนึ่งชีวิตที่เคยเป็นอยู่ของตัวเองจะพลิกผันได้ขนาดนี้
ความโดดเดี่ยวที่ถูกเติมเต็มนั้นไม่ได้มาจากเพียงแค่เชส ไทเลอร์ คนเดียว ความสัมพันธ์ในรูปแบบของมิตรภาพที่ได้รับจากทั้งเชอร์ชิลคาร์ลิน เมอร์เรย์ หรือจะเป็นใครหลายคนในหน่วยเองที่ดีกับแอชเชอร์ ก็ทำให้เจ้าตัวนั้นรู้สึกถึงการมีตัวตนของตัวเองที่ไม่ได้เป็นผลพวงมาจากตำแหน่งหรือฐานะ
หลายอย่างในเดอะฮิลล์ทำให้เขาได้มองเห็นมุมมองอะไรใหม่ๆ มันสะท้อนให้แอชเชอร์เห็นอะไรได้ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิมในชีวิตที่แสนจำเจของตัวเอง
“หากมันเจ็บปวดที่จะรื้อฟื้นก็เก็บมันไว้เสียเถอะแอช
“….”
“การเริ่มต้นใหม่ยังมีอะไรให้นายได้จดจำและเก็บเป็นความรู้สึกดีๆ อีกเยอะ”
“.…”
“อย่าให้ความรู้สึกไม่ดีเพียงแค่ไม่กี่เรื่องพวกนั้นมาทำให้นายไม่กล้าที่จะก้าวต่อ”
“อื้อ..”
เสียงตอบรับจากคนที่ซุกใบหน้าอยู่บริเวณหน้าอกของเชสยังคงไม่ชัดเจนเท่ากับแรงกอดที่เพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็นว่าทั้งคู่นั้นกอดกันแนบแน่นเสียจนรับรู้ถึงความอุ่นร้อนของร่างกายที่ถ่ายเทซึ่งกันและกัน
กลีบดอกกุหลาบดามัสก์ที่ซ้อนทับนับชั้นไม่ถ้วนกันจนเกิดเป็นความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์คงไม่ต่างจากความเป็นแอชเชอร์ที่ถูกหล่อหลอมขึ้นมาจากทั้งเรื่องดีและเรื่องเลวร้ายจนกลายเป็นกลีบดอกที่ซ่อนความงดงามแท้จริงที่อยู่ภายใน
จากต้นดอกกุหลาบดามัสก์ที่ใกล้จะยืนต้นตาย ตัวดอกเหี่ยวเฉาและร่วงโรยกลับพลิกฟื้นกลับมาเป็นต้นกุหลาบดอกใหม่ที่กำลังเติบโตนั้นเริ่มต้นผลิบานออกทีละนิดจากการถูกเอาใจใส่ใหม่อีกครั้งจนกลายเป็นดอกกุหลาบดามัสก์ที่งดงามอย่างสมควรจะเป็นการเรียนรู้ที่จะเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ไม่ง่ายคงเป็นบทเรียนที่ทำให้เจ้าต้นดอกกุหลาบดามัสก์ต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด
เชส ไทเลอร์ภูมิใจเหลือเกินที่สามารถทำให้ดอกกุหลาบดามัสก์นี้ได้เบ่งบานในวันนี้ กลีบดอกที่ค่อยๆ ผลิบานนั้นมันคงเปรียบได้กับการเปิดใจทีละนิดของนายน้อยจากแดนเหนือที่แสนปิดกั้นตัวเอง
“ฉันรักนายนะเชส”
“ฉันก็รักนายเช่นกันคนดี ”
นิทราในค่ำคืนนี้ที่เต็มไปด้วยความอิ่มเอมในใจคงกลายเป็นฝันดีสำหรับทั้งคู่อ้อมกอดอบอุ่นที่มอบให้กันเป็นดังคำสัญญาที่ทั้งเชสและแอชต่างก็เต็มใจที่จะมอบมันให้แก่กัน
ความรักที่เปรียบดั่งความซื่อสัตย์และความเข้าใจของเชส ไทเลอร์ กับ ความรักที่เต็มไปด้วยความความเชื่อใจของ แอชเชอร์ ไทเลอร์ ถักทอจนกลายเป็นเส้นใยบางๆ ที่แม้จะมองไม่เห็นแต่ก็ทำให้สามารถผูกคนทั้งคู่ไว้ได้ด้วยกันด้วยความรู้สึกจากใจจริง
“ฉันไม่ได้พูดเล่น ๆ นะแอช
“….”
“เรื่องที่อยากมีลูก”
“หากเป็นโชคดีของนายและฉันความหวังของนายก็จะได้รับการเติมเต็ม”
เจ้าของผิวขาวจัดเอ่ยพลางลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่มักจะไม่ใส่เสื้อในตอนนอนอวดให้เห็นร่างกายช่วงบนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ รวมไปถึงรอยสักบนต้นแขนของเชาที่แอชเชอร์ไม่เคยคุ้นชินกับมันสักทีในทุกครั้งที่ได้เห็นผิวอุ่นร้อนและกลิ่นไม้สนซีดาร์จากทรูอัลฟ่าหนุ่มนั้นเป็นตัวขับกล่อมชั้นดีสำหรับแอชเชอร์เสมอมา
“การมีนายเป็นคู่ชีวิตคือโชคดีของฉัน”
คนที่อดทนรอเชสทั้งที่ตัวเองนั้นเจ็บปวดไม่แพ้ใครได้อย่างไม่น่าเชื่อในครั้งนั้นทำให้เชสสาบานกับตัวเองเลยว่าจะไม่ปล่อยให้คนตรงหน้าหนีหายไปไหน เพราะหากไม่ใช่แอชเชอร์แล้วเขาเองก็คิดภาพไม่ออกเช่นกันว่าจะยังมีใครอีกที่สามารถเข้ากันได้ดีกับตัวเอง
ฝ่ามือร้อนของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์สอดหายเข้าไปภายใต้เสื้อตัวบางของคนตัวขาวนิ้วร้อนไล่แตะสัมผัสเพียงเบามือที่บริเวณหน้าท้องขาวพลางไล้วนอยู่ในตำแหน่งเดิมเสียจนคนที่อยู่ในอ้อมอกนั้นหน้าเห่อร้อนไปทั้งหน้า
“มาอยู่ด้วยกันกับเราเถอะเจ้าตัวเล็ก”
ใบหน้างดงามของแอชเชอร์นั้นซบหน้าลงกับอกของเชสเพราะความเขินอายไม่ว่าจะทั้งสัมผัสจากมือร้อนหรือคำพูดชวนให้คิดพวกนั้นมันล้วนมีอิทธิพลไปเสียหมด
เสียงของแอชเชอร์ที่อยู่ใกล้เพียงไม่ถึงคืบนั้นไม่ได้ทำให้หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์สามารถละสายตาจากใบหน้าขาวได้แผลตามใบหน้าของเจ้ากำลังถูกเช็ดทำความสะอาดและทำแผลอีกครั้งในช่วงเช้าวันใหม่ที่ดูจะเย็นขึ้นกว่าเดิม
สาบเสื้อด้านบนซึ่งแยกออกจากกันของเสื้อแขนยาวที่เชสหยิบมาสวมใส่ตามคำบอกของแอชเชอร์ย่อมเผยให้เห็นช่วงอกสีแทนเข้มอย่างชัดเจนในขณะที่อดีตอัลฟ่าแดนเหนือนั้นกลับเลือกหยิบเสื้อผ้าที่มิดชิดมาสวมใส่จนปกปิดไปเสียหมดแม้กระทั่งกระดูกไหปลาร้าที่เชสชมชอบนักหนาก็ไม่สามารถออกมาโอ้อวดความสวยงามของมัน
“มือหนักขนาดนี้ อย่าไปทำแผลให้ใครอีกล่ะ” คนเจ็บเอ่ยซึ่งนั่นก็ทำให้คนที่นั่งอยู่บนตักของหัวหน้าหน่วยนั้นถึงกับหรี่ตามองในทันที
“หรือจะทำเอง?”
“ใจร้ายกันได้ลงคอหรือคนดี”
“ก็นายปากดี”
“อย่างอื่นก็ดี…”
“!!!”
“ทำหน้ายุ่งแบบนี้ รู้หรือว่าฉันหมายถึงอะไร”ริ้วสีแดงจาง ๆ ที่พาดบนแก้มขาวนั้นมันน่าเอ็นดูใช่น้อยเสียที่ไหนกันยิ่งคนตัวขาวนั้นนั่งทับอยู่บนตักด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้อะไร ๆ มันก็ดูน่ามองไปเสียหมด
“เชส!”
“ทำแผลต่อสิ นั่งอยู่บนนี้นาน ๆ ระวังจะไม่ได้ลงแล้วกันนะแอช”
“ถ้าไม่ลงแล้วมันจะทำไม
รอยยิ้มซุกซนของแอชเชอร์ที่ปรากฏบนใบหน้าขาวทำให้เชสอดไม่ได้ที่จะคว้าเอวของอีกฝ่ายไว้ในทันทีก่อนที่คนตัวขาวจะได้เล่นอะไรแปลก ๆ กับตัวเอง
“อย่าซนน่าแอช..”
ฝ่ามือสีเข้มของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่จับเอวของอีกฝ่ายอยู่นั้นออกแรงบีบเตือนให้อัลฟ่าตัวขาวเลิกคิดอะไรประหลาดที่จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง
“พอดีมือใช่ไหมล่ะ” เมื่อทำแผลที่สุดท้ายเสร็จให้กับทรูอัลฟ่าหนุ่มแอชเชอร์ก็เอ่ยถามเสียงเบาที่ข้างใบหูของเชสก่อนจะแกล้งดึงมืออีกข้างของอีกฝ่ายให้มาจับเอวของตัวเองจนกลายเป็นว่าตอนนี้มือใหญ่ของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์นั้นแทบจะกำช่วงเอวของแอชเชอร์ได้รอบ
“ตัวแสบ” เชสคาดโทษคนทะเล้นบนตักตัวเองก่อนจะเลื่อนมือไปตีก้นกลมของอีกฝ่ายเบาๆ แล้วยกตัวของอีกคนให้ลงไปนั่งข้างตนดี ๆ
“ตีมาได้ฉันเจ็บนะเชส”
“ตีแค่นั้นไม่ทำให้นายเจ็บจนเดินไม่ได้หรอกแอช
คำตอบของเชสทำให้คนตัวขาวถึงกับเสหน้าหนีไปมองร็อคกี้กับเซเบอร์ที่นอนหลับอยู่ไม่ใกล้กับไกล
“พูดบ้าอะไรของนาย”
“เชื่อเถอะว่านายคงไม่อยากนอนจมอยู่บนเตียงแบบครั้งที่แล้วหรอก”
แอชเชอร์เถียงอะไรอีกฝ่ายไม่ออกเลยจริงๆ เพราะที่เจ้าตัวว่านั้นมันก็เป็นเรื่องจริงที่ไม่ว่าจะนึกถึงกี่ครั้งก็ทำให้แอชเชอร์รู้สึกร้อนวูบวาบในร่างกาย
“
“แกล้งฉันไว้มากๆ ระวังจะโดนทบต้นทบดอกก็แล้วกัน”
เชสโหมดกวนประสาทนี่มันรับมือยากที่สุดสำหรับแอชเชอร์
แอชเชอร์เดินเข้ามาในห้องทำงานพร้อมกับเจ้าของห้องอย่างเชสในช่วงเย็นของวันหลังจากที่ทั้งคู่พูดคุยกับเบลเลอมอนท์มาครู่ใหญ่ถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายและมันก็คงหนีไม่พ้นแมดส์ที่ดูยังจะหัวเสียไม่หาย ดูแล้วที่แน่ ๆก็คงไม่ใช่เพราะเรื่องที่ต้องยอมแพ้ให้กับเชสแต่น่าจะเป็นเรื่องของโอเมก้าที่อยู่ข้างตัวแมดส์เสียมากกว่า
ท่าทางสายตาของอัลฟ่าในหน่วยที่สนใจโอเมก้าจากฮาร์เดนเจอร์จะเป็นสาเหตุของความหงุดหงิดของแมดส์จนแทบบ้าท่าทางตื่นกลัวของคุณหนูเยลเวอร์ตันนั้นก็ไม่รู้ว่ามันเป็นผลมาจากความกลัวที่เกิดจากแมดส์หรือเพราะอัลฟ่าในหน่วยกันแน่แต่เชื่อเถอะว่าต่อให้อัลฟ่าทั้งหน่วยจะคลั่งก็คงไม่เท่าแมดส์คนเดียวที่คลั่ง
เชส ไทเลอร์ เองก็ได้พบเห็น เธียร์ เยลเวอร์ตันเพียงผ่าน ๆ เท่านั้นในตอนที่อีกฝ่ายออกมากินข้าวพร้อมกับรีสที่เป็นคนเสี่ยงตายไปเอาตัวคุณหนูเยลเวอร์ตันออกมาจากแมดส์
แต่ใครจะคิดกันว่าบทสนทนาเพียงไม่กี่ประโยคระหว่างแฝดไทเลอร์จะทำให้หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์นั้นทำหน้าดุตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้
เยลเวอร์ตันไม่เคยโกหกฉัน’ แมดส์ ไทเลอร์ เอ่ยกับแฝดน้องหลังจากที่ทั้งคู่ได้เจอหน้ากันอีกครั้งในสถานะที่ไม่ใช่คู่ต่อสู้เหมือนเมื่อวานในการแข่งชิงธง‘อย่าลืมว่าคนของนายเป็นอัลฟ่า’
‘แม้แต่เส้นผมของเยลเวอร์ตันไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์สัมผัส..’
“จะบอกฉันได้หรือยังว่านายไปแกล้งอะไรเยลเวอร์ตัน”เชส ไทเลอร์ เอ่ยถามคนตัวขาวในทันทีเมื่ออยู่กันสองคนภายในห้อง
“หึงหรือ?”
“คำถามนี้ไม่น่าถามหรอกนะแอช”
“แสดงว่าหึงแน่ๆ ” คนตัวขาวยกยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะลุกเดินมาหาคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน “เพราะแบบนี้นี่เองที่ทำให้ทำหน้าดุใส่คนอื่นไปเสียหมด”
“ถ้าไม่พูดก็ออกไปก่อนที่ฉันจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้”
แอชเชอร์อดหัวเราะในใจไม่ได้กับท่าทางหงุดหงิดหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์เพราะขนาดอาเธอร์เองยังไม่สามารถเข้าหน้าอีกฝ่ายได้ จะมีก็แต่แอชเชอร์นี่ล่ะที่ยังดึงดันจะตามอีกฝ่ายมาด้วยอย่างไม่สนใจหน้านิ่งๆ ของทรูอัลฟ่าหนุ่ม
“ต่อให้ไล่ก็ไม่ออก”คนตัวขาวเถียงเสียงแข็งก่อนจะทิ้งตัวลงบนตักของอีกฝ่าย พลางยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอสีเข้มของเชสที่ยังคงแสดงสีหน้าดุดันออกมา“ฉันก็แค่หยอกโอเมก้านั่นเล่นเท่านั้น ไม่ได้คิดจะจริงจังอะไรเสียหน่อย”
“
“สาบานเลยว่าแค่ปากฉันไปเฉียดผมเยลเวอร์ตันเท่านั้น”
“
“ถ้าไม่นับที่เชยคางด้วยละ
แอชเชอร์แหวเสียงดังเมื่อเชสนั้นยกตัวเองออกจากตักและดันลงไปนอนราบบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ก่อนที่ทรูอัลฟ่าหนุ่มจะตามมาคร่อมทับตามจนแอชเชอร์สบตาเข้ากับดวงตาดุดันนั่นชัด ๆ
“นายกำลังทำให้ฉันหงุดหงิด”เชสกระซิบเสียงเข้มจนแอชเชอร์ได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายเงียบ ๆ
“ขอโทษ
ร่างขาวยกมือขึ้นแตะกรอบหน้าคมของคนที่คร่อมทับตัวเองอยู่ด้านบนด้วยความรู้สึกกล้าๆ กลัว ๆ ไม่น้อย จากที่คิดว่าคงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ในตอนนี้กลับไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เสียแล้ว
“ถ้าเยลเวอร์ตันเป็นอัลฟ่าฉันจะไม่หงุดหงิดเลยสักนิด”
“นายคิดว่าฉันจะชอบโอเมก้าหรือ”
“อย่าลืมว่าตัวนายเป็นอัลฟ่า”
“ฉันไม่มีทางคิดอะไรแบบนั้นนายก็รู้ดีว่าเพราะอะไร” แอชเชอร์แทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อเมื่อกลิ่นไม้ซีดาร์ที่เข้มขึ้นของเชสนั้นชวนให้รู้สึกอึดอัดเพราะความคุกรุ่นของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ในตอนนี้
“เพราะอะไร?”
เชสถามเสียงเข้มในขณะที่มือของเจ้าตัวนั้นไม่แม้แต่จะแตะต้องร่างกายของแอชเชอร์จนทำให้เป็นอัลฟ่าตัวขาวคนเดียวเท่านั้นที่แตะเนื้อต้องตัวอีกฝ่าย
“จะให้ฉันเป็นของใครอีกในเมื่อฉันเป็นของนาย
“
“อย่าโกรธกันเลยนะเชส
“ก็แค่นี้”
เชส ไทเลอร์เอ่ยออกมาสั้น ๆ ในขณะที่ริมฝีปากสีเข้มประกบดูดดึงริมฝีปากเจ้าของกลิ่นกุหลาบดามัสก์อย่างเร่าร้อนและไม่มีการหยอกล้ออย่างเช่นเคยน้ำสีใสไหลรินลงมาตามแนวคางเพราะความเอาแต่ใจของเชสจนหัวสมองของแอชเชอร์นั้นพร่าเบลอไปหมดสัมผัสลึกซึ้งที่ทำเอาร่างกายสั่นสะท้านนั้นสร้างความรู้สึกที่แสนอดกลั้นให้กับแอชเชอร์เป็นอย่างมากเสียงครวญครางอื้ออึงที่หลุดรอดออกมาเพียงเล็กน้อยนั้นเป็นผลมาจากริมฝีปากที่ถูกจูบอยู่แทบตลอดเวลาที่หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์นั้นจูบตัวเอง
“พอแล้วเชส
“ฉันเองก็อยากให้นายมีความสุข
แอชเชอร์ไม่ได้รู้สึกโกรธเกลียดคนเป็นพ่อสักนิดที่ทำให้พวกเขาต้องกลายเป็นแบบนี้ แม้จะรู้สึกจุกอยู่ลึกๆ ก็ตามที่ความจริงพวกนั้นมันยากจะยอมรับ ภาพของคนเป็นพ่อที่ทำให้แอชเชอร์รู้สึกภูมิใจนั้นมันกลับถูกลบเลือนด้วยภาพที่ไม่น่าจดจำ
“สักวันหนึ่งฉันจะมีความสุข
เพียงแค่ตอนนี้ความทุกข์และความเจ็บปวดพวกนั้นของคุณชายเลสลีย์มันยังไม่บรรเทาก็เท่านั้น
“ฉันอยากให้นายอยู่ด้วยกันที่นี่
“นายมีชีวิตเป็นของตัวเองแล้วแอช
คนเป็นน้องที่ร้องไห้จนตาแดงก่ำนั้นได้แต่ก้มหน้านิ่งพลางกลืนก้อนสะอื้นลงไปในลำคอของตัวเอง
“ขออย่าให้นายพบเจอสิ่งที่ทำให้ต้องเจ็บปวดอีก”ใบหน้าของคนเป็นน้องซบลงที่ไหล่ของคนเป็นพี่ก่อนจะสวมกอดคนในครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่ของตนและจดจำความรู้สึกพวกนี้ให้ได้มากที่สุด
“ขอบคุณสำหรับคำอวยพร
งานแต่งงานเล็กๆ ของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นธรรมชาติของเดอะฮิลล์นับว่าเป็นสถานที่ชั้นดีที่แม้จะไม่ได้มากมายเทียบเท่ากับการอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมความงดงามของป่าและดอกไม้นานาชนิดที่ถูกนำมาตกแต่งจนดูน่ามองนั้นคงน่าเหลือเชื่อมากๆ สำหรับคนในหน่วยเดอะฮิลล์ที่ร้อยทั้งร้อยมีแต่อัลฟ่าและเบต้าที่ไม่ได้มีความประณีตอะไรในงานพวกนี้
อันที่จริงแล้วหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์นั้นอยากเพียงแค่ทำพิธีแต่งงานลับๆ เสียด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากให้เป็นที่วุ่นวายสำหรับคนอื่น อีกทั้งตัวแอชเชอร์เองก็ไม่ได้ต้องการงานพวกนั้นด้วยเช่นกันแต่สุดท้ายทุกอย่างก็เกิดขึ้นเพราะคนในหน่วยเดอะฮิลล์นั้นต่างก็เห็นดีเห็นงาม
อย่างน้อยเจ้านายคนใหม่ของเดอะฮิลล์ก็สมควรได้รับเกียรติจากคนในหน่วยเช่นกัน
“หากอยากเจอฉันก็ลองขอให้เชสพานายไปฟลัมก็แล้วกัน”
“ฉันไม่อยากเจอเบลเลอมอนท์สักหน่อย”อาร์เธอร์อดหัวเราะกับคำพูดของน้องชายตัวเองไม่ได้ แต่มันก็ไม่แปลกจริง ๆ ที่แอชเชอร์จะเหม็นขี้หน้ารีสก็ในเมื่อรายนั้นเล่นชอบปั่นประสาทชาวบ้านไปทั่วเสียขนาดนี้
“เด็กน้อย
“อาร์ธ
คนเป็นพี่ดันตัวคนน้องออกก่อนจะไล่มองน้องชายตัวเองให้เต็มตาอีกครั้งเพื่อเก็บภาพความงดงามของดอกกุหลาบดามัสก์ที่เติบโตชุดสีขาวสะอาดตาในแบบของคนแดนใต้ที่อยู่บนร่างขาวดั่งหิมะในแดนเหนือยังทำให้แอชเชอร์ดูสูงค่าไม่ต่างจากครั้งที่เคยใส่ผ้าเนื้อดีของตระกูล
“ถ้าได้ลูกแฝดขึ้นมาจริงๆ เชสคงได้ยิ้มจนหน้าบานแน่”
หน้าท้องแบนราบที่ซุกซ่อนอยู่ภายในเสื้อสีสะอาดแม้จะยังมองได้ไม่ชัดเจนถึงความเปลี่ยนแปลงแต่ตัวของแอชเชอร์ที่รู้ดีย่อมรับรู้ได้ว่าตัวเองนั้นไม่ได้มีแค่ชีวิตของตนที่ต้องดูแลต่อไปนี้
ข่าวดีซึ่งแอชเชอร์ได้รับรู้ในอาทิตย์ก่อนหน้าที่งานจะถูกจัดขึ้นทำให้เจ้าตัวรู้สึกไปไม่เป็นเหมือนกันแม้จะไม่ได้มีอากรมากมายนัก แต่ความเปลี่ยนแปลงที่รู้สึกได้จนทำให้รู้สึกไม่สบายตัวก็ย่อมทำให้แอชเชอร์ต้องไปให้เอริคตรวจดูอาการ
‘ยินดีด้วยนะแอชเชอร์..’
นั่นคือสิ่งที่เอริคบอกอัลฟ่าตัวขาวก่อนจะหันไปชกไหล่หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์เข้าหนัก ๆ พลางยกยิ้มกว้าง
“ทำไมชอบแกล้งฉันนัก” แอชว่าก่อนจะใช้หลังมือเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าตัวเองจนเดือดร้อนคนเป็นพี่ต้องหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดให้ดี ๆ
“เจ้าตัวเล็กทำนายอ่อนไหวขึ้นกว่าเดิมนะแอช
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงนายก็ต้องกลับมาเยี่ยมฉันด้วยสัญญาสิ”
“บังคับเก่งจริง ขัดใจได้ที่ไหน” คุณชายเลสลีย์บ่นน้องชายตัวเองในขณะที่มือของเจ้าตัวก็เช็ดหน้าเช็ดตาน้องไปด้วย“ฉันจะโดนหมอนั่นบ่นไหมเนี่ยที่ทำให้นายร้องไห้”
“เชสก็บ่นทุกเรื่องนั่นล่ะ”
พิธีแต่งงานเรียบง่ายที่เสร็จสิ้นลงท่ามกลางความยินดีของคนในหน่วยรวมไปถึงคุณชายเลสลีย์ที่ยืนเฝ้ามองน้องชายตัวเองอยู่ด้านหน้า ผู้ปกครองฟลัมเองที่ยังอยู่ร่วมงานน้องชายหรือแม้กระทั้ง แมดส์ ไทเลอร์ ที่ยืนเคียงคู่อยู่กับ เธียร์ เยลเวอร์ตัน เองก็ด้วย
จูบบางเบาที่ประทับลงบนกลีบปาสีระเรื่อนั้นทำให้อัลฟ่าตัวขาวแทบอยากจะหายไปจากตรงนี้ในตอนนี้เสียให้ได้สายตาของคนในหน่วยที่มองมานั้นมันทำให้เจ้าตัวรู้สึกขัดเขินแปลก ๆ จะมีก็แต่หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์เท่านั้นที่ยังคงยิ้มกว้างจนน่าหมันไส้
หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ยังคงเต็มไปด้วยความสมบูรณ์แบบของทรูอัลฟ่าที่น่ามองจนยากจะละสายตาสีผิวแทนเข้มที่แม้จะตัดกับเสื้อผ้าสีอ่อนแต่ก็ยังคงอวดความดิบอย่างคนเป็นทหารแผ่นอกแน่นตึงและลาดไหล่กว้างยิ่งดูชัดเจนเมื่อเสื้อผ้าที่สวมใส่นั้นพอดีตัวจนทำให้เห็นสัดส่วนของร่างกาย
“เขินหรือ?” เจ้าของดวงตาคมเอ่ยถามคนที่หน้าขึ้นสีระเรื่อและกำลังเกาะไหล่ตัวเองเป็นที่พึ่งในการยืนด้วยความเอ็นดูตาใสที่ช้อนมองราวกับลูกสัตว์ตัวเล็กนั้นหาได้ยากเหลือเกินสำหรับคนอย่างแอชเชอร์
“ทำไมฉันต้องมาจูบกับนายให้คนอื่นเห็นกันด้วย”
“เพราะนายเป็นคนของไทเลอร์
“….”
“ไม่เห็นหรือว่าพวกเขายินดีกับความสัมพันธ์ของเรา”
“อื้อ..”
เหล่าการ์เดียนเองก็ได้มาร่วมงานนี้เช่นกัน ขนหนานุ่มสลวยของพวกมันถูกจัดการแปรงอย่างดีหลังจากที่โจชัวและลูฟพาพวกมันไปอาบน้ำกันเสียยกใหญ่ชาลีเองก็ยังคงจ้องมองเจ้านายตัวเองด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมต่างกับร็อคกี้ที่เอาแต่หันไปเล่นกับเยลเวอร์ตันไม่หยุดจนแมดส์ต้องมายื่นคั่น
สายตาหวานเชื่อมของเชสที่มองมายังแอชเชอร์เป็นผลทำให้คนตัวขาวนั้นถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะนอกจากจะมองไม่หยุดแล้วเจ้าตัวก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก เป็นเหตุทำให้คนถูกมองว้าวุ่นไปเสียหมด
“ด้วยเกียรติของไทเลอร์ ขอสัญญาว่าจะรักษาและดูแลหิมะแรกของเดอะฮิลล์นับจากนี้ไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต”
หิมะแรกของเดอะฮิลล์หรือ หิมะแรก คงเป็นคำติดปากที่เชสมักจะเรียกแทนชื่อของแอชเชอร์จนเป็นคำคุ้นเคยกันในหน่วยดีชื่อเรียกแทนที่เหมาะสมกับตัวของแอชเชอร์คงยากจะปฏิเสธ หิมะที่หมายถึงบ้านเกิดที่เจ้าตัวจากมาจนกลายเป็นหิมะแรกของเดอะฮิลล์เพราะอดีตอัลฟ่าแดนเหนือนั้นเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับการยอมรับในการเป็นคนแดนใต้และเป็นคนของเดอะฮิลล์
“แด่หิมะแรกของเดอะฮิลล์
ไวน์ในแก้วซึ่งอยู่ในมือของทุกคนที่มาร่วมงานถูกชูขึ้นก่อนจะพร้อมใจกันกล่าวประโยคเดียวกันและดื่มเครื่องดื่มในแก้วเพื่อร่วมยินดีกับหัวหน้าหน่วยและหิมะแรกของเดอะฮิลล์
“ฝากดูแลเจ้าตัวน้อยด้วยนะคนดี
เส้นผมสีอ่อนที่ปรกใบหน้าถูกปัดออกจนเผยให้เห็นใบหน้างดงามอย่างชัดเจนแม้ดวงตาคู่งามจะยังคงมีรอยแดงช้ำจากการร้องไห้กับพี่ชายตัวเองเมื่อครู่ใหญ่ก็ยังคงไม่ได้ทำให้แอชเชอร์ ไทเลอร์ นั้นดูงดงามน้อยลงไปกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นดวงตาเรียวที่ซ่อนนัยน์ตาสีอ่อนน่าดึงดูดไว้จมูกโด่งที่รับเข้ากับโครงหน้าที่ชัดเจน รวมไปถึงกลีบปากบางรสชาติหวานล้ำที่เชสเคยลิ้มรสมันมานับครั้งไม่ถ้วน
กุหลาบดามัสก์ดอกสวยยังคงควรค่าแก่การถูกดูแลไม่จาง
เรื่องราวนับต่อจากนี้คือการเริ่มต้นที่แท้จริงของดอกกุหลาบดามัสก์อันเป็นที่รักของผืนป่าสน
END
Talk : ในที่สุดก็ถึงตอนจบแล้วนะคะ T-T ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมามาก ๆ เลยนะคะ ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าจะแต่งฟิคยาวจบกับเค้าได้เหมือนกัน ต้องขอบคุณแรงผลักและกำลังใจจากทุกคนจริง ๆ ค่ะ ส่วนเรื่องการจองเล่มน่าจะไม่เกินภายในอาทิตย์นี้เราจะมาแจ้งรายละเอียดละบอกวันเปิดพรีเล่มนะคะ ใครที่รอกันอยู่ก็ช่วยรอกันอีกนิดนะคะ ;-;
ปล.ส่วนเรื่องการจองเล่มเราน่าจะมาอัพเดทรายละเอียดต่างๆ (ตัวแบบปกเล่ม+ราคา+จำนวนหน้า และรายละเอียดยิบย่อย) เราจะแจ้งให้ทุกคนได้รู้กันไม่เกินวันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม 2019 นะคะ และวันเปิดพรีเล่ม(เปิดฟอร์ม) จะเป็นวันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม 2019 เวลา 20.00 น.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in