ไม่มีใครคาดคิดว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่ทันได้ตั้งตัว เชส ไทเลอร์เองก็เช่นกัน คงต้องยอมรับว่าปัญหาและสิ่งที่เจ้าตัวต้องจัดการมันมีมากมายเสีย จนทำให้หลงลืมใครบางคนที่เป็นเหมือนเกรย์วูล์ฟในร่างคน
สัญชาตญาณนักล่าที่ไม่อาจคาดการณ์.. ความคาดเดาที่แสนจะคาดคิดว่ามันจะออกล่าเหยื่อเมื่อไหร่คงเป็นอันตรายที่ทำให้เหยื่อนั้นต้องสังเวยชีวิตให้มันมานักต่อนัก
แต่เพราะแมดส์ ไทเลอร์คือมนุษย์ไม่ใช่สัตว์เพราะฉะนั้นก็คงจะไม่แปลกที่ความคิดอันแสนซับซ้อนของมนุษย์จะคาดเดายากมากขึ้นไปอีก
แม้จะเป็นฝาแฝดที่เรียกได้ว่าพี่น้องแท้ๆ แต่ก็ใช่ว่าทั้งเชสและแมดส์จะเหมือนกันไปเสียทุกอย่าง เพราะสุดท้ายแล้วก็คงจะมีแค่ใบหน้าที่ถอดแบบมาเหมือนกันเท่านั้นที่ยืนยันได้ว่าทั้งคู่นั้นคือแฝดพี่น้องไทเลอร์
ด้วยนิสัยของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่มักจะใช้ความนิ่งและความเงียบในการควบคุมทุกอย่างทำให้เชส ไทเลอร์ นั้นค่อนข้างที่จะประนีประนอมได้มากกว่าคนอย่างแมดส์ ไทเลอร์โดยไม่ต้องสงสัย
ยิ่งการกระทำที่แสนจะอุกอาจของแฝดพี่ที่ถือเป็นการหยามหน้าของแฝดน้อง การที่แมดส์เข้ามายุ่งกับคนของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ก็คงจะเป็นการทักทายตามประสาพี่น้องที่คงไม่มีพี่น้องที่ไหนเขาทำกัน
“อย่ามาล้ำเส้นกันดีกว่าน่า แมดส์..” หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์เอ่ยขึ้นหลังจากสะกดกลั้นความรู้สึกที่กำลังปะทุของตัวเองลงไปได้กึ่งหนึ่ง แน่นอนว่าแอชเชอร์เองก็ยังคงต้องเผชิญหน้าอยู่กับแมดส์อย่างเลี่ยงไม่ได้ทั้งที่ร่างกายของอีกฝ่ายนั้นไม่เอื้ออำนวยที่จะรับแขกเลยสักนิด
และแขกที่เข้ามาโดยไร้ซึ่งมารยาทอย่างแมดส์ ไทเลอร์ ก็นับได้ว่าไม่สมควรจะได้รับการต้อนรับใดๆ
“ถือหรือ?” แมดส์เอ่ยถามเสียงเรียบในขณะที่ดวงตาดุของเจ้าตัวยังคงจับจ้องไปยังคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของน้องชายตัวเองอย่างไม่คิดจะวางตา “แต่ก็น่าเสียดายที่ฉันไม่สนใจ”
แน่นอนว่ามันไม่ใช่สายตาของความชอบพอหรือสนใจในเชิงอย่างว่า.. เพราะไม่ว่าจะมองสายตาที่แมดส์ ไทเลอร์ จ้องมองแอชเชอร์อย่างไร มันก็ชัดเจนหมดทุกอย่างว่าทรูอัลฟ่าแฝดพี่มองอัลฟ่าตัวขาวนั้นเหมือนเหยื่อที่หมายจะล่าเพื่อความสะใจซึ่งไม่ใช่การล่าเพื่อเป็นอาหาร
“ฉันรู้ว่าสิ่งที่นายทำมันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น..” เชสกดเสียงเข้มขึ้นในขณะที่ฝ่ามือใหญ่ก็ยังคงกุมฝ่ามือของคนด้านหลังไว้แน่นจนคนผิวขาวนั้นก้มลงมองที่ฝ่ามือของตัวเอง
“ดี… ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาพูด”
มันไม่ใช่นิสัยของแมดส์ที่จะหลอกล่อให้เหยื่อตายใจ.. นับเป็นเรื่องเสียเวลาด้วยซ้ำกับการปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์
“ไม่ว่าเหตุผลของใครหน้าไหนก็หยุดฉันไม่ได้”
“แล้วฉันดูใช้เหตุผลงั้นสิ”
แมดส์ย้อนกลับคำพูดของแฝดน้องตัวเองด้วยท่าทีของคนเหนือกว่า ก่อนจะสลับมองใบหน้าของน้องชายและอัลฟ่าแดนเหนือที่ร่ำลือกันให้หนาหู
สง่าและงดงามไม่ผิดอย่างที่ใครพูด แม้จะอยู่ในสภาพที่อ่อนแรงเสียขนาดนั้นแต่อัลฟ่าก็ยังคงเป็นอัลฟ่า
“อย่ายุ่งกับคนของฉัน”
“ยากไป.. ฉันทำให้ไม่ได้”
แรงบีบจากมือใหญ่ที่เพิ่มมากขึ้นจนแอชเชอร์รู้สึกเจ็บคงบ่งบอกอารมณ์ของเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่ยืนอยู่ด้านหน้าตัวเองได้เป็นอย่างดี และสิ่งที่แอชเชอร์พอจะทำได้ก็คงเป็นแค่การยื่นมืออีกข้างของตัวเองที่ไร้การกอบกุมไปแตะช่วงเอวสอบของอีกฝ่ายเบาๆ
แม้จะอึดอัดจนอยากจะออกไปจากตรงนี้แทบแย่ แต่แอชเชอร์ก็ทำได้เพียงยืนฟังบทสนทนาของพี่น้องไทเลอร์ด้วยความรู้สึกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เขาแสนเกลียดแววตาของแมดส์ ไทเลอร์ยามที่จ้องมองตัวเขา.. แววตาที่เต็มไปด้วยความกระหายและไร้ซึ่งความรู้สึกพวกนั้นมันน่าขยะแขยง แอชเชอร์ยังคงจำได้ดีว่าวินาทีที่ตัวเองถูกบีบคอในวันนั้นมันเป็นอย่างไร แมดส์ ไทเลอร์ ไม่ได้ตั้งใจหยอกให้เขากลัว นั่นไม่ใช่การขู่ จะเรียกว่าวัดความเป็นความตายของเวลาเพียงเศษเสี้ยววินาทีก็คงถูก
ไม่งั้นหมอนั่นก็คงไม่พลาดได้แผลที่ฝ่ามือหรือถ้าไม่ได้ตั้งใจพลาดก็คงตั้งใจทำให้แอชเชอร์รู้เสียมากกว่าว่ายังไงเจ้าตัวก็ต้องกลับมาอีกครั้งเพราะบาดแผลที่เขาฝากไว้
“ถึงจะเป็นพี่แต่ก็ใช่ว่านายจะมาก้าวก่ายชีวิตฉันได้”
“ไม่ต้องให้ฉันเล่นบทพี่ชายก็ดี..”
“....”
“เพราะถ้าได้เป็นตัวของฉันเอง มันคงทำอะไรได้ง่ายขึ้น”
หลังจากที่อีกฝ่ายพูดจบ ฝ่ามือที่เคยกุมมือของแอชเชอร์อยู่นั้นปล่อยออกในทันที ก่อนที่หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์นั้นจะพุ่งเข้าใส่แฝดพี่ของตัวเองจนแผ่นหลังของแมดส์นั้นกระแทกเข้ากับผนังของห้องอีกครั้ง
อดีตอัลฟ่าแดนเหนือนั้นหยุดยืนนิ่งจนแทบจะลืมหายใจเมื่อเห็นมีดในมือของเชสที่จ่อเข้าที่ลำคอของแมดส์ ไทเลอร์ ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่อีกฝ่ายพุ่งเข้าใส่พี่ชายตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ถูกเอามีดจ่ออยู่ที่ลำคอก็ยังคงตีสีหน้าเรียบนิ่งราวกับไม่ตกใจและทุกข์ร้อนกับอันตรายที่พร้อมจะสร้างความบาดเจ็บให้กับตนเอง
แอชเชอร์ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าในตอนนี้ว่าเชส ไทเลอร์ กำลังแสดงสีหน้าแบบไหนออกมา แขนแข็งแรงของหัวหน้าหน่วยนั้นกดล็อคช่วงอกและลำคอของแฝดพี่ได้อย่างอยู่หมัด อีกทั้งปลายมีดคมนั่นก็เริ่มที่จะกดเข้าหาผิวเนื้อบริเวณลำคอของแมดส์ ไทเลอร์อย่างไม่ลังเลจนเห็นเลือดสีสดนั้นไหลออกมาตามรอยที่คมมีดบาดผิวเนื้อ
“กับพวกโอเมก้ามันคงไม่ถึงใจเท่าอัลฟ่าแบบนี้ใช่ไหมเชส..”
พลั่ก!
กระดูกข้อมือที่แข็งแรงกระแทกเข้าเต็มๆที่โหนกแก้มแฝดพี่ของตัวเอง ทันทีที่อีกฝ่ายพูดประโยคดูถูกพวกนั้นจบ คำยียวนของแมดส์ไทเลอร์มันจี้จุดเชส ไทเลอร์ได้เสมอไม่ว่าจะเจอหน้ากันกี่ครั้ง
“ถ้าพูดแล้วมันย้อนเข้าหาตัวเอง ก็หุบปากซะแมดส์”
นอกจากจะไม่สะทกสะท้านแล้ว แมดส์กลับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ กับคำพูดของแฝดน้อง
“มันก็คงทั้งนายและฉันไม่ใช่หรือ?”
เชส ไทเลอร์ สบตาแฝดของตัวเองนิ่งในขณะที่ฝ่ามือใหญ่นั้นยังคงกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายแน่น
“แมดส์…”
“นายก็รู้น่าเชสว่าความสัมพันธ์ของเลสลีย์กับไทเลอร์มันซับซ้อนแค่ไหน”
แฝดพี่เอ่ยด้วยระดับเสียงที่พอให้ได้ยินกันเพียงสองคน ก่อนจะมองข้ามไหล่ของน้องชายไปที่อัลฟ่าตัวขาวที่ยืนมองทั้งคู่ด้วยท่าทางที่ตื่นกลัวอยู่เต็มที
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าขาที่สั่นของแอชเชอร์นั้นมันเกิดจากเชส ไทเลอร์หรือเพราะกำลังหวาดกลัวแมดส์ ไทเลอร์กันแน่
ทรูอัลฟ่าหนุ่มผู้มาใหม่ยกแขนของตัวเองขึ้นมาก่อนจะออกแรงดันแฝดน้องของตัวเองออกด้วยแรงไม่น้อยที่พอจะทำให้เชสถอยหลัง ซึ่งก็น่าแปลกดีเหมือนกันว่าทั้งที่สู้ได้แต่แมดส์ ไทเลอร์กลับเลือกที่จะปล่อยให้เชส ไทเลอร์ นั้นฉุนจัดจนทำร้ายร่างกายตัวเอง
“ทั้งเป็นคนแดนเหนือ ทั้งเป็นพวกตระกูลเลสลีย์ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้..”
แมดส์เดินชนไหล่ของคนเป็นน้องอย่างไม่คิดจะใส่ใจแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวขาวอวดดีกับตัวเองก่อนหน้านี้ เป็นอีกครั้งที่แมดส์ไล่มองแอชเชอร์ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างจาบจ้วง
“....”
“นายว่างั้นไหม?”
ฝ่ามือหยาบของแมดส์ตบเบาๆ ที่แก้มขาวของอดีตอัลฟ่าแดนเหนือก่อนจะตบท้ายด้วยรอยยิ้มเย็นและดวงตาเรียบนิ่งอย่างท้าทาย ก่อนเจ้าตัวจะเดินเลี่ยงออกไปนอกห้องแล้วปล่อยให้แฝดน้องของตัวเองนั้นได้อยู่กับอัลฟ่าของตัวเอง
คนที่ถูกตบเข้าที่แก้มอย่างเหยียดหยามนั้นได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่แบบนั้น สัมผัสร้อนที่แตะลงบนแก้มนั้นไม่เชื่อก็คงต้องเชื่อว่ามันเป็นการกระทำที่หยามเหยียดคนที่เป็นนายน้อยเสียจนจุกอยู่ที่คอ
ทั้งการกระทำก่อนหน้าที่แมดส์ใช้เท้ากับแอชเชอร์หรือแม้กระทั่งเมื่อคู่นั่นก็หยาบคายไปเสียหมดจนยากที่จะหาคำพูดมาอธิบายทรูอัลฟ่านั่น
“เชส..”
คนตัวขาวเอ่ยเรียกคนที่ยังยืนนิ่งมองหน้าตัวเองนิ่ง แต่ทว่าก็กลับไม่มีการตอบรับจากอีกฝ่ายเลยสักนิดนอกเสียจากความเงียบ จนทำให้แอชเชอร์นั้นต้องข่มความสั่นของขาตัวเองในแต่ละครั้งที่ก้าวเดินจนกัดฟันแน่นเข้าไปหาเจ้าของแผ่นหลังกว้าง
แขนแข็งแรงโอบรอบเอวขาวที่พอดีมือของตัวเองในทันทีเมื่อร่างขาวเข้ามาใกล้ ก่อนที่ใบหน้าคมของหัวหน้าหน่วยจะฝังลงกับลาดไหล่ขาวเงียบๆ พร้อมทั้งกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นเสียจนร่างกายของทั้งคู่แนบชิดกันไปจนหมดทุกสัดส่วน
“มีอะไรอยากบอกกันไหม..”
มือขาวลูบแผ่นหลังของทรูอัลฟ่าหนุ่มช้าๆพลางเกยคางของตัวเองลงบนลาดไหล่ผาย
“ฉันดูแย่มากไหมที่ปล่อยให้แมดส์ทำแบบนั้นกับนาย..”
“นายห้ามใครไม่ได้นี่เชส..”
“....”
“มันก็จริงที่ฉันรู้สึกแย่กับการกระทำหยาบคายพวกนั้น แต่ฉันรู้ว่านายทำดีที่สุดแล้ว”
แม้จะไม่รู้ว่าแมดส์ ไทเลอร์ นั้นพูดอะไรกับเชส ไทเลอร์ ไปบ้าง แต่คนตัวขาวก็พอจะรับรู้ถึงความรู้สึกของหัวหน้าหน่วยได้ว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ค่อยจะดีเสียสักเท่าไหร่
“แมดส์เกลียดคนแดนเหนือมาก นั่นคือสิ่งที่นายควรจะรู้”
“ก็ไม่แปลกไม่ใช่หรือที่จะมีคนแบบนี้อยู่”
“มันไม่เหมือนกัน”
เชสว่าพลางเงยหน้าขึ้นมามองคนตัวขาวเจ้าของกลิ่นหอมละมุนที่กำลังช่วยบรรเทาความน่าปวดหัวที่เกิดขึ้น
“นายต้องยอมรับว่าทุกอย่างมันผิดนะเชส”
“เราทำให้มันถูกได้แอช.. ทั้งฉันทั้งนายมีทางเลือก แต่เรื่องเดียวที่ฉันกังวลตอนนี้ก็เพราะแมดส์”
“ถ้าหมอนั่นจะฆ่าฉัน ก็คงทำไปตั้งแต่ตอนที่นายไม่อยู่แล้วไม่ใช่หรือ คนที่เข้ามาทำร้ายฉันวันนั้นก็คือเขา..”
“ทำไมถึงไม่ยอมบอกกัน” เชสเอ่ยเสียงเข้ม พลางยกมือขึ้นลูบแก้มขาวอย่างทะนุถนอมก่อนจะจรดปากลงบนปลายจมูกโด่งเบาๆ “นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะแอช..”
“ฉันไม่ได้มั่นใจขนาดนั้น.. หากพูดไปมันก็คงดูเป็นการใส่ร้ายพี่นาย”
“แต่สุดท้ายก็คือแมดส์..”
“ใช่.. มันคือเขาจริงๆ” แอชเชอร์ยอมรับอย่างไม่อ้อมค้อม “และฉันก็คงต้องยอมรับว่าพี่ชายนายอันตรายเกินกว่าที่คิดเสียอีก”
“หมอนั่นมันบ้า..”
“บ้าดีเดือดเสียด้วย” แอชเชอร์เสริม ก่อนจะเอียงใบหน้าเข้าหามือใหญ่ที่ลูบแก้มของตัวเอง สายตาคมของเชสยังคงเอาแต่จ้องริมฝีปากสีช้ำที่บวมเจ่อด้วยความหงุดหงิด ยิ่งนึกถึงตอนที่เห็นว่าแฝดพี่นั้นจูบกับคนของตัวเองก็ยิ่งทำให้เชสโกรธจนเลือดขึ้นหน้า
“มันจูบนาย..”
“จูบใครก็คงไม่ดีเท่าจูบนายหรอกเชส..”
“ปากหวานขึ้นนะคนดี” คนถูกอ้อนว่าก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงริมฝีปากสวยของอีกฝ่ายอย่างชั่งใจว่าจะทำอย่างไรกับคนตรงหน้าต่อไปดี “ฉันหึงนะรู้ไหม”
“หลงฉันมากแบบนี้ พี่ชายนายจะยิ่งเกลียดฉันแน่ๆ”
“ก็ฉันรัก”
“อื้อ..”
แค่พูดก็รู้แล้ว นี่ยังจะมาจูบกันอีก เชส ไทเลอร์นี่จะติดจูบกันเกินไปแล้ว
“ปากยังหวานเหมือนเดิมจริงด้วย..”
“ไม่ใช่ว่าหวานทั้งตัวหรอกหรือ?”
“นั่นน่ะสิ.. เพราะตั้งแต่ชิมนายมาทั้งตัวฉันก็ยังไม่เจอตรงไหนที่ว่าไม่หวาน.. โดยเฉพาะปากยิ่งจูบก็ยิ่งหวาน”
ไม่ใช่แค่สัมผัสของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่กำลังหลอมละลายแอชเชอร์หรอก เพราะแม้กระทั่งคำพูดของอีกฝ่ายเองก็ทำเอาคนตัวขาวนั้นใจเต้นตึกตักจนแทบบ้า
“หายกังวลลงบ้างแล้วล่ะสิ ถึงได้พูดจาหวานเลี่ยนได้ขนาดนี้”
“ก็เพราะใครกันล่ะที่ทำให้ฉันต้องพูดมันออกมา” ไทเลอร์ยิ้มน้อยๆก่อนจะกัดริมฝีปากล่างของแอชเชอร์เบาๆอย่างมันเขี้ยว
“เพราะฉันไง”
เชื่อเชส ไทเลอร์เถอะว่ายามที่แอชเชอร์นั้นใช้ความน่ารักของตัวเองให้เป็นประโยชน์น่ะมันทำให้คล้อยตามได้อย่างไม่ยากจริงๆ
“อย่าห่วงเลยว่าหมอนั่นจะทำอะไรฉัน ลืมหรือไงว่าฉันเองก็ปกป้องตัวเองได้”
“นายตามแมดส์ไม่ทันหรอกแอช..”
“ดูถูกกันเกินไปหรือเปล่า ฉันยังเป็นอัลฟ่าอยู่นะเผื่อนายจะลืม”
“นายคิดว่าตัวเองจะสู้กับคนที่เป็นนักฆ่าได้จริงๆหรือ”
มันก็ไม่แปลกที่คนตัวขาวจะคิดอย่างนั้น แต่สำหรับเชสที่เป็นน้องชายย่อมรู้ดีว่าคนอย่างแมดส์ ไทเลอร์ เลือดเย็นได้มากกว่าที่แอชเชอร์คิดเสียอีก…
“นายกำลังจะบอกว่าพี่ชายนายเป็นนักฆ่า..”
“สิ่งที่นายคิดไม่ผิดเลยสักนิด”
“นี่ฉันกำลังเจออะไรกันอยู่กันแน่เชส..”
“ฉันไม่ได้กลัวที่แมดส์จะฆ่านายเลยแอช..”
“.....”
“เพราะสิ่งที่ฉันกลัวที่สุดก็คือการต้องฆ่านายด้วยมือของฉันเอง”
“นายไม่มีทางทำแบบนั้น..” คนตัวขาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจนัก “ใช่ไหม..”
“ถ้าต้องทำแบบนั้น นายไม่คิดว่าการฆ่าพี่ชายตัวเองมันจะง่ายกว่าหรือ”
ความรู้สึกนี้อีกแล้วที่แอชเชอร์สัมผัสได้จากตัวหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ คำพูดง่ายดายที่เอ่ยออกมาราวกับไม่ต้องคิดอะไรให้มากเรื่องมากความนั่นคือความเป็นความตาย และที่สำคัญคนที่ว่านั่นก็คือพี่ชายของตัวเอง
“นายจะบ้าหรือไงกัน นั่นพี่ชายนายนะเชส”
“ใครมันบ้ากว่ากันที่กล้าเข้ามาสอดเรื่องของฉัน…” รอยยิ้มที่เคยมอบให้แอชเชอร์นั้นจางหายไปในชั่วพริบตา หลงเหลือแต่เพียงใบหน้าคมที่ฉายแววของความคุกรุ่นเหมือนไม้ที่กำลังไหม้อยู่ในกองไฟ มันเหมือนกับวันนั้นไม่มีผิดที่แอชเชอร์ปามีดใส่อีกฝ่าย
“ไม่เอาน่า..” มือขาวยกขึ้นลูบตามโครงหน้าของทรูอัลฟ่าหนุ่ม
“หากได้มาซึ่งการครอบครองก็ย่อมสมควรที่จะได้รับการดูแล..”
“....”
“แม้แต่เศษเสี้ยวความเจ็บปวด ฉันก็ไม่ต้องการให้นายได้รับมัน”
“อย่าทำให้ฉันรักนายไปมากกว่านี้เลยเชส..” เจ้าของผิวขาวซีดเอ่ยในขณะที่ฝ่ามือขาวนั้นขยับลงมาไล้วนบริเวณช่วงอกแน่นตึงของอีกฝ่าย “แค่นี้ฉันก็หวั่นไหวกับนายจนแทบบ้า”
หากไม่ได้แขนแข็งแรงคอยพยุงไว้ล่ะก็ เชื่อเถอะว่าป่านนี้แอชเชอร์คงได้ล้มลงไปนั่งกับพื้นเข้าจริงๆ ความอ่อนล้าของช่วงขานั้นมันมีมากเกินกว่าที่จะทำให้ร่างกายสามารถพยุงตัวได้ตามปกติอย่างที่ใจต้องการ
“ตอบฉันหน่อยว่านายไม่ได้ไปท้าทายอะไรแมดส์มันใช่ไหมแอช…”
ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจแอชเชอร์ แต่เพราะรู้จักดีต่างหากถึงได้ต้องถามแบบนี้ออกไป
“ก็แค่ยั่วโมโหนิดหน่อย..”
“แอชเชอร์..”
ไทเลอร์แฝดน้องกดเสียงต่ำลงเสียจนคนฟังถึงกับพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่ร่างขาวจะถูกอุ้มเข้าเอวของทรูอัลฟ่าหนุ่มจนอะไรที่มันไม่สมควรนั้นไหลหยดออกมาตามจีบพับที่ถูกขยับแยกเพราะช่วงขาขาวที่เกี่ยวรั้งเอวสอบ ซึ่งการกระทำนี้ก็ทำให้อดีตอัลฟ่าแดนเหนือหน้าร้อนวูบเมื่อรับรู้ถึงของเหลวที่กำลังไหลออกมาจากร่างกายบริเวณช่วงล่าง
“ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะเชส..” คนที่หน้าขึ้นสีแดงก่ำเอ่ยพลางเม้มปากแน่น ท่วงท่าน่าเกลียดพวกนี้มันกำลังสะท้อนอยู่ในบานกระจกเล็กๆ เสียจนน่าอาย แอชเชอร์ที่มีเพียงเสื้อตัวหลวมเสียจนตกมาที่ลาดไหล่ ช่วงล่างที่เปลือยเปล่านั้นเปิดเผยผิวเนื้อสีขาวนวลของก้อนกลมสองลูกที่กำลังถูกมือสีเข้มของคนที่อยู่ในชุดสีเข้มขยับนวดคลึง
“ไปทำอะไรให้มันโมโห”
หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ถามเสียงห้วน หากไม่ท้าทายด้วยร่างกายมีหรือที่แมดส์ ไทเลอร์ จะพุ่งเข้าใส่แอชเชอร์เสียขนาดนั้น
จนสุดท้ายคนตัวขาวเองก็อดทนสู้กับความน่าอายไม่ได้ถึงได้ยอมเอ่ยบอกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มได้ฟัง ไล่ตั้งแต่ที่สะลึมสะลือตื่นมาพบกับแฝดไทเลอร์จนถึงเรื่องที่แอชเชอร์นั้นใจกล้ามากพอที่จะอ้าขาให้อีกฝ่ายได้เห็นร่องรอยของความสัมพันธ์ของตัวเองและเชส ไทเลอร์
“อึก..” ฟันขาวกัดลงบนลาดไหล่กว้างในทันทีหลังจากที่เจ้าตัวถูกวางตัวลงบนเตียงหลังใหญ่จนแผ่นหลังพิงเข้ากับหัวเตียง ในสภาพที่มีทรูอัลฟ่าหนุ่มแทรกอยู่ระหว่างขา ท่าทางที่ไม่ผิดเพี้ยนจากตอนที่เผชิญหน้ากับแมดส์ ไทเลอร์ ถูกทำซ้ำอีกครั้ง แต่แตกต่างกันก็ตรงที่เจ้าของผิวขาวนั้นหอบหายใจหนักพร้อมๆกับดวงตาสวยที่หวานฉ่ำเสียจนน่ารังแก
“อย่าอ้าขาให้ใครหน้าไหนที่ไม่ใช่ฉัน..”
น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยกระซิบข้างใบหูนิ่มพลางขบกัดช่วงต้นคอขาวเพื่อเป็นการลงโทษคนตัวขาวที่สรรหาการกระทำที่ท้าทายซึ่งเป็นผลลบต่อตัวเอง นิ้วมือหยาบสองนิ้วสอดเข้าไปภายในจีบพับที่รัดแน่นของอัลฟ่าตัวขาวไล่คว้านเอาคราบคาวต่างๆที่ปลดปล่อยให้ออกมาจนแอชเชอร์นั้นหอบครางเสียงสั่น เนื้อตัวขาวสะอาดนั้นขึ้นสีแดงก่ำอย่างสิ้นฤทธิ์แต่ก็ใช่ว่าจะหยุดโต้ตอบทรูอัลฟ่าหนุ่มเสียเมื่อไหร่
“ถ้าไม่ใช่นายฉันก็คงไม่มีทางขยับร่างกายตอบรับแบบนี้”
ทั้งเอวได้รูปที่ขยับตอบรับนิ้วมือของไทเลอร์ ทั้งภายในที่จงใจตอดรัดจนยากที่จะขยับนั้นคงเป็นความตั้งใจของเจ้าของร่างกายที่กำลังยกยิ้มยั่วยวนอยู่เป็นแน่
“นายมันร้ายกาจไม่แพ้ใครเลยแอช..”
“อย่าห่วงไปเลยว่าฉันจะไปควบขี่ม้าตัวอื่น เพราะแค่ควบม้าไปกับนายมันก็ยิ่งกว่าสวรรค์บนดินเสียอีก”
“เหมือนเมื่อคืนที่นายชอบทำมันอย่างนั้นหรือ”
“นายรู้ดีที่สุดน่าเชส”
“ฉันนึกว่านายจะไม่โผล่มาแล้วเสียอีก” คำทักทายของคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทรงสวยเอ่ยผู้ที่เดินเข้ามาใหม่ ใบหน้าที่ถอดแบบมาพิมพ์เดียวกับหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์นั้นมีร่องรอยของบาดแผลที่สดใหม่เสียจนไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ก็พอจะทำให้รีส เบลเลอมอนท์ รู้ว่าแมดส์ ไทเลอร์นั้นไม่ฟัดกับใครที่ไหนมา
“พี่ชายคนโตหวังดีส่งข่าวให้กันทั้งที หากไม่มาที่นี่ก็คงจะเสียน้ำใจน่าดู” ประโยคที่เอ่ยกระทบกระแทกนั้นเบลเลอมอนท์ค่อนข้างคุ้นชินเสียจนไม่ถือสาอะไรกับความปากไม่ดีของน้องชาย
รีสคิดไม่ออกเลยว่าคนในหน่วยเดอะฮิลล์ทำหน้าตาอย่างไรที่เห็นแมดส์ ไทเลอร์ พร้อมๆกับเชส ไทเลอร์ ฝาแฝดที่ไม่เคยได้รับการพูดถึงจู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาในเดอะฮิลล์คงเป็นเรื่องที่ต้องเข้าไปอยู่ในบทสนทนาอีกเสียพักใหญ่
“ไม่ใช่ว่ารู้อยู่ก่อนแล้วหรอกหรือ?”
“อะไรทำให้นายคิดแบบนั้น” หากเทียบกันแล้วในสามพี่น้องไทเลอร์คนที่ยากจะรับมือที่สุดก็คงต้องยกให้แมดส์ ไทเลอร์
“ฉันแค่รู้สึกว่ามันมีอะไรที่มากกว่านั้น หรือนายว่าไม่จริง?” เบลเลอมอนท์ว่า “ดูท่าแล้วก็คงไปป่วนเชสมาแล้วล่ะสิ ถึงได้มีแผลกลับมาแบบนี้”
“เรียกว่าป่วนได้ไหมฉันก็ไม่แน่ใจ แต่แค่คิดว่าคงสนุกน่าดูถ้าทำให้เชสมันดิ้นพล่านได้”
“เป็นพี่น้องก็ควรจะรักกัน” คนที่อายุมากที่สุดเอ่ยพลางยกยิ้มแสยะที่ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าหมายถึงอะไร
“งั้นก็คงต้องรักเมียน้องชายตัวเองด้วยอย่างนั้นหรือ”
“เป็นยังไงบ้างล่ะกับการได้เจอคนแดนเหนือ”
“ไม่ผิดจากที่ร่ำลือ” แมดส์ว่า “เสียดายที่เป็นอัลฟ่า เพราะถ้าเกิดเป็นโอเมก้าคงจะสนุกกว่านี้” ริมฝีปากแห้งผากถูกลอบเลียด้วยลิ้นอย่างย่ามใจ
“แอชเชอร์ไม่ได้แย่ขนาดที่นายคิดหรอกนะแมดส์”
“ฟังดูแล้วท่าทางนายเองก็ดูจะชอบใจเด็กนั่นนะรีส” ไทเลอร์แฝดพี่เอ่ยเสียงเรียบ พลางมองใบหน้าของเบลเลอมอนท์ที่ยังคงประดับด้วยรอยยิ้มเล็กๆ
“หรือนายจะปฏิเสธว่าไม่น่าสนใจ”
“อวดดี จองหอง อย่างนั้นน่ะหรือ”
“อ่า.. ฉันลืมไปเสียสนิทว่าน้องชายของฉันคนนี้เกลียดอะไร”
“อย่าเล่นลิ้นนัก”
รีสส่ายหัวน้อยๆกับคำพูดที่หาเรื่องของแมดส์ ไทเลอร์
“นายรู้ดีว่าอะไรก็ขวางเชสไม่ได้เหมือนที่ไม่มีใครเคยขวางนายได้”
“รู้อย่างนี้ฉันน่าจะฆ่าตัวปัญหานั่นไปตั้งแต่ตอนที่หมอนั่นมันไม่อยู่”
“ฉันเดาไม่ผิดจริงๆที่คิดว่าเป็นนาย” รีสอดชื่นชมลางสังหรณ์ของตัวเองอย่างเสียไม่ได้ ทั้งการกระทำที่อุกอาจและไหนจะคำบอกเล่าของเลสลีย์นั้นหากลองคิดดูดีๆล่ะก็มันก็ชี้นำไปที่แมดส์ ไทเลอร์ แทบทั้งนั้น
“ขนาดนั้นเชียว..”
“วิธีฆ่าคนโดยที่ทำให้มือตัวเองเปื้อนเลือดน้อยที่สุดมันทำให้ฉันนึกถึงนาย”
ก็แมดส์ ไทเลอร์ เล่นบีบคออดีตอัลฟ่าแดนเหนือเสียขนาดนั้นแทนที่จะใช้พวกมีดหรืออาวุธที่เด็ดขาดกว่า
“พวกเลือดสกปรก”
“ขวางไปก็เท่านั้น ไร้ประโยชน์เปล่าๆ”
“จะมาเป็นคนแดนใต้กันดื้อๆแบบนี้มันง่ายไป”
“จะเล่นอะไรก็อย่าลืมนึกถึงขีดความอดทนของเชสเสียล่ะ” ผู้ปกครองฟลัมเอ่ยเตือนแมดส์ด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าเดิม
“รอดูก็แล้วกัน”
รีส เบลเลอมอนท์ ไม่อยากจะคิดถึงความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นต่อไปในเดอะฮิลล์เลยจริงๆ หรือนี่จะถึงเวลาที่เบลเลอมอนท์จะต้องกลับไปที่ฟลัมแล้วจริงๆ
เมื่อพิจารณาดูดีๆแล้วฝาแฝดไทเลอร์ที่ถอดแบบเดียวกันมา ยิ่งโตก็ยิ่งแยกออกง่ายมากขึ้นจนหมดห่วงเรื่องการจำผิดคน ยิ่งตอนนี้ที่แมดส์ ไทเลอร์ นั้นดูคมเข้มมากขึ้นจนทำให้เชส ไทเลอร์ นั้นดูหนุ่มกว่าไม่น้อย ร่างกายแข็งแรงที่ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากันทำให้ขนาดตัวของทั้งคู่นั้นยังคงสูสี แต่ทว่ารังสีที่แผ่ออกมาจากตัวแมดส์มากกว่าที่ทำให้เจ้าตัวนั้นดูไม่น่าเข้าใกล้
ทั้งรีสและแมดส์ต่างได้พูดคุยกันอีกเล็กน้อยจนทำให้คนที่อายุมากสุดนั้นรู้ว่าตอนนี้น้องชายของตัวเองนั้นกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน ซึ่งฟังดูแล้วก็ดูจะเป็นงานที่แปลกประหลาดสำหรับแมดส์ ไทเลอร์ เป็นอย่างมาก
“เลือดเย็นไม่เปลี่ยน...”
“ฉันรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่”
“ถึงจะเป็นโอเมก้าแต่ก็นั่นคือเยลเวอร์ตัน” ตระกูลที่ปกครองเมืองซึ่งเป็นเกาะที่แทบจะอยู่ใต้สุดนั้นเบลเลอมอนท์เองก็รู้จักเป็นอย่างดี
แต่ก็ไม่คิดว่าคำร่ำลือที่คนต่างพูดกันว่าเยลเวอร์ตันมีโอเมก้าเป็นตัวด่างพร้อยของตระกูลนั้นเป็นเรื่องจริง จนได้มาฟังจากปากของแมดส์ ไทเลอร์
“โอเมก้าก็คือโอเมก้า”
“อย่าพลาดขึ้นมาก็แล้วกัน”
เพราะถ้าแมดส์ ไทเลอร์ พลาดเมื่อไหร่ วันนั้นก็คงจะเป็นวันที่เจ้าตัวจะต้องกลืนน้ำลายของตัวเองน่าดู
เสียงรองเท้าที่กระทบกับพื้นไม้ด้านนอกห้องทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มและอัลฟ่าผมสีเพลิงหันไปมองที่ประตูห้องซึ่งถูกเปิดเข้ามาด้วยแรงที่ไม่เบานักจากน้ำหนักมือของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์
“ฉลาดเหมือนกันนี่ที่รู้ว่าฉันอยู่กับรีส..” แมดส์ ไทเลอร์ เป็นฝ่ายเปิดปากยียวนแฝดน้องอย่างไม่นึกเกรงกลัวว่าจะโดนพุ่งเข้าใส่อีกรอบ หรือต่อให้จะโดนมีดจอคออีกรอบในครั้งนี้ก็อย่าหวังเลยดีกว่าว่าแมดส์จะออมมือให้กับเชส
“จะเอายังไงก็ว่ามา”
รีสได้แต่ฟังทรูอัลฟ่าฝาแฝดสนทนากันอย่างเงียบๆ อย่างไม่คิดจะเข้าไปแทรกบทสนทนา
เพราะดูท่าทางแล้วเชส ไทเลอร์ เองก็คงโมโหเอาเรื่องอยู่เช่นกันในตอนนี้
“ใจร้อนอะไรขนาดนั้น” แต่แมดส์ ไทเลอร์ ก็ยังคงเล่นไม่เลิกจนทำให้หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์นั้นหน้าตึงขึ้นมากกว่าเดิม
“....”
“อันที่จริงคนทำผิดกฎนี่สมควรได้โอกาสด้วยหรือ?”
“....”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นหัวหน้าหน่วยหรือเพราะไม่ใช่พี่มีชายช่วยหนุนหลัง ความรักงี่เง่าของนายมันก็ไม่มีทางเป็นไปไม่ได้”
“มันไม่มีความยุติธรรมที่ไหนหรอกแมดส์”
“งั้นก็โชคดีแล้วล่ะที่พี่ชายคนนี้รักความยุติธรรมมากๆ”
“....”
“มากเสียจนอดไม่ได้ที่จะต้องจัดการอะไรให้มันถูกต้อง”
“อย่าสอดเรื่องของฉัน”
“ให้สอดเรื่องคนของนายฉันก็ทำได้นะเชส”
“ปัญหามันจบไปนานแล้ว นายเองก็ควรจะจบเสียที” แฝดน้องอดไม่ไหวที่จะต้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
“ให้ฉันลองใช้คนร่วมกับนายดูสิ เผื่อมันจะเป็นทางออก”
“อยากตายใช่ไหม..”
“ถ้าได้ลองลากเลสลีย์ลงนรกกับฉันสักครั้งก็น่าสนใจไม่หยอก”
รีส เบลเลอมอนท์ เกียจคร้านเกินกว่าที่จะลุกขึ้นห้ามฝาแฝดที่กำลังต่อล้อต่อเถียงไม่รู้จักจบจักสิ้น
ฝ่ายหนึ่งก็ชอบจี้ประเด็นแทงใจ ส่วนอีกฝ่ายก็ยุขึ้นเสียเหลือเกินพอเป็นเรื่องแอชเชอร์
“อย่าให้ฉันต้องหมดความอดทน..” เชสเอ่ย
“เท่าที่เห็นก็ดูนายจะอดทนไม่ได้อยู่แล้วนี่เชส” แฝดพี่ตบเข้าที่อกของน้องชายหนักๆ พลางเอ่ยประโยคที่ทำให้เชสนั้นกัดฟันกรอด “จะข่มได้สักเท่าไหร่กันเชียว”
“พอกันทั้งคู่นั่นล่ะ” เบลเลอมอนท์เอ่ยขึ้นก่อนจะลุกขึ้นมาแยกแฝดทั้งคู่ออกจากกัน ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ทำให้เชส ไทเลอร์ นั้นหัวเสียไม่น้อย “ประเด็นมันอยู่ที่นายเกลียดเลสลีย์มากกว่านะแมดส์”
“จะให้ฉันยอมรับได้ยังไงกัน คนแดนเหนือมันเปลี่ยนมาเป็นคนแดนใต้กันได้ง่ายเสียขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“แมดส์..” รีสเอ่ยชื่อของแฝดคนพี่เสียงเข้ม
“มันยอมรับยากว่ะเชส”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง” หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์เอ่ยถามแฝดพี่ที่เอาแต่มองหน้าตัวเองด้วยสายตาว่างเปล่า
“ได้ข่าวว่าอีกไม่กี่อาทิตย์เดอะฮิลล์จะมีการฝึกประจำหน่วย..” และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เชส ไทเลอร์ ได้เห็นรอยยิ้มร้ายกาจของแมดส์ ไทเลอร์ ค่อยๆเผยออกมายามที่เจ้าตัวนั้นพูด “ทำไมไม่ลองเอาอัลฟ่านั่นลงไปร่วมฝึกด้วยล่ะเชส..”
“....”
“ถ้าอัลฟ่านั่นเอาชนะฉันได้ ฉันจะยอมรับ แบบนี้มันน่าสนใจพอไหม”
เชส ไทเลอร์ สบตากับแฝดพี่นิ่งในขณะที่ฝ่ามือหนากำเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ทางด้านเบลเลอมอนท์เองก็ได้แต่มองเชสอย่างประเมินว่าเจ้าตัวตกหลุมพรางแมดส์ ไทเลอร์หรือเปล่า ซึ่งมันก็เป็นตามคาดของรีสอีกเช่นกัน
“ทำไมฉันต้องทำตามข้อเสนอที่เห็นอยู่ชัดๆว่านายได้เปรียบกัน”
“ก็ลองคิดดูว่ามันคุ้มไหม”
แน่นอนว่ามันแทบไม่มีความคุ้มค่าอะไรเลยด้วยซ้ำที่เชส ไทเลอร์ จะยอมส่งแอชเชอร์ให้ไปเผชิญหน้ากับแมดส์ เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหนหรือมองยังไงก็ไม่มีทางที่แอชเชอร์จะเอาชนะคนอย่างแมดส์ได้หากหมอนี่เอาจริงขึ้นมา
“อันที่จริงมันควรเป็นฉันกับนายมากกว่าหรือเปล่าแมดส์”
“ไม่เข็ดหรือ?” แมดส์เลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อน้องชายของตัวเองเอ่ยออกมาแบบนั้น “ครั้งที่แล้วเราอาจจะเสมอกัน แต่ฉันคิดว่าครั้งนี้มันคงไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้”
“ใครจะรู้ บางทีฉันอาจจะชนะนายก็ได้”
“มั่นใจขนาดนั้นเชียว”
“แล้วนายมั่นใจได้ยังไงว่าจะเอาชนะฉันได้”
คงเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยากสำหรับคนที่ตัดสินใจว่าฝ่ายไหนจะแพ้ฝ่ายไหนจะชนะเช่นกัน เพราะทั้งเชสและแมดส์ต่างก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยสักนิด ทักษะการต่อสู้ที่ใกล้เคียงนั้นไม่ใช่ว่ารีสไม่เคยเห็น แต่เพราะตัวเขาไม่เคยเห็นแมดส์สู้มานานมากแล้วต่างหาก
“ถ้าฉันชนะนายต้องส่งเลสลีย์กลับแดนเหนือ แต่ถ้าฉันแพ้ฉันจะไม่ขวางอะไรพวกนายสองคน”
“ขอโทษ..” เชสเอ่ยออกมาสั้นๆ “นายต้องขอโทษแอชเชอร์ด้วย”
“ข้อแลกเปลี่ยนหนึ่งต่อหนึ่ง มันไม่มากไปหน่อยหรือถ้าจะเพิ่มเป็นสอง” แมดส์เอ่ยอย่างไม่คิดจะยอมรับข้อตกลงที่เชสเพิ่มขึ้นมา
“ย่อมได้..”
“ฉันไม่ออมมือให้นายหรอกนะเชส”
“อย่าตุกติกให้ฉันต้องพลั้งมือ”
แน่นอนว่าเชส ไทเลอร์ ไม่ได้ขู่แมดส์เพียงแค่คำพูดลอยๆ เพราะหากถึงวินาทีนั้นจริงๆ เขาเองก็ไม่อาจห้ามตัวเองให้พลั้งมือได้ แม้จะต้องทำด้วยวิถีทางใดก็ตาม
“ภาวนาให้ฉันไม่พลั้งมือเล่นกับคนของนายแรงๆก่อนจะถึงวันชิงธงจะดีกว่า”
ทั้งวันนี้หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์นั้นแทบจะไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ใบหน้าคมที่เอาแต่ตีสีหน้าเรียบนิ่งและดูหงุดหงิดอยู่ตลอด ขนาดคนสนิทอย่างโจชัวและลูฟเองก็ยังไม่ได้เข้าไปพูดคุยด้วยเสียเท่าไหร่
อันที่จริงต้องเรียกว่าทั้งโจชัวและลูฟนั้นยังปะติปะต่อเรื่องราวได้ไม่ถูกก็คงจะว่าได้ ใครจะคิดกันว่าวันหนึ่งพวกเขาจะได้เห็นใครอีกคนที่มีใบหน้าเหมือนหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์โผล่มาที่นี่
และนั่นก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เชส ไทเลอร์อารมณ์เสียไปแทบทั้งวัน และที่ระบายความโกรธของหัวหน้าหน่วยก็คงไม่พ้นการที่เจ้าตัวนั้นลงมาฝึกคนในหน่วยด้วยตัวเอง เรียกได้ว่าร้อนๆหนาวๆกันไปทั้งหน่วยในยามที่เห็นทรูอัลฟ่าหนุ่มนั้นฝึก
เสื้อที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อจนแนบไปกับร่างกายถูกถอดออกขึ้นมาพาดที่บ่ากว้าง กล้ามเนื้อของร่างกายช่วงบนนั้นขึ้นชัดขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้ใช้กำลัง เหมือนจะช่วยให้หายหงุดหงิด แต่เชส ไทเลอร์ ยังคงไม่สามารถทิ้งความหงุดหงิดนั่นได้เมื่อสายตาของเจ้าตัวปะทะเข้ากับสายตาของแมดส์ ไทเลอร์ ที่มองลงมาจากด้านบนซึ่งสามารถเห็นลานฝึกข้างหน้าของหน่วยได้
“เหมือนกันจนไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ” ลูฟที่มองตามสายตาเชสขึ้นไปเอ่ย ก่อนที่เจ้าตัวจะถอดเสื้อที่ชุ่มไปทั้งตัวพาดบ่าเหมือนกับเพื่อนสนิทของตัวเอง
“ฉันกลับละ..” เชสละสายตาจากแฝดพี่ของตัวเองก่อนจะหันมาตบไหล่ของลูฟเบาๆแล้วแยกตัวเดินออกไปอีกทางเพื่อกลับไปยังบ้านพัก ซึ่งลูฟนั้นก็ได้แต่มองตามหลังเพื่อนที่ท่าทางแปลกไปไม่น้อยด้วยความสงสัย
หรือว่ามันจะเกี่ยวกับการที่เชส ไทเลอร์ ให้เขาคอยจับตาดูแอชเชอร์ในช่วงนี้กัน.. อย่างเช่นเมื่อเช้าก็เป็นอัลฟ่าตัวสูงที่ถูกเรียกให้ไปอยู่เป็นเพื่อนกับอัลฟ่าตัวขาว ก่อนที่ต่อมาเอริคนั้นจะเข้ามารับช่วงต่อดูอาการของแอชเชอร์ต่อ
ลูฟจะไม่พูดถึงร่องรอยแดงตามร่างกายของแอชเชอร์ก็แล้วกัน เพราะนั่นก็คงเป็นเรื่องส่วนตัวของทั้งสองคน
หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์เดินครุ่นคิดอะไรหลายๆอย่างจนรู้ตัวอีกทีเจ้าตัวก็เดินมาถึงบ้านพักของตัวเอง แน่นอนว่าภายในบ้านนั้นมีคนตัวขาวที่ยังคงนั่งเล่นกับเกรย์วูล์ฟตัวเล็กที่พอจะเดินได้คล่องตัวมากขึ้นจนสามารถวิ่งชนนั่นชนนี่ให้ได้ไล่ตามจับ
รอยยิ้มของแอชเชอร์กับเสียงหัวเราะยามที่เจ้าตัวหยอกล้อกับเซเบอร์และร็อคกี้ที่เฝ้าอยู่ไม่ห่างคงเป็นภาพที่น่ามองจนทำให้เชสลืมเรื่องในหัวที่กำลังขบคิดไปได้ชั่วขณะหนึ่ง
“กลับมาแล้วหรือ” คนตัวขาวที่หันมาเจอกับทรูอัลฟ่าเอ่ยทัก ก่อนจะเบือนสายตากลับไปที่สัตว์สี่ขาแทนร่างกายของไทเลอร์ที่เปลือยด้านบน
“อืม..” เชสตอบรับเพียงสั้นๆ ก่อนจะเดินไปโยนเสื้อไว้ในตะกร้าผ้าสำหรับเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว “แล้วนี่ริคกลับไปตั้งแต่ตอนไหน”
“ก่อนที่นายจะกลับครู่เดียวเอง” แอชเชอร์ตอบก่อนจะย่นจมูกน้อยๆ เมื่อเชสทิ้งตัวลงนั่งข้างๆตัวเองทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ “เหงื่อออกขนาดนี้ นายน่าจะไปอาบน้ำเสียก่อนนะเชส”
“อยากคุยกับนายก่อน..”
“คุยอะไร..” ใบหน้าที่เคร่งเครียดของเชส ไทเลอร์ ทำให้แอชเชอร์อดกังวลไปด้วยไม่ได้ว่าเจ้าตัวนั้นมีเรื่องลำบากใจอะไร
“อีกไม่กี่อาทิตย์ที่หน่วยของเราจะต้องมีการชิงธง นายจำได้ไหม”
“ที่นายออกไปครั้งที่แล้วกับลูฟน่ะหรือ” แอชเชอร์จำได้ดี เพราะนั่นเป็นช่วงแรกๆที่เขาเข้ามาที่เดอะฮิลล์ ถ้าจำไม่ผิดช่วงนั้นเป็นช่วงที่ฝนตกอยู่แทบทุกวัน
“ฉันรับข้อเสนอของแมดส์มาแล้ว..”
“ข้อเสนออะไรของนาย”
“ถ้าฉันชนะ แมดส์จะไม่มายุ่งเกี่ยวกับเรา แต่ถ้าฉันแพ้ นายจะต้องกลับแดนเหนือ”
“นายบ้าไปแล้วหรือไงเชส! ก็ในเมื่อนายเป็นคนบอกฉันเองว่าพี่ชายนายเป็น….”
“ฉันไม่มีทางเลือก”
“มันไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้แล้วหรือเชส ฉันไม่เห็นด้วยเลยสักนิดที่นายยอมตกลงกับแมดส์ไปแบบนั้น” แอชเชอร์ขมวดคิ้วแน่นอย่างห้ามไม่ได้ ทั้งแววตาและคำพูดของไทเลอร์นั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่เจ้าตัวจะยอมเปลี่ยนใจ
“มันก็แค่หมาบ้าตัวนึง”
หมาบ้ามันกัดไม่เลือกนั่นคือสิ่งที่เชส ไทเลอร์ รู้ดี
“ฉันไม่ขำด้วยหรอกนะ” ยิ่งเห็นว่าไทเลอร์ยังคงนิ่งทั้งที่ตัวเองร้อนใจแทบแย่ แอชเชอร์ก็แทบอยากจะทุบทรูอัลฟ่าตรงหน้าเข้าให้แรงๆ
“เชื่อฉันอีกสักครั้งเถอะแอช… คนอย่างแมดส์คือคนที่เราควรเผชิญหน้าไม่ใช่หนี” แขนแข็งแรงเท้าคร่อมทับกักตัวอดีตอัลฟ่าแดนเหนือที่อยู่ข้างกายก่อนจะโน้มใบหน้าหล่อลงมาคลอเคลียใกล้กับใบหน้างดงามเสียจนเห็นผิวเนียนละเอียดบนใบหน้าของแอชเชอร์ สายตาคมที่อ่อนลงนั้นสบเข้ากับตาใสด้วยความสัตย์จริงจนคนถูกมองนั้นรับรู้ทุกอย่างเป็นอย่างดีผ่านสายตาคู่คม
“แต่หมอนนั่นมัน…”
“ฉันไม่มีทางแพ้หรอกคนดี”
TALK : ทีมแมดส์ หรือ ทีมเชส ใครจะชนะคะ ? ยังไม่ได้ตรวจคำผิดนะคะ รีบมาลงก่อนเพราะกลัวไปทำงานเจอร์แล้วกลับมาดึก แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ามาแก้คำผิดให้ค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in