เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
YOUNG MASTER #MINNOninezexsky
1







  • Note : เอริค = โดยอง, ลูอิส (ลูฟ) = ลูคัส, โจชัว = มาร์ค, อาเธอร์ = แจฮยอน, ริโอ = จอห์นนี่ 




    กลิ่นไม้สนดิบชื้น อบอวล ผสมปนเปกับกลิ่นไอแดด สีสันหลากสีของการมีชีวิตคงจะเป็นนิยามที่ขยายความคำว่าแดนใต้ 






    "นายว่าคนพวกนั้นอยู่ที่นั่นเข้าไปได้ยังไงกันเชส ขนาดพวกเราเข้าไปแค่ไม่เท่าไหร่ ยังหนาวจนเข้ากระดูกดำขนาดนี้"  เจ้าของส่วนสูงชะลูดถอดเสื้อคลุมตัวหนาออก แล้วโยนทิ้งไว้ที่ที่พนักเก้าอี้ที่อยู่ภายในบ้าน หลังจากที่จัดการพาคนประหลาดไปโยนทิ้งส่งไว้ในห้องของตัวเองอย่างลวกๆ 


    "ก่อนจะสงสัยเรื่องนี้ นายควรไปตามเอริคดีกว่าไหมลูฟ หรือจะปล่อยให้หมอนั่นตายก่อน" เชสโบกมือไล่เพื่อนสนิทที่ทำหน้าตาน่าสงสัย พลางชะเง้อชะแง้มองไปทางห้องของตัวเอง 


    "จริงด้วย! เกือบลืม งั้นเดี๋ยวมา" พูดจบเจ้าเพื่อนตัวยักษ์นั่น ก็รีบวิ่งกุลีกุจอหน้าตาตื่นออกไปจากบ้าน เพื่อไปตามเอริค ซึ่งเป็นหมอฝีมือดีในเขตนี้


    หลังจากเสียงตึงตังลับหายไป เจ้าของบ้านตัวจริงถึงได้เดินไปชำระล้างคราบเลือดเลอะตามร่างกายของตัวเองออก เลือดสีสดที่มาจากทั้งคนบาดเจ็บและเลือดของหมาป่าตัวใหญ่ที่เชส ลงมือฆ่ามันด้วยตัวเอง เมื่อนึกย้อนกลับไปการกระทำพวกนี้ก็ดูเสี่ยงต่อการเป็นปรปักษ์กับทางแดนเหนือไม่น้อย แต่จากการตัดสินใจที่คิดอย่างถี่ถ้วนในช่วงเวลาน้อยนิดนั้น เชสก็คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นไม่ผิด และมันก็เป็นสิ่งที่เขาทำได้อย่างถูุกต้อง ต่อให้แบล็คฟอเรสต์จะเป็นเขตแดนกั้นระหว่างสองดินแดง แต่ครึ่งนึงของป่านั่นก็คือฝั่งการปกครองของแดนใต้ นั้นมีหน่วยเฝ้าระวังประจำการอยู่อย่าง เดอะฮิลล์  และเชสเองก็คือหนึ่งในคนที่ทำงานอยู่ที่นี่ 


    เชสไม่อยากจะคิดสภาพของคนที่บาดเจ็บเลยสักนิด หากไปช้าอีกสักนิด หมอนั่นคงได้ถูุกขย้ำ แยกส่วนออกจากกันเป็นชิ้นๆ เพราะเขี้ยวคมของหมาป่าตัวใหญ่  ใครจะคิดว่าในวันที่สภาพอากาศหนาวเหน็บจะมีเรื่องโหดร้ายพวกนี้เกิดขึ้น  แดนเหนือที่ยกตัวเองเหนือกว่าแดนใต้ ถ้อยคำดูถูก และกล่าวหาต่างๆนานาว่าพวกเขาคือคนเถื่อนนั้นมันไร้สาระ  


    หากเช่นนั้นการฆ่าคนในแบล็คฟอเรสต์ มันก็ไม่ต่างจากการฆ่าปิดปาก? ใครกันแน่ที่โหดร้ายและป่าเถื่อน ไม่ใช่คนพวกนั้นหรอกหรือ? ถ้าตาของเชสไม่ได้ฝาด สิ่งที่อยู่ในมือของคนฝั่งนั้นซึ่งเจ้าตัวกระชากมันออกมาจากแถวแถบหน้าอกของคนที่บาดเจ็บมันคือเข็มกลัดที่แสดงตำแหน่งบางอย่างในแดนเหนือ แต่ใครจะรู้ว่ามันคืออะไร? เชสเองก็ไม่ใช่คนที่ใฝ่รู้ในเรื่องของแดนนั้นสักเท่าไหร่ จะให้รอบรู้ไปเสียทุกเรื่องก็คงเป็นไปไม่ได้


    เชสจัดการคราบเลือดทั้งหมดให้เรียบร้อน ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาอยู่ในชุดที่พร้อมจะออกไปทำงาน แว่วเสียงเปิดประตูกับเสียงพูดคุยของลูฟกับเอริคที่ลอยเข้ามาในหู พอจับใจความได้ว่าเอริคกำลังบ่นลูฟเรื่องเดิมๆ อย่างเช่น การโวยวายที่เกินเรื่องของลูฟ อีหรอบนี้ก็คงไม่พ้นได้ไปพูุดอะไรแปลกๆ ให้เอริคหัวเสียแน่นอน 


    "ดูนายจะตื่นเต้นกับการที่ได้เจอคนแดนเหนือมากนะลูฟ..." เอริคเอ่ยเสียงเรียบขณะที่เดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง ตากลมดุของหมอหนุ่มเหลือบมองเชสซึ่งยืนอยู่ที่กรอบประตูุห้อง ด้วยสายตาที่ทำให้เชสรู้สึกร้อนๆหนาวๆ พนันได้เลยว่าหลังจากที่เอริครักษาคนบาดเจ็บเสร็จ เชสคงได้โดนหมอหนุ่มซักถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนหมดเปลือกแน่นอน


    "แล้วนายไม่ตื่นเต้นหรือไงริค"  เจ้าตัวยักษ์ยังคงเอ่ยปากถาม โดยเลือกมองข้ามสายตาเอือมระอาของรุ่นพี่ตรงหน้าเสียอย่างนั้น 


    "งั้นก็ช่วยไปตื่นเต้นข้างนอกก็แล้วกัน ฉันจะรักษาเขา" 


    คำไล่กลายๆทำให้หนึ่งในเจ้าหน้าที่ของเดอะฮิลล์ ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วล่าถอยออกมาแต่โดยดี แม้จะเสียดายอยู่นิดหน่อยก็ตาม 


    "นายด้วยเชส..." 


    ก็ไม่ได้อยากรู้อะไรเท่าไหร่นักหรอก ที่มาดูก็แค่....


    "ถ้างั้นก็วานนายช่วยจัดการเตียงให้ฉันใหม่ด้วยแล้วกันนะริค" พูดจบเจ้าตัวก็แสยะยิ้มกวนใส่รุ่นพี่ตาดุ แล้วเดินผิวปากกอดคอเพื่อนตัวยักษ์ออกมา  ที่ยืนมองก็เพราะกะว่าจะทำความสะอาดเตียงของตัวเองที่เลอะคราบเลือดนั่นก็เท่านั้น ไม่ได้อยากจะดูการรักษาอะไรนั่นเลยสักนิด แค่ในการต่อสู้เชสเองก็เห็นความเป็นความตายมามากพอจนสะอิดสะเอียน


    "กวนประสาท" 


    เชสจะถือว่าเป็นคำชมจากเอริคแล้วกัน... 








    "นายว่าหมอนั่นคือใคร?" 


    คำถามจากปากของลูฟทำให้เชสที่กำลังเดินอยู่หันมาเหลือบมองเพื่อนสนิทของตัวเองเล็กน้อย ใบหน้าหล่อคมยังคงวายเรียบเฉยราวกับไม่มีท่าทีตื่นเต้นกับความสงสัยที่ยังไม่เคลือบคลาย 


    "ก็คนแดนเหนือ.." คำตอบจากปากเชสเล่นเอาลูฟยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ ไม่น่าไปคาดหวังคำตอบจากหมอนี่เลยจริงๆ 


    "แต่ก็ดูเป็นคนแดนเหนือที่ไม่ธรรมดา.." ลูฟพยักหน้าให้กับตัวเอง พลางคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ทั้งคู่เผชิญหน้าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน  วันนี้เป็นวันที่ทั้งลูุฟและเชสต้องออกไปตรวจในแบล็คฟอเรสต์ตามปกติ แม้จะหิมะที่ตกหนัก แต่มันก็เลือกไม่ได้ที่จะต้องเข้าไป อากาศหนาวเย็นพวกนั้นคือสิ่งที่คนทางฝั่งแดนใต้ไม่คุ้นชิน ขนาดลูฟที่มาใช้ชีวิตอยู่แถบนี้อยู่หลายปีก็ยังไม่คุ้นชิน 


    อากาศในเดอะฮิลล์ถึงแม้จะเย็นชื้น แต่ก็ไม่ได้หนาวเย็นขนาดแดนเหนือ ที่เต็มไปด้วยหิมะแทบจะตลอดทั้งปี พวกเขาคุ้นชินกับการมีชีวิต ชินกับความอบอุ่นจากแสงแดด และนั่นก็ทำให้ไม่แปลกที่เราจะมีผิวสีคร้ามแดดแตกต่างจากคนฝั่งนั้นที่เรียกได้ว่าขาวซีดจนน่ากลัว 


    คนเจ็บที่นอนอยู่ในบ้านของเชส นั่นก็เป็นตัวอย่างลักษณะของคนแดนเหนือได้อย่างชัดเจน ทั้งใบหน้าที่ติดจะเย่อหยิ่งและถือดี ไหนจะผิวขาวละเอียดแบบพวกไม่เคยถูกแสงแดด ลูฟยังจำดวงตาของหมอนั่นได้ที่มองพวกเขายามที่เข้าไปช่วย  สายตาที่ไม่แม้แต่จะอ้อนวอนขอความช่วยเหลือมันถือดีจนน่าปล่อยให้ตายคาอุ้งเท้าหมาป่าพวกนั้น 


    "นายก็เห็นว่านั่นมันเซบาสเตียน คิดว่าคนอย่างหมอนั่นจะเสียเวลามาฆ่าคนด้วยตัวเองทำไม ทั้งๆที่มีลูกน้องตั้งเยอะตั้งแยะ" 


    "นายกำลังทำให้ฉันคิดว่าการช่วยหมอนั่นมันเป็นเรื่องผิดนะลูฟ..." เชสเอ่ย 


    "นายรู้อยู่แก่ใจดีเชส คนฉลาดอย่างนายคงไม่ได้คิดอะไรแค่ตื้นๆ หรอกจริงไหม?" 


    แม้เชสจะไม่ค่อยชอบความขี้สงสัยที่เก็บไม่มิดของลูฟ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหมอนี่มันเป็นเพื่อนที่รู้จักตัวตนของเชสดีเสียจนน่ากลัว 


    "ก็แค่อัลฟ่าที่บาดเจ็บ" 


    คำพูุดของเชส มันไม่น่าเชื่อเท่ารอยยิ้มมุมปากที่กำลังยกยิ้มร้ายนั่นสักนิด เชื่อเถอะว่าหมอนี่ต้องมีความคิดอะไรแปลกๆ ไว้ในหัวแล้วแน่ๆ น่าสงสารก็เสียแต่อัลฟ่าแดนเหนือนั่นที่ต้องเผชิญหน้า 


    ระหว่างทางที่ทั้งสองก้าวเดินนั้นเต็มไปด้วยคนของเดอะฮิลล์ที่กำลังขะมักเขม้นในการทำงาน ยามเมื่อทั้งคู่เดินผ่านต่างก็พร้อมใจกันก้มให้เล็กน้อยด้วยความเคารพ ซึ่งมันก็เป็นการกระทำที่ทั้งเชสและลูุฟคุ้นเคยจนเรียกได้ว่าชินชา ถ้าจะพูดให้ถูกแล้วตำแหน่งสูงสุดที่ควบคุมเดอะฮิลล์ก็คือเชส



    "โจชัว นายส่งคนไปลาดตระเวนแถบเขตติดต่อเพิ่มขึ้นอีก.. ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้รีบมาแจ้งฉัน" เชสออกคำสั่งกับคนสนิทฝีมือดี ยามเข้ามาถึงห้องทำงานในเดอะฮิลล์ 


    "เกิดอะไรขึ้น?" โจชัวย้อนถามด้วยความสงสัย 


    "เชสช่วยคนแดนเหนือมา.." 


    "พระเจ้า! พวกนั้นทำแบบนี้อีกแล้วเหรอ" โจชัวถึงกับยกมือกุมขมับตัวเอง 


    "นายควรจะชินกับจิตใจของคนพวกนั้นได้แล้วล่ะโจชัว อีกอย่างแบล็คฟอเรสต์ก็เหมือนจะกลายเป็นสุสานเข้าไปทุกที" ลูฟพูดเสริมก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ไม้สลักสวย พลางรินของเหลวสีเข้มใส่แก้วแล้วยื่นให้เชส ก่อนจะรินใส่แก้วให้กับตัวเอง


    "ให้ตายสิ นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ควรชินเลยสักนิด" โจชัวบ่นอย่างหัวเสีย ก่อนจะเดินออกไปด้านนอกห้องเพื่อสั่งการ


    "เชื่อฉันเถอะเชส ไม่เกินสามวัน พวกนั้นได้มาตามตัวหมอนั่นจากเราแน่ๆ" ลูฟออกความคิดเห็นออกมาอีกครั้ง 


    "นายคิดแบบนั้นเหรอ?" เชสเลิกคิ้วถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในขณะที่มือหนายังคงหมุนไวน์ในแก้วเล่น 


    "เมื่อไหร่นายจะเลิกเอาคำถามฉัน มาย้อนเป็นคำตอบของนายสักที.." ลูฟอดบ่นไม่ได้ 


    "แต่ฉันว่าไม่.." คนที่มีอำนาจสูงสุดในเดอะฮิลล์ตอบอย่างไม่คิดอะไรมาก จากการประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มันมีความเป็นไปได้ยากที่ฝั่งแดนเหนือจะเข้ามาวุ่นวายกับแดนใต้ มันอาจจะเป็นปัญหาภายในหรือปัญาหาเพียงเล็กน้อย ใครกันจะไปรู้  "นายว่าจะมีสักกี่คนกันที่ติดเข็มกลัดที่หน้าอกนั่น.." 


    เชสย้อนถามเพื่อนตัวยักษ์อีกครั้งก่อนจะกระดกของเหลวในแก้วช้าๆ เพื่อลิ้มรสความนุ่มของไวน์ชั้นดีในแก้ว 


    "เข็มกลัด?" 


    "นายต้องรู้จักสังเกตบ้างนะลูฟ" 


    "ใครมันจะหูตาไวเหมือนนายวะเชส คนที่เก็บรายละเอียดยิบย่อยได้แบบนายที่จริงไม่น่ามาอยู่ที่นี่เลยด้วยซ้ำ" 


    "ฉันกลัวนายเหงาไง" พูดจบเชสก็ระเบิดหัวเราะออกมา เมื่อเห็นใบหน้าบูดเบี้ยวของเพื่อนที่คงสยองคำพูดของตัวเองไม่น้อย 


    "หยุดพูดจาน่าขนลุกเถอะเชส!" 


    เมื่อได้กวนประสาทเพื่อนจนพอใจ เชสก็ลุกขึ้นเดินออกไปยังบริเวณระเบียงห้องที่หันเข้าหาชายป่าของแบล็คฟอเรสต์ ความหม่นหมองของป่าในทางฝั่งแดนใต้ยังคงฉายชัดกว่าอีกทางด้านนึงของป่าที่เต็มไปด้วยหิมะปกคลุม นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนทอดมองความมืดหม่นที่ไกลจนสุดลูกหูลูกตานั้นด้วยความรู้สึกว่างเปล่า 


    มันก็คงจะจริงอย่างลูฟพูด.. แบล็คฟอเรสต์มันไม่ต่างจากสุสาน 


    สุสานขนาดใหญ่ที่มีพวกเขาคอยเฝ้า.. ถ้าโชคดีก็อาจจะได้รับความช่วยเหลือ แต่ถ้าหากโชคร้ายก็คงจะกลายเป็นแค่โครงกระดูกเพียงเท่านั้น 


    "คนอย่างแกจะมีกี่เหตุผลที่ต้องลงมือฆ่ากัน เซบาสเตียน.."












    ความเจ็บปวดแทรกซึมเข้ามาในความรู้สึกของแอชเชอร์ทันที ที่เจ้าตัวลืมตาตื่น เพียงแค่ขยับตัวเล็กน้อยก็พาลรู้สึกรวดร้าวไปทั้งตัวเสียจนต้องขบกรามแน่น ใบหน้าที่เคยดูดีเพราะเลือดฝาดในตอนนี้กลับซีดเซียวตามสภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง เครื่องหน้าที่ลงตัวนั้นคงยังมีร่องรอยของบาดแผลที่เกิดจากการต่อสู้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความดูดีของอีกฝ่ายลดลงเสียจนดูไม่ได้ 


    ดวงตาสีดำสนิทกวาดมองรอบๆ ตัวก่อนจะตั้งสติของตัวเองช้าๆ  ภาพของสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ซ้ำยังแปลกตาอย่างไม่น่าเชื่อ เครื่องเรือนหลายๆอย่างแม้จะไม่ได้ทำจากทอง หรือ วัสดุชั้นดี กลับสวยงามอย่างน่าประหลาดด้วยลวดลายของเนื้อไม้ และการสลัก ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นตัวบ่งบอกชั้นดีว่าเขาเองไม่ได้อยู่ที่แดนเหนืออีกต่อไป 


    ไหนจะกลิ่นที่ไม่คุ้นเคยที่ติดอยู่ในห้องนี้ 


    อุณหภูมิที่ผิดแปลกจากปกติ ไหนจะสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้ใกล้เคียงกับบ้านเกิด รวมไปถึงกลิ่นอัลฟ่าเฉกเช่นเดียวกับร่างโปร่ง อย่างกลิ่น กลิ่นไม้สนซีดาร์ในฤดูหนาว  


    "ฟื้นสักทีนะ..." เสียงทุ้มต่ำดึงสติของอัลฟ่าหนุ่มให้กลับมาสนใจที่บริเวณประตูห้อง แสงจากด้านนอกที่ย้อนเข้ามาภายในห้องทำให้แอชเชอร์เห็นอีกฝ่ายเพียงแค่เงา แต่กลับไม่เห็นหน้าจนอีกฝ่ายขยับขาก้าวเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับปิดประตู จึงทำให้แอชเชอร์ได้เห็นใบหน้าดุคมตามแบบที่สังเกตได้ง่ายของพวกอัลฟ่า 


    ปฏิกิริยาที่ตอบสนองต่อสิ่งรอบตัวที่ไม่น่าไว้ใจทำให้แอชเชอร์ขยับตัวลุกขึ้นเร็วๆ จนกลายเป็นว่าตัวเองที่เจ็บจากการขยับตัวกะทันหัน


    น้อยครั้งที่แอชเชอร์จะรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกข่ม.. แค่กลิ่นไม้สนซีดาร์กับท่าทางของอัลฟ่าตรงหน้า มันกลับทำให้แอชเชอร์รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่อันตราย 


    เป็นความอันตรายที่ยากจะคาดเดา...


    "ที่นี่คือแดนใต้?" แอชเชอร์เลือกที่จะเมินคำพูดก่อนหน้า แล้วถามในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ ซึ่งนั่นก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการกระทำที่ผิดพอสมควร 


    "ถ้าเป็นแดนเหนือ นายคงตายไปแล้ว.."  อัลฟ่าหน้าตาเจ้าเล่ห์ตอบกลับ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง พลางพิจารณาอัลฟ่าตัวขาวซีดตรงหน้าช้าๆ "อีกอย่างที่นี่คือเดอะฮิลล์ ถ้าอยากรู้ว่าแดนใต้จริงๆเป็นยังไง นายคงต้องเดินทางลงใต้ไปอีกสักเกือบร้อยไมล์ ไหวไหมล่ะ?" 


    "หมายถึงเดอะฮิลล์ ที่ติดกับแบล็คฟอเรสต์ใช่ไหม" อัลฟ่าจากแดนเหนือยังคงเอ่ยถามด้วยความไม่รู้ พลางขบคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นจนแสดงออกชัดทางสีหน้า 


    "หรือจะเป็นเดอะฮิลล์ทางตะวันตกดีล่ะ.." 


    "ฉันถามดีๆ ทำไมนายต้องมากวนประสาท" นัยน์ตาคู่สวยของอัลฟ่าแดนเหนือเริ่มจะขุ่นเคืองขึ้นมานิดๆ เมื่อโดนกวนประสาทจนน่ารำคาญ 


    "ฉันก็แค่หยอกเล่นขำๆ" อัลฟ่าเจ้าเล่ห์ยกแขนขึ้นกอดอกหลวมๆ มิหนำซ้ำยังส่งยิ้มกวนๆมาให้คนที่นอนอยู่บนเตียง "ว่าแต่นายเถอะ.. ไปทำอะไรมา ถึงได้โดนตามไล่ฆ่าขนาดนั้น" 


    คนถูุกถามนิ่งเงียบไปสักพักจนเชสเกือบจะหมดความอดทน  แม้หัวหน้าของเดอะฮิลล์จะมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าอยู่เสมอๆ แต่ก็ใช่ว่าเจ้าตัวจะเป็นคนใจเย็นอะไร ตรงกันข้าม ใบหน้ายิ้มแย้มของเจ้าตัวต่างหากที่อันตราย ไหนจะคำพูดหว่านล้อมที่เกลี้ยกล่อมและล่อลวงหลายคนมานักต่อนัก 


    "กบฎ.." 


    "หื้ม?" 


    "ก็ตามที่พูด.. นายไม่เข้าใจอะไร" ใบหน้าถือดีแบบนี้มันน่าจับไปโยนทิ้งไว้ในแบล็คฟอเรสต์ให้รู้แล้วรู้รอด "ได้ยินแบบนี้แล้ว นายจะส่งฉันกลับไปไหมล่ะ" 


    "งั้นลองบอกเหตุผลที่ฉันต้องส่งนายกลับไปมาสักข้อสิ" 


    "นายจะเดือดร้อนถ้ามายุ่งกับฉัน.." 


    "เป็นเหตุผลที่ฟังดูน่าตื่นเต้นดี" 


    ประหลาดคน  คำนี้ิผุดขึ้นมาในหัวของแอชเชอร์อย่างไม่ต้องคิดไตร่ตรอง เมื่อได้ฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูด นอกจากจะไม่ตื่นเต้นแล้ว คนตรงหน้ายังแสดงสีหน้าที่ไม่ทุกข์ร้อนใดๆ คนแบบนี้มันประเภทไหนนะ 


    "นายหมายความว่ายังไง"


    "ฉันจะตอบก็ต่อเมื่อ นายยอมบอกชื่อของนาย..." 


    แค่คำถามง่ายๆ ก็กลับทำให้แอชเชอร์รู้สึกคิดหนัก เฮนริคมักจะบอกกับแอชเชอร์เสมอว่าไม่ควรแสดงตัวตนของตัวเองให้คนอื่นรู้ แม้จะในแดนเหนือหรือแดนใต้เอง 


    "นายคงไม่คิดที่กำลังจะโกหกฉันหรอกใช่ไหม" 


    คำโกหกที่ยังไม่ทันได้คิดถูกดักด้วยคำพูดของอีกฝ่ายเสียจนอัลฟ่าหนุ่มเมินหน้าหนี 


    "แอชเชอร์.." 


    ถ้าหากไม่ตกอยู่ในสภาวะที่ไร้หนทางแบบนี้ อย่าหวังเลยว่าคนอย่างแอชเชอร์จะยอมทำตามคำขู่ของใครง่ายๆ 


    "ตระกูล?" 


    "เลสลีย์" 


    "ที่แท้ก็พวกเลสลีย์..." คำที่หลุดออกจากปากของอัลฟ่ากลิ่นไม้สนตรงหน้า นั้นประชดประชันเสียจนคนฟังจ้องมองใบหน้าอีกฝ่ายนิ่งโดยไม่ยอมหลบตา 


    "เลสลีย์แล้วมันยังไง?" แอชเชอร์ถามเสียงขุ่น


    "เลสลีย์ก็คือเลสลีย์ ต้องให้ฉันพูดเหรอว่าเป็นยังไง" 


    "แล้วนายเป็นใคร แล้วทำไมถึงช่วยฉัน"


    "คนเก็บของป่า.." 


    "เก็บของป่าบ้าบออะไรของนาย เลิกกวนประสาทฉันสักที" 


    "มีแรงพูดขนาดนี้ แสดงว่าร่างกายแข็งแรงใช้ได้นี่" อัลฟ่าแดนใต้ออกนอกหัวข้อสนทนาอีกครั้ง ไม่สิ เรียกว่าตั้งใจกวนประสาทต่างหากถึงจะถูก


    "แล้วมันแปลกตรงไหนที่ร่างกายของอัลฟ่าอย่าง ฉันมันจะรักษาตัวได้เร็ว" 


    "อ่อ.. ฉันลืมบอกไป"


    "!!!"


    "นายหลับไปสองวันเต็มๆ" 


    เหมือนเชสจะได้ยินเสียงของไฟที่กำลังไหม้มาจากอัลฟ่าตัวขาว เพราะหลังจากที่เจ้าตัวพูดแบบนั้นออกไปใบหน้าหล่อของอัลฟ่าอวดดีนั่นก็พาลบิดเบี้ยวแถมยังแดงก่ำ 


    นับหนึ่งถึงสิบซะแอชเชอร์ อดทนเข้า.. ยังไงคนตรงหน้าก็ช่วยเหลือตัวเองไว้


    "สงสัยจะไม่ตลก.." เชสหัวเราะน้อยๆก่อนจะเปลี่ยนมานั่งหลังตรงแล้วพูดคุยกับอีกฝ่ายอย่างเป็นจริงเป็นจัง 


    "ความอดทนของคนเรามันมีขีดจำกัด เผื่อนายจะลืม..."


    "พวกแดนเหนือนี่เป็นแบบนายหมดเลยหรือเปล่า? เจอกี่ครั้งก็อีหรอบนี้ทุกที" 


    "แล้วพวกแดนใต้แบบนายกวนประสาทแบบนี้เหมือนกันใช่หรือเปล่าล่ะ?" 


    ช่างยอกย้อนสมเป็นเลสลีย์ 


    "แต่น่าเสียดาย ที่นายโอหังไม่เท่าพี่ชาย



    'ถ้านายน้อยรอด ก็จงจำไว้ว่าคุณชายจะต้องเป็นคนที่เสียสละ' 


    'แต่ฉันไม่คิดว่า ริโอจะกล้าทำอะไรพี่ชายฉันหรอกนะเซป..' 


    ประโยคสนทนาสุดท้ายที่เซบาสเตียนสนทนากับแอชเชอร์ ย้อนกลับเข้ามาในหัวของแอชเชอร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากนั่นไม่ใช่คำขู่ มันก็คงเป็นเรื่องจริงที่แสนตลกร้าย


    อึก 


    เชสสังเกตท่าทางของอัลฟ่าตัวขาว จนสรุปได้ว่าคำว่าพี่ชาย คงจะกระทบจิตใจของคนเจ็บไม่น้อย ถึงทำให้ใบหน้าดูดีนั่นบิดเบี้ยว สันกรามคมขึ้นนูนชัดเมื่ออีกฝ่ายขบกรามจนดังกรอดๆ ไหนจะฝ่ามือที่กำหมัดแน่นเข้าหากัน  


    ท่าทางถอดแบบไม่มีผิดจากพี่ขนาดนี้ ถึงแม้จะไม่ทั้งหมดแต่ก็คล้ายกันอย่างไม่ต้องแปลกใจ


    "อาเธอร์เป็นยังไงบ้างล่ะ นับๆ ดูแล้วฉันก็ไม่เห็นหน้าหมอนั่นมาเกือบจะสองปีได้แล้ว" 


    "ก็อาจจะดี หรือ ไม่ก็ตรงข้าม" 


    "อย่าบอกนะว่ากลายเป็นกบฏกันไปหมด.."  เชสเอ่ยด้วยน้ำเสียงชวนสงสัย "ถ้าให้เดาก็คงจะหนีไม่ต่างจากนาย" 


    "ไม่..." ตาคู่สวยของอัลฟ่าแดนเหนือทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะขยับปากพูดต่อ "ฉันไม่รู้.."


    "ประเด็นนี้คงทำให้นายสะเทือนใจ เอาเป็นว่าไว้นายโอเคขึ้นกว่านี้เราค่อยมาคุยกันอีกทีก็แล้วกัน" 


    "แล้วจะให้ฉันเรียกนายว่าอะไร"


    "โทษที  เกือบลืม" อัลฟ่ากลิ่นไม้สนหัวเราะในลำคอ "เชส ไทเลอร์ หัวหน้าหน่วยประจำเดอะฮิลล์" 


    "!!!"


    "ยินดีที่ได้รู้จัก แอชเชอร์ เลสลีย์" 








             'น่าเสียดายที่นายคงไม่มีวันได้กลับแดนเหนืออีก...'





    #youngmastermn 









    มาต่อกันพอแบบกรุบกริบเนอะ ที่วางพล๊อตไว้คร่าวๆน่าจะมีประมาณไม่เกิน 12 ตอน ยังไงก็ขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ จะพยายามอัพให้สม่ำเสมอที่สุดเท่าที่จะทำได้ อ่านคอมเมนต์ของเมื่อตอนก่อนแล้วรู้สึกขอบคุณมากๆเลย ยังไงก็ไว้เจอกันในตอนหน้าค่ะ ^^ 
    ปล. นายน้อย = แอชเชอร์ ส่วน คุณชาย = อาเธอร์ เรื่องนี้อิมเมจพี่น้องของแจฮยอนกับเจโน่ต้องมาแล้วค่ะ ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่านี้แล้ววินาทีนี้ 













     










Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in